คงปฏิเสธได้ยากว่าความสวยแบบฟิตแอนด์เฟิร์มกำลังเป็นที่นิยมในสังคมขณะนี้ สวยหล่อแบบมีสุขภาพดีคือสิ่งที่คนกำลังให้ความสำคัญ ในสื่อต่างๆ ก็เช่นกัน สักระยะใหญ่ที่ผ่านมา ศิลปินสาวฮอต Ariana Grande ได้มีผลงาน Single เพลงชื่อ Side to Side ออกมาสู่สายตาและผ่านรูหูแฟนเพลง ด้วยเพลงที่ติดหูกับภาพ MV ฮอตสไตล์สาวสวยสาย Healthy ทำให้การออกกำลังกายชนิดหนึ่งได้รับการพูดถึงอย่างหนาหู ดังภาพที่ปรากฏใน MV ใช่ค่ะ มันคือ Indoor Cycling หรือการปั่นจักรยานในร่ม
เมื่อภาพ MV ที่ปรากฏต่อสายตาผู้ชมมันไม่ใช่แค่การปั่นจักรยานประกอบจังหวะเหมือนที่เราเคยๆ ปั่นกันมาในฟิตเนสแบบเน้นความเร็วและเอาเป็นเอาตาย แต่มันกลับเป็นการปั่นจักรยานประกอบเพลงที่มีท่วงท่าการปั่น การขยับร่างกาย เคลื่อนย้ายสะโพกอย่างสนุกสนาน เมามัน และเซ็กซี่ไปพร้อมๆ กัน
“มันมีแค่ใน MV ช้ะ!”
คำตอบคือ ไม่ใช่ค่าาาา การออกกำลังกายประเภท Indoor Cycling นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนเมืองรุ่นใหม่มาพักใหญ่แล้วค่ะ ทั้ง New York, Paris, Sydney, Hong Kong, Singapore หรือแม้แต่ที่กรุงเทพฯ ของเรา การเติบโตของ Indoor Cycling Studio ในเมืองต่างๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร มีมาอย่างต่อเนื่องในเวลาไม่กี่ปีมานี้เอง
แล้ว Indoor Cycling คืออะไร
Indoor Cycling คือการปั่นจักรยานในร่ม เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของหัวใจหรือ Cardio นั่นเอง เผาผลาญพลังงานอย่างต่ำประมาณ 500 Kcal เลยทีเดียวค่ะ โดยส่วนมากระยะเวลาในการปั่นต่อครั้งอยู่ที่ 45 – 60 นาที แล้วแต่การออกแบบคลาสในแต่ละสตูดิโอ ซึ่งเป็นระยะเวลาพื้นฐานสำหรับการออกกำลังกายแบบ Cardio เพื่อให้ได้ประสิทธิผลค่ะ ในปัจจุบัน Indoor Cycling ที่พบเห็นกันมากมีอยู่ 2 ประเภท คือการปั่นแบบ RPM และ การปั่นแบบ BPM แล้วมันคืออะไรอะ ต่างกันยังไง
RPM คือการปั่นจักรยานในร่มแบบที่เราคุ้นเคยหรือพบเห็นได้ตามฟิตเนสต่างๆ ทั่วไปในเวลาร่วม 10 ปีที่ผ่านมา RPM ย่อมาจาก Revolutions Per Minute หรือพูดแบบบ้านๆ ง่ายๆ คือ เมื่อขาเราหมุนหนึ่งรอบปั่น นับเป็น 1 รอบ ซึ่งต่างจากการปั่นแบบ BPM ซึ่งคือ Beat Per Minute ที่นับรอบการปั่นจาก Beat ซึ่งคือจังหวะของเพลงที่ประกอบการปั่นนั่นเอง ถึงจะมาช้ากว่าแต่ว่ามาแรวงงง สำหรับ Indoor Cycling แบบ BPM ที่เป็นการปั่นตามจังหวะเพลง
จะว่าไปแล้วการปั่นทั้งสองลักษณะนี้เป็นการปั่นจักรยานในคลาส โดยมี Instructor หรือผู้นำคลาสเป็นคนปั่นนำ และเป็นการปั่นประกอบเพลง ซึ่งทำให้ผู้ปั่นรู้สึกสนุกสนานและถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวในขณะเดียวกัน
ขนาดคลาสมีจำนวนแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ขนาดของยิมหรือสตูดิโอนั้น ในบ้านเราก็แค่หลักสิบ แต่บางที่อย่างเช่นอเมริกา เขามีจักรยานเป็นหลักร้อยจ้า!
Indoor Cycling ที่จะขอพูดถึงนี้จะขอเฉพาะเจาะจงลงไปที่การขี่แบบ BPM นะคะ เนื่องจากเป็นกีฬาที่อยู่ในกระแสและเป็นของใหม่สำหรับบ้านเรา หลายคนคิดว่ามีแต่ผู้หญิงที่ให้ความสนใจมาปั่นและออกกำลังกายชนิดนี้ ผิดค่ะ! หนุ่มๆ มาปั่นกันเยอะเลย เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกเพศนะคะ
ไปครั้งแรก
สำหรับใครที่ไปเริ่มปั่นแบบ BPM เป็นครั้งแรก ควรเช็กตารางเวลากับแต่ละสตูดิโอที่จะไปก่อนและจองก่อนนะคะ รองเท้าเขามีให้ค่ะ เป็นรองเท้าปั่นที่มีลักษณะพิเศษสำหรับยึดติดกับ Pedal หรือแป้นถีบ
แนะนำอย่างยิ่ง ให้เข้าคลาสที่มี Foundation Class ก่อนเวลาปั่นจริงนะคะ ถึงจะปั่นแบบ RPM มาแล้ว หรือสายปั่นกลางแจ้ง ก็ขอแนะนำว่าควรเข้า Foundation Class ก่อน มันไม่เหมือนกันจริงๆ ค่ะ Foundation Class จะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนการปรับจักรยานยังไงให้เหมาะกับตัวผู้ปั่นเอง แม้แต่รองเท้า ก็จะสอนมีการสอนวิธี Clip รองเท้าเข้ากับ Pedal ที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของเราเองนะคะ Safety First ค่ะ!
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำท่าปั่นที่ถูกต้องให้กับผู้ปั่นอีกด้วย และยังมีการทำความรู้จัก Resistance Dial หรือปุ่มปรับความหนืดหรือการปรับเกียร์นั่นเองค่ะ เขาจะสอนให้เราใช้อย่างถูกต้อง ปรับตามที่ Instructor บอกนะคะเพื่อการปั่นที่มีประสิทธิผลและจะไม่ทำให้เจ็บเข่าด้วยค่ะ
มาถึง Highlight ที่รอคอย…จะเอาแบบ Ariana อะ จะเอา!! ใช่ค่ะ ท่าทางต่างๆ หรือมูฟเมนต์ในการปั่นแบบ BPM นั้น มันหลากหลายเสียนี่กระไร ขาก็จะปั่น แขนก็จะออก เหมือนปั่นไปด้วยวิดพื้นไปด้วย โอ๊ย…มันค่ะ! โยกซ้ายโยกขวาไปมาแบบ Side to Side ต๊าย…ได้เป็น Ariana Grande ละค่า ซึ่งถ้าผู้ปั่นมาเข้าคลาสเป็นครั้งแรก ในส่วนของ Foundation Class จะมีการสอนท่าพื้นฐานต่างๆ ในการปั่นเพื่อที่ว่าเมื่อเวลาเราเข้าคลาสจริงแล้ว เราจะสามารถทำตามได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ไม่มึนงง มองซ้ายแลขวาแบบว่า ฮะ! อะไรนะ ทำไรกันอะ งง
เริ่มปั่นกันค่ะ!
ลักษณะของคลาสปั่นจะเป็นการปั่นประกอบเพลง แสง สี เสียง บรรยากาศในคลาสราวกับเต้นอยู่ในผับเลยค่ะ บิลด์มาก ที่สำคัญรอบขานั้นต้องปั่นให้ลงตามจังหวะ อย่าเร็วหรือช้าจนเกินไป เพราะเพลงในแต่ละแทร็กนั้นมีโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการออกกำลังกาย ทั้งเร็วมาก เร็วปานกลาง กึ่งเร็วกึ่งช้า เอาเป็นว่าปั่นให้ลงจังหวะนะคะ และที่สำคัญทำตามที่ Instructor หรือผู้นำคลาสแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการลงจังหวะขา การปรับ Resistance Dial ในแต่ละเพลง เมื่อไหร่ให้นั่ง เมื่อไหร่ให้ยืน และคอยเช็ก Position ของตัวเองขณะปั่นให้ถูกต้องด้วยนะคะ
สำหรับคนที่ปั่นครั้งแรกและรู้สึกเหนื่อยเอามากๆ จนรู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้ว แนะนำนะคะ ห้ามหยุดปั่นกะทันหัน อาจจะปั่นช้าลง นั่งปั่นเบาๆ เพื่อพักระยะหนึ่งได้ แต่ถ้าหยุดปั่นกะทันหันในขณะที่หัวใจกำลังทำงานหนัก อาจส่งผลให้เกิดอาการช็อกและเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจได้ค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าหยุดปั่นกะทันหันนะคะ
“เหนื่อยไป ไม่เอาอะ”
หลายคนกลัวว่าการปั่นจักรยานในร่มจะเหนื่อยเกินไป บางคนไม่ถนัดการออกกำลังกายแบบ Cardio เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยมาก แถมต้องปั่นในคลาสที่มีคนนำปั่น มีคนร่วมคลาสอีกหลายชีวิตจนทำให้รู้สึกกดดัน จะอู้ก็ไม่ได้ วิ่งในสวนหรือปั่นเองในยิม เหนื่อยมากก็ผ่อนได้ หยุดได้ แต่แบบนี้เกร็งอะ กลัวขาดใจตายคาจักรยาน สารพัดความกังวลก่อนที่จะได้เริ่ม ดูปากณัชชานะคะ “No Pain No Gain” ค่าาา รู้ไหมคะว่าการออกกำลังกายแบบ Cardio ให้ได้ผลต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป ถ้าเราอู้ ถ้าเราพัก หัวใจไม่ได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ไอ้ที่ออกมานั้นแทบไม่เป็นผลเลยค่ะ ครั้งแรกเหนื่อยแน่ค่ะโดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่ หรืออาจจะออกแต่ไม่ค่อยได้เล่นอะไรที่เป็น Cardio Workout เพราะหัวใจไม่ชินกับการทำงานแบบนี้ แต่ร่างกายจะค่อยๆ ปรับเองค่ะ พอผ่านไปสักสองสามครั้งจะรู้สึกง่ายขึ้น สบายขึ้น ทำได้นานขึ้น ทำได้ดีขึ้น ซึ่งสำหรับคนที่มาครั้งแรกๆ อาจจะเหนื่อยมากสักหน่อย แต่รู้ไหมคะว่าร่างกายเราจะเผาผลาญพลังงานได้มากโขเลยค่ะ อาจจะมากถึง 700 – 800 Kcal เชียวนะคะ และยังคงเผาผลาญอย่างต่อเนื่องอีกหลายชั่วโมงแม้ว่าจะจบคลาสไปแล้ว ดังนั้นถ้าใครที่กำลังมองหาการออกกำลังกายโดนเน้นการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันล่ะก็ Indoor Cycling น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
ปัจจุบันในกรุงเทพฯ เริ่มมีการเติบโตของธุรกิจสถานออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับ Indoor Cycling Studio ก็มีการเติบโตมากขึ้นในระยะปีสองปีที่ผ่านมา เมื่อมีคนให้ความสนใจมากขึ้นก็มีการขยายตัว และมีสตูดิโอใหม่ๆ ในหลายย่านมากขึ้นให้คนเมืองอย่างเราๆ ได้เลือกลองเลือกปั่นกันตามสะดวก ลองดูนะคะ มาออกกำลังกายแบบแซ่บๆ ท้าทาย ไม่จำเจ เบิร์นแคลอรีได้มาก ฟังเพลงเพราะๆ สนุกๆ และยังได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ในคลาสอีกด้วยค่ะ ในครั้งหน้าจะมารีวิว Indoor Cycling Studio ให้ได้อ่านกันแน่นอนค่ะ ว่าแล้วก็ขอไป Side to Side แบบ Ariana Grande ให้ไขมันกระจายก่อนนะคะ 😉