LATEST
‘SiraWigs’ อาณาจักรวิกทอมือของ ‘ไจ๋ ซีร่า’ ที่อยากให้คนไทยสนุกและมั่นใจกับการแปลงโฉม
เมื่อพูดถึง ‘วิกผม’ หลายคนอาจมองว่าเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต แต่สำหรับคนจำนวนไม่น้อย วิกผมอันเดียวกันนี้คือหนึ่งในเครื่องมือประกอบอาชีพที่ เสริมสร้างความมั่นใจ หรือแสดงออกถึงตัวตนที่ซ่อนลึกอยู่ภายในให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนภายนอก เพื่อทำความเข้าใจถึงการมีอยู่ของลักษณะและประเภทของวิกผมในท้องตลาด วันนี้คอลัมน์ The Professional จึงขอชวน ‘ไจ๋-ศิรวิชญ์ กมลวรวุฒิ’ หรือ ‘ไจ๋ ซีร่า’ Drag Queen เบอร์ต้นๆ ของวงการที่ตัดสินใจเปิดธุรกิจ ‘SiraWigs’ แบรนด์วิกทอมือที่ถูกเรียกกันจนติดปากว่า ‘วิกพี่ไจ๋’ มาพูดคุยแบบลงลึกถึงจักรวาลวิกทอมือตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ เหตุผลอะไรที่ทำให้บรรดาลูกๆ Drag Queen ทั้งหลาย รวมไปถึงเซเลบ ดารา อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลทั่วไปที่มีความต้องการใช้วิกต่างมองหาวิกจาก SiraWigs เป็นอันดับแรกๆ เราขอชวนทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน Drag Queen กับวิกผมเป็นของคู่กัน การถือกำเนิดของแบรนด์ ‘SiraWigs’ นั้นมีสารตั้งต้นมาจากอาชีพ Drag Queen ของไจ๋ ที่ทำให้ต้องคลุกคลีอยู่กับวงการวิกผมมาโดยตลอด ซึ่งจุดเริ่มต้นในครั้งนี้เกิดจากการเจอกันของไจ๋และเพื่อน Drag ชาวเยอรมนีเมื่อครั้งที่ไจ๋อยู่ประเทศออสเตรเลีย “เราเป็นนางโชว์มาก่อน พอขยับจากนางโชว์มาเป็น Drag Queen เรื่องของวิกก็กลายเป็นเรื่องคู่กันที่ขาดไม่ได้ […]
‘ลัทธิชาตินิยามทางศาสนา’ คืออะไร ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และโอบรับความแตกต่างในสังคมได้
‘ศาสนา’ คือลัทธิความเชื่อของมนุษย์ ที่อธิบายการกำเนิดและความเป็นไปของโลก หลักศีลธรรม พิธีกรรม และความเชื่อ มากไปกว่านั้น ศาสนายังเป็นดั่งเข็มทิศที่กำหนดกรอบจริยธรรมให้ผู้นับถือปฏิบัติตาม ช่วยนำทางชีวิต และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่ประเทศจะมีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่มีคนนับถือเป็นจำนวนมากกว่าศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำ ‘อัตลักษณ์ทางศาสนา’ (Religious Identity) ไปหลอมรวมกับ ‘เอกลักษณ์ประจำชาติ’ (National Identity) จนเกิดเป็น ‘ลัทธิชาตินิยมทางศาสนา’ (Religious Nationalism) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ศาสนาอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกและกีดกันผู้นับถือศาสนาอื่น จนอาจลามไปถึงความขัดแย้งรุนแรงได้ ในหน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัย หลายต่อหลายครั้งพวกเราได้เห็นผลพวงจากการนำศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือ เช่น ในประเทศอินเดียที่พรรคการเมืองใช้วาทกรรมเหยียดศาสนาอิสลามเพื่อสร้างความนิยม และออกนโยบายเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม ‘กลุ่มรัฐอิสลาม’ หรือ ‘IS’ ที่ใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือรวบรวมกำลังพลและเป็นอุดมการณ์ในการก่อตั้งประเทศ และใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่งกับฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่าง และเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในประเทศเมียนมาร์ที่กระทำโดยพลเมือง พระ และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีบ่อเกิดความรุนแรงจากการโหมแนวคิดว่าชาวโรฮิงญาไม่ใช่ชาติพันธุ์ของประเทศเมียนมาร์ และเป็นภัยต่อศาสนาพุทธ ประเทศไทยเองก็เป็นดินแดนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ถึงแม้จะไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างศาสนาอย่างชัดเจน และคนส่วนใหญ่ก็ให้ความเคารพในสิทธิการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนของชาวพุทธที่มีอย่างมากในประเทศไทย และสถานะของศาสนาพุทธที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบทบาทอย่างมากกับสังคม ทำให้ในบางครั้งอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่พยายามใช้ศาสนาพุทธในการขับเคลื่อนอุดมการณ์ชาตินิยมหรือทางการเมือง และมีการสร้างความหวาดระแวงต่อกลุ่มศาสนาอื่น โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อศาสนาพุทธและประเทศ วาทกรรมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความตั้งใจของประเทศในการสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย และเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรที่จะสามารถหยุดยั้งความขัดแย้งทางศาสนาก่อนที่จะปะทุไปเป็นความรุนแรง United Nations […]
สร้างความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ทางเพศ ด้วยถุงยางอนามัยตามสีผิวครั้งแรกของโลก แถมยังย่อยสลายได้หลังการใช้งาน
ในยุคปัจจุบันที่สังคมค่อนข้างเปิดกว้าง ผู้คนกล้าพูดคุยถึงเรื่องทางเพศกันมากขึ้น แถมผลิตภัณฑ์ทางเพศอย่าง ‘ถุงยางอนามัย’ หลากหลายประเภทยังถูกผลิตและวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป มีตั้งแต่ถุงยางอนามัยกลิ่นสตรอว์เบอร์รี กลิ่นช็อกโกแลต หรือจะเลือกผิวสัมผัสและสีที่ต้องการก็ได้หมด ทั้งแดง ชมพู ดำ ทอง ฯลฯ แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมถุงยางอนามัยถึงไม่มีสีที่เข้ากับสีผิวของ ‘คนผิวสี’ (People of Color) ด้วยเหตุนี้ ‘Roam’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศกำลังท้าทายแนวคิดดังกล่าวด้วยการเปิดตัว ‘ถุงยางอนามัยที่มีสีผิว’ ครั้งแรกของโลก โดยทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ‘Word on the Curb’ เพื่อพัฒนาถุงยางที่รองรับโทนสีผิวที่หลากหลาย โดยอธิบายว่า การออกแบบที่ครอบคลุมนี้คือการเพิ่มทางเลือกและเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์นี้มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สียางธรรมชาติ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาล และสีน้ำตาลเข้ม นอกเหนือจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวหลากหลายแล้ว ถุงยางอนามัยของ Roam ยังทำจากน้ำยางธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้หลังการใช้งาน มาพร้อมฟอยล์กระดาษแทนบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไปเพื่อลดขยะอีกด้วย ที่สำคัญ ทุกการซื้อถุงยางอนามัย Roam จะบริจาคถุงยางอนามัยให้กับองค์กรการกุศลด้านสุขภาพทางเพศ ‘Brook’ เพื่อส่งเสริมการป้องกันทางเพศให้แก่ชุมชนที่การซื้อถุงยางอนามัยถูกตีตราและมองว่าเป็นเรื่องน่าอายด้วย Source : DesignTAXI | t.ly/Nxs43
RE.UNIQLO เปิดรับเสื้อกันหนาวเพื่อส่งต่อ ช่วยลดขยะ ยืดเวลาการใช้เสื้อ และลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากความหนาว
แม้ว่าฤดูหนาวบ้านเราจะไม่หนาวเหน็บขนาดที่หยิบเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ในประเทศ ที่คนในพื้นที่เสียชีวิตจากความหนาวเพราะขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันความเย็นเมื่อเข้าหน้าหนาวหรืออุณหภูมิลดต่ำลง โครงการ ‘RE.UNIQLO’ ชวนทุกคนมาร่วมกันบริจาคเสื้อกันหนาวที่ใส่ไม่ได้หรือไม่ใส่แล้วให้ทางแบรนด์เสื้อผ้า UNIQLO เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งต่อเสื้อกันหนาวจำนวน 50,000 ตัวให้กับผู้ที่ต้องการได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นเวลาหลายปีที่โครงการ RE.UNIQLO มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2549 เพื่อรวบรวมเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วของลูกค้ามาส่งต่อให้ผู้อื่นที่ต้องการ หรือนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดขยะแฟชั่น ลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าให้นานขึ้น สอดคล้องกับจุดยืนของ UNIQLO ที่เป็นมิตรต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชน หากใครมีเสื้อกันหนาวที่ใส่ไม่ได้หรือไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม สามารถนำไปบริจาคกับ UNIQLO ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ที่จุดรับบริจาคและที่หน้าร้านทุกสาขา
Bronx Children’s Museum เปลี่ยนโรงไฟฟ้าเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์เด็ก หลังจากดำเนินการโดยไม่มีอาคารมากว่า 10 ปี
หลังจากที่ ‘Bronx Children’s Museum’ พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กบนรถบัสสีม่วงสดใส ได้เคลื่อนตัวไปทั่วนิวยอร์กโดยไม่มีอาคารจัดแสดงเป็นหลักเป็นแหล่งมานานกว่า 10 ปี ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมปีที่แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอาคารที่ตั้งอย่างเป็นทางการที่ริมแม่น้ำฮาร์เล็มในเขต South Bronx Bronx Children’s Museum แห่งนี้กินพื้นที่ขนาด 13,650 ตารางฟุตในชั้นสองของโรงไฟฟ้าเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1925 อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวจาก Bronx Terminal Market, Yankee Stadium และสถานีรถไฟใต้ดินใกล้เคียง จุดมุ่งหมายของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ต้องการให้เด็กๆ ในเมืองมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมของเมืองและธรรมชาติ ผ่านการออกแบบโดยสตูดิโอ ‘O’Neill McVoy Architects’ ที่เชื่อมต่อรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำ แผ่นกั้นห้องและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายใน Bronx Children’s Museum สร้างขึ้นจากผนังพาร์ติชันไม้ลามิเนต (CLT) แบบโค้งดัดได้และแผ่นอะคริลิกรีไซเคิลโปร่งแสง ให้ความรู้สึกเหมือนภายในมีความเชื่อมต่อกันระหว่างที่เราเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีการใช้โคมไฟ LED ระบบเซนเซอร์ที่เพิ่มหรือลดแสงภายในพิพิธภัณฑ์ให้สอดคล้องไปกับแสงแดดจากภายนอกอย่างเหมาะสม หน้าต่างที่ช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น รวมไปถึงติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบเครื่องปรับอากาศภายในตัวอาคาร ปัจจุบัน Bronx Children’s Museum เปิดให้เข้าชมสัปดาห์ละ […]
‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศ ให้เลือกแมตช์ 20 เสียง กับ 40 ภาพพื้นหลัง มีฟังก์ชันจับเวลา สมุดโน้ต และ PDF Reader
เว็บไซต์สร้างบรรยากาศระหว่างทำงาน ที่ฟังเพลงไปพร้อมๆ กับเสียงบรรยากาศอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้วในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีทั้งเว็บไซต์ LifeAt, Imissmycafe หรือ Noisli ให้เลือกใช้ แต่ครั้งนี้ Urban Creature ขอป้ายยาอีกครั้งกับ ‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศเบาสบาย ที่อาจกลายเป็นเพื่อนคนใหม่ในวันเหงาๆ ที่คุณต้องทำงานอยู่บ้านคนเดียว ด้วยความพิเศษที่ผู้ใช้สามารถเลือกมิกซ์เสียงบรรยากาศได้ตั้งแต่เสียงฝน คีย์บอร์ด รถไฟ หรืออื่นๆ อีกมากมายกว่า 20 เสียง ให้กลายเป็นเสียงบรรยากาศประจำตัวได้ง่ายๆ แถมเอาไปจับคู่กับภาพวาดพื้นหลังที่มีให้เลือกกว่า 40 ภาพ (อัปเดตทุกเดือน) หรือเพลงสไตล์ Lofi จากเว็บไซต์เองก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ ภาพวาดพื้นหลังสถานที่ต่างๆ ยังมีกิมมิกที่ให้ผู้ใช้งานเลือกเปลี่ยนเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนได้ เพิ่มความแปลกใหม่และเข้ากับช่วงเวลาที่ใช้งานอยู่ นี่ยังไม่รวมฟังก์ชันอื่นๆ อย่างนาฬิกาจับเวลาแบบ Pomodoro ที่เป็นเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสมาธิกับงานที่ทำมากขึ้น สมุดโน้ตที่จดบันทึกความคิดได้ตลอดเวลา PDF Reader ที่นำเข้าไฟล์ได้ไม่สะดุด หรือแม้กระทั่งคลิป YouTube ที่เล่นภายในหน้าเว็บไซต์ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าเว็บให้วุ่นวาย Lofi.co เปิดให้ใช้บริการฟรีในบางฟีเจอร์ และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของเว็บไซต์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นใน 3 ราคา ดังนี้ ใครสนใจอยากลองเล่นเว็บไซต์แบบฟรีๆ […]
Urban Eyes 35/50 เขตบางเขน
บางเขนเป็นอีกหนึ่งเขตที่เราแทบไม่เคยไปทำความรู้จักเลย พอได้มีโอกาสลงพื้นที่สำรวจ ก็ทำให้รู้ว่าเขตนี้มีรถไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว แต่ถนนหนทางยังไม่ค่อยเรียบร้อยเป็นระบบนัก นอกจากมีวัดและห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กประจำเขตเหมือนทุกๆ เขตแล้ว เขตนี้ก็มีอีกสถานที่ที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสวนที่จัดวางต้นไม้อย่างแน่นขนัด ทั้งยังมีสนามกีฬาหลากหลายประเภท แถมบรรยากาศดี ถ้าอยู่แถวนี้เราคงไปแทบทุกวัน และนี่คือเหล่าสถานที่ในเขตบางเขนที่เราไปตะลุยเดินถ่ายภาพแนวสตรีทโฟโต้มาให้ทุกคนชมกัน วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ━ วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2484 โดยได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ในปีเดียวกัน และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารใน พ.ศ. 2485 ถ้าใครขับรถไปตามถนนพหลโยธินโดยไม่ลอดอุโมงค์ใต้ถนนรามอินทรา จะมองเห็นเจดีย์ขาวๆ ของที่นี่อย่างเด่นชัด บริเวณรอบๆ ตัวเจดีย์มีรูปปั้นองค์พระให้กราบไหว้ขอพร ส่วนตรงกลางภายในเจดีย์นั้นมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่รายล้อมด้วยช่องบรรจุอัฐิของผู้ทำประโยชน์แก่ประเทศ ผู้คนที่เข้ามากราบไหว้สักการะบางส่วนก็เข้ามานั่งสมาธิ ทำวิปัสสนากรรมฐาน เราชอบซีนรอบนอกของวัด เนื่องจากมีผู้คนเข้ามากราบไหว้เรื่อยๆ บวกกับรูปปั้นที่อยู่รอบบริเวณช่วยสร้างความน่าสนใจให้พื้นที่ ทั้งนี้ รอบบริเวณเจดีย์ที่นี่ก็มีสวนหย่อมเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย ตลาดลาดปลาเค้า ━ ที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ มีหลังคาคลุม ช่วงเย็นมีตลาดนัด แต่หาที่จอดยากหน่อย ดูเป็นแหล่งของกินของใช้ของชาวบางเขน วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ ━ แค่ชื่อเราก็รู้แล้วว่าต้องมีองค์พระศิวะแน่นอน เมื่อไปถึงวิหารฯ เราจะเห็นองค์พระศิวะขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรเลย นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นองค์พระหลากหลายแบบให้เลือกกราบไหว้ได้ตามอัธยาศัย ทั้งพระไทยและพระจีน […]
‘Cultural Pavilion’ ฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่ในออสเตรีย ที่รื้อถอน ประกอบใหม่ และขยายได้ตามต้องการ
คอนเสิร์ตและงานเทศกาลต่างๆ มักถูกเพ่งเล็งว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ที่ประเทศออสเตรีย มีฮอลล์คอนเสิร์ตที่เน้นเรื่องความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่ด้วย ‘Cultural Pavilion’ คือฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่แห่งใหม่ในเมือง Semmering ที่สร้างโดยบริษัทสถาปนิก ‘Vienna-based Mostlikely Architecture’ โดยออกแบบมาเพื่อให้มีความผสมผสานและกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบที่เป็นทิวทัศน์ของภูเขา Semmering เพื่อความกลมกลืนกับป่าด้านข้าง การก่อสร้าง Pavilion เลือกใช้ไม้สนที่ผ่านการรับรองในท้องถิ่นเท่านั้น โดยมีการแปรรูปต้นสนทั้งหมดประมาณ 75 ตันในการสร้าง ส่วนระบบปรับอากาศก็ใช้การระบายอากาศโดยธรรมชาติอย่างเหมาะสม และซัปพอร์ตด้วยหลักการ ‘ชิมนีย์เอฟเฟกต์’ (Chimney Effect) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานสูงของระบบทางเทคนิคที่อาจส่งผลต่อกระทบสิ่งแวดล้อมรอบด้าน นอกจากนี้ Cultural Pavilion ยังใช้วิธีการออกแบบกึ่งสำเร็จรูป ที่ถอดและประกอบตัวสิ่งก่อสร้างใหม่ได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น และหากในอนาคตจะมีเทศกาลขนาดใหญ่มาใช้พื้นที่แห่งนี้ ตัว Pavilion ก็สามารถดัดแปลงและขยายพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละงานได้เช่นกัน Cultural Pavilion ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยเส้นและความลาดเอียงในการตกแต่งภายใน ทั้งม่าน องค์ประกอบทางเทคนิค และแสงที่ส่องเข้ามา รวมถึงตัวอาคารที่มีหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ มองเห็นทิวทัศน์ของป่าได้ไกลเกือบถึงเวียนนา ทำให้ผู้เข้าร่วมงานในเทศกาลต่างๆ ได้ชมวิวโดยรอบในระหว่างที่ดื่มด่ำกับงานแสดงภายในไปพร้อมๆ กัน Sources :Designboom | bit.ly/3Vy5RxZMostlikely | bit.ly/44w0gwj
‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ เกมทางเลือกที่อยากให้สังคมเข้าใจความกลัวของผู้หญิงทุกคน
ทุกครั้งที่ต้องแยกทางกับเพื่อนโดยเฉพาะช่วงกลางคืน เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงไม่ลืมที่จะกำชับและเตือนกันว่า ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วย’ จนประโยคนี้แทบจะกลายเป็นอีกหนึ่งคำบอกลาที่ติดปากไปแล้ว บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมประโยคเหล่านี้ถึงกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงหลายๆ คน ทำไมต้องอยากรู้ว่าเพื่อนถึงบ้านแล้วหรือยัง หรือทำไมถึงบ้านแล้วต้องบอกให้คนอื่นรับรู้ด้วย ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ อาจจะดูเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วแฝงไปด้วยความห่วงใย และสะท้อนถึงความอันตรายจากการเดินทางในเมืองนี้ เพราะการบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเอง ‘ถึงบ้านแล้ว’ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราปลอดภัยและกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ จากความเป็นห่วงเป็นใยในชีวิตประจำวันที่กลายเป็นความคุ้นชิน ‘ต้า-พิมพิศา เกือบรัมย์’ นักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์ สาขานิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงเลือกทำธีสิสที่ชื่อว่า ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ ซึ่งมาในรูปแบบของ ‘เกมทางเลือก’ ที่จำลองสถานการณ์การกลับบ้านคนเดียวในช่วงเวลากลางคืน โดยผู้เล่นต้องตัดสินใจแทนตัวละครเมื่อเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ท้ายที่สุดเกมนี้จะทำให้ผู้เล่นตระหนักและเข้าใจถึงความกังวลใจของผู้หญิงหลายๆ คนที่ต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะในช่วงเวลาไหนก็ตาม วันนี้ คอลัมน์ Debut ขอชวนทุกคนไปพูดคุยกับต้าถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ รวมไปถึงความตั้งใจที่จะทำให้ผู้คนในสังคมเข้าใจและตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ ปัญหาการคุกคามไม่ได้เกิดจากเหยื่อ “อยากลองทำอะไรสักอย่างให้สังคมได้พูดถึงปัญหาการคุกคามทางเพศหรืออันตรายของการเดินทางคนเดียวมากขึ้น อยากให้สังคมเลิกโทษเหยื่อและเข้าใจว่าการถูกคุกคามไม่ได้เกิดขึ้นจากเหยื่อ” ต้าเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเกมนี้ซึ่งเกิดจากประเด็นเรื่อง ‘ความปลอดภัยของผู้หญิง’ ที่กลายเป็นปัญหาในสังคมของเรามานาน เนื่องจากประเทศไทยมีอาชญากรรมและความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่รอบตัวทุกวัน และส่วนใหญ่เหยื่อจะเป็นเพศหญิง ทำให้เด็กและผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังให้ระมัดระวังตัวกันมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะระวังตัวแค่ไหน เหตุการณ์อันตรายก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม สังคมของเราอาจยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจความกลัวและความกังวลเหล่านี้ ไม่ว่าจะในสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์ เราเชื่อว่าข่าวที่ถูกหยิบมานำเสนอบ่อยครั้งคือเหตุการณ์ที่หญิงสาวถูกคุกคามทางเพศ ในสถานการณ์และสถานที่ที่ต่างกันไป แต่แทนที่จะตั้งข้อสงสัยกับการลงมือของคนร้าย สังคมกลับมักตั้งคำถามถึงการแต่งกายของผู้เสียหายก่อนเป็นอย่างแรก ทำให้ต้าเล็งเห็นถึงปัญหาและความไม่เข้าใจของคนในสังคมว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร […]
อะไรเอ่ย ทุกบ้านต้องมี แก้ร้อนแก้ชื้นไม่เปิดไม่ได้ | Now You Know
เดือนพฤษภาคมช่วงคาบเกี่ยวหน้าร้อนหน้าฝนแบบนี้ คนเมืองน่าจะกำลังหงุดหงิดกับอากาศร้อนๆ ชื้นๆ กันอยู่ ย้อนไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 สภาพอากาศที่ว่านี้ก็สร้างปัญหาแก่โรงพิมพ์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ทำให้เครื่องจักรมีความชื้นจนเกิดความผิดพลาดในการพิมพ์ โรงพิมพ์จึงมอบภารกิจให้วิศวกรหนุ่มแก้ปัญหาอากาศร้อนชื้นนี้ Now You Know พาทุกคนย้อนเวลาไปสู่จุดเริ่มต้นของสิ่งประดิษฐ์ที่จะปฏิวัติสภาพอากาศ ทำให้มนุษย์ควบคุมความเย็นความร้อน ความชื้นความแห้งได้ดั่งใจ อย่าง ‘เครื่องปรับอากาศ’ หรือ ‘Air Conditioner’ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
‘กลาสโกว์’ สู่การเป็น ‘เมืองเฟมินิสต์’ แห่งแรกของสหราชอาณาจักร ที่ออกแบบเพื่อคนทุกกลุ่ม
เมือง ‘กลาสโกว์’ ประเทศสกอตแลนด์ คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีแหล่งช้อปปิงและร้านค้ากระจายอยู่ทั่ว ที่สำคัญยังเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 3 ของสหราชอาณาจักร ที่มาพร้อมความเจริญเกือบทุกด้าน ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ จนทำให้กลาสโกว์มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเปิดกว้างสำหรับทุกคน ทว่าความก้าวหน้าของกลาสโกว์ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เพราะล่าสุดเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ตั้งใจจะทำให้ ‘ผู้หญิง’ เป็นศูนย์กลางของการวางผังเมืองในทุกมิติ เพราะรัฐบาลของเมืองเชื่อว่า ‘การออกแบบเมืองที่ดีสำหรับผู้หญิง คือการออกแบบเมืองที่ดีสำหรับทุกคน’ คอลัมน์ City in Focus ชวนไปทำความเข้าใจว่า ‘เมืองสำหรับผู้หญิง’ หรือ ‘Feminist City’ หน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมเจาะลึกถึงแผนการสู่การเป็นเมืองเฟมินิสต์แห่งแรกของสหราชอาณาจักร และท้ายที่สุดมูฟเมนต์นี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กลาสโกว์ในมิติไหนบ้าง จุดเริ่มต้นของการออกแบบเมืองเพื่อผู้หญิง เส้นทางสู่การเป็นเมืองเฟมินิสต์ของกลาสโกว์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 หลังจากสภาเทศบาลเมืองกลาสโกว์มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะทำให้ ‘ผู้หญิง’ เป็นหัวใจสำคัญของการวางผังเมืองทุกมิติ โดยผู้ยื่นข้อเสนอนี้คือ ฮอลลี บรูซ (Holly Bruce) สมาชิกสภาจากพรรคกรีน (Green) ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์กลายเป็นเมืองแรกในสหราชอาณาจักรที่จะโอบรับ ‘แนวคิดการออกแบบเมืองแบบสตรีนิยม’ หรือ ‘Feminist Urbanism’ Feminist Urbanism หมายถึงการออกแบบเมืองที่ส่งเสริมการไม่แบ่งแยก และการรวมความหลากหลายของคนทุกกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน […]