ปัญหาหนักอกของการต้องใส่บราเป็นอะไรที่คงไม่ต้องสาธยายให้ฟังมากมาย เพราะแค่คำว่าบราก็น่าจะสร้างปฏิกิริยาในใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความอึดอัด รัดแน่น ร้อนเหนอะ ไม่พอดีตัว กดเจ็บ หรือแม้แต่เรื่องเงินมหาศาลที่เสียไปเพื่อซื้อเจ้าเครื่องมือทรมานตัวเองนี้มา
เป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมเราถึงยังทนใส่บราออกจากบ้านทุกวัน?
วันไหนที่อากาศประเทศไทยร้อนจัด ฉันมักเกิดคำถามว่า เราทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้กันไปทำไม และคำตอบที่ได้ก็มีตั้งแต่เรื่องค่านิยมของสังคม ความเคยชิน และท้ายที่สุดแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรายังมีประโยชน์ของมันในการช่วยพยุงอกของเราให้อยู่กับที่กับทาง สิ่งเดียวที่ทำได้เลยเป็นแค่การอดทนไปตามนั้น
ในระหว่างที่ฉันได้แต่อดทน ช่วงกลางปี 2021 ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว
ตัดภาพมาปีนี้ แบรนด์ Jollynn ของพวกเขาได้ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ขายดีอันดับ 2 ในหมวดหมู่ชุดชั้นในของ LAZADA
แปลว่าในเวลาไม่ถึงปี บราของพวกเขาได้พิสูจน์ตัวเองจนคนมีหน้าอกแห่กันไปซื้ออย่างล้นหลาม ซื้อแล้วก็กลับมาซื้อซ้ำ ซื้อทีเดียวหลายตัว ซื้อแล้วบอกต่อ กลายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดได้แบบไม่น้อยหน้า
การเติบโตอันก้าวกระโดดทำให้ฉันเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เขาทำอะไรถึงได้ตอบโจทย์คนได้เป็นวงกว้างขนาดนี้ จนต้องชวนไปเปิดอกคุยกันดู
ปัญหาสุมอกคนไทย
ตัวแทนของทีม Jollynn ที่มาคุยกับฉันคือ Tiffany Chien ผู้เป็น Marketing Director ให้แบรนด์มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เธอเริ่มต้นจากการอธิบายว่า แท้จริงแล้วทีมเบื้องหลังแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีหน้าที่รับดูแล e-commerce ให้แบรนด์อื่นๆ
เนื่องจากความคร่ำหวอดในวงการ E-commerce ทำให้พวกเธอเริ่มมองเห็นช่องทางที่จะหันมาทำแบรนด์ของตัวเอง และหนึ่งในช่องว่างทางการตลาดที่ทั้งทีมสนใจร่วมกันก็คือเรื่องชุดชั้นใน แหม ก็มันเป็นสิ่งที่คนมีหน้าอกเขาซื้อใช้กันหมด แล้วปกติต้องซื้อหลายตัว แล้วไหนจะต้องซื้อซ้ำๆ อีก
ไม่ใช่แค่นั้น ชุดชั้นในยังเป็นของที่ควรปรับสินค้าให้เหมาะสมกับแต่ละวัฒนธรรม โดยเฉพาะเมืองไทยเรานี่มีประเด็นที่พิเศษมากคือ ความร้อน
“ตั้งแต่ฉันมาทำงานที่ประเทศไทย สิ่งแรกที่ฉันทำเสมอเมื่อกลับถึงบ้านคือการถอดบรา เพราะอากาศมันร้อนมากจนแทบหายใจไม่ออก แล้วเหงื่อก็ท่วมไปหมด การได้ถอดบราทีมันเหมือนให้เราได้หายใจอีกครั้งเลย” Tiffany แชร์ที่มาของไอเดียให้ฉันฟัง และฉันก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับชาวไทยอย่างเดียว แต่มันเป็นกันทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย ทั้งเรื่องสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น และเรื่องสรีระของชาวอาเซียนที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เช่น รอบใต้อกโดยเฉลี่ยที่เล็กเมื่อเทียบกับคนจากภูมิภาคอื่น เป็นต้น
ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ในภูมิภาคเรากลับยังมีทางเลือกบราอยู่ไม่เยอะเท่าไรนัก และเมื่อเพิ่มตัวเลือกเป็นบรานำเข้าก็จะมีราคาพุ่งสูงทันที ทีมเลยมองกันว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะลองเริ่มต้นทำแบรนด์ที่ไทยก่อน แล้วถ้าอยู่ตัวเมื่อไรถึงจะขยายไปประเทศอื่นๆ ทั่วภูมิภาค
ใส่สบายต้องมาก่อน
สิ่งหนึ่งที่ทีมเบื้องหลังแบรนด์ Jollynn ค้นพบระหว่างสำรวจตลาดคือ ส่วนใหญ่เวลาคนคิดถึงบรา จะคิดถึงภาพการดันหน้าอกให้ดูมๆ ใหญ่ๆ และนางแบบที่เดินสับขาอย่างเซ็กซี่
พูดอีกอย่างคือ ตลอดมาบราถูกออกแบบบนฐานคิดว่า คนมองจะอยากเห็นอะไร ไม่ใช่คนใส่จะอยากใส่อะไร
แม้แต่ Tiffany เองก็บอกว่าแต่ก่อนเขาก็มีค่านิยมในการซื้อบราแบบนั้นเช่นกัน “ฉันเป็นคนหน้าอกเล็ก ทำให้เวลาออกไปไหนก็จะรู้สึกอยากใส่บราที่ดันอกตัวเองอยู่ตลอด เพราะสังคมบอกฉันว่าต้องดูดีแบบนี้ถึงจะรู้สึกดี แต่ในแง่กายภาพแล้วฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด”
แต่เธอก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงสองสามปีหลังมานี้ คนเริ่มมีจิตสำนึกเรื่องการให้คุณค่าร่างกายตัวเองมากขึ้น จากทัศนคติว่าเราต้องบีบอัดร่างกายให้เข้ากับกรอบของสังคมที่บอกว่าสิ่งนี้คือสวย คือดูดี กลายเป็นอิสรภาพที่เน้นความสบายใจของเจ้าของเรือนร่างนั้นๆ มากกว่า
ดังนั้นแบรนด์เลยเลือกนำเสนอจุดยืนด้วยประโยคว่า Your comfort matters คือการให้ความสำคัญกับความสบายอกสบายใจของคนใส่เป็นหลักก่อนเรื่องอื่นๆ โดยความสบายอกนี้ไม่ใช่แค่สบายหน้าอก แต่ยังรวมไปถึงรู้สึกสบายใจกับร่างกายตัวเอง กับเพศที่ตัวเองอยากเป็น และกับความสัมพันธ์ที่ตัวเองอยากมีด้วย
“ฉันมองบราของเราว่าเป็นเหมือนผู้สนับสนุนลับๆ ของคนมีหน้าอก” Tiffany กล่าว
Jollynn เลยไม่ได้แค่ขายบราเท่านั้น แต่มีภารกิจในการช่วยผลักดันทัศนคติเรื่องการดูแลตัวเองตามรูปแบบร่างกายที่หลากหลาย โดยไม่ต้องพยายามยัดตัวเองลงไปในมาตรฐานความงามด้วย
ลองวนไปจนมั่นใจ
แน่นอนว่าความสบายเป็นเรื่องที่พูดง่ายกว่าทำ พวกเขาจึงลงมือทำกันอย่างขะมักเขม้น ทำให้กว่าจะออกมาเป็นบรารุ่นต่างๆ ที่ขายอยู่บนหน้าร้านออนไลน์ตอนนี้ ต้องมีการลองผิดลองถูกมามากมาย
จุดขายหลักของแบรนด์คือการเลือกใช้บราจากวัสดุที่เหมาะสมที่สุด แบรนด์ร่วมมือกับผู้ผลิตที่จีนเพื่อเสาะหาผ้าที่บางเพื่อให้ผิวได้หายใจ และต้องยืดได้ดีสุดๆ รวมถึงเน้นผ้าที่ป้องกันการเกิดแบคทีเรียด้วย เพราะกลิ่นอับเหงื่อเนี่ยมันเกิดจากการทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียนั่นเอง โดยมีผ้าผู้เข้าชิงจากทั่วโลก เช่นผ้า Lycra จากอเมริกา ผ้า Hyusung จากเกาหลี นอกจากนั้นแบรนด์ยังต้องทำงานร่วมกับผู้ผลิตเพื่อเลือกวิธีตัดเย็บให้ระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดด้วย
พอได้บราตัวต้นแบบออกมาแล้ว ก็ถึงเวลาลอง โดยเริ่มจากทีมลองใส่กันเองจนเริ่มมั่นใจ แล้วถึงจะแจกให้ผู้ใช้จริงเอากลับบ้านไปลองมากถึงกว่า 2,000 คน
“คือพวกเราในทีมต่างคนก็ต่างมีแค่หน้าอกเดียว แปลว่าเราไม่มีทางรู้ว่าคนที่หน้าอกต่างจากเราต้องการบราแบบไหน เราถึงได้ให้คนจำนวนมากมาช่วยลอง แล้วมันก็ทำให้เราพบว่าคนเรามีร่างกายที่แตกต่างกันมากๆ และทำให้เราออกแบบบราที่รองรับรูปทรงได้หลากหลายด้วย”
โดยคำถามที่ทางแบรนด์เตรียมไว้ให้ผู้ใช้จริงก็มีเยอะเป็นลิสต์ยาวเหยียด เช่น สายแน่นหลวมไปมั้ย รู้สึกหายใจออกมั้ย ยืดได้ดีมั้ย ไปจนถึงใส่นานๆ แล้วมันยังกระชับอยู่มั้ย หรือย้วยไปแล้ว
กระบวนการทดลองเชิงลึกนี้ทำให้ทีมใช้เวลาไปทั้งหมดกว่า 5 เดือนในการเตรียมตัว กว่าจะมั่นใจพร้อมปล่อยของ
นี่คือคำตอบว่าทำไมบรา Jollynn ถึงตอบโจทย์ได้เป๊ะจนขายดีเป็นพลุแตก แบรนด์ไม่ได้นั่งเทียนคิดนิยามความสบายขึ้นมาเองลอยๆ แต่ได้มาจากการไปทดลองศึกษาดูจริงๆ ว่าคนมีหน้าอกทั้งหลายชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหนนั่นเอง
สรุปแล้วบราที่ ‘ดี’ คืออะไร
ไหนๆ เขาศึกษามาให้ขนาดนี้แล้ว ฉันเลยถือโอกาสถามเกร็ดความรู้เรื่องวิธีเลือกบรา ว่าต้องแบบไหนถึงจะใส่สบายที่สุด โดย Tiffany ก็ให้คำแนะนำอย่างยาวเหยียดละเอียดยิบ สรุปออกมาได้ทั้งหมด 6 ข้อ สำหรับเอาไปปรับใช้เวลาใครจะซื้อบรา ดังนี้
1. เริ่มจากส่วนที่ Jollynn เชื่อว่าสำคัญที่สุด ก็คือผ้า ผ้านี่แหละจะบอกว่าบราตัวนั้นระบายอากาศได้ดีหรือไม่ มีปัญหาเรื่องกลิ่นอับเหงื่อหรือเปล่า และถ้าใช้ไปนานๆ แล้วจะย้วยไหม ซึ่งอันนี้อาจจะซับซ้อนมากหน่อย เพราะผ้ามีหลากหลายชนิดมากไปหมด แต่คำแนะนำหนึ่งของ Tiffany คือ ผ้าบางกว่าไม่ได้ดีกว่าเสมอไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณภาพของผ้า ถ้าผ้าดูหนาแต่คุณภาพดีก็อาจระบายอากาศได้ดีกว่า
2. สิ่งต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือฟองน้ำ บราที่ทำฟองน้ำเป็นทรงกลม 3 มิติให้เข้าทรงกับหน้าอกจะใส่สบายกว่าฟองน้ำแบนๆ รวมถึงให้สังเกตด้วยว่าฟองน้ำดูดูดซึมดีและมีรูพรุนสำหรับระบายเหงื่อเพียงพอไหม
3. สายบราเป็นอีกส่วนเจ้าปัญหา คือถึงจะมีไว้ช่วยประคองน้ำหนักหน้าอก แต่ถ้าไม่รัดแน่นจนเจ็บเป็นปื้นแดง ก็มักไหลลื่นตกจากบ่าอยู่เรื่อย ซึ่ง Tiffany ก็ชี้ว่าขนาดของสายควรขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าอก เช่นถ้าหน้าอกเล็ก จะใช้สายบางๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหน้าอกใหญ่ สายที่หนาใหญ่จะช่วยกระจายแรงกดบนไหล่เรา ทำให้โอกาสเกิดรอยแดงน้อยกว่า และเวลาปรับสาย ระยะความยาวสายที่เหมาะสมที่สุด คือเราต้องเสียบนิ้วชี้เข้าไปได้ 1 นิ้วพอดี ไม่ควรตึงหรือหย่อนไปกว่านี้
4. แต่สายบราไม่ใช่จุดเดียวที่คอยพยุงอก เพราะน้ำหนักอีกจุดจะไปตกที่การรองรับด้านข้างและด้านใต้ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นกับบราที่พยุงหน้าอกด้วยโครงพลาสติกแข็งๆ ซึ่งถ้าโครงไม่เข้าตัวจะทำให้เจ็บได้ แต่ในตลาดทุกวันนี้ก็เริ่มมีทางเลือกแบบไร้โครงอื่นๆ มากขึ้น เช่นของ Jollynn จะเป็นการใช้เทคนิค Dot Glue เพื่อสร้างทรงที่จะรองรับหน้าอกได้กระชับแทนโครงพลาสติก
5. อีกจุดที่ต้องสังเกตอยู่ตรงเนินหน้าอก คือบราควรจะแนบเข้ากับเนื้อเราให้พอดี ไม่ทิ้งช่องว่างไว้ให้หนีบเสื้อตัวนอกเข้าไปได้
6. และสิ่งสุดท้ายที่มองข้ามไม่ได้เลย คือตะเข็บ ถ้าใส่บราแล้วเจอจุดตัดเย็บไม่เรียบร้อยเมื่อไรก็คงต้องอดทนคันไปทั้งวัน ดังนั้นบราหลายรุ่นก็เริ่มมีการใช้วิธีการตัดเย็บแบบอื่นที่ไร้ตะเข็บ เช่นของ Jollynn ก็แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้กาวยางที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในการติดบางจุดแทน และถ้าจุดไหนต้องเย็บจริงๆ ก็จะมีผ้ารองรับเพื่อให้ตะเข็บไม่โผล่ออกมา เป็นต้น
ฟรีไซซ์สำหรับทุกคน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจสงสัยว่า ของพวกนี้มันต้องลองถึงจะรู้ แต่ Jollynn เป็นแบรนด์ขายออนไลน์ ยังไม่มีหน้าร้าน แบบนี้จะมั่นใจได้อย่างไร
วิธีการแก้ปัญหานี้ของแบรนด์คือ ทำฟรีไซซ์ไปซะเลย เนื่องจากจุดขายอยู่ที่วัสดุผ้าซึ่งยืดแต่ไม่ย้วยอยู่แล้ว ดังนั้นทีมก็เลยออกแบบให้บรามันยืดไปได้สุดๆ จนรองรับคัพได้กว้างมาก ตั้งแต่ 70A ถึง 85C ทำให้คนซื้อไม่ต้องคอยพะวงเรื่องใหญ่ขึ้นไซซ์หนึ่ง เล็กลงนิดหนึ่ง เพราะมีแบบไซซ์เดียวอยู่!
ส่วนใครที่ไซซ์ใหญ่กว่า 85C ก็อดใจรออีกหน่อยนะ เพราะทีมเขากำลังพัฒนาเลย ตามเป้าหมายที่จะให้เรือนร่างทุกรูปแบบได้โอกาสสัมผัสความสบายอกกันถ้วนหน้า
และสุดท้ายแล้ว แบรนด์ก็เข้าใจพฤติกรรมคนหนักอกที่ไม่ว่าอย่างไรการได้ลองก่อนมันก็อุ่นใจกว่า ทำให้เขามีทั้งการฝากขายตามหน้าร้านต่างๆ และมี Pop-up Store อยู่เรื่อยๆ ของแบบนี้ถ้าได้ลองสักตัวจนพอใจ ที่เหลือก็สั่งออนไลน์ได้ไม่ยากแล้ว