บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาซีรีส์
สารภาพว่าตั้งแต่จบ Phase 3 ความสนใจในหนังและซีรีส์ Marvel Cinematic Universe (MCU) ของเราก็ลดตามลงไปด้วย เพราะส่วนตัวรู้สึกว่า Avengers : Endgame คือหนังที่ขมวดทุกสิ่งที่มาร์เวลสร้างมา 10 ปีได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ประกอบกับ Phase 4 ก็ขยันปล่อยคอนเทนต์ออกมาถี่เหลือเกินจนตามไม่ทัน สุดท้ายเลยเลือกตามเฉพาะเรื่องที่สนใจไปโดยปริยาย
She-Hulk : Attorney at Law คือหนึ่งในนั้น
อันที่จริงเกือบจะขอข้ามไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะมารู้สึกอยากดูเอาก็ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ฉายไปแล้ว 3 ตอน ซึ่งเหตุที่อยากดูก็ไม่ได้เป็นเพราะคลิปต่อสู้สุดมันที่ค่ายตัดมาอ่อยแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะซีนหลังเครดิตที่ชาวเน็ตตัดมาทวีต พร้อมแคปชันเกรี้ยวกราดว่า WTF is happening with MCU?!
ตามมาด้วยรีแอ็กชันสุดเกรี้ยวกราดของแฟนบอยมาร์เวลอีกนับร้อยในทำนองเดียวกันว่า MCU is DONE. (จบเห่แน่จ้ามาร์เวล) ทำเอาเราตกอกตกใจจนต้องเปิดคลิปดู
มันคือซีนที่ She-Hulk ตัวเอกของเรื่อง กำลังทำท่า Twerk อยู่ข้างๆ Megan Thee Stallion
การที่ชีฮัลก์ Twerk กับแรปเปอร์ชื่อดังกลายเป็นจุดจบของ MCU ได้ยังไง ความสงสัยนี้นำพาให้เราไปลองพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ก่อนจะพบว่า She-Hulk มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พิเศษและน่าสนใจ มากซะจนเรารู้สึกโชคดีที่ไม่กดข้ามเรื่องนี้ไปซะก่อน
หนึ่ง ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่ไม่อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่
สอง ซีรีส์เรื่องนี้โอบรับความเป็น ‘เพื่อนหญิงพลังหญิง’ ได้อย่างเต็มกอด
สาม ซีรีส์เรื่องนี้พิสูจน์ในตัวมันเองแล้วว่า ‘Twerk เจ้าปัญหา’ นั้นไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่ไม่อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่
แม้ทุกตอนจะมีฉากไฝว้กับเหล่าร้ายดังเช่นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ควรมี แต่ She-Hulk ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่ชูโรงภาพกีฬามันๆ หรือพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง (คุ้นๆ) เสียทีเดียว อันที่จริง มันคือซีรีส์ตลกแนวขึ้นโรงขึ้นศาลต่างหาก
She-Hulk เล่าเรื่องของ Jennifer Walters (รับบทโดย Tatiana Maslany) ทนายสาววัยเลขสามที่กำลังรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงานของตัวเองสุดๆ จนกระทั่งวันที่ออกเดินทางไปนอกเมืองกับ Bruce Banner (รับบทโดย Mark Ruffalo) หรือ The Hulk ที่หลายคนรู้จักกันดี ทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุและทำให้เจนนิเฟอร์รับเลือดของฮัลก์เข้ามาในตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอกลายเป็นมนุษย์ตัวเขียวที่มีพละกำลังมากกว่าฮัลก์ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องเสียอีก
แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ เจนไม่ได้อยากเป็นชีฮัลก์ เธออยากเป็นแค่ผู้หญิงวัย 30 กว่าๆ และทนายธรรมดาที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพเท่านั้น She-Hulk จึงไม่ใช่ซีรีส์ที่เดินตามสูตรฮีโร่ที่ได้พลังแล้วไปทำภารกิจต่อสู้กับตัวร้าย แต่เป็นภารกิจต่อสู้คดีที่เปลี่ยนไปในแต่ละตอน
ความหฤหรรษ์ของ She-Hulk คือ เมื่อเจนไม่ใช่ทนายธรรมดา ลูกความรวมทั้งคดีก็มีความหวือหวาตามไปด้วย เพราะถ้าไม่ใช่ฮีโร่ด้วยกันเอง ลูกความก็เป็นมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ยอดมนุษย์ทำ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินเท่านั้น เช่นเคสหนึ่งมีลูกความเกือบสิบคนมาฟ้องร้อง Mister Immortal ยอดมนุษย์ที่มีชีวิตเป็นอมตะผู้ชอบไปผูกสัมพันธ์กับหนุ่มๆ สาวๆ จนแต่งงานมีลูกกัน แต่พอเจอปัญหาชีวิตคู่เขาก็แก้ด้วยการจบชีวิตตัวเองเพื่อไปเริ่มใหม่กับคนอื่น ทำให้ทีมทนายของชีฮัลก์ปวดหัวกับการหาทางออกให้โจทก์ทุกคนอย่างเท่าเทียม
ยังไม่นับว่าเรื่องนี้มีตัวละครใน MCU ที่แฟนๆ คุ้นหน้าโผล่มาเซอร์ไพรส์จนจุใจ หรือการดำเนินเรื่องแบบ Break the 4th Wall ให้เจนคุยกับคนดูได้เพื่อขยี้มุกให้ขำกว่าเดิม แน่นอนว่าจุดขายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราพูดไม่ได้เต็มปากว่าแปลกใหม่ แต่เมื่อรวมกับองค์ประกอบอื่นๆ กลายเป็นว่า She-Hulk เป็นซีรีส์ที่ทำออกมาได้กลมกล่อมและ ‘โดนเส้น’ เราเหลือเกิน
โอบรับความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิงได้อย่างเต็มกอด
She-Hulk ยังเป็นซีรีส์ที่โอบรับความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิงมากกว่า MCU เรื่องไหนๆ (นับจนถึงช่วงที่ซีรีส์เรื่องนี้ฉายน่ะนะ)
Jessica Gao ผู้นั่งตำแหน่ง Executive Producer และหัวหน้าทีมเขียนบทของเรื่องนี้บอกว่า ธีมสำคัญของ She-Hulk คือการฉายภาพความเป็นผู้หญิง (A Portrait of Womanhood) โดยเฉพาะการเป็นผู้หญิงในจักรวาลของมาร์เวล
“ชีวิตของซูเปอร์ฮีโร่ผู้หญิงมันจะเป็นยังไงนะ และมันแตกต่างจากคนอื่นยังไง” เจสสิก้าเล่าให้ Collider ฟัง คำถามนั้นนำมาซึ่งครั้งแรกของหลายซีนที่เราเองไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างการโดนจับแปลงโฉมในห้องน้ำ การเล่นแอปฯ หาคู่ การไปหาดีไซเนอร์ตัดชุดที่ใส่ได้ทั้งตอนต่อสู้และตอนทำงาน ไปจนถึงการเป็นเพื่อนเจ้าสาว
“เราอยากทำซีรีส์ที่เล่าถึงประสบการณ์นี้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าส่วนที่ใหญ่มากๆ ของมันคือการเล่าเรื่องมิตรภาพของเพื่อนสนิท” ในซีรีส์เรื่องนี้ เราจึงได้เห็นตัวละครอย่าง Nikki (รับบทโดย Ginger Gonzaga) ที่ไม่ใช่แค่โผล่มาในฐานะเพื่อนสนิทของเจนนิเฟอร์ผู้คอยสร้างสีสัน ตามเช็ดตามล้างสิ่งที่เจนทำ แต่การกระทำของเธอยังส่งผลต่อการตัดสินใจของเจนและทิศทางของเรื่องด้วย
“มันมีทั้งความพิเศษและความซับซ้อนอยู่ในมิตรภาพอันแข็งแกร่งระหว่างเพื่อนสาว เราอยากโชว์มันในทิศทางที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติที่สุด (…) สำหรับพวกเรา มันสำคัญมากเลยนะที่จะทำให้คนดูเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงสองคนนี้รักกันมากถึงขนาดตายแทนกันได้ พวกเธออยู่ข้างกันเสมอ และสนับสนุนกันตลอด”
นอกจากการเอมพาวเวอร์กันของแก๊งเพื่อนสาว She-Hulk ยังตีแผ่ปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนเจอในชีวิตประจำวันผ่านตัวเจนนิเฟอร์อย่างแนบเนียน อย่างการเรียนรู้การแปลงร่างของฮัลก์ที่มักจะแปลงร่างโดยไม่รู้ตัวเมื่อถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์โกรธหรืออารมณ์กลัว
บรู๊ซผู้เป็นญาติของเธอบอกว่าเขาใช้เวลานานมากกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ให้แปลงร่างได้ แต่เจนก็สามารถทำมันได้ง่ายๆ นั่นก็เพราะเธอฝึกการรับมือกับอารมณ์เหล่านั้นมาตั้งแต่ก่อนเป็นชีฮัลก์แล้ว ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเสมอเวลาถูกแซว (Catcalled) หรือตอนโดนผู้ชายในที่ทำงานอธิบายสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้วให้ฟัง (Mansplaining)
ถึงอย่างนั้น การกลายร่างเป็นชีฮัลก์ก็สอนบทเรียนหลายอย่างให้เจน หนึ่งในนั้นคือการ ‘รัก’ และ ‘รับ’ ทุกตัวตนของตัวเองให้ได้ อย่างในช่วงแรกของเรื่องเราจะเห็นว่าเจนต่อสู้เพื่อสิทธิในการเป็นแค่เจน เธอยึดมั่นกับการทำอาชีพทนาย สมัครโปรไฟล์แอปฯ เดตในฐานะเจนนิเฟอร์ วอล์เทอร์ส และปฏิเสธการมีอยู่ของชีฮัลก์อย่างหนัก แต่พบว่าการทำแบบนั้นกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม เธอโดนเด้งออกจากงาน แต่ดันโชคดีที่สำนักอัยการแห่งหนึ่งจ้างเธอมาทำเคสยอดมนุษย์เพราะเธอเป็นชีฮัลก์ ในขณะที่ในแอปฯ เดตก็หาผู้ชายดีๆ มาปัดขวาให้ยากเหลือเกิน ทว่าพออัปเดตโปรไฟล์ใหม่เป็นสาวตัวเขียวก็มีหนุ่มๆ ปัดขวาให้รัวๆ
นั่นทำให้เจนรู้ว่าตัวตนที่คนอื่นอยากให้เป็นก็ไม่ได้แย่เสมอไป แม้บางครั้งมันจะทำให้เธอตั้งคำถามกับคุณค่าของ ‘แค่เจน’ คนเดิมก็ตาม
Twerk เจ้าปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหา
กลับมาที่ซีนอันลือลั่น ซึ่งหลังจากได้พิสูจน์กับตาตัวเองแล้ว เราก็เข้าใจ
เข้าใจทั้งฝั่งแฟนบอยว่าทำไมทวีตแบบนั้น (ซึ่งอันที่จริงก็เป็นสิทธิ์ของเขาน่ะนะ) แต่เข้าใจว่าทำไมซีรีส์ฮีโร่หญิงผู้แข็งแกร่งอย่าง She-Hulk ถึงมีฉากตลกโปกฮาเบอร์นี้ได้
สำหรับเรา คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คงต้องย้อนกลับไปดูประเภทของซีรีส์เรื่องนี้ ที่จั่วหัวชัดเจนว่าเป็นซีรีส์ตลก เรียบง่ายแค่นั้น
อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำที่ฮีโร่มาร์เวลทำตัวโปกฮาแบบไม่สมเป็น ‘ฮีโร่’ อย่าง Iron Man เองก็เคยยอมรับว่าตอนเมาๆ เคยฉี่รดตัวเองด้วยซ้ำ หรือถ้าจะนับว่าเป็นฉากเต้นเรียกเสียงหัวเราะ Star-Lord ใน Guardian of The Galaxy ก็เคยเต้นฟีลๆ นี้ตอนต้นเรื่องเหมือนกัน ตอนนั้นไม่มีใครด่าสักแอะ แถมยังส่งเสียงชื่นชมซีนนั้นกันว่า Iconic มาก บันเทิงสุดๆ กันเต็มไทม์ไลน์
ตลกดีเหมือนกัน เพราะเราห้ามตัวเองให้คิดไม่ได้เลยว่าที่ชีฮัลก์โดนด่าหนักขนาดนี้เพราะมันผิดฟอร์มของฮีโร่มาร์เวล (ที่ไม่รู้จะมีจริงหรือเปล่า) เพราะท่าเต้นเธอตลก หรือแค่เพราะเธอเป็นผู้หญิง
น่าคิดเนอะ คุณว่าไหม?
Sources :
Collider | collider.com
Forbes | forbes.com
Startefacts | startefacts.com
Writer
