LATEST
สื่อไทยต้องกล้าเปลี่ยน : ‘พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ’ สื่อมวลชนที่อยากผลักดันเพศเท่าเทียม
กรกฎาคม 2021 Thaipublica.org รายงานว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตซีรีส์วายมากถึง 40 เรื่อง และในปีเดียวกันนั้น คาดว่าจะมีซีรีส์มากถึง 90 เรื่อง มองเผินๆ คุณคงคิดว่า ประเทศนี้เฟรนด์ลี่กับคนที่มีความหลากหลายทางเพศเอามากๆ แต่เปล่าเลย นี่เป็นเพียงฟิกชันในหนังสือ และสื่อเพื่อเอนเตอร์เทนเมนต์ ไม่ใช่เรื่องจริง เช่นเดียวกับมายาคติ ‘ไทยคือสรวงสวรรค์ของ LGBTQ+’ ที่ผลิตซ้ำพร่ำเพรื่อ แต่ในชีวิตจริงคือขั้วตรงข้าม คู่รักเพศเดียวกันยังลงเอยทางกฎหมายไม่ได้ มิหนำซ้ำชุมชนเพศหลากหลายยังคงเผชิญอคติ ถูกลิดรอนสิทธิซ้ำๆ โดยไม่มีกฎหมายหรือนโยบายมารองรับสิทธิที่ควรจะเป็น จนทุกวันนี้ สังคมไทยยังสะสมการกดทับนานหลายเจเนอเรชัน มีการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมประเด็นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความเท่าเทียมทางเพศไม่มีจริง การเรียกร้องเรื่องซ้ำๆ จึงเป็นสัจธรรมของรัฐแห่งการเพิกเฉย นั่นคือเหตุผลที่ผลักให้ อั้ม-พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ สื่อมวลชนรุ่นใหม่ เดินหน้านำเสนอประเด็นซัปพอร์ตสิทธิความเท่าเทียมทางเพศตั้งแต่เธอเรียนจบปริญญาตรีด้านวารสารศาสตร์ อั้มเคยเขียนบทความสิทธิมนุษยชนจากประสบการณ์ส่วนตัวเรื่อง ประเทศไทย : ดินแดนสวรรค์ (หลอกๆ) ที่คนข้ามเพศถูกผลักออกได้ทุกวินาที จนได้รับรางวัล Writers that Matters : นัก (อยาก) เขียน […]
‘เซ็นทรัล ทำ’ ชวนทุกคนมาทำด้วยกัน ทำด้วยใจ กับภาพยนตร์โฆษณา ‘วงจรชีวิตของการทำ’
ความเหลื่อมล้ำคือหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่เรื้อรังของประเทศไทยมาตลอด แน่นอนว่าการจะลดความรุนแรงของปัญหานี้หรือกระทั่งจัดการปัญหาให้หมดไป ต้องมาจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ลดช่องว่างที่ห่างกันระหว่างคนรวย-คนจน ให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แต่อย่างที่รู้กันโดยทั่วไปว่าความเหลื่อมล้ำเป็นโจทย์ใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ใครหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสังคมจะทำให้สำเร็จได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือของภาคเอกชนและสังคม ภายใต้การมีจุดร่วมบางอย่างที่เชื่อมโยงและเห็นตรงกัน เพื่อเดินหน้าไปด้วยกันอย่างเข้าใจ ‘เซ็นทรัล ทำ’ (CENTRAL Tham) โดยกลุ่มเซ็นทรัล คือหนึ่งในตัวอย่างของภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนเรื่องชุมชน คน และสิ่งแวดล้อม กับความเชื่อมั่นในแนวคิด ‘การสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Values)’ ระหว่างธุรกิจและสังคมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน จากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า สังคมจะดีขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงจากการร่วมลงมือทำของทุกคน ทำให้ปี 2022 นี้ ‘เซ็นทรัล ทำ’ เลือกใช้แท็กไลน์ ‘ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ’ มาตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจ รวมถึงใช้เป็นสารตั้งต้นในการคิดและทำโครงการเพื่อชุมชน โดยมุ่งเน้นส่งเสริมความยั่งยืนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ครอบคลุมทั้งการพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพชีวิตที่ดี การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การสร้างอาชีพให้คนพิการ การลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการพัฒนาสินค้าชุมชนในหลากหลายแนวทาง นอกจากนี้ ‘เซ็นทรัล ทำ’ ยังมีความตั้งใจอยากชวนทุกคนมาร่วมกันทำให้มากขึ้นและแข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงเลือกสื่อสารออกมาผ่านภาพยนตร์โฆษณาชื่อ ‘วงจรชีวิตของการทำ’ รวมถึงสื่อต่างๆ ด้วยเหตุนี้ เราเลยชวน พิชัย […]
‘Sensing Taiwan’ ชวนสัมผัสไต้หวันผ่านซีรีส์หนังคลาสสิค ดูออนไลน์ฟรีตลอดเดือนเมษายน 65
หลายคนอาจจะรู้จัก ‘ไต้หวัน’ ผ่านทั้งการท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหารการกิน หรือชานมไข่มุก ไปจนถึงเรื่องราวทางการเมืองในภูมิภาค วันนี้แม้โควิดจะทำให้เราเดินทางออกนอกประเทศได้ลำบาก เราจึงอยากชวนสัมผัสไต้หวันอีกมุมหนึ่งที่ทุกคนทำได้ผ่านหน้าจอ นั่นคือภาพยนตร์นั่นเอง ซีรีส์ภาพยนตร์คลาสสิคออนไลน์ ‘Sensing Taiwan’ จัดโดยภาควิชาภาพยนตร์และสื่อจากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกาจะชวนทุกคนสัมผัสไต้หวันผ่านภาพยนตร์คลาสสิคในช่วงทศวรรษ 1960-1990 จำนวน 3 เรื่อง ตั้งแต่วันที่ 8-18 เมษายน 2565 เรื่องแรกคือ ‘The Husband’s Secrets (1960)’ ภาพยนตร์ขาว-ดำสไตล์เมโลดรามาเกี่ยวกับความรักสามเศร้าที่ฉายให้เห็นสภาพสังคม-เศรษฐกิจของไต้หวันในสมัยนั้น เรื่องที่สองคือ ‘Storm over the Yangtze River (1969)’ ภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวละครที่เป็นสายลับในสงครามช่วงจักรวรรดิญี่ปุ่นเรืองอำนาจ ความน่าสนใจคือภาพยนตร์เรื่องนี้ฉีกกรอบภาพยนตร์สงครามแบบเดิมๆ ฉายให้เห็นความซับซ้อนของ ‘สงคราม’ ผ่านการปฏิสัมพันธ์ของตัวละคร เรื่องที่สามคือ ‘Super Citizen Ko (1995)‘ ภาพยนตร์เกี่ยวกับยุคสมัยที่ไต้หวันปกครองด้วยระบอบเผด็จการช่วงทศวรรษ 1950 กลุ่มศึกษาทฤษฎีการเมืองในสมัยนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม แต่มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งแอบจัด และเมื่อโดนจับได้นั้นเพื่อนคนหนึ่งชื่อ ‘Ko’ ได้เผลอแพร่งพลายความลับของเพื่อนอีกคนให้ตำรวจฟังจนนำไปสู่การประหารชีวิตเพื่อนคนนั้น 30 ปีต่อมา […]
Big Bad Wolf Books มหกรรมหนังสือลดราคาที่ใหญ่สุดในโลก อิมแพ็ค ถึง 3 เม.ย. 65
คนรักหนังสือมีกระเป๋าตังค์สั่นแน่นอน เพราะนอกจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50ฯ กลับมาจัดออนไซต์อย่างยิ่งใหญ่แล้ว มหกรรมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Big Bad Wolf Books ก็กลับมาจัดออนไซต์ในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย ครั้งนี้ หมาป่ายอดนักอ่านขนหนังสือมากว่าหลายแสนเล่ม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหายาก วรรณกรรมระดับโลก นิทานเด็ก ตำราอาหาร หนังสือภาพ ไปจนถึงเครื่องเขียนและบอร์ดเกมมากมาย โดยมาพร้อมกับโปรโมชันลดราคาโหดเหมือนโกรธนักอ่านถึง 50 – 95 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่ากำแบงก์พันไปสองใบ ก็ยังไหวอยู่ ในงานยังมีกิจกรรมพิเศษ แจกหนังสือเต็มๆ อีกรถเข็นให้ทุกคนขนกลับบ้าน แค่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับ Big Bad Wolf Books และซื้อหนังสือภายในงานอย่างน้อย 2,000 บาท ก็มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลแล้ว ทั้งนี้ ด้วยมาตรการลดโลกร้อนเหมือนปีที่ผ่านๆ มา ภายในงานจะไม่มีการใช้หรือแจกถุงพลาสติก ใครที่ตั้งใจไปร่วมงาน อย่าลืมนำถุงผ้าหรือกระเป๋าส่วนตัวมาขนหนังสือกลับบ้านกันด้วยนะ ถึงจะดีใจที่ Big Bad Wolf Books กลับมาจัดออนไซต์ แต่แอบเสียดายที่ปีนี้งานไม่ได้จัด 24 ชั่วโมงแล้ว ไม่อย่างนั้น เราคงได้เห็นคนมาเข็นรถช้อปหนังสือกันตอนดึกๆ […]
A Model City โปรเจกต์ในเมืองชิซึโอกะ ที่เปลี่ยนสิ่งของให้เป็นโมเดล 1:1 ให้สมกับเป็นเมืองผลิตของเล่น
โมเดลพลาสติกคือหนึ่งในของเล่นสุดฮิตในวัยเด็กที่อยู่ในความทรงจำของทุกๆ คน โดยเฉพาะแบบที่มาเป็นแผงและให้เราแกะชิ้นส่วนทั้งหมดออกมาต่อกันเป็นของเล่น คงสนุกดีเหมือนกันถ้าเรามีโมเดลขนาดเท่าตัวคนจริงๆ ให้เล่นในชีวิตประจำวัน ‘A Model City’ เป็นโปรเจกต์ Installation สนุกๆ ของเมืองชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในเมืองให้กลายเป็นโมเดลสเกล 1:1 เท่าตัวคนจริงๆ กระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้ไปรษณีย์ ป้ายบอกทาง ป้ายรถเมล์ ฯลฯ โมเดลพลาสติกเหล่านี้มีข้อต่อถอดแบบมาจากของเล่นในวัยเด็กแบบเป๊ะๆ แต่ต่างกันตรงที่มีขนาดเท่าคนจริงและใช้งานได้จริงๆ ทำให้ผู้ใช้งานได้มีปฏิสัมพันธ์และเล่นสนุกกับสิ่งคุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้ เมืองชิซึโอกะเกี่ยวกับโมเดลพลาสติกอย่างไร? หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อเมืองชิซึโอกะเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามและฮิตในหมู่คนไทยอยู่แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งที่หลายคนไม่เคยรู้คือชิซึโอกะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตพลาสติก โมเดลพลาสติกกว่า 80% ของประเทศญี่ปุ่นผลิตขึ้นที่นี่ และยังส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย จึงเป็นที่มาของไอเดียในการเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ให้เป็นโมเดลพลาสติก เพราะต้องการสื่อสารจุดเด่นว่าชิซึโอกะเป็นเมืองผลิตของเล่นนั่นเอง นอกจากจะได้เล่นและใช้งานตามจุดต่างๆ แล้ว A Model City ยังมี ‘อนุสาวรีย์พลาสติก’ ที่ให้เราไปยืนแกล้งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของโมเดลพลาสติกได้ด้วย ตอบโจทย์คนรักของเล่นเป็นที่สุด ญี่ปุ่นเปิดประเทศเมื่อไหร่คนรักโมเดลพลาสติกคงมีจุดหมายใหม่ให้ไปอีกแล้ว (ถ้าเขาไม่พับโครงการไปเสียก่อน) Sources : Mashable | t.ly/W58u http://www.shizuoka.hakuhodo.co.jp/pla-model-project/
Starbucks จับมือ Volvo นำร่องติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในอเมริกา หวังเป็นทางเลือกใหม่ในยุครถยนต์ไฟฟ้า
Starbucks ตั้งเป้าจะติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าตามร้านกาแฟ 15 แห่งในฤดูร้อนปีนี้ตลอดระยะทางราว 2,100 กิโลเมตร ระหว่างโคโลราโดไปยังวอชิงตัน ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ทำร่วมกับ Volvo ในการสร้างสเตชันชาร์จแบบ DC ซึ่งเป็นการจ่ายไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรงซึ่งเป็นวิธีการชาร์จไฟที่ไวที่สุดในตอนนี้ ซึ่งค่ายรถยนต์สัญชาติสวีเดนวางแผนจะสร้างสถานี Quick Charge ทุก 160 กิโลเมตรที่ถนนฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา แฟรนไชส์กาแฟชื่อก้องโลกกำลังเดินหน้าในเกมธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าระหว่างการชาร์จไฟที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน แม้จะเป็นสถานีแบบ Quick Charge ก็ต้องใช้เวลาราว 40 นาที เพื่อให้มีไฟมากพอจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายถัดไป Starbucks ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ชูจุดเด่นด้าน Third Place ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกสบายในการใช้บริการ ก็หวังจะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคตรงนี้ ภายในปี 2030 อาจมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่บนถนนของสหรัฐอเมริกามากกว่า 26 ล้านคัน ความต้องการชาร์จจะมากขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัว และ Starbucks สาขาทั่วแดนลุงแซมถึง 15,000 แห่ง คิดว่าตนเองสามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้ ซึ่ง Volvo และ Starbucks ยังวางแผนที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการนี้ไปที่อื่นด้วย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Starbucks […]
กฎหมายใหม่อาจทำให้เยาวชนข้ามเพศในสหรัฐอเมริกา เสี่ยงไม่ได้รับการรับรองเพศและการรักษาพยาบาล
เยาวชนและคนหนุ่มสาวข้ามเพศในสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพและการยืนยันเรื่องเพศ เพราะการประกาศห้ามในรัฐมากกว่า 12 รัฐ ทั้งนี้จำนวนเยาวชนข้ามเพศอายุ 13-17 ปี ประมาณ 150,000 คน ซึ่งกว่า 10,000 คนอาศัยในรัฐเท็กซัสและอาร์คันซอซึ่งเป็นรัฐแรกที่เริ่มประกาศใช้กฎหมายและข้อบังคับแล้ว โดยยังมีเยาวชนข้ามเพศจำนวนอีกประมาณ 43,000 คนอาศัยในรัฐอื่นๆ ซึ่งกำลังมีการพิจารณาข้อบังคับเหล่านี้อยู่ด้วย สถานการณ์ในเท็กซัส เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ว่าการ Greg Abbott สั่งให้หน่วยงานของรัฐตรวจสอบครอบครัวของเยาวชนข้ามเพศ พบว่ามีเยาวชนมากถึง 23,700 คนกำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียสิทธิที่จะยืนยันเพศในทางสาธารณสุข แม้มีวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าการดูแลเรื่องเพศช่วยซัปพอร์ตสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของคนข้ามเพศในภาพรวม แต่นโยบายทั้งในเท็กซัสและอาร์คันซอกลับเป็นไปตามคำสั่งศาล ส่วนในรัฐอื่นๆ อีกหลายสิบแห่ง ก็ได้ออกกฎหมายจำกัดสิทธิรักษาพยาบาลที่จะช่วยยืนยันเรื่องเพศสำหรับผู้เยาว์ในทำนองเดียวกันออกมา เช่น บุคลากรทางการแพทย์และครอบครัวที่ช่วยให้เยาวชนข้ามเพศเข้าถึงการดูแลสุขภาพจะกลายเป็นอาชญากร รวมถึงการห้ามไม่ให้สิทธิต่างๆ ครอบคลุมในประกันสุขภาพ หรือการเข้าถึงกองทุนรัฐ โดยกฎหมายมักพุ่งเป้าไปที่ขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศ ตัวอย่างเช่น ในไอดาโฮ ร่างกฎหมายที่ผ่านสภาในเดือนนี้ จะตั้งข้อหาทางอาญากับพ่อแม่และผู้ให้บริการทางการแพทย์ และหากช่วยเหลือผู้เยาว์ที่เป็นคนข้ามเพศให้ได้รับการเปลี่ยนเพศตรงตามอัตลักษณ์จะต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต ผู้นำ GOP (พรรคริพับลิกัน) กล่าวไว้ว่ากฎหมาย HB 675 ตัวนี้ ลิดรอนสิทธิของผู้ปกครอง โดยรัฐบาลเข้าไปบงการอำนาจการตัดสินใจทางการแพทย์ของพ่อแม่และลูกๆ ซึ่งเขาเชื่อว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดเกี่ยวกับทางเลือกด้านการรักษาพยาบาลสำหรับเด็กนั้นควรมาจากพ่อแม่และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ด้วย Source : VICE […]
มองสติกเกอร์ให้เป็นมากกว่าแผ่นลอก-ติด ไปกับนิทรรศการ Whatever Sticker ที่ XXXYYY Cafe วันนี้ – 30 เม.ย. 65
‘สติกเกอร์’ มีความหมายและมีบทบาทในชีวิตของพวกคุณอย่างไรบ้าง? สติกเกอร์ (Sticker) มีคำแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘รูปลอก’ หรือที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบแผ่นลอก-ติด-แปะ ที่มีหลากหลายลวดลายและสีสัน พบได้ทั่วไปในบ้านของเราเอง ร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงสถานที่สาธารณะ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าแผ่นลอกเหล่านี้แฝงตัวอยู่รอบตัวพวกเรามานานหลายปีแล้ว ช่วงวัยเด็กหลายคนคงคุ้นเคยกับการซื้อสติกเกอร์การ์ตูนจากร้านเครื่องเขียนใกล้โรงเรียน หรือรถพุ่มพวงขายสติกเกอร์ที่ขับผ่านหน้าบ้าน บางคนมีสมุดสติกเกอร์เป็นของตัวเองไว้สะสมหรือเก็บไว้แลกรางวัล โตขึ้นมาหน่อยก็จะรู้จักสติกเกอร์สะสมความดี สติกเกอร์คำหยาบ และสติกเกอร์คำคมติดหลังรถ เมื่อเทคโนโลยีล้ำสมัยมากขึ้น สติกเกอร์ก็กลายร่างสู่รูปแบบดิจิทัล มีม และสารพัดอีโมจิ ที่ผู้คนซื้อขายกันตามโซเชียลมีเดีย ส่วนการใช้งานของสติกเกอร์ก็หลากหลาย ชนิดที่ว่าไม่มีข้อจำกัดหรือข้อกำหนดใดๆ ทั้งการใช้งานเพื่อตกแต่ง สื่อสาร เป็นของที่ระลึก หรือแม้แต่ในสถานการณ์โรคระบาด การใช้สติกเกอร์ยังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเราเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น การติดสติกเกอร์ไว้ที่ตัวหลังวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่สาธารณะเพื่อเป็นการบอกว่าเราสบายดี หรือการใช้สติกเกอร์กำหนดพื้นที่เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม ความหลากหลายทั้งด้านการใช้งานและการสื่อความหมายของสติกเกอร์จึงเป็นที่มาของ Whatever Sticker นิทรรศการที่ชวนผู้คนจากหลากหลายแวดวงผลิตชิ้นงาน ‘สติกเกอร์’ ในมุมมองของตัวเอง นอกเหนือจากสติกเกอร์ที่มีรูปแบบแผ่นลอก-ติด โดยมีศิลปิน ครีเอเตอร์ นักออกแบบ นักสื่อสาร และนักรณรงค์ ร่วมจัดแสดงผลงานถึง 26 คน Whatever Sticker จัดแสดงสติกเกอร์ที่มีรูปแบบแปลกตา ฟังก์ชันล้ำ แถมยังซ่อนข้อความของผู้ออกแบบไว้ด้วย […]
Tiffany’s Show เพชรแห่งพัทยาที่อยากเอาใจลูกค้าพอๆ กับสร้างอาชีพให้ชาว LGBT+
Urban Creature x UN Women นึกถึงพัทยา คุณนึกถึงอะไร ต้นมะพร้าว ตลาดน้ำ หาดจอมเทียน หรือชีวิตกลางคืน พัทยาในความคิดของทุกคนอาจแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าถามฉัน ในฐานะคนที่นับตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน LGBTQ+ และได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้มานาน-ฉันนึกถึง Tiffany’s Show นับตั้งแต่เปิดการแสดงครั้งแรกในปี พ.ศ.2517 Tiffany’s Show กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่คนมาเยือนพัทยาต้องนึกถึง แต่มากกว่าสาวสวย รวยความสามารถ และการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจซึ่งเป็นภาพจำของใครหลายคน ที่นี่ยังถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง มากกว่านั้นคือสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน รวมถึงชาว LGBTQ+ ที่เดินทางจากทั่วประเทศหลายร้อยชีวิต สิ่งที่บางคนอาจไม่รู้คือโรงละคร Tiffany’s Show, เวทีประกวด Miss Tiffany’s Universe และ Miss International Queen นั้นควบคุมงานโดย จ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์ ทายาทรุ่นสอง และผู้บริหารหญิงที่ยกระดับให้โชว์แห่งนี้โด่งดังไกล ผลักดันให้ LGBTQ+ ไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คอลัมน์ประจำจังหวัดคราวนี้ ฉันจึงอาสาพาทุกคนมาหาลมทะเลพัทยา ก้าวเข้าไปในโถงโอ่อ่าของ Tiffany’s Show เพื่อพูดคุยกับอลิสาถึงประวัติศาสตร์ของโรงละครตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง […]
เจ้านายอ้วนขึ้น! ผลสำรวจในอังกฤษและอเมริกาบอกตรงกัน แมว-หมาน้ำหนักขึ้นช่วงโควิด
การพักผ่อนหย่อนใจของหลายคนในช่วงโควิด-19 อาจเป็นการดูคลิปวิดีโอเจ้าเหมียว เจ้าหมา หรือแม้แต่การมีเพื่อนสี่ขาอยู่ข้างกายอาจจะช่วยให้ไม่รู้สึกเปลี่ยวเหงา หรือช่วยเยียวยาจิตใจหลายคนได้เลย แน่นอนว่ามนุษย์อย่างเราๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจจากโควิด-19 แต่ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น สัตว์เลี้ยงสี่ขาคู่กายหลายๆ คนก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเหมือนกัน! ผลสำรวจจากองค์กรที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั้งในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาฉายให้เห็นข้อมูลตรงกันว่า พบแนวโน้มสำคัญว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัขและแมวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมา ผลสำรวจของโรงพยาบาลสัตว์แบนฟิลด์ (Banfield Pet Hospital) ของสหรัฐอเมริกา ในปี 2020 ปีแรกของโควิด-19 ที่เกิดการล็อกดาวน์แทบทุกประเทศในโลกนั้นพบว่า แมวกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และสุนัขเกือบ 35 เปอร์เซ็นต์มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน และองค์กรอาสาด้านสัตว์เลี้ยงในประเทศอังกฤษที่ชื่อ PDSA ได้ออกรายงานประจำปี 2021 และเปิดเผยผลสำรวจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่า เจ้าของสุนัขกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ในอังกฤษเห็นว่าเจ้าสี่ขาของตนมีน้ำหนักมากขึ้น และเจ้าของแมวกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ก็ให้ข้อมูลในทางเดียวกัน จริงอยู่ว่าเมื่อมองภายนอกสัตว์เลี้ยงที่อ้วนตุ้บป่องอาจจะดูน่ารักน่ากอด แต่จากน้ำหนักที่มากนั้นอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ นั่นคือโรคภัยไข้เจ็บอย่างโรคอ้วน กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง จนถึงอายุขัยที่สั้นกว่าสัตว์เลี้ยงที่น้ำหนักตัวพอดี แน่นอนว่าปัญหาสัตว์เลี้ยงน้ำหนักเกินนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมานั้นพบแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ปรากฏการณ์นี้อาจหาเหตุผลจากมุมมองเชิงจิตวิทยาสัตว์ที่ว่า สัตว์เลี้ยงนั้นรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของ ถ้าพวกเรารู้สึกอย่างไร พวกเขาก็รับรู้ไปด้วย หรือหากทาสหมา ทาสแมวต้องเก็บตัวอยู่ในพื้นที่จำกัดเพราะล็อกดาวน์หรือต้องกักตัว เจ้านายก็อาจจะเกิดความเครียดสะสมจนนำไปสู่ ‘การกินอาหารเพราะความเครียด […]
ประเทศฮาบ่ใจ่ของคิง : ฮ่องเต้ ธนาธร ผู้เรียกร้องความเท่าเทียมจากล้านนาสะเทือนกรุงเทพฯ
นัดพบฮ่องเต้ ผู้ประสบภัย 112 ในเชียงใหม่ ขณะที่หลายประเทศเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยนวัตกรรม เพราะแผ่นทวีปที่กำลังจะจมน้ำจากธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า แต่สิ่งที่รัฐไทยกำลังเลือกทำในปัจจุบัน คือการไล่ทุบกำราบคนเห็นต่างให้สยบยอมอยู่ใต้ตีนอย่างแข็งขัน นี่คือข้อบ่งชี้ว่า ประเทศเรากำลังหมดหวังและถอยหลังลงคลองในสายตาคนรุ่นใหม่ แต่ขั้วอนุรักษนิยมกลับมองว่า นี่คือการรักษาความมั่นคงอันดีงามของชาติที่แสนสงบและดีพร้อมกว่าชาติใดใดในโลก และนี่คือสาเหตุที่ช่วงเกือบปลายปี 2564 เราตัดสินใจเดินทางไปพบนักกิจกรรมอย่าง ฮ่องเต้-ธนาธร วิทยเบญจางค์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากเขาถูกแจ้งจับคดีมาตรา 112 ก่อนหน้านั้นเพียงไม่นานนัก ฮ่องเต้ตั้งใจนัดให้เราไปพบที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ไม่ไกลจากคณะสังคมศาสตร์ คณะที่เขากำลังศึกษาวิชาปรัชญา ชั้นปีที่ 3 ในปัจจุบัน นี่คืออาคารที่ผู้บริหารมหา’ลัยตัดสินใจสั่งริบเอาพื้นที่จอดรถของนักศึกษามาสร้างอาคารที่ผู้เรียนแทบไม่ได้ใช้งาน เราถามฮ่องเต้ถึงจำนวนคดีความที่เขาได้รับ หลังการลุกขึ้นมาเรียกร้องความเท่าเทียมบนพื้นที่สาธารณะ “เกินสิบ (หัวเราะขื่นๆ) ส่วนใหญ่เป็นคดี พ.ร.บ.ชุมนุม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค และจะโดน 116 จำนวนหนึ่งหรือสองคดีนี่แหละ แล้วก็มี 112 อีกจำนวนหนึ่งคดี ผมคิดอยู่ว่า อีกหน่อยอาจจะมีคดีแปลกๆ โผล่ขึ้นมาอีก” เด็กหนุ่มยิ้มขื่นบางๆ หลังพูดจบ “หน้าที่ของเราคือยิ้ม และขัดขืนมัน เพื่อทำให้ประเทศนี้เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นกว่านี้ให้ได้ ผมไม่คิดว่าเราต้องกลัวกฎหมายฉบับนี้ แค่ต้องทำงานของตัวเองต่อไป […]
จิบกาแฟ แลดูหนังทางเลือกครั้งแรก ในเมืองชายโขง กับ ‘พนมนครรามา’ พื้นที่ฉายหนังอิสระแห่งเดียวในนครพนม
หลังจากที่หนังนอกกระแสเริ่มมีพื้นที่ในวงการคนดูหนังในไทยมากขึ้น เริ่มต้นในกรุงเทพฯ ก่อนขยายไปยังเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่และขอนแก่น คนอยากดูหนังนอกกระแสในจังหวัดอื่นๆ จึงพยายามขับเคลื่อนทำโปรเจกต์ให้ฉายหนังนอกกระแสในจังหวัดของตัวเองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดฉายเองหรือเรียกร้องให้โรงหนังฉายก็ตาม ยกตัวอย่าง HomeFlick (นครราชสีมา) Lorem Ipsum (หาดใหญ่) เราว่าหนังเรื่องนี้ควรมีฉายที่อยุธยา (อยุธยา) เป็นต้น ล่าสุด ที่จังหวัดชายแดนอย่างนครพนม ก็มีกลุ่ม ‘พนมนครรามา’ ออกมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ ด้วยการจัดฉายหนังนอกกระแสเอง โดยจะประเดิมฉาย ‘Drive My Car’ โดย ริวสุเกะ ฮามากุชิ หนังนอกกระแสมาแรงเป็นเรื่องแรกในเดือนเมษายนนี้ เพราะอยากเห็นพื้นที่ฉายหนังนอกกระแสในเมืองที่ห่างไกลจากพื้นที่ส่วนกลางอย่างกรุงเทพฯ บ้าง จึงทำให้ ‘พนมนครรามา’ ก่อตั้งขึ้น “อีกอย่างเราอยากรู้ด้วยว่าที่นี่จะทำแบบจังหวัดอื่นๆ ที่ทำพื้นที่ฉายหนังอิสระได้ไหม และถ้าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” จากความตั้งใจและความสงสัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนนี้ ทำให้ ‘พนมนครรามา’ ตัดสินใจติดต่อ Doc Club เพื่อทำเรื่องขอหนังนอกกระแสมาฉาย ซึ่งแน่นอนว่า Doc Club เองก็สนับสนุนเต็มที่ “เราไม่แน่ใจว่าสุดท้ายโปรเจกต์จะได้รับผลตอบรับที่ดีไหม แต่ถ้าเกิดมันไปต่อได้ มีคนให้ความสนใจมากพอ เราหวังว่าพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นจุดแลกเปลี่ยนบทสนทนาระหว่างคนไทย คนลาว และคนเวียดนาม จากภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันในอนาคต” […]