
LATEST
การรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรุ่นเก่าและใหม่ในการช่วยกันพัฒนาย่านทรงวาด | Made in Song Wat
‘ทรงวาด’ ย่านที่มีมนตร์เสน่ห์ที่ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ย่านนี้ก็เป็นที่รักของคนรักเมืองมาเสมอ และปัจจุบันก็กลับมาคึกคักกว่าเดิม รวมถึงยังกลายเป็นจุดเช็กอินของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวนับไม่ถ้วน จากการมีธุรกิจใหม่ๆ อย่างร้านอาหาร คาเฟ่ และแกลเลอรีเข้ามาสร้างชีวิตชีวาให้ตัวพื้นที่ โดยที่ยังไม่ทิ้งความน่ารักอบอุ่นของบรรยากาศเก่าๆ ไป ด้วยการรวบรวมเหล่าผู้ประกอบการมาช่วยกันพัฒนาดีเอ็นเอของทรงวาดให้แข็งแรงและทำให้หัวใจของถนนทรงวาดกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง “อยากจะสร้างย่านแบบไหน พวกเราไม่มีใครรู้เลย เราแค่มีใจที่อยากจะทำ มันไม่มีสูตรสำเร็จ” ผู้ประกอบการเหล่านี้รวมตัวกันในชื่อกลุ่ม ‘Made in Song Wat’ ในปี 2565 โดยมี ‘อุ๊ย-เกียรติวัฒน์ ศรีจันทร์วันเพ็ญ’ นายกสมาคมผู้เป็นคนแรกที่ริเริ่มเชิญชวนคนอื่นๆ ได้แก่ ‘เอ๋-พัชรินทร์ ศรีจันทร์วันเพ็ญ’, ‘ป็อก-สุขสันต์ เอื้ออารีชน’, ‘อิน-อินทุกานต์ คชเสนี สิริสันต์’ และ ‘อาร์ท-อรองค์ ประสานพานิช’ ร่วมกับสมาชิกผู้ก่อตั้งในปีแรกในการลงมือพัฒนาย่านนี้ด้วยกัน ซึ่งผลของการร่วมมือร่วมใจของคนในย่านที่สนับสนุน ยอมรับ และเดินหน้าพัฒนาไปด้วยกัน จนทำให้เมื่อปีที่แล้ว ทรงวาดกลายเป็นหนึ่งใน 40 ย่านสุดเจ๋งที่ได้รับการจัดอันดับจากสื่อระดับโลก ส่งผลให้ผู้คนยิ่งอยากเข้ามาลองสัมผัสความเป็นทรงวาดที่หาจากย่านไหนไม่ได้
บ้านวิกลคนประหลาด Ver. ไทย ที่ต่อให้แปลนไม่วิกล ก็ทำคนอยู่อาศัยประหลาดได้
‘บ้านวิกล (The Floor Plan)’ ที่ทำรายได้อันดับ 1 Box Office ในญี่ปุ่นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ กวาดรายได้ถล่มทลายไปกว่า 4 พันล้านเยน คือภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่เป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ หนังสือที่ว่าชื่อ ‘บ้านวิกลคนประหลาด’ จากปลายปากกาของ ‘อุเก็ตสึ’ (Uketsu) เป็นเรื่องราวว่าด้วยการจับพลัดจับผลูให้ตัวเอกของเรื่องเข้าไปพัวพันกับคดีปริศนา หลังพบเข้ากับแปลนบ้านอันแสนแปลกประหลาด ที่ดูเหมือนว่าจะมีความลับอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ และเมื่อพูดถึงการออกแบบแปลนบ้านประหลาด หรือการจัดวางสิ่งของในบ้านสุดแปลก จริงๆ บ้านของพวกเราชาวไทยเองก็มีไอเดียสุดบรรเจิดไม่แพ้กัน ชนิดที่ว่าไม่ต้องบินไปถึงประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องมีคดีสุดลึกลับ ก็เป็นบ้านวิกลจนคนประหลาดได้ไม่แพ้กัน คอลัมน์ Urban Isekai ประจำเดือนนี้ ขอดึงเอาความประหลาดของบ้านแบบไทยๆ ที่เราอยู่กันจนเคยชินมากางให้ดูว่า มีอะไรบ้างที่เป็นซิกเนเจอร์ของคนไทย ซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องสุดเวียร์ดในสายตาเหล่านักสืบ เริ่มจากบ้านที่เป็นแหล่งรวมพหุความเชื่อแบบใหม่แบบสับที่ต่างชาติเห็นเป็นต้องงง เพราะแม้หน้าบ้านจะมีศาลพระภูมิหรือศาลตายายที่กลายเป็น PokéStop หรือบ้านตุ๊กตาในสายตาคนต่างชาติแล้ว ในบ้านของหลายคนยังมีหิ้งพระที่เอาไว้กราบไหว้สารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่พระพุทธรูป พระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ ไปจนถึงไอ้ไข่ หรือพี่กุมาร ที่ดีไม่ดีภายในบ้านอาจจะมีตี่จู้เอี๊ยะสีแดงวางอยู่ด้วย จนทำเอามึนไปเลยว่า สรุปแล้วบ้านนี้นับถืออะไรกันแน่นะ แถมหลายบ้านทั้งประตูหน้าต่างยังถูกออกแบบมาในรูปแบบของลูกกรงเหล็กดัดลวดลายแสนคุ้นตา ที่มองแรกๆ ก็สวยดีอยู่หรอก แต่พออยู่ในบ้านไปนานๆ […]
เปิดรับสมัครศิลปินร่วมแต้มสีสัน เติมความสดใสให้คลองโอ่งอ่างใน ‘โอ่งอ่าง Water & Colour Open Wall’ ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 18 ก.ย. 67
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พื้นที่บริเวณ ‘คลองโอ่งอ่าง’ ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด และในการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งก็มักมีความน่าสนใจ รวมไปถึงสีสันเฉพาะตัวที่ส่งผลให้พื้นที่มีชีวิตชีวาแตกต่างกันออกไป ในปีนี้ทาง ‘กรุงเทพมหานคร’ และ ‘each.’ เอเจนซีศิลปะและศูนย์รวมศิลปิน ได้ร่วมมือกันเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในโครงการ ‘โอ่งอ่าง Water & Colour Open Wall’ หวังให้กำแพงนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของชุมชน เพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพื้นที่กิจกรรมบนพื้นที่ริมคลองโอ่งอ่างต่อไปอย่างยั่งยืน การแสดงผลงานนี้มาพร้อมกับโจทย์ ‘โอ่งอ่าง Water & Colour สีสันใหม่ริมคลองโอ่งอ่าง’ ที่ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ไอเดียในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของชุมชนริมคลองบนกำแพงริมคลองโอ่งอ่าง และตีความใหม่ในมุมมองของตัวเองได้อย่างอิสระ โดยในผลงานนี้ต้องประกอบด้วย – เรื่องราวของสายน้ำ : ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของวิถีชีวิตริมคลองโอ่งอ่างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน – เรื่องราวของสีสันใหม่ : เอกลักษณ์ของคลองโอ่งอ่าง ซึ่งเป็นเหมือนสีสันที่เติมแต่งให้พื้นที่นี้โดดเด่นยิ่งขึ้น การประกวดผลงานในครั้งนี้ สามารถส่งผลงานได้ทั้งรูปแบบเดี่ยวและรูปแบบทีมจำนวนไม่เกิน 5 คน โดยผู้สมัครและสมาชิกในทีมต้องมีอายุไม่เกิน 27 ปี และต้องไม่ใช้ AI ในการสร้างสรรค์ผลงาน ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้พื้นที่ในการแสดงผลงานที่คลองโอ่งอ่าง รวมถึงประสบการณ์ในการออกแบบและเพนต์กำแพงริมคลองโอ่งอ่าง, […]
ชวนอ่าน ‘วัตถุสร้างชาติ : 50 ศิลปะไทยสมัยใหม่กับความเปลี่ยนแปลงของสังคมทศวรรษ 2470 – 2520’ ที่รวบรวมสิ่งละอันพันละน้อยที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไทย
เวลาจะย้อนไปดูความเป็นมาของชาติ นอกจากคนและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าถึงบริบทของสังคมที่ผ่านมา ‘สิ่งของ’ ก็เป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่นำมาใช้ศึกษาที่มาที่ไป เบื้องหลังความคิดการออกแบบ หรือกระทั่งอุดมการณ์ในการมีอยู่ของมัน ‘วัตถุสร้างชาติ : 50 ศิลปะไทยสมัยใหม่กับความเปลี่ยนแปลงของสังคมทศวรรษ 2470 – 2520’ คือหนังสือที่ปรับจากงานวิจัยเรื่อง ‘ศิลปะไทยสมัยใหม่กับความเปลี่ยนแปลงของสังคมทศวรรษ 2470 – 2520’ โดยคณะผู้เขียน ได้แก่ ‘วิชญ มุกดามณี’, ‘ชาตรี ประกิตนนทการ’, ‘วิจิตร อภิชาติเกรียงไกร’ และ ‘กฤติยา กาวีวงศ์’ ซึ่งโครงการนี้เป็นงานวิจัยระยะยาว 3 ปี ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 เป้าหมายของโครงการนี้คือ เพื่อศึกษา รวบรวม และคัดเลือกผลงานศิลปะ งานสร้างสรรค์ หรือวัตถุชิ้นสำคัญที่ส่งผลและสะท้อนความเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์และสังคมในยุครัตนโกสินทร์ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการจัดแสดงนิทรรศการและจัดทำองค์ความรู้ทางศิลปะของประเทศไทยตามโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ เนื้อหาภายในหนังสือต้องการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างงานศิลปะกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมระหว่างทศวรรษ 2470 – 2520 และเพื่อรวบรวมงานศิลปะชิ้นสำคัญที่ส่งผลต่อสังคมไทยในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเน้นศึกษาที่ตัวชิ้นงานศิลปะเป็นศูนย์กลาง และวิธีการศึกษาทางประวัติศาสตร์เป็นหลัก จนออกมาเป็น 50 ผลงานที่บอกเล่าบริบทในช่วงเวลาต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช […]
คุยกับผู้อยู่เบื้องหลัง STEP INTO SWING เมื่อเสียงเพลงและสเต็ปเท้าอาจพาเราไปสู่กรุงเทพฯ ที่ดีขึ้น
เย็นวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567 สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในชุดวินเทจ เสียงเพลงสวิงดังกึกก้อง ฟลอร์เต้นรำเริ่มขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มไปทั่วทั้งบริเวณ อาจกล่าวได้ว่า สิ่งเหล่านี้คือตัวชี้วัดความสำเร็จของ STEP INTO SWING : Take the A Train at Hua Lamphong อีเวนต์สวิงโดย 2 ทีมงานเบื้องหลังอย่าง The Stumbling Swingout วงดนตรีสวิงแจ๊สที่ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มนักเต้นสวิง และ Jelly Roll Jazz Club โรงเรียนสอนเต้นสวิงที่ตั้งใจสร้างนักเต้นใหม่ๆ เพื่อให้สวิงกลายเป็นคัลเจอร์ที่แข็งแรงในอนาคต หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ามองแวดวงการเต้นสวิงในไทยมาตั้งแต่ยุคก่อนโควิด-19 ในเวลานั้นหลายคนอาจจินตนาการไม่ออกว่า วันหนึ่งกรุงเทพฯ จะมีอีเวนต์ SWING IN THE PARK เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะขยายตัวลามเลยออกไปสู่สถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งอาคารลุมพินีสถาน ไปรษณียาคาร ลานชุมชนต่างๆ รวมถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่ได้โคจรกลับมาจัดเป็นครั้งที่สองแล้ว การขยับขยายของฟลอร์สวิงแดนซ์จากในสตูดิโอสู่พื้นที่สาธารณะต่างๆ […]
‘Praykinson’ แอปฯ คาราโอเกะสวดมนต์ ช่วยฟื้นฟูเสียงของผู้ป่วยพาร์กินสัน เปิดให้โหลดภายในสิ้นปี 2567 นี้
โรคพาร์กินสันถือเป็นโรคเรื้อรังทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทั่วโลก และจากสถิติปี 2553 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคพาร์กินสันราว 60,000 คน ซึ่งหนึ่งสิ่งที่ผู้ป่วยโรคนี้ต้องเผชิญคือความทุกข์ยากลำบากในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพูด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตของผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์สาขาประสาทวิทยา โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ร่วมมือกับบริษัทโฆษณา เดนท์สุ ประเทศไทย (Dentsu Thailand) คิดค้นและพัฒนา ‘Praykinson (เพรกินสัน)’ แอปพลิเคชันคาราโอเกะสวดมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูเสียงของผู้ป่วยพาร์กินสัน โดยเป็นการผสมคำระหว่าง Pray และ Parkinson เข้าด้วยกัน หลักการทำงานของ Praykinson คือ ตัวแอปฯ จะผสมผสานเรื่องการสวดมนต์สร้างสมาธิยึดเหนี่ยวจิตใจ และช่วยบำบัดอาการทางการพูดได้ในคราวเดียวกัน ด้วยการใช้การสวดมนต์ที่ต้องเปล่งเสียงพูดต่อเนื่องมาเป็นแก่นในการฟื้นฟูผู้ป่วย อีกทั้งยังมีบทสวดมนต์ให้เลือกสำหรับทุกศาสนา ปัจจุบันแอปฯ นี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาและทดลองระบบ โดยมีการนำร่องใช้กับผู้ป่วยพาร์กินสันของโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะขยายไปสู่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ และคาดว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานในวงกว้างได้ภายในสิ้นปี 2567 ที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นตัวเลือกหนึ่งในการฟื้นฟูการออกเสียงให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการพูด
Valanko ni Ramat สนามเด็กเล่นจากวัสดุรีไซเคิลในอินเดีย ห้องเรียนกลางแจ้งจากจินตนาการเด็กๆ
การมีสนามเด็กเล่นที่เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบอาจเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมสร้างจินตนาการ และทำให้เด็กอยากเข้ามาใช้งานสนามเด็กเล่นเพิ่มมากขึ้น ‘Valanko ni Ramat’ คือสนามเด็กเล่นในประเทศอินเดียที่เปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างสรรค์เครื่องเล่นและพื้นที่ขึ้นจากจินตนาการของพวกเขา โดยมีสตูดิโอออกแบบ ‘Hsc Designs’ เป็นผู้ช่วยเนรมิตผลงานของเด็กๆ ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เกิดเป็นสนามเด็กเล่นทั้งหมด 5 โซนภายใต้เงาของร่มไม้ ได้แก่ โซนน้ำ โซนทราย โซนพื้นที่ปีนป่าย โซนชิงช้า และโซนสไลเดอร์ ที่ตรงกลางของแต่ละโซนจะเชื่อมกันด้วยพื้นที่อุโมงค์สีสันสดใสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างขึ้นจากท่อคอนกรีตเหลือใช้และกระจกโมเสกรีไซเคิล แถมในช่วงหน้าร้อน Valanko ni Ramat แห่งนี้จะฉีดละอองน้ำไปทั่วบริเวณ เพื่อเป็นหนึ่งวิธีช่วยคลายร้อนให้กับเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาได้วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานไม่ว่าจะร้อนแค่ไหนก็ตาม การเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่เล่นของตัวเอง จะทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ มีความผูกพันกับพื้นที่ และเป็นส่วนหนึ่งในการสอนให้พวกเขาเรียนรู้โลกภายนอกไปในตัว รวมไปถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลยังเป็นการปลูกฝังแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ให้กับเด็กๆ อีกด้วย Valanko ni Ramat ถือเป็นส่วนหนึ่งที่พิสูจน์ว่า การออกแบบพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งสำหรับเด็กไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบพื้นที่ทางกายภาพ แต่ยังทำหน้าที่เป็นห้องเรียนกลางแจ้ง ที่พวกเขาจะได้โลดแล่นไปตามโครงสร้างหลากสีสันจากองค์ประกอบต่างๆ เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่หาไม่ได้จากห้องเรียนทั่วไป Sources : ArchDaily | t.ly/ewTYd Architizer | t.ly/__1BG
Shanghai Street Furniture สำรวจเซี่ยงไฮ้ผ่านมุมมองของสถาปนิกผังเมือง
เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยการวางผังเมืองที่ใส่ใจความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างมาก การออกแบบพื้นที่สาธารณะ ตึก และอาคารร้านค้าต่างๆ ได้รับการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเมืองอย่างสมดุล สิ่งที่ทำให้เซี่ยงไฮ้มีเอกลักษณ์คือ การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและวิถีชีวิตแบบจีนได้อย่างลงตัว ตึกสูงระฟ้าสไตล์ยุโรปตั้งอยู่เคียงข้างกับร้านค้าท้องถิ่น โดยมีการแบ่งทางเท้า ทางจักรยานด้วยพื้นผิวที่แตกต่างอย่างชัดเจน เป็นเมืองที่เดินง่าย สะอาด มีต้นไม้ร่มรื่น และตลอดทางในเมืองก็มีร้านค้ากับตึกสวยงามตลอดเส้นถนน ขณะเดียวกัน ร้านรวงคาเฟ่ก็ได้รับการออกแบบให้นั่งนอกร้านได้เหมือนเมืองในยุโรป ในโซนที่อยู่อาศัย ทุกๆ การเดินเท้า 15 นาที จะมีพื้นที่สาธารณะให้คนในชุมชนออกมาออกกำลังกาย มีสนามเด็กเล่นกระจายอยู่ทุกที่ ทำให้เมืองมีชีวิตชีวามาก Street Furniture เป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เมืองน่าอยู่และน่าสนใจมากขึ้น เมื่อสังเกตดีๆ จะเห็นว่า การออกแบบม้านั่งต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้มีรายละเอียดน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ที่ชวนสังเกต เช่น ดีไซน์ที่นำเอกลักษณ์ของเมืองผสมผสานกับความเป็นจีนมาออกแบบม้านั่งริมถนน เท่านั้นไม่พอ ม้านั่งตามถนนและสวนสาธารณะไม่เพียงแค่ให้นั่งพักผ่อน แต่หลายที่นั่งยังออกแบบให้มีฟังก์ชันพิเศษ เช่น ช่องชาร์จโทรศัพท์ด้วยโซลาร์เซลล์ ขั้นบันไดในห้างฯ ที่นั่งพักได้ ฯลฯ หากคุณมีโอกาสไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ นอกจากถ่ายรูปกับสถานที่ยอดฮิตแล้ว อย่าลืมสังเกตองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวาและเป็นเอกลักษณ์ การสำรวจเมืองในมุมมองนี้จะช่วยให้คุณเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสถาปัตยกรรมและชีวิตประจำวันของผู้คนอีกด้วย สำหรับเรา เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่ยังเป็นแหล่งแรงบันดาลใจในการออกแบบเมืองที่มีความสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา หากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban […]
‘+POOL’ สระว่ายน้ำลอยน้ำในแม่น้ำที่เมืองนิวยอร์ก พร้อมระบบกรองน้ำสะอาดให้ว่ายน้ำพร้อมชมวิวเมืองได้อย่างปลอดภัย
ในอดีตการว่ายน้ำในแม่น้ำในเมืองนิวยอร์กถือเป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้คนได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติและสำรวจเมืองในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งมากกว่าการเดินหรือปั่นจักรยานไปรอบๆ แต่เมื่อเมืองพัฒนาอย่างรวดเร็ว การเข้ามาของอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำสกปรกขึ้นจนคนไม่สามารถลงไปว่ายน้ำได้อีกต่อไป ปัญหานี้นำมาสู่โครงการ ‘+POOL’ ในปี 2010 จาก Dong-Ping Wong, Archie Lee Coates IV, Jeffrey Franklin และ Oana Stănescu นักออกแบบกลุ่มเล็กๆ ที่นำเสนอแนวคิดการฟื้นฟูประโยชน์ทางน้ำ เพื่อเป็นการอนุรักษ์แหล่งน้ำและชวนให้ผู้คนช่วยกันดูแลไปพร้อมๆ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ด้วยไอเดียการทำสระว่ายน้ำลอยน้ำแบบกรองน้ำในตัว ที่เปิดให้คนเมืองได้สัมผัสประสบการณ์ว่ายน้ำอยู่ในแม่น้ำในนิวยอร์กซิตี้ โดยตัวโครงการตั้งอยู่ที่ Pier 35 ใกล้ Lower East Side ของแมนแฮตตัน ขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐเองก็อยากฟื้นฟูคุณภาพของแม่น้ำ แต่ไม่สามารถทำความสะอาดแม่น้ำทั้งหมดได้ โครงการ +POOL จึงเป็นตัวเลือกที่จะช่วยจุดประกายให้ชาวเมืองเห็นโอกาสในการกลับมาใช้ประโยชน์จากแม่น้ำได้อีกครั้ง ด้วยสระว่ายน้ำที่นอกจากจะให้ความสำคัญเรื่องการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีสุขภาวะที่ดีและมีชีวิตชีวาให้คนที่อาศัยอยู่และแวะเวียนมาเที่ยวในเมืองใหญ่แห่งนี้ด้วย ตัวสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว่า 836 ตารางเมตร รองรับนักว่ายน้ำทุกประเภท เพราะออกแบบมาเป็น 4 สระในลักษณะสัญลักษณ์บวก แบ่งตามการใช้งาน ได้แก่ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำสำหรับเล่นกีฬา สระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกาย […]
พัฒนาย่านอารีย์กับกลุ่มคนขับเคลื่อนเมือง | AriAround
‘อารีย์’ ย่านชิกที่หลายคนอาจจะมีภาพจำของการไปเที่ยวคาเฟ่และถ่ายรูปกันเป็นประจำ ทั้งที่จริงแล้วภายในย่านนี้กลับไม่ได้มีแค่ร้านกาแฟอยู่มากมาย แต่ยังมีธรรมชาติภายใต้เมืองให้เราได้สัมผัส รวมถึงคอมมูนิตี้ที่แข็งแรงที่พร้อมเปิดรับให้ทุกคนเข้ามา และสถานที่ Hidden Gems ที่หลายคนอาจไม่ได้รู้ ซึ่งอารีย์อาจไม่ได้เป็นอย่างนี้เลยหากว่าที่ย่านนี้ไม่ได้มีกลุ่มคนที่คอยซัพพอร์ตการพัฒนาย่านอย่าง ‘AriAround’ อยู่ “เมื่อก่อนเราคิดว่างานพัฒนาเมืองเป็นงานของรัฐ แต่มันลำบากจนต้องลุกขึ้นมาทำอะไรแล้ว สุดท้ายพอเราลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ได้คอนเนกต์กับรัฐ เราถึงเห็นว่ารัฐก็อยากทำงาน แต่บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าจะคอนเนกต์กับคนอย่างไร “การที่มี AriAround มันพาคนในพื้นที่มาคอนเนกต์กับคนจำนวนมากในพื้นที่อีกทีหนึ่ง” AriAround คือแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่เป็นตัวกลางเชื่อมคนในย่านอารีย์ให้เข้าหากันและกัน ทั้งยังสร้างเสริมคอมมูนิตี้ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อหวังว่าทุกคนในย่านจะมีชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตในย่านได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะการพัฒนาเมืองไม่ได้มีเพียงแค่รัฐที่ทำได้ฝ่ายเดียว Urban Creature เลยไปคุยกับ ‘อรุ-อรุณี อธิภาพงศ์’ ผู้ร่วมก่อตั้ง AriAround ถึงพื้นที่อารีย์ในปัจจุบัน และความเปลี่ยนแปลงของย่านอารีย์หลังจากที่กลุ่มคนขับเคลื่อนเมืองนี้ได้สร้างพื้นที่ให้มีมากกว่าแค่ร้านกาแฟถ่ายรูปชิกๆ เก๋ๆ
ชวนเข้าโรงแรมไปชม Hotel Art Fair 2024 ศิลปะกับบทบาทของมนุษย์ในยุคเปลี่ยนผ่าน จัดแสดงใน 30 ห้อง โดยศิลปินไทยและ ตปท.
ทุกที่เป็นแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะได้ แม้กระทั่งห้องหับในโรงแรม ดังที่ ‘Hotel Art Fair’ เชื่อมโยงผู้คนที่มีความสนใจในเรื่องราวของศิลปะ ดนตรี และการใช้ชีวิตเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ปีนี้ HAF 2024 กลับมาพร้อมกับคอนเซปต์ HUMAN ที่ต้องการนำเสนอแง่มุมของความเป็นมนุษย์ในยุคเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้เราต้องย้อนกลับมาพิจารณาและทบทวนถึงรากเหง้าและแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ ไฮไลต์ภายในงานประกอบด้วยการจัดแสดงผลงานศิลปะของเหล่าศิลปินใน 30 ห้องของโรงแรม ได้แก่ A Consultant Limited, A+ Works of Art, BANGKOK CITYCITY GALLERY, BasicART/KornBROWNHOUSES, Bearwolf Art, Collab Space, Coup d’Esprit Art Gallery, De’ Lapae Art Space Narathiwat, Farm Fellas, G13 Gallery, Gallery Seescape, […]
‘ความมืดนั้นสำคัญไฉน’ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดกับผลกระทบต่อเมือง ธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิต
‘ฟ้ามืดทีไรมันเหงาทุกคืน’ ท่อนหนึ่งในเพลงฟ้ามืดทีไร ของวง Dept ว่าไว้อย่างนั้น อย่างที่คุ้นชินกันว่า ความมืดมักถูกยึดโยงกับสิ่งไม่ดี ชั่วร้าย ความเศร้าซึม หรือความเหงา แต่แท้จริงแล้วความมืดมิดยามค่ำคืนกลับมอบสุนทรียศาสตร์ที่ไม่มีสิ่งไหนสามารถแทนที่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า อุปสรรคใหญ่ที่คอยขัดขวางความมืดคือมลภาวะทางแสงยามค่ำคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม โดยที่ไม่รู้ถึงผลกระทบต่อธรรมชาติ ทั้งต่อสัตว์ป่าและระบบนิเวศในตอนกลางคืน แน่นอนว่ารวมถึงการศึกษาด้านดาราศาสตร์ที่จำเป็นต้องพึ่งพาความมืดมิดในการสังเกตธรรมชาติและดวงดาว จนนำไปสู่การจัดตั้ง ‘เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด’ ด้วย ในประเทศไทยรวมถึงทั่วโลกเริ่มมีการพูดถึงและเพิ่มจำนวนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดมากขึ้นทุกปี คอลัมน์ Curiocity จึงอยากพาทุกคนลดแสงไฟ มุ่งหน้าสำรวจความมืดมิดถึงที่มาของเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด ความสำคัญของความมืดต่อเมือง และตัวอย่างนโยบายการจัดการแสงสว่างจากทั่วโลก เมื่อเมืองสว่างเกินไปจนลดความมืดของธรรมชาติ แสงรถ แสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง และการใช้งานแสงสว่างด้านอื่นๆ ของมนุษย์ ล้วนเติบโตขยายตามขนาดของเมืองและเทคโนโลยีในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จนเกิดการใช้แสงสว่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดมลพิษทางแสงที่ลดความมืดของท้องฟ้าในยามค่ำคืนตามมา ทั้งเรื่องเล่าจากดวงดาว ทางช้างเผือกที่พาดผ่านในยามค่ำคืน และจินตนาการในอวกาศอันไกลโพ้นล้วนค่อยๆ ถูกลบหายไปพร้อมกับแสงสว่างจ้าที่บดบังความสวยงามในธรรมชาติ มิหนำซ้ำแสงเหล่านี้ยังรบกวนพฤติกรรมของสัตว์ป่าและการนอนหลับของมนุษย์อีกด้วย แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจมลภาวะทางแสงเสียก่อน ‘มลภาวะทางแสง’ คือแสงสว่างที่ปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน ซึ่งเกิดจากการติดตั้งแหล่งกำเนิดแสงอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ได้ควบคุมปริมาณและทิศทางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จำเป็นต้องใช้ ทำให้แสงเหล่านี้ส่องสว่างไปบนท้องฟ้า ส่งผลให้ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดกลับไม่มืดสนิทอย่างที่ควรจะเป็น เราสามารถแบ่งมลพิษทางแสงออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แสงเรืองบนท้องฟ้า แสงจ้าบาดตา และแสงรุกล้ำ […]