ติดตาม ‘Spider-Man’ มาตั้งแต่เวอร์ชันแรก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีฮีโร่คนนี้อยู่ในจักรวาลอื่นๆ ด้วย แต่ ‘Spider-Man : Across the Spider-Verse’ ก็ทำให้เราได้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหนบนจักรวาลนี้ ก็สามารถเป็นฮีโร่แมงมุมได้ด้วยเหมือนกัน
พอได้เห็น Spider-Man ในภาพที่แตกต่างกันออกไปมากมายแล้วก็แอบนึกสงสัยว่า ถ้าหากมีไอ้แมงมุมในประเทศไทยของเราบ้างจะเป็นอย่างไร จะสามารถเดินทางข้ามตึกโดยเท้าไม่แตะพื้นเหมือนที่นิวยอร์กได้หรือเปล่า หรือจะต้องเผชิญกับรถจำนวนมากบนท้องถนนเหมือนกับที่มุมแบตตันกันนะ
คอลัมน์ Urban Isekai ขอพาทุกคนไปติดตาม ‘Spider-Neighbor’ ฮีโร่เพื่อนบ้านที่แสนดีในเวอร์ชันที่ต้องใช้ชีวิตที่เมือง ‘Bangklyn’ กันว่า ในโลกหมายเลข 112 นี้ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
Daily Life : ถึงจะมีตัวช่วยทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่การเดินทางก็ยังยากลำบากเหมือนเดิม
ครั้งหนึ่ง Spider-Neighbor เคยมีชีวิตธรรมดาเหมือนกับ Spider-Man ในโลกอื่นๆ ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักศึกษาที่ใช้เวลาเดินทางในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง เคยเดินสะดุดฟุตพาทเพราะกระเบื้องไม่เสมอกันจนทำให้เลือดท่วมมาแล้ว
แต่หลังจากโดนแมงมุมกัดจนกลายเป็น Spider-Neighbor เขาก็มีตัวช่วยอย่างใยแมงมุมที่ควรจะช่วยร่นเวลาเดินทางในเมืองได้ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างของ Bangklyn ไม่ว่าจะเป็นจำนวนตึกสูงที่มีน้อยและตั้งอยู่ห่างกันจนไม่สามารถโหนตัวข้ามตึกได้ รวมถึงเสาไฟฟ้าและสายไฟระโยงระยางที่กีดขวางการห้อยโหน ทำให้ต้องโหนตัวระดับที่ต่ำและใกล้กับพื้นดิน ซึ่งวิธีนี้ยังเสี่ยงต่อการถูกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ชนอีกด้วย การเป็น Spider-Neighbor ใน Bangklyn นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
Work with Police : จบงานช่วยชาวเมืองด้วยตัวเองได้ แต่ต้องเฝ้าวายร้ายตั้งนานกว่าตำรวจจะมาถึง
Spider-Neighbor ของเราไม่ได้มาทำหน้าที่แทนผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นเพียงตัวช่วยที่จะทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น โดยหน้าที่ของ Spider-Neighbor คือ เป็นด่านหน้าช่วยเหลือชาวเมืองในเหตุการณ์ต่างๆ รวมไปถึงการต่อสู้กับเหล่าคนร้ายที่เข้ามาป่วนเมือง เช่น Electro ที่อาศัยชาร์จพลังจากเสาไฟฟ้าทั่วเมืองจนสามารถก่อความวุ่นวายได้ตลอดเวลา และ The Lizard ที่ออกมาทุกครั้งเมื่อฝนตกจนน้ำท่วม หรือแม้แต่ระบบทุนนิยมที่ค่อยๆ กัดกินเมืองทำให้อำนาจของ Kingpin เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีใครสู้ได้ แต่ Spider-Neighbor สามารถจัดการวายร้ายเหล่านี้ได้หมด
แม้ว่า Spider-Neighbor จะสามารถจัดการกับวายร้ายเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองก็จริง แต่ด่านสุดท้ายที่จะสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับเมือง ยังคงต้องให้ตำรวจคอยจัดการความเรียบร้อยทั้งหมดอยู่ดี ซึ่งหลายครั้งการจราจรใน Bangklyn ก็ติดขัดเสียเหลือเกิน ทำให้ฮีโร่เพื่อนบ้านผู้แสนดีของเราต้องเสียเวลาไปกับการนั่งเฝ้าสถานที่เกิดเหตุนานนับชั่วโมงกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาถึง
Public Space : อยากแอบหนีไปพักใจ แต่พื้นที่สาธารณะกลับไม่ค่อยมี
หลังจากช่วยเหลือชาวเมืองตลอดทั้งวัน Spider-Neighbor ก็อยากจะมีเวลาพักกายพักใจอยู่กับตัวเองบ้าง แต่ปัญหาคือ Bangklyn เป็นเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีพื้นที่สาธารณะให้ไปพักผ่อนหย่อนใจเท่าไหร่ หลายแห่งจำกัดเวลาใช้บริการ กว่าจะช่วยเหลือคนเมืองเสร็จเรียบร้อย สวนก็ปิดเสียแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าต้องการตามหาตัว Spider-Neighbor ในช่วงเวลาพักผ่อน ขอแอบกระซิบพิกัดให้ลองแวะไปดูแถวสะพานสูงริมแม่น้ำ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณที่ได้ยินเสียงรถยนต์และเสียงแตรดังอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยก็เป็นพื้นที่ที่ฮีโร่ของเราสามารถหลีกหนีผู้คน ปล่อยใจให้ล่องลอยและได้อยู่กับตัวเอง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาไล่ให้ออกจากพื้นที่เพียงเพราะหมดเวลาให้บริการ
Copyright : ช่วยคนจนโด่งดังและเป็นพรีเซนเตอร์มากมาย แต่สุดท้ายเจอของผิดลิขสิทธิ์ขายทั่วเมือง
ถ้า Spider-Man ในโลกอื่นมีสินค้าเป็นของตัวเองได้ Spider-Neighbor ของชาว Bangklyn ก็คงจะไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน เพราะหน้าที่ของซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้มีแค่ช่วยเหลือผู้คนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ถุงขนม ของเล่น หรือแม้แต่ฟิกเกอร์ เพื่อช่วยโปรโมตสินค้าและเพิ่มยอดขายให้แบรนด์เหล่านั้น แถมการเป็นพรีเซนเตอร์ยังทำให้ Spider-Neighbor ของเราได้ค่าขนมและมีกินมีใช้อีกด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกชิ้นที่มีรูปของ Spider-Neighbor จะเป็นของแท้ เพราะบ่อยครั้งที่ไปเดินเล่นตามตลาดนัดหรือแหล่งขายของต่างๆ มักจะได้เจอกับสินค้าที่หน้าตาเกือบคุ้น แต่ถ้าดูดีๆ จะรู้ว่าเป็นของผิดลิขสิทธิ์ที่ทำเลียนแบบและขายในราคาถูก
นอกจาก Spider-Neighbor จะไม่ได้ส่วนแบ่งจากยอดขายสินค้าประเภทนี้แล้ว สินค้าที่ผู้ซื้อได้ไปยังมีคุณภาพไม่ดีเทียบเท่ากับของจริงอีกด้วย หรือว่าภารกิจต่อไปของ Spider-Neighbor อาจจะต้องเป็นการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แทนตำรวจดีนะ