เรียนรู้เรื่องงูในพิพิธภัณฑ์ Siam Serpentarium - Urban Creature

*Trigger Warning : บทความนี้มีเนื้อหาและรูปภาพเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานประเภทงู*

“แล้วคุณจะรู้ว่างูไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด” คำพูดติดปากของเหล่าพนักงานที่นำเสนอจุดประสงค์การมีอยู่ของ ‘Siam Serpentarium’ พิพิธภัณฑ์งูในย่านลาดกระบังได้เป็นอย่างดี

เพราะที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งที่ 8 ภายใต้ซีรีส์คอนเทนต์ ‘MUSEUM-IN-SIGHT เพ่งพิศพิพิธภัณฑ์’ ที่เปลี่ยนจากการนำเสนองานศิลปะมาเป็นสิ่งมีชีวิตอย่าง ‘งู’ กว่า 70 สายพันธุ์

การจัดการพิพิธภัณฑ์ที่ผลงานจัดแสดงคือสิ่งมีชีวิตจะแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆ อย่างไร ตามเราไปพูดคุยกับ ‘คุณบีม-ศรานนท์ เจริญสุข’ Senior Manager และเหล่าพนักงานที่หลงใหลในเสน่ห์ของน้องงู ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชม หมองู ผู้ดูแลสัตว์ และนักวิทยาศาสตร์ในบทความนี้กันเลย

ป.ล. บทความนี้เขียนเป็นภาษาไทย ใครที่อ่านภาษาพาร์เซลไม่ออก ไม่ต้องกังวล

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับงู

งูเคลื่อนที่อย่างไร 
ปกติงูกินอะไรเป็นอาหาร 
ถ้าเจองูต้องทำยังไง

สารพัดคำถามเกี่ยวกับงูที่เราสงสัยจะได้รับคำตอบแน่นอนเมื่อมาเยือน Siam Serpentarium สวนงูที่ทันสมัยที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชีย พื้นที่การเรียนรู้ที่เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายที่อยากให้ผู้คนรู้จักงูในแง่มุมต่างๆ มากขึ้น

“เราไม่ได้อยากเล่าเรื่องงูเพื่อให้ทุกคนรักงู เราแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่างูก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา” คุณบีม Senior Manager ประจำพิพิธภัณฑ์งูแห่งนี้บอกกับเราในระหว่างพูดคุย

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

งูขดเป็นเครื่องหมายคำถาม คือโลโก้ของพิพิธภัณฑ์ฯ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของที่นี่ที่คุณบีมเน้นย้ำเป็นอย่างดี “ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับงูให้มาหาคำตอบที่นี่”

ย้อนกลับไป แม้ชื่อ Siam Serpentarium จะเป็นที่รู้จักครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2559 แต่ความเป็นจริงที่นี่อยู่มานานเป็นระยะเวลากว่า 40 ปีแล้ว แต่ในตอนนั้นสถานที่แห่งนี้วางตำแหน่งตัวเองไปที่การรับทัวร์ต่างชาติและขายสินค้าที่ระลึกเป็นหลัก ในขณะที่มีงูจัดแสดงอยู่เพียง 10 กว่าตู้เท่านั้น

จนเมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหาร จึงเริ่มมีทิศทางในการพัฒนาองค์กรไปในรูปแบบของศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์มากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยการหยิบเอาเรื่องงูที่มีองค์ความรู้อยู่แล้วมาขยาย เพิ่มส่วนของพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้เข้าไป และได้คุณบีมเข้ามาช่วยดูแลส่วนพิพิธภัณฑ์ฯ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ไขข้อข้องใจ ด้วยการเกิดใหม่เป็นลูกงู

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

ย้อนกลับไปตอนเด็ก เชื่อว่าทุกคนมักถูกปลูกฝังมาว่า งูคือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว อันตราย และมีพิษร้าย ซึ่งนั่นเป็นความท้าทายของคุณบีมและตัวพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นอย่างมากที่ต้องนำเสนองูออกมาในรูปแบบที่ไม่เป็นการส่งเสริมภาพของความน่ากลัว

“จะเห็นได้จากตัวการ์ตูนหรือหุ่นตุ๊กตาต่างๆ ที่เราพยายามใส่เข้ามา เพื่อทำหน้าที่บอกเล่าว่างูมีความน่าสนใจอย่างไร” คุณบีมกล่าว

‘Immersive Snake Museum’ คือด่านแรกที่เหล่าผู้เข้าชมจะได้เจอ โดยมีรูปแบบการเข้าชมอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ การเดินชมด้วยตัวเอง และการเดินชมแบบมี ‘Museum Guide’ นำบรรยายทุกๆ 30 นาที

ซึ่งในวันนี้เราได้ ‘พี่ที-ภูริโชติ โชติพันธุ์’ นักวิทยาศาสตร์ผู้ผันตัวเป็น Museum Guide Supervisor มาร่วมเดินไปกับเรา เพื่อบอกเล่าถึงความน่าสนใจในส่วนต่างๆ ของที่นี่ เริ่มตั้งแต่การสวมบทเป็นลูกงูที่กำลังจะฟักออกจากไข่ไปใช้ชีวิต

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

เพราะจะมีอะไรที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตของงูได้มากกว่าการเกิดเป็นงูซะเองล่ะ

กระบวนการอิเซไกเกิดใหม่เป็นงูของเรานั้นเริ่มจากการดู VCR เพื่อเป็นอินโทรพาเราเข้าสู่โลกของงู จากนั้นเมื่อเราฟักออกจากไข่ก็ได้เวลาท่องโลกกว้างภายในตัวพิพิธภัณฑ์ฯ ที่มีการจำลองป่าและสัตว์ต่างๆ ในสเกลที่ใหญ่กว่าปกติ เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าเป็นงู สัตว์ชนิดอื่นๆ ในสายตาของงูจะมีขนาดตัวเท่าไหน

จากนั้นพี่ทีชี้ชวนให้เห็นการเคลื่อนที่ของงูในแต่ละรูปแบบที่นำเสนอผ่านการฉายท่าทางบนโปรเจกเตอร์ แล้วพาเราเดินไปตามทางเพื่อพบโมเดลงูหางกระดิ่งที่กำลังสะบัดหางส่งเสียงอยู่ในส่วนถัดไป 

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“เรามักเข้าใจว่าในหางของงูหางกระดิ่งจะมีเม็ดทรายหรืออวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งอยู่ข้างใน แต่ในความเป็นจริงแล้วหางของงูหางกระดิ่งเป็นเพียงปล้องกลวงๆ ซึ่งเกิดจากการลอกคราบสะสม เพียงแต่เมื่อแต่ละปล้องกระทบเสียดสีกันจึงทำให้เกิดเสียงขึ้นมา” ความสงสัยเรื่องที่มาของเสียงของงูหางกระดิ่งคลี่คลายด้วยคำอธิบายของพี่ที

ขณะเดียวกัน เขายังบอกกับเราอีกว่า คนไทยมักเข้าใจว่าในเมืองไทยมีงูหางกระดิ่ง แต่ความเป็นจริงแล้วในประเทศเราไม่พบงูหางกระดิ่งอยู่เลย เพียงแต่มีงูบางชนิดที่มีพฤติกรรมตีปลายหางเวลาตกใจจนทำให้เกิดเสียง คนเลยคิดไปเองว่าเป็นงูหางกระดิ่ง

เราในบทบาทลูกงูสมมุติเดินตามเส้นทางของตัวพิพิธภัณฑ์ฯ ที่พาเข้าไปในลำตัวของงูเพื่อเรียนรู้เรื่องอวัยวะภายในของสัตว์ชนิดนี้ แต่เราขอเตือนไว้สักหน่อยว่า ปากงูที่เรากำลังจะเดินเข้าไปสามารถขยับขึ้นลงได้ด้วย ระวังจะตกใจแบบเรานะ

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน
งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

อีกความเซอร์ไพรส์คือ ทันทีที่เหยียบเข้าไปในตัวงูจะพบว่าพื้นภายในได้รับการออกแบบให้นิ่มและยวบเล็กน้อย ที่เป็นแบบนี้คุณบีมเฉลยว่าเป็นความตั้งใจของทางพิพิธภัณฑ์ฯ ที่อยากให้เราได้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปในตัวงูจริงๆ

“แต่ก็จะมีลูกค้าถามว่า แล้วในตัวงูจริงๆ เป็นแบบนี้หรือเปล่า อันนี้ก็เป็นเพียงการจำลองเฉยๆ เพราะเรายังไม่เคยเข้าไปในตัวงูจริงๆ เหมือนกัน” พี่ทีเล่าพลางหัวเราะ ก่อนเดินนำเราผ่านเข้าไปในตัวงูเพื่อไปยังส่วนถัดไป

สัมผัสความหลากหลายของสายพันธุ์งู

หลังจากเปิดประสบการณ์เป็นงู ตั้งแต่การเกิด วิธีการล่า การเอาตัวรอด ตลอดจนการสืบพันธุ์ และรู้ลึกถึงอวัยวะทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดหางด้วยการท่องทะลุผ่านลำตัวงูยักษ์จำลอง ก็ได้เวลาเข้าสู่ ‘Snake Planet’ 

บริเวณนี้เป็นสวนงูที่มาพร้อมตู้กระจกจัดแสดงงูที่เปิดให้เราได้เห็นงูตัวเป็นๆ จากทุกมุมโลกกว่า 70 สายพันธุ์

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“ป้ายข้างบนจะบอกชื่องูแต่ละชนิด ในขณะที่ป้ายข้างล่างนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับงูนั้นๆ” พี่ทีอธิบาย

นอกจากนี้ ในป้ายแต่ละตู้ยังมีการใช้สี 3 สีล้อมรอบรูปงู เพื่อจำแนกงูออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สีเขียวแสดงถึงงูที่ไม่มีพิษ สีส้มแสดงถึงงูที่มีพิษเล็กน้อย และสีแดงคืองูที่มีพิษอันตราย

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“ส่วนใหญ่งูที่จัดแสดงอยู่ภายในตู้กระจกจะเป็นงูจากต่างประเทศมากกว่างูไทย ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งเพราะงูไทยหลายชนิดมีหน้าตาและสีสันคล้ายกัน อีกทั้งงูไทยที่น่าสนใจหลายชนิดถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่เรายังไม่มีใบอนุญาติรับรอง ทำให้เลี้ยงและจัดแสดงไม่ได้” คุณบีมอธิบายถึงที่มาที่ไปของสัดส่วนสายพันธุ์งูในห้องนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ภายในส่วนการจัดแสดงนี้ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ก็พยายามนำเสนอสายพันธุ์งูที่มีความหลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด

“ปัจจุบันเราพยายามจัดโทนของการตกแต่งภายในตู้ให้ล้อไปกับถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติ รวมไปถึงจัดโซนตามการอยู่อาศัยของงู เช่น งูที่อาศัยในทราย บนต้นไม้ ในป่า พื้นที่แห้งแล้ง ไปจนถึงแหล่งน้ำ”

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน
งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

นอกจากนี้ คุณบีมยังเล่าถึงความท้าทายของการออกแบบภายในตู้กระจกที่ต้องบาลานซ์ระหว่างให้งูอยู่ได้อย่างสบายและผู้ชมต้องมองเห็นงูได้ด้วย โดยจะใช้ต้นไม้ปลอมในการตกแต่ง เพื่อโฟกัสไปที่การดูแลงูได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่ต้องคอยรดน้ำหรือดูแลการเจริญเติบโตของพืชภายในตู้กระจก

พี่ทีเสริมว่า นอกจากการออกแบบภายในตู้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และในส่วนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์หรือ Zoo Keeper คอยดูแลและตรวจเช็กอยู่บริเวณหลังตู้กระจกอยู่เสมอ

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

และนั่นคือส่วนถัดไปที่พี่ทีขอส่งไม้ต่อให้ ‘พี่ปื๊ด-สันติ อินทร์จันทร์’ Zoo Keeper Supervisor และ ‘พี่เบสท์-กชนันท์ บรรเจิดลักษณ์’ นักวิทยาศาสตร์ที่ควบหน้าที่ดูแลงานด้านการศึกษา เป็นคนพาเราเข้าไปดูหลังบ้านของพิพิธภัณฑ์ฯ ในลำดับถัดไป

ล้วงลึกหลังบ้าน เบื้องหลังการทำงานกับงู

แม้จะพูดว่าหลังบ้านแต่ที่นี่พิเศษกว่านั้น เพราะห้องเพาะเลี้ยงงูและห้องวิจัยได้รับการออกแบบมาให้บริเวณด้านหน้าเป็นกระจกมองทะลุได้ ทำให้ผู้เข้าชมสามารถมองเห็นการทำงานหลังบ้านได้ด้วย

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“พอยต์หนึ่งคือ ผมคิดว่าคนน่าจะสงสัยว่างานเบื้องหลังของพิพิธภัณฑ์ฯ และการดูแลสัตว์เขาทำกันอย่างไร พอเราเริ่มทำที่นี่เลยตัดสินใจพลิกหลังบ้านที่ทุกคนอาจไม่เคยได้สัมผัสออกมา เปิดให้มองเห็นเกือบหมด” คุณบีมอธิบายก่อนเดินนำเราเข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในห้องทำงานที่เหล่าเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์และนักวิทยาศาสตร์ใช้ทำงานจริง

“ผมทำงานที่นี่มาตั้งแต่ช่วงเปิดแรกๆ ประมาณแปดปีแล้ว ทำงานกับงูก็สนุกดี เพราะงูไม่เหมือนหมาแมวที่จะอ้อนหรือส่งเสียง เราต้องคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเขาตลอดเวลา” พี่ปื๊ดเล่าถึงความท้าทายในการทำงาน

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

นอกจากพี่ปื๊ดจะทำงานในห้องสำหรับเพาะเลี้ยงงูแล้ว หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ยังรวมไปถึงการตรวจเช็กโซนพื้นที่จัดแสดงงูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง การตรวจเช็กระบบไฟ ความชื้น รวมถึงน้ำด้วยว่ามีความผิดปกติอะไรไหม เพราะทุกอย่างล้วนส่งผลกับงูด้วยกันทั้งสิ้น

ในขณะที่พี่เบสท์ นักวิทยาศาสตร์ประจำพิพิธภัณฑ์ฯ ที่ทำงานอยู่ห้องข้างกันบอกกับเราว่า นอกจากจะนั่งทำงานเอกสารอยู่ในห้องวิจัยข้างๆ ห้องเพาะเลี้ยงงูแล้ว สิ่งที่เธอต้องทำงานร่วมกับผู้ดูแลสัตว์คือ เมื่อมีงูตัวไหนที่แสดงอาการผิดปกติตามการสังเกตการณ์ของพี่ปื๊ด เธอนี่แหละจะสวมบทเป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ คอยประสานงานติดตามอาการในระหว่างสัปดาห์ เพื่อรอสัตวแพทย์เขามาตรวจรักษา

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน
งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“ในส่วนงานนักวิทยาศาสตร์ เบสท์จะเป็นคนจัดทำทะเบียนงู ทั้งงูเข้า-ออก หรืองูที่ตายและเกิดใหม่ รวมไปถึงเมื่อมีลูกค้าถามข้อมูลมาทางพี่ที แล้วเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องใช้การศึกษาค้นคว้า เราจะเป็นคนหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นฐานข้อมูลในอนาคตสำหรับตอบลูกค้า

“ทุกคนอาจเข้าใจว่านักวิทย์จะต้องอยู่แล็บ ใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อย่างพวกบีกเกอร์หรือกระบอกตวง แต่ที่ทุกคนอาจจะยังไม่รู้คือ นักวิทย์เองก็มีสาย Zoo Scientist ที่ทำเกี่ยวกับตัวอย่างที่มีชีวิต (Life Specimen) เป็นงานกึ่งๆ นักวิทยาศาสตร์ กึ่งๆ คิวเรเตอร์แบบนี้ด้วยเหมือนกัน” พี่เบสท์แชร์ถึงสายงานให้ฟัง ก่อนจะเล่าถึงงานอีกส่วนที่ทำซึ่งก็คืองานด้านการศึกษา

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“หลังที่นี่เปิดมาได้สักพักเราก็เปิด Serpentarium Academy เพื่อถ่ายทอดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ให้กลุ่มคนที่สนใจ ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสนุก ผ่านการทำกิจกรรมให้เด็กๆ แล้วแต่ช่วงอายุได้เข้ามาเรียนรู้” นักวิทย์ที่ควบตำแหน่งนักการศึกษาบอกกับเรา

“มีจุดหนึ่งที่เด็กๆ ที่มาเที่ยวอยากรู้เรื่องงูมากขึ้น เราเลยตัดสินใจเปิด Serpentarium Academy เพื่อให้ความรู้กับเด็กๆ และครอบครัว ซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และเด็กๆ” คุณบีมเสริม

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

แม้แต่งูก็ต้องมีสวัสดิการ

เมื่อมาที่ Siam Serpentarium อีกส่วนที่ห้ามพลาดคือ ‘Naka Theatre’ พื้นที่โรงละครที่จัดแสดงชุดจับงูด้วยมือเปล่าตลอดเวลาทำการด้วยทีมหมองู นำโดย ‘พี่อุทัย ฝูงใหญ่’ หมองูรุ่นเดอะที่อยู่กับพิพิธภัณฑ์ฯ มาตั้งแต่เริ่ม

เราจะได้นั่งชมการแสดงระหว่างคนกับงู ผ่านเทคนิคตระการตา พร้อมแสง สี เสียงสุดอลังการ ในโรงละครอันกว้างขวางและสะดวกสบาย ที่รองรับผู้ชมได้ถึง 400 ที่นั่ง ให้เราได้สนุก ตื่นเต้น เร้าใจไปกับการแสดง ทั้งการจับงู จูบหัวงู และการรีดพิษ

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“ตอนแรกที่รับโจทย์มาว่าเราจะพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนหนึ่งที่คุยกันเลยคืออยากเปลี่ยนวิธีโชว์งูด้วย เพราะมันเป็นโชว์แบบโบราณที่มีลำดับการแสดงแบบเดิมๆ คือเอางูมาวาง ล่อ ฉก จูบหัวงู จับงูมือเปล่า และรีดพิษ” คุณบีมเล่าถึงความตั้งใจแรก

แต่เมื่อศึกษาและสอบถามไปทางพี่อุทัยและหมองูคนอื่นๆ กลับพบว่า ที่การโชว์งูไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนต่างก็มีการเรียงลำดับการแสดงแบบนี้ เป็นเพราะอาจารย์ที่เป็นคนสอนการโชว์งูต้นตำรับเป็นคนไทย เมื่อคนต่างชาติเข้ามาเรียนแล้วนำกลับไปที่ประเทศตัวเองจึงมีลำดับการโชว์เหมือนกัน

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“ถ้ามองแบบนี้ การแสดงแบบดั้งเดิมก็ถือเป็นการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมออกไป เราเลยมาพรีเซนต์ในอีกมุมหนึ่งว่า เราอาจไม่ต้องเปลี่ยนการลำดับหรือรูปแบบใหม่ก็ได้ แต่เรามาทำให้มันเป็นมาตรฐานมากขึ้น พยายามเติมเรื่องสวัสดิการให้มากที่สุดแทน” ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ฯ พูดถึงการปรับมุมมองเรื่องของการโชว์งู

คำว่า ‘สวัสดิการ’ ที่ว่าไม่ใช่เฉพาะหมองู แต่รวมไปถึงงูที่ใช้ในการโชว์ด้วย

พี่อุทัยบอกกับเราว่า ในการโชว์งูแต่ละครั้งจะมีการสับเปลี่ยนงูอยู่เสมอ เพราะการโชว์ในลักษณะนี้จะทำให้งูเกิดความเครียดได้ง่าย สิ่งที่ต้องคอยดูแลคือสภาพจิตใจของเหล่างูเพราะต้องพึ่งพากันและกัน

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

“เวลาโชว์เราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา อันนี้คือสิ่งที่สำคัญมากของหมองู เพราะการแสดงที่นี่ไม่ได้ถอดเขี้ยวพิษออก ไม่ได้รีดพิษทิ้ง เราโชว์งูที่สมบูรณ์ เพราะถ้าไปถอดเขี้ยวเขาออกก่อนจะโชว์ โชว์ได้แค่ไม่กี่วันมันก็ตาย” พี่อุทัยเล่าถึงเบื้องหลังการแสดงที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

“เราคุยกับหมองูว่า ถ้าไม่หักเขี้ยวพิษจะโชว์ได้มั้ย ทีมนี้เขาบอกว่าโชว์ได้ ซึ่งมันก็เป็นการอนุรักษ์วิชาชีพแบบดั้งเดิมของเขาไปพร้อมกับการเซฟงูของเราไปด้วย” คุณบีมกล่าวเสริม

โบกมือลาพร้อมความเข้าใจใหม่ที่มีต่องู

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

เมื่อออกจาก Naka Theatre เราก็มาถึง 2 โซนสุดท้ายของวันนี้แล้วกับโซน ‘Souvenir Shop’ หรือร้านขายของที่ระลึก และ ‘Snaka Snake Café’ ซึ่งเป็นโซนคาเฟ่ที่เปิดบริการบริเวณด้านหลังของตัวพิพิธภัณฑ์ฯ พื้นที่ที่ไม่ต้องซื้อบัตรเข้าชมก็เข้าใช้บริการได้ตามปกติ

โดยภายในตัวคาเฟ่นอกจากจะมีเครื่องดื่มและขนมอร่อยๆ คอยให้บริการแล้ว ยังมีโซน ‘Snakeducation’ ที่เป็นการผสมระหว่างคำว่า Snake และ Education ตั้งอยู่ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่สนใจได้ลองสัมผัสงูโดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล

“โซนนี้เปิดขึ้นครั้งแรกในช่วงโควิด เป็นโซนจับงูที่เปิดให้ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้เรื่องราวของงูแบบง่ายๆ ได้ฟรี ซึ่งทำให้เราได้เห็นหลายคำถามที่น่าสนใจของเด็ก และต่อยอดไปเป็น Serpentarium Academy” คุณบีมบอก

งู Siam Serpentarium พิพิธภัณฑ์งู สัตว์เลื้อยคลาน

แม้งูในพื้นที่ส่วนนี้จะไม่ได้มีเยอะมาก แต่ได้รับผลตอบรับจากเด็กๆ และผู้ปกครองเป็นอย่างดี จนมีบางคนที่มาเป็นประจำจนสนิทกับเจ้าหน้าที่

“บางคนมาตั้งแต่สามขวบ จนตอนนี้แปดเก้าขวบ จากที่บ้านไม่ให้เลี้ยงงู จนที่บ้านโอเค จนต้องไปเรียนต่างประเทศ มาขอฝากงูไว้กับเราก็มี” คุณบีมเล่าด้วยรอยยิ้ม

ประสบการณ์ดีๆ และสิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นได้ยากหากไม่มีพื้นที่ที่ให้ความรู้เรื่องงูรอบด้านอย่าง Siam Serpentarium ที่ต้องการให้คนได้เข้ามาเรียนรู้สัตว์ชนิดนี้กันมากขึ้น

เพราะแม้ภาพจำของงูจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและอันตรายของใครหลายคน แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นเพราะเรายังไม่เคยได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันอย่างจริงจังเท่านั้นเอง


‘MUSEUM-IN-SIGHT เพ่งพิศพิพิธภัณฑ์’ คือซีรีส์บทสัมภาษณ์ในคอลัมน์ One Day With… จาก Urban Creature ที่จะพาไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล Museum STAR ว่า กว่าจะมาเป็นแหล่งเรียนรู้ติดดาวให้เราเข้าชม มีอินไซต์อะไรที่คนเข้าชมอย่างเราๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง

Writer

Graphic Designer

Photographer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.