“กำลังหาหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยเหรอ ไปร้านหนังสือริมขอบฟ้าสิ”
คำบอกเล่าแบบปากต่อปากของเหล่าหนอนหนังสือ ทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ ชั้นเดียวบนหัวมุมถนนดินสอ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลายเป็นร้านหนังสืออิสระชื่อแรกที่ปรากฏขึ้นมาเสมอเมื่อมีคีย์เวิร์ดคำว่า ‘หนังสือ’ และ ‘ประเทศไทย’
แม้ปัจจุบันร้านหนังสือริมขอบฟ้าจะย้ายตัวเองเข้าสู่บ้านหลังใหม่ในย่านบางพลัด ก็ไม่ได้ทำให้ร้านหนังสืออิสระแห่งนี้ซบเซาลงแต่อย่างใด กลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทั้งที่สนใจเรื่องประเทศไทย และกลุ่มคนใหม่ๆ ที่ถูกดึงดูดด้วยความน่าสนใจของตัวร้าน
ว่าแต่ร้านหนังสืออิสระที่ขายหนังสือเฉพาะทางที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มแบบนี้สามารถดำรงอยู่มาจนถึงปีที่ 21 ได้อย่างไร วันนี้คอลัมน์ Urban Guide พามาบุกบ้านหลังใหม่ พร้อมพูดคุยกับ ‘จำนงค์ ศรีนวล’ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท วิริยะธุรกิจ จำกัด ที่ควบตำแหน่งผู้ดูแลร้านหนังสือริมขอบฟ้า สำนักพิมพ์เมืองโบราณ และนิตยสารสารคดี ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“ริมขอบฟ้า
ที่ซึ่งฟ้าบรรจบดิน
เส้นที่ไม่มีอยู่จริง
แต่มองเห็นได้
พ่อบอกลูกให้มองออกไปไกลไกล
มองไปที่ริมขอบฟ้า
สู่ความฝันและจินตนาการของมนุษย์”
คำกล่าวจาก บันทึกความคิด ของ ‘เล็ก วิริยะพันธุ์’ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณและเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษางานด้านปรัชญา ที่ควบตำแหน่งคุณตาอันเป็นที่รักของหลานผู้ก่อตั้งร้านหนังสือ ‘กันธร วิริยะพันธุ์’ คือที่มาของชื่อ ‘ร้านหนังสือริมขอบฟ้า’ จุดหมายปลายทางของคนรักหนังสือ
ปัจจุบันร้านได้โยกย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ย่านบางพลัด ซึ่งห่างจาก MRT สถานีสิรินธร ทางออก 3 มาไม่ไกล
“แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นอาคารที่ทำการเก่าของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) หลังจากพื้นที่ตั้งร้านเดิมถูกทางการขอเวนคืนเพื่อใช้เป็นที่ตั้งสถานีรถไฟใต้ดิน เราเลยขออาคารหลังนี้มาปรับปรุงใหม่” จำนงค์บอกกับเราถึงเหตุจำเป็นที่ต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่
เขาเล่าเท้าความย้อนไปว่า ก่อนจะมาเป็นร้านหนังสือริมขอบฟ้าทำเลแรก เดิมทีพื้นที่ตั้งร้านบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกใช้เป็นศูนย์ข้อมูลของเมืองโบราณ เป็นออฟฟิศสำหรับพูดคุยเรื่องการสร้างเมืองโบราณ คล้ายๆ กึ่งห้องสมุดของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ และที่ปรึกษาประมาณ 4 – 5 ท่านมาก่อน
และด้วยความที่ตรงนั้นเป็นทำเลที่มีการทำกิจกรรมทางสังคมค่อนข้างเยอะ มีคนเดินผ่านไปมาพอสมควร ทำให้พอเปลี่ยนตัวมาเป็นร้านหนังสืออิสระจึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักในพื้นที่อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังมองหาหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทย
นึกถึงหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทย นึกถึงริมขอบฟ้า
“ที่นี่เรามีสโลแกนว่า ‘รู้เรื่องเมืองไทย Discover Thailand’ เป็นกรอบ เพราะฉะนั้นหนังสือที่จัดจำหน่ายส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมืองไทยทั้งหมด ทำให้เวลาใครหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องเมืองไทยเขาจะมาที่นี่” จำนงค์เล่าถึงความพิเศษของหนังสือที่ขายในร้านให้เราฟัง
หลังจากเดินสำรวจสอดส่องตามชั้น เราพบว่าที่นี่มีหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยทุกแขนง ตั้งแต่ศิลปวัฒนธรรม โบราณคดี หนังสือพื้นถิ่น ประเพณี 4 ภาค วรรณกรรม ไปจนถึงหนังสือเชิงวิชาการ หนังสือเชิงค้นคว้าที่พูดเรื่องเมืองไทยในทางลึก และ ‘หนังสือหายาก’
“คำว่าหนังสือหายากในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหนังสือเก่าหายากเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงหนังสือที่ใช้ทุนพิมพ์หนังสือเยอะ จนบางทีต้องไปขอความสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เพื่อจัดทำหนังสือขึ้นมา ทำให้ไม่มีจำหน่ายโดยทั่วไป รวมถึงหนังสือของทางการ เช่น กรมศิลปากร ที่พิมพ์จำนวนจำกัดด้วยกระดาษอย่างดี ทำให้มีราคาสูง” จำนงค์อธิบายความ
และด้วยความที่หนังสือมีความเฉพาะกลุ่ม ทำให้ลูกค้าหลักคือกลุ่มคนที่สนใจเรื่องประเทศไทยอยู่เดิม และกลุ่มนักศึกษาทั้งปริญญาตรี โท เอก ผู้มองหาหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยที่ลงลึกไปมากกว่าข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต หลายคนคือลูกค้าหน้าเดิมๆ ที่มักแวะเวียนมาเข้าร้านบ่อยๆ จนสนิทกับพนักงานที่ร้านไปโดยปริยาย
โอบรับกลุ่มคนใหม่ๆ แต่ยังไม่ทิ้งตัวตน
“ด้วยความที่เราเป็นร้านหนังสือเฉพาะทาง กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการตรงกันจะเข้ามาใช้บริการบ่อย ขณะเดียวกันผมก็อยากให้คนกลุ่มใหม่ๆ ได้ลองเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกัน” ผู้ดูแลร้านหนังสือริมขอบฟ้าบอกถึงความตั้งใจ
ด้วยเหตุนี้ นอกจากการจัดกิจกรรมเสวนากับนักเขียนที่ออกหนังสือใหม่ พูดคุยกับนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ถึงเรื่องที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารสารคดีที่จะสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งการจัดอีเวนต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยซึ่งจัดมาตั้งแต่สมัยอยู่ร้านเดิมแล้ว ร้านหนังสือริมขอบฟ้ายังพยายามเปิดน่านฟ้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น แบบที่สัมผัสได้ตั้งแต่หน้าร้าน
ร้านแห่งใหม่ในอาคารหลังเก่าแห่งนี้ถูกรีโนเวตโดยหยิบเอาคู่สีดำ-น้ำตาลมาใช้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทำให้ตัวอาคารสะดุดตา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังกลมกลืนไปกับพื้นที่ข้างเคียง
กลิ่นกระดาษที่เหล่านักอ่านหลงรักเบลนด์ไปกับกลิ่นกาแฟอ่อนๆ ของโซนร้านกาแฟ ตัวร้านสีขาวครีมที่ตัดกับกระเบื้องสีน้ำตาลรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายอิฐบล็อก ยิ่งเชื้อเชิญให้เราก้าวเข้าสู่อาณาจักรหนังสือแห่งนี้อย่างไม่รู้ตัว ท่ามกลางความอบอุ่นสบายใจ เหมือนได้พักผ่อนจากชีวิตที่เร่งรีบ
จำนงค์บอกว่า ก่อนหน้านี้คนที่มาร้านเดิมมักจะมีจุดมุ่งหมายคือต้องการซื้อหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยโดยเฉพาะ แต่สำหรับร้านใหม่ต้องทำให้ได้มากกว่านั้น
“เราวิเคราะห์กันว่า ถ้าอยากใช้โซเชียลบอกต่อปากต่อปากให้ตัวร้านเป็นกระแสในคนรุ่นใหม่ ต้องมีร้านกาแฟอยู่ด้วย เลยนำร้านกาแฟ Black and milk ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในศรีราชาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา” เขาเล่าถึงวิธีคิดที่พยายามจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น
ดังนั้นเมื่อเข้าไปในร้านจะพบว่า พื้นที่ชั้นล่างส่วนหนึ่งถูกแบ่งสันให้ร้าน Black and milk ที่มาพร้อม Specialty Coffee และเมนูขนมอร่อยๆ จากชลบุรี ที่จะทำให้ทั้งวันเป็นวันที่ดี โดยจำนงค์มองว่า คนที่เข้ามาในร้านหนังสือริมขอบฟ้าไม่จำเป็นต้องมาเพื่อหาหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่สามารถพาตัวเองมาพักผ่อนในโซนร้านกาแฟในวันสบายๆ หรือมาถ่ายรูปเช็กอินมุมสวยๆ เป็นจุดประสงค์หลักได้เช่นกัน
“เราแค่อยากให้คนที่มาดื่มกาแฟได้มีโอกาสเดินดูภายในร้านหนังสือของเราไปด้วย อยากให้เขาแปลกใจว่ามีหนังสือเฉพาะทางแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ” เขาเล่าพร้อมกับมองไปรอบๆ ตัวร้านด้วยรอยยิ้ม
ร้านหนังสืออิสระ พื้นที่เฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยทอดทิ้งคนอ่าน
หลังจากคุยกันมาสักพักก็ทำเอาเราอดถามไม่ได้ว่า แล้วอะไรที่ทำให้ร้านหนังสืออิสระที่ขายหนังสือเฉพาะกลุ่มแบบนี้ยังคงดำเนินกิจการต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 21
“แน่นอนว่าร้านหนังสืออิสระมีต้นทุนในการดูแลค่อนข้างสูง หลายครั้งต้นทางของการเปิดร้านหนังสืออิสระคือบ้าน คือห้องแถว บ้างที่ก็เป็นร้านกาแฟด้วยซ้ำไป แต่ยังไงก็ตาม เหตุผลที่เราไม่เจ๊งส่วนหนึ่งเพราะเราพูดเรื่องเฉพาะกลุ่มด้วยเหมือนกัน ซึ่งทำให้ผู้อ่านที่อยากได้หนังสือแนวนี้คิดถึงร้านหนังสือริมขอบฟ้าเป็นอันดับแรก” ผู้ดูแลร้านตอบเราทันที
อย่างที่รู้กันว่า การเข้ามาของสื่อออนไลน์กำลังทำให้คนอ่านหนังสือในรูปแบบรูปเล่มน้อยลง ทำให้การจะพิมพ์หนังสือสักเล่มยากขึ้นกว่าเดิมมาก แต่จำนงค์ก็ยังมองวิกฤติเป็นโอกาสว่า ในขณะเดียวกันโลกออนไลน์ก็คือโลกที่เชื่อมผู้อ่านเข้าหาผู้ขายได้มากขึ้นด้วย
“แต่ก่อนเวลาอยู่ต่างจังหวัดแล้วมีหนังสืออะไรที่เราสนใจ เราก็จะไปสั่งร้านหนังสือให้หาให้ แต่ปัจจุบันนี้มันง่ายกว่านั้นมาก เพราะมีการสื่อสารสองทาง เขาอยากได้หนังสืออะไรก็มาถาม เรามีหนังสืออะไรก็แนะนำไป เพราะหนังสือเฉพาะมีขนาดเล่มหนา มีรูปเยอะๆ มันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโผล่ในออนไลน์ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องมาซื้อหนังสือแน่นอน” เขาบอกกับเราอย่างมั่นใจ
และแม้เราจะพูดมาตลอดว่าร้านหนังสือริมขอบฟ้าเป็นร้านหนังสืออิสระที่นำเสนอหนังสือเฉพาะทางเกี่ยวกับประเทศไทย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถหาหนังสือแนวอื่นในร้านนี้ได้เลยซะทีเดียว
เพราะหากช่วงนั้นๆ มีหนังสืออะไรที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือซีไรต์ การ์ตูนออกใหม่ หรือแม้แต่นิยายวาย กระทั่งมีวาระที่น่าสนใจก็จะมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาวางขายที่ร้านด้วยเหมือนกัน โดยจะมีการแจ้งข่าวอยู่เรื่อยๆ ผ่านเพจเฟซบุ๊กของทางร้าน
“อย่างเดือนนี้เราเอาการ์ตูนเข้ามา เดือนหน้าอาจจะเป็นเรื่องซีไรต์ ทำให้ลูกค้าเกิดการหมุนเวียน” และจากความพิเศษส่วนนี้เองที่ร้านน่าจะสามารถดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ให้เข้ามาสนใจเรื่องประเทศไทยมากขึ้น
ปัจจุบันถือว่ามิชชันนี้สำเร็จไปอีกขั้น เพราะชื่อของร้านหนังสือริมขอบฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเมืองไทยอีกต่อไป แต่ยังเป็นชื่อที่คุ้นหูกลุ่มนักอ่านและคนรุ่นใหม่สายคาเฟ่ที่มองหาร้านหนังสืออิสระดีไซน์สวย เพื่อสอดส่องหนังสือถูกใจสักเล่ม พร้อมจิบกาแฟและกินขนมอร่อยๆ สักชิ้นไปด้วย
ร้านหนังสือริมขอบฟ้า
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 18.00 น.
พิกัด : 121 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
แผนที่ : maps.app.goo.gl/n5NTDdEELcEJ3HJGA
ช่องทางติดต่อ :
โทร. 08 1344 5132, 09 3666 2869
E-mail : [email protected] และ [email protected]
Facebook : RimkhobfaBooks
ID Line : @Rimkhobfabooks
Instagram : Rimkhobfabooks