ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถคนกรุงมากว่า 75 ปี - Urban Creature

เสียงเครื่องยนต์ดังแว่วในอากาศ 

มองแวบแรก ภาพตรงหน้าของเราคือสวนร่มรื่นที่น่าเดินไม่หยอก แต่หากกวาดสายตาดูดีๆ ภายในสวนกว้างแห่งนี้มีถนนกว้างที่ถูกดีไซน์เป็นทางตรง ทางโค้ง และเนินสูง มีป้ายจราจรที่เด่นหราอยู่ท่ามกลางสีเขียวของพืชพรรณ ไหนจะรถยนต์จอดเรียงรายหลายสิบคัน หนึ่งในนั้นคือรถจี๊ปคันใหญ่ที่ดูจากทรงและสีก็รู้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

ที่นี่คือสนามหัดขับรถ และไม่ใช่สนามหัดขับรถธรรมดา แต่เป็นสนามของ ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถยนต์เก่าแก่ประจำกรุงเทพฯ ที่เปิดมานานกว่า 75 ปี เปลี่ยนผู้บริหารมาแล้วสองรุ่น และสอนนักเรียนให้ขับรถได้ดีจนกลายเป็นเจ้าของใบขับขี่มาแล้วกว่า 86 รุ่น

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

อะไรทำให้โรงเรียนสอนขับรถยนต์แห่งนี้ยืนระยะมาได้อย่างยาวนาน ในยามสายของวันที่อากาศเป็นใจ เรามีนัดกับ ครูใหญ่ฑิตยาภรณ์ ทาบทอง ทายาทรุ่นสองที่ใครต่อใครเรียกติดปากว่า ‘ครูใหญ่’ ผู้รับช่วงต่อในการสอนและบริหารโรงเรียนแห่งนี้ ครูใหญ่เดินเข้ามาต้อนรับเราที่อาคารสำนักงานของโรงเรียนอย่างใจดี

และเมื่อเสียงเครื่องยนต์ในอากาศเบาลง ท่านก็เริ่มเล่าประวัติศาสตร์และหัวใจของโรงเรียนแห่งนี้ให้ฟัง

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

เรียนขับรถ 15 บาท

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2490 ครูสวง ยังเจริญ และครูพิศพงศ์ ยังเจริญ พ่อแม่ของครูใหญ่เริ่มทำธุรกิจจากการเปิดปั๊มน้ำมัน 1 หัวจ่ายของบริษัท Shell ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง ซึ่งถือว่าเป็นถนนสายหลักในกรุงเทพฯ ในสมัยนั้น ส่งผลให้มีลูกค้ามากมายแวะเวียนมาไม่ขาด

เมื่อธุรกิจไปได้ดี อาจารย์สวงผู้เป็นพ่อก็เริ่มมีความคิดอยากสอนขับรถนักเรียนบ้าง เนื่องจากคุณย่าของครูใหญ่เคยเปิดโรงเรียนสอนขับรถชื่อ ‘สมบูรณ์ดี’ ซึ่งครูสวงเคยไปช่วยงานตั้งแต่เด็กๆ พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ถูกบันทึกไว้ในสมอง และความเป็นครูก็ถูกส่งต่อทางสายเลือด

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

เมื่อโอกาสเปิดโรงเรียนของตัวเองมาถึง ครูสวงก็ชวนญาติๆ มาช่วยงาน ในยุคแรกเริ่มมีนักเรียนเพียง 1 คน และเก็บเงินค่าเรียนเพียง 15 บาท (“น่าจะราวๆ ห้าพันบาทในสมัยนี้” ครูใหญ่บอก) ซึ่งเป็นราคาที่ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับระยะเวลาในการสอนที่ไม่จำกัด

“สมัยก่อน ส.สะพานมอญ ไม่ได้มีกำหนดว่าสอนกี่ครั้งเหมือนสมัยนี้ คุณพ่อสอนแบบเหมาคือสอนจนกว่านักเรียนจะขับรถได้ ซึ่งวัดด้วยการไปสอบใบขับขี่กับกรมขนส่งฯ ถ้านักเรียนสอบผ่านก็จบ ถ้าสอบไม่ผ่านก็กลับมาเรียน ไม่ต้องเสียเงิน ทุกคนแฮปปี้” ครูใหญ่ย้อนอดีตให้เราฟัง แล้วเล่าต่อว่าในยุคแรกคุณพ่อใช้รถจี๊ปสอนนักเรียนเป็นหลัก

“เพราะมันแข็งแรง ถอยชนอะไรก็ทนทาน และสมัยก่อนรถเก๋งคงแพงมาก อีกอย่างคือมันบอบบาง ไม่ทนเท่ารถจี๊ป”

เราละสายตาจากครูใหญ่ไปมองรถจี๊ปคันโตซึ่งจอดนิ่งในสนามฝึก ในที่สุดก็รู้เหตุผลว่าทำไมมันจึงดูเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

สวง + สะพานมอญ

ใกล้วังสราญรมย์อันร่มรื่น มีสะพานข้ามคลองซึ่งเชื่อมกับถนนเจริญกรุง ที่ซึ่งคนมอญในอดีตจะล่องเรือมาขายหม้อ ไห และสิ่งของที่สร้างจากภูมิปัญญาอื่นๆ จนได้ชื่อว่า ‘สะพานมอญ’

สนามฝึกแห่งแรกตั้งอยู่ตรงนั้น ครูพิศพงศ์ ผู้เป็นแม่ของครูใหญ่จึงได้ไอเดียมาตั้งชื่อโรงเรียน ส่วน ส. ตัวแรกมาจาก ‘สวง’ (อ่านว่า สะ-ว๋ง) ชื่อผู้เป็นสามี

ปัจจัยที่ทำให้โรงเรียน ส.สะพานมอญในอดีตได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากการบอกปากต่อปากถึงความคุ้มค่าของราคาค่าเรียน อาจเป็นเพราะโลเคชันของสนามฝึกที่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้พาหุรัดกับสนามหลวงซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวยอดนิยมในอดีต ไหนจะมีเพลงโฆษณาสุดติดหูที่ออกอากาศทางวิทยุ ทำให้ชื่อของ ส.สะพานมอญนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

“รายการเพลงของเพลิน พรหมแดน เขาเปิดเพลงเสร็จก็มีโฆษณาคั่น ซึ่งก็มีเพลง ส.สะพานมอญตลอด เพลงของเราทำโดยคุณนคร มงคลายน เป็นเพลงสลับพูดที่อมตะมาก จะร้องว่า ‘ถ้าอยากเรียนขับรถ ต้องเรียนเสียก่อน ส.สะพาญมอญ สอนให้ได้ผล’” ครูใหญ่ฮัมให้เราฟังอย่างอารมณ์ดี

พอเพลงติดหูบวกกับการสอนที่ได้ผล คนมาเรียนแล้วสอบใบขับขี่ได้ ก็ยิ่งเรียกนักเรียนหลายๆ แบบจากทั่วประเทศสมัครเข้ามา “ส่วนมากเป็นคนกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดก็มี ลาว เขมร ยวนยังมาเลย” 

จากวันแรกที่มีนักเรียนคนเดียว กลายเป็นหลักร้อยต่อเดือน ทำให้ ส.สะพานมอญยืนระยะอยู่ได้เรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 75 เข้าไปแล้ว

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

โรงเรียนคือบ้าน

บ้านของครูใหญ่มีลูก 4 คน แรกเริ่มเดิมที คุณพ่อกับคุณแม่วางตัวพี่ชายคนที่ 2 ผู้ที่เรียนจบวิศวกรรมเครื่องยนต์จากญี่ปุ่นมารับช่วงต่อ แต่พี่ชายคนนี้สนใจเกี่ยวกับด้านการศึกษาจึงกลับมาเปิดโรงเรียนอนุบาลที่ไทย ครูใหญ่ผู้เป็นน้องคนสุดท้องจึงต้องมารับช่วงต่อ ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาทำหน้าที่นั้นเลย

ครูใหญ่เรียนจบกฎหมายตั้งแต่อายุยังน้อย เคยไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายและทนายความมาก่อน แต่ช่วงที่ทำงานนั้น สำนักงานทนายความอยู่ใกล้โรงเรียน พอเลิกงานเสร็จครูใหญ่ก็แวะมาเยี่ยมเยียนที่โรงเรียนก่อนเสมอ การได้เห็นพ่อแม่และครูฝึกคนอื่นๆ ทำงานเริ่มปลูกฝังความคิดอยากมารับช่วงต่อในตัวครูใหญ่

“เราได้เห็นหมดว่าเขาทำงานกันยังไง สอนนักเรียนยังไง ปัญหาในโรงเรียนคืออะไร ก็เห็นพ่อแม่แก้ปัญหา เราก็ซึมซับ จนตอนหลังหันกลับมาดูโรงเรียน เราเห็นว่า ส.สะพานมอญเปิดมาหลายสิบปี มันมีความเก่าแก่ ยิ่งในยุคนี้ที่มีโรงเรียนสอนขับรถอื่นเปิดขึ้นมาแข่งขัน จากวันหนึ่งมีนักเรียนมาสมัครหลายคน บางวันไม่มีสักคน มันต้องได้รับการปรับปรุง

“ครูเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่รักที่นี่มาก แม้แต่ตอนที่คุณพ่อเสียไปแล้วคุณแม่ก็ยังมานั่งบริหารโรงเรียน เราเคยถามคุณแม่ว่า คุณแม่ เราเลิกโรงเรียนดีไหม ไม่ทำดีไหม เพราะเงินน้อย แม่ก็บอกว่าทำไปเถอะ เมื่อก่อนเราก็ได้จากโรงเรียนนี้มาเยอะ เราจะเสียกลับไปบ้างก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เราเห็นทุกวันมันทำให้เราศรัทธาคุณพ่อคุณแม่มาก และเราคิดว่าเราก็รักโรงเรียนมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน”

นับแต่นั้น ครูใหญ่ก็มารับช่วงต่อในการบริหารโรงเรียน ส.สะพานมอญอย่างเต็มตัว

“ตอนแรกเราเคยคิดว่าเราจบกฎหมายมา มันจะมีประโยชน์อะไรกับโรงเรียน แต่ปรากฏว่าพอได้มาทำจริงๆ เราก็ได้ช่วยส่วนของวิทยากร และได้ใช้กฎหมายที่เรียนมานี่แหละสอนนักเรียน มันก็เอื้อกัน เราก็มีความสุขที่ได้ทำ”

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

ส.สะพานใหม่

สำนักงานแรกของ ส.สะพานมอญตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญกรุง

สนามหัดขับรถสนามแรกอยู่ในย่านบุปผาราม

ก่อนที่สนามแห่งใหม่จะถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2557 ภายใต้การดูแลของครูใหญ่ที่อยากสร้างสนามหัดขับรถที่ได้มาตรฐาน เหมาะกับการสอบใบขับขี่ของกรมการขนส่งทางบก

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

เล่าอย่างรวบรัด ก่อนหน้านี้ การสอบใบขับขี่จะต้องไปสอบที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ซึ่งหากสอบผ่านจะได้ใบขับขี่ตลอดชีพ จนกระทั่งช่วงราว 10 ปีที่แล้ว ประเทศไทยถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนติดอันดับ 1 ของโลก กรมการขนส่งทางบกจึงยกเครื่องใบขับขี่ใหม่ให้เหลือ 5 ปี และผู้สมัครสอบใบขับขี่ต้องผ่านการอบรม

“ขนส่งฯ ท่านมีห้องอบรมห้องเดียว แล้ววันหนึ่งจะอบรมได้กี่คน เพราะฉะนั้นการสอบใบขับขี่จึงมีคิวคั่งค้างเยอะ ขนส่งฯ จึงเห็นความสำคัญของสิ่งนี้ ท่านก็เปิดให้โรงเรียนสอนขับรถที่มีศักยภาพให้สามารถสอบใบขับขี่ได้”

คำว่าศักยภาพคือโรงเรียนต้องมีที่ดินอย่างน้อยสองไร่ และมีการลงทุนสร้างสนามที่เหมาะแก่การสอบ ครูใหญ่จึงใช้พื้นที่ 5 ไร่ที่เคยเป็นสวนผลไม้ของครอบครัวในอดีตมาทำเป็นสนามหัดขับสนามใหม่ โดยออกแบบให้สามารถสอบท่ามาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

นอกจากถนนอันกว้างขวาง ร่มรื่น ส.สะพานมอญยังมีสำนักงานที่ครูใหญ่ดีไซน์ให้สามารถมองเห็นทุกกิจกรรมในสนามได้

“แม้แต่การดีไซน์ห้องสำนักงานก็ดีไซน์เป็นกระจกเพื่อให้เห็นการทำงานหรือสิ่งที่เกิดในสนามตลอดเวลา เพราะมีนักเรียนผู้หญิงมาเรียนเยอะ เราก็ต้องดูว่าเขาปลอดภัยดีไหม เนื่องจากเราเป็นแม่ เรารู้ว่าคุณแม่ห่วงลูก เราจะทำด้วยชีวิตจิตใจและนึกถึงตลอดว่าเราอยากให้โรงเรียนเราเป็นอย่างไร เราอยากให้โรงเรียนของเราอบอุ่นและปลอดภัย”

ที่นี่ยังเป็น One-stop Service ที่นักเรียนสามารถเรียนและสอบได้ในที่เดียว ส.สะพานมอญมีห้องอบรมซึ่งมีระบบสแกนนิ้วที่เชื่อมฐานข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก รวมถึงห้องสอบใบขับขี่แบบ E-exam ที่เปิดให้นักเรียนสามารถซ้อมสอบได้

“ข้อสอบจริงของขนส่งฯ จะมีหลายชุด ก่อนสอบจริงนักเรียนก็ซ้อมไปสิ ซึ่งจากการซ้อมนักเรียนจะได้ความรู้จากข้อสอบนั่นแหละ ข้อสอบของขนส่งฯ ไม่ใช่มีเพียงแค่เรื่องกฎหมาย เขาปรับปรุงให้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ชนกัน มีอุบัติเหตุ คุณจะเข้าไปช่วยเหลือยังไง ช่วยได้ไหม ข้อสอบจะถามเลย แล้วเราก็จะสอนนักเรียนว่าควรทำยังไงต่อ”

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

มากกว่านั้น ในเซสชันของการหัดขับรถ นักเรียนทุกคนจะได้เริ่มเรียน 2 ชั่วโมงแรกจากรถจี๊ป แบบเดียวกับที่พ่อของครูใหญ่เคยสอนในสมัยอดีต เพราะการสอนด้วยรถจี๊ปคือการสอนให้เรียนรู้การขับรถเกียร์ธรรมดาที่ดีที่สุดในมุมมองของครูใหญ่

ครูฝึกขับรถของ ส.สะพานมอญก็ไม่ธรรมดา ไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็นครูฝึกก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ผ่านการอบรมและรับรองจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ซึ่งครูเหล่านี้จะเป็นทั้งคนสอนและเป็นคนคุมสอบใบขับขี่ของนักเรียนทุกคนนั่นเอง

เหนืออื่นใด ส.สะพานมอญยังมีการทำงานกับชุมชนรอบข้าง อย่างบางวันในสวนร่มรื่นแห่งนี้ เราอาจจะได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของน้องๆ วัยประถมฯ จากโรงเรียนใกล้ๆ มาเรียนรู้เรื่องกฎจราจรที่นี่ได้ด้วย

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

“มองย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ครูอยากให้ ส.สะพานมอญมีสนามรถเหมือนต่างประเทศ ครูเคยไปเที่ยวญี่ปุ่น เห็นสนามหัดขับรถของเขาใหญ่ สวย สะอาด อยากให้เป็นแบบนั้น ตอนนี้เราก็พอใจกับสิ่งที่เราสร้างขึ้น” ครูใหญ่ยิ้ม

ยี่ห้อของครอบครัว

ณ ตอนที่บทความนี้เผยแพร่ ส.สะพานมอญสอนและสอบใบขับขี่นักเรียนมากว่า 86 รุ่นแล้ว

แน่นอนว่านี่คือเกณฑ์วัดความสำเร็จที่เห็นชัดกว่านี้ไม่มี แต่สำหรับครูใหญ่ ยังมีเกณฑ์อื่นๆ นอกจากนี้ที่ท่านภูมิใจเป็นพิเศษ

“ความสำเร็จอีกอย่างของครูคือมีคนบอกต่อ อย่างนักเรียนคนหนึ่งเป็นคุณยายเจ็ดสิบสองปีที่ลูกพามาเรียน เราถามท่านว่าทำไมเลือกมาเรียนที่ ส.สะพานมอญ ท่านก็บอกว่าในบรรดาลูกสามสี่คน ลูกคนที่จบจากโรงเรียน ส.สะพานมอญเป็นคนที่ขับรถดีที่สุด เพราะฉะนั้นแม่จะมาเรียนที่ ส.สะพานมอญเหมือนกัน” ครูใหญ่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจจากการทำงานมาหลายสิบปี

“แล้วการเป็นครูของโรงเรียนมาหลายสิบปีสอนอะไรครูใหญ่บ้าง” เราสงสัย

“สิ่งที่โรงเรียน ส.สะพานมอญสอนตัวครูคือ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ คนที่มาเรียนเขาอยากขับรถเป็น เราต้องมองให้ออกว่านักเรียนแต่ละคนขาดหรือมีอะไร 

“พ่อแม่ของครูสร้างที่นี่ขึ้นมาด้วยความรัก ครูมาสานต่อด้วยความรักเช่นกัน เรารักงานของพ่อแม่เหมือนรักพ่อแม่ ฉะนั้นเราจะสอนนักเรียนให้เหมือนกับว่าเขาเป็นคนในครอบครัว เพราะสำหรับครู การได้ทำงานนี้มันเหมือนได้ทำงานของครอบครัว

“การได้ทำงานของครอบครัวมันมีความหมายต่อตัวครูนะ เพราะมันเป็นงานที่ทำเพื่อชื่อเสียงของครอบครัว ครูเหมือนคนมียี่ห้อ เวลาไปไหนเขาไม่ได้เรียกชื่อครูนะ เขาเรียก ส.สะพานมอญมาแล้ว” ครูใหญ่หัวเราะทิ้งท้าย

ส.สะพานมอญ โรงเรียนสอนขับรถ

Writer

Photographer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.