สวัสดีค่ะ ฉบับแรกนี้ กี่เปิดตัวด้วยการพาไปหนีเที่ยวไฟลต์อินชอน เกาหลีใต้ รอบเตียงกันดีกว่า
อะ หลายคนอาจงง ว่าอะไรคือรอบเตียง งั้นวันนี้จะขอแนะนำคำศัพท์ในวงการให้ได้รู้จักกันสักหน่อยนะคะ เพราะอาจใช้บ่อย ผู้อ่านจะได้เข้าใจ
วันนี้จะมานำเสนอ คำศัพท์ที่รู้กันในหมู่ลูกเรือ เพื่อบอกว่าเราจะมีเวลาอยู่ในที่นั้นๆ นานเท่าไหร่ เช่น
‘ขีด’ หมายถึง วันหยุดเต็มๆ 1 วัน ที่เมืองที่เราบินไปลง ไม่นับวันทำงานไปและทำงานกลับ (ซึ่งปัจจุบันนั้นหายากมากแล้ว) เราจะเรียกว่า วันขีด (มาจากเส้นขีดที่เกิดขึ้นในตารางบินของลูกเรือผู้โชคดีนั้นๆ) ถ้าได้หยุด 2 วัน ก็จะเรียกว่า 2 ขีด (อันนี้ปัจจุบันเรียกว่า ฝันเฟื่อง) เป็นต้นว่า เดือนนี้แอร์กี่มีไฟลต์ไทเป 1 ขีด จะไปเดินหาของอร่อยทานให้พุงแตกเลย หรือเมื่อเดือนที่แล้วไปโอซาก้า ขากลับเครื่องเกิดเสียเลยได้อยู่ขีดต่อเพราะต้องรอซ่อมเครื่องให้เสร็จเสียก่อนถึงจะกลับได้ (กรณีนี้ไม่ค่อยมีใครอยากให้เกิด เพราะการให้บริการผู้โดยสารที่ไม่สามารถไปยังที่หมายได้ตรงเวลานั้นคือหายนะของชีวิตพวกกี่มากจริงๆ แทบจะประเคนศีรษะใส่พานถวายท่านๆ กันเลยทีเดียว แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากให้เครื่องดีเลย์หรอก เพราะการดีเลย์เครื่องแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายมหาศาลที่แต่ละบริษัทจะต้องรับผิดชอบ แต่หากมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยแล้ว ทางเราจะไม่ยอมหลับตามองข้ามไปเด็ดขาด ฉะนั้นใจเย็นๆ กับแอร์ๆ กันหน่อยนะคะ แอร์ทุกคนก็อยากกลับบ้านไม่แพ้กันเลย)
’24’ หรือ ‘รอบเตียง’ หมายถึง เราทำไฟลต์มาถึงเมืองนั้นๆ พอแลนด์ปุ๊บ ไม่ว่าจะเวลาใดที่เท้าแตะสนามบินก็นับไปค่ะ อีก 24 ชั่วโมง เท้าเราจะกลับมาแตะสนามบิน ขึ้นเครื่องเตรียม Take Off แล้ว ไฟลต์บินที่จำเป็นจะต้องลงนอน ตามกฎการบินโลกส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันแค่ประมาณ 24 ชั่วโมงเนี่ยล่ะค่ะ ที่ใช้คำว่ารอบเตียงคือ มาถึงทั้งที แทนที่จะได้ออกไปเที่ยวสัมผัสโลกใหม่อย่างที่ท่านๆ ทั้งหลายจินตนาการอาชีพแอร์ไว้อย่างสวยหรู ความจริงคือเที่ยวอยู่รอบเตียงนี่ล่ะค่ะ ถึงโรงแรมก็ล้มพับหลับแง่กกันเหมือนผักเหี่ยวๆ แล้วก็จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เพื่อปลุกตัวเองขึ้นมาหาอะไรทานตามเวลาท้องที่ หากบินไปยุโรปรอบเตียงก็ดีหน่อย (ถึงแม้เวลาบินจะยาวนานเอาการอยู่) เพราะเวลาของบ้านเมืองเขาจะช้ากว่าเวลาของบ้านเรา ทำให้เราสามารถพักร่างได้นานขึ้น เพราะกว่าจะถึงเวลาเปิดทำการร้านรวงต่างๆ ของเขา ก็จะเท่ากับเวลาบ่ายๆ ของบ้านเราพอดีค่ะ แต่ถ้าเป็นบรรดาประเทศที่เวลาบ้านเขาเร็วกว่าบ้านเรานี่สิคะ โอยยยยย…ถึงโรงแรมนอนพักไปได้สักพักก็ต้องแหกตาฝืนลุกมาหาอะไรทานและซื้อเก็บไว้ตุนยามหิวในช่วงค่ำๆ เพราะร้านรวงเขาจะปิดเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับเวลาบ้านเรา เช่น เรามาถึงนิวซีแลนด์จะเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ของบ้านเขา แต่คือประมาณ 8 โมงเช้าบ้านเรา กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่าย 2 กว่าจะได้นอนก็บ่าย 3 เราก็ตั้งปลุกไว้ บ่าย 4 ก็ควรลุกได้แล้ว เพราะที่นี่ห้างร้านรวงต่างๆ จะปิดประมาณ 6 โมงเย็น มีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงให้ได้ทำอะไรๆ กัน ใครมีภารกิจได้รับคำสั่งออเดอร์จากทางบ้านก็จะรีบกระเสือกกระสนไปไขว่คว้าตามล่าแล้วยังต้องหาไรมาทานอีก จากนั้นก็กลับมานั่งตาค้างที่ห้อง เพราะ 6 โมงเย็นบ้านเขา ก็เพิ่งจะบ่าย 2 บ้านเรา แต่ทุกอย่างปิดหมดแล้ว เมืองเงียบเชียบเกือบร้างกันเลยทีเดียว ก็ได้แต่กลับมาเดินเที่ยวรอบเตียงตัวเองไปจนกว่าจะฝืนหลับได้ เช้ามา 11 โมง (เวลาท้องถิ่น) ก็ต้องตื่นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับบ้านกันแล้ว ซึ่งเวลานั้นเท่ากับ 6 โมงเช้าบ้านเราเอง บางคนพึ่งจะนอนไปได้ 2 – 3 ชั่วโมง เลยบางทีถ้าขึ้นเครื่องมาแล้วเจอคุณแอร์ คุณสจ๊วตหน้าตาสะโหลสะเหลโรยรา ดูไม่สดใสเต่งตึงให้คุณๆ ทั้งหลายได้ชื่นใจยามเห็นแล้วล่ะก็ ขอให้เข้าใจพวกเราด้วยนะค้าา ^^
‘ดมหมอน’ อันนี้คืออยู่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงค่ะ คือแลนด์ไปประมาณ 6 – 7 ชั่วโมงก็กลับบ้านกันแล้ว ส่วนใหญ่เป็นที่ใกล้ๆ เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วค่ะ ไฟลต์พวกนี้จะไปถึงตอนดึกๆ แล้วเช้าตรู่ก็กลับ คือยังไม่ทันจะได้หลับลึกเลย ได้แค่ไปนอนดมๆ หมอน แล้วก็กลับ เราเรียกสั้นๆ ว่า ‘ดมหมอน’
‘ควิกเทิร์น’ (Quick Turn) จะเป็นพวก Domestic Flight คือไฟลต์ภายในประเทศกับ Regional Flight คือไฟลต์ภูมิภาคบ้านใกล้เรือนเคียงค่ะ หมายถึง บินไปแล้วก็บินกลับทันที ลูกเรือไม่ได้ออกจากเครื่องไปไหนเลย เช่น ปักกิ่งควิกเทิร์น (คุณพระ…อันนี้กินเวลายาวนานมาก เครื่องออก 10 โมงเช้า กลับมาอีกทีเกือบ 5 ทุ่ม บินกันให้มึน)
แล้วก็จะเป็นพวกฮ่องกงควิกเทิร์น ภูเก็ต/เชียงใหม่ควิกเทิร์น ทำนองนี้ค่ะ
‘ข้ามคืน’ เหมือนควิกเทิร์นค่ะ เพียงแต่ควิกเทิร์นคือจะเกิดขึ้นแล้วจบไปภายในวันวันเดียว ส่วนข้ามคืนจะเกิดขึ้นตอนค่ำๆ ของวันหนึ่งแล้วไปจบอีกวันหนึ่งตอนเช้าๆ ไฟลต์แบบนี้ ตัวกี่เองไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะมีใส่มาให้ใน Schedule บ่อยมาก พูดได้คำเดียวเลยว่าโทรมค่ะ สุขภาพพัง หนังหน้าเหี่ยวไปตามๆ กัน บางทีเห็นผู้โดยสารหลายท่านบ่นเรื่อง กบท. แอร์กี่เยอะเหลือเกิน ส่วนหนึ่งก็มาจากไฟลต์ประเภทนี้แหละค่ะ อดหลับอดนอนกัน ออกจากบ้าน 6 โมงเย็น ลากยาวจนถึงตีห้า 6 โมงเช้า กว่าจะลงจากเครื่อง กว่าจะขึ้นรถขับกลับบ้าน ไหนจะลงมาเวลารถติดอีก ตัวกี่เองนี่ประจำเลย แลนด์มา 6 โมงเช้า กว่าจะถึงบ้านก็ 8 โมงเห็นจะได้ อาบน้ำล้างหน้ากว่าจะได้นอนก็ 9 – 10 โมงนู่นแล้วค่ะ ยังไม่ทันจะเริ่มกรนเลย เที่ยงก็ตื่นละ! ก็มันหิวข้าวค่ะ สำหรับกี่เรื่องกินต้องมาก่อน
ก็เนี่ยล่ะค่ะ บางทีคุณอาจเจอแอร์อายุแค่ 25/35 แต่หน้าเกษียณนำไปก่อนแล้ว (ว่าแล้วก็ขอหันไปหยิบที่มาส์กหน้ามาแปะบำรุงผิวที่ร้าวรานหยาบกร้านของกี่สักหน่อย)
คุณกี่พาผู้อ่านอ้อมไปไกลมากกว่าจะได้เข้าเรื่อง เล่นทำมึนกันเลยทีเดียว
หนีเที่ยวประเดิมฉบับแรกนี้ กี่จะพาหนีเที่ยวเกาหลี 24 ชั่วโมงค่ะ วันนี้เราออกจากกรุงเทพฯ กันมาแต่เช้าตรู่แล้วก็แวะส่งผู้โดยสารบางส่วนลงฮ่องกง จากนั้นจึงเดินทางต่อมาที่เกาหลีค่ะ กว่าจะถึงก็เป็นเวลา 3 ทุ่มของที่นี่แล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นหาร้านนั่งเก๋ๆ ชิลๆ มาให้เป็นข้อมูลดีๆ แก่ผู้อ่านสักหน่อย ปรากฏว่าฝนตกหนักเลยไม่สามารถออกไปไหนได้ เลยต้องขอตัวไปพักก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาจะพาไปรู้จักกับร้านต่างๆ ที่ลูกเรือนิยมไปในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีนี้กันนะคะ
ระหว่างนั่งรถมาโรงแรม ฝนตกหนักและไม่มีทีท่าจะหยุดเลย
มีผู้ชายมายืนรอรับถึงหน้าประตูกันทีเดียว…
ถึงห้องพักแล้ว นี่ก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว ข้างนอกยังคงตกหนักอยู่เลย งั้นคืนนี้ขอตัวพักผ่อนก่อนนะคะ
เมื่อคืนไฟลต์แลนด์มาดึก วันนี้เลยมีเวลาได้ออกมาเดินเล่นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะต้องทำไฟลต์กลับ เนื่องจากทางบริษัทได้จัดย้ายโรงแรมมาอยู่ในเมืองชั่วคราวด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้สามารถเดินมาย่านช้อปปิงมยองดงได้สบายๆ ถ้าโรงแรมเดิมนั้นจะต้องรอรอบรถบัสซึ่งมีเพียง 2 รอบต่อวัน แล้วนั่งมาประมาณ 45 นาทีถึงจะถึงมยองดง
คราวนี้ก็สบายกี่เลย ตื่นตั้งแต่ 8 โมง (ก็ประมาณ 6 โมงบ้านเรา) อาบน้ำแต่งตัวพร้อม ถือกล้องออกมาเดินเล่น ช่วงนี้เป็นช่วงกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ กี่จะพยายามตั้งสติให้มั่นแล้วชักรูปถ่ายกลับมาให้คุณๆ ได้ยลให้มากที่สุดนะคะ
ฝนยังตกอยู่เลย
ร้านค้าเริ่มเปิด พี่ รปภ.เปลี่ยนกะกัน คนใหม่ที่มาแทนออกตรวจตราความเรียบร้อย ส่วนนี้เป็นส่วนช้อปปิงแบบ Underground เชื่อมกับสถานีรถไฟ
ร้านรวงยังไม่ค่อยเปิดเลย กี่ก็ได้แต่ยิงรูปไปเรื่อยๆ รอเสียทรัพย์
ย่านมยองดงยามเช้า เรียกว่าโล่งมากๆ
เดินเรื่อยเปื่อยมาสุดทางเห็นคนยืนอออยู่หน้าช็อปหนึ่ง มองไปถึงกับอ๋ออออ ร้าน Line Friends นี่เอง เปิดแล้วซะด้วย ขอตัวเข้าไปเยี่ยมชมช็อปสักหน่อยนะคะ
พี่ Brown ดาวเด่นของร้าน ใครมาต้องมาต่อแถวถ่ายรูปกับพี่เขา
ไอติมอร่อย แต่ด้วยอากาศที่ร้อน พอถ่ายเสร็จปุ๊บก็ละลายเต็มมือเลย กินไม่ทัน คุณกี่เศร้าใจ 🙁
ข้างบนชั้น 2 มีโซนถ่ายรูปด้วย
วืดไปพักหนึ่ง รู้ตัวอีกทีก็ต่อแถวรอจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย ตายๆๆ ยังเดินไปไม่ถึงไหนเลย สติๆๆๆ
พอออกจากร้านได้ เป้าหมายต่อไปคุณกี่จะพาไป Pink Motel ชื่อเหมือนจะเป็นโรงแรมเก๋ๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นช็อปเสื้อผ้าของแบรนด์ Stylenanda ที่ทำไว้ได้เก๋มากๆ ทั้งตึกเป็นสีชมพู แต่ละชั้นจะตกแต่งแนวต่างกันออกไป ข้างล่างสุดนั้นขายเครื่องสำอาง ชั้นถัดๆ มาจะเป็นเสื้อผ้าเก๋ๆ และร้านเครื่องดื่ม ใครที่ชื่นชอบยี่ห้อนี้ รับรองได้ช้อปจุใจ และยังทำ Tax Refund ได้อีกด้วย
ห้องลองเสื้อผ้า
คาเฟ่จะอยู่ชั้นบนสุดของร้าน ให้นักช้อปได้นั่งพักสบายๆ ก่อนเสียเงินต่อ
*จริงๆ แล้วมุมยอดนิยมที่สาวๆ ชอบไปถ่ายมากที่สุดอยู่บนดาดฟ้า แต่วันนี้ฝนตกทางร้านจำเป็นจะต้องปิดไม่อนุญาตให้ขึ้นไปค่ะ
ช้อปเพลินจนลืมเวลา ดีว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้เตือนว่ามีนัดทานข้าวกับเพื่อนๆ
ร้านนี้เราลูกเรือจะเรียกกันว่า ป้าญาณี เพราะคนขายหน้าเหมือนคุณญาณี จงวิสุทธิ์ เธอจึงได้ชื่อร้านเก๋ๆ นี้ไปแบบไม่รู้ตัว ร้านป้าญาณีเป็นร้านปิ้งย่างแบบ Local
รสชาติอร่อย แต่ออกจะเค็มอยู่หน่อยๆ แต่ก็ทานกันเรียบทุกทีไป
เพื่อนๆ ส่งลายแทงมาแล้ว ไปกันค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน
อร่อยที่สุดเลย
ทานข้าวเสร็จแล้วต้องไปเดินย่อยค่ะ หรือจะพูดให้ถูก ป้ายแดงๆ ที่แปะอยู่ทั่วเมืองตอนนี้นี่ช่างยั่วยวนใจคุณกี่และเดอะแก๊งเหลือเกิน เลยต้องขอย้อนกลับไปซ้ำที่ย่านวัยรุ่นนี้อีกสักรอบก่อนต้องระเห็จเก็บของกลับบ้านเราค่ะ
เซลล์ทุกสิ่งลดจริงทุกอย่าง แถมยังทำ Tax Refund ให้อีกด้วย ขอแค่เพียงพกพาสปอร์ตติดตัวไว้ เพราะที่นี่เขาจะคืนเงินให้เลยค่ะหากเรามีพาสปอร์ตมาโชว์ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ เพราะเราสามารถไปรับเงินคืนที่สนามบินได้
คนไทยมากมาย ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเรา
ยังคงสลัวๆ มืดมัวๆ ฟ้าฝน
ฝนตกแล้ว ต้องวิ่งหาที่หลบฝนก่อน ก็ได้ที่นี่ล่ะค่ะ Cafe de Paris เป็นร้านที่ตามหาอยู่พอดี เป็นอีกที่ที่ลูกเรือต้องมากัน ก็เขามีเครื่องดื่มที่ชื่นใจดับร้อนแถมเนื้อผลไม้แน่นๆ ให้เราทานกันอร่อยท้องบานนี่คะ เมนูดังช่วงนี้เห็นจะเป็นสมูทตี้มะม่วง ทั้งน้ำทั้งเนื้อ โอโห…เห็นแล้วต่อมน้ำลายทำงานสุดๆ แต่โชคร้ายของกี่ วันนี้หมดแล้วค่ะ เลยลองสั่งเมนูอื่นมาทาน ก็อย่างที่เห็น ถ้วยเดียวอิ่มถึงเช้า
สั่งน้ำ ได้เนื้อเน้นๆ
โอ๊ะ นาฬิกาบอกเวลา 4 โมงเย็นแล้วค่ะ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ จริงๆ ถึงเวลาที่คุณกี่ต้องลาเกาหลีที่รักไปแล้วค่ะ ขอตัวกลับโรงแรมไปจัดเตรียมตัวเองให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่สำหรับค่ำคืนนี้ก่อนนะคะ คราวหน้ากี่จะพาไปหนีเที่ยวที่ไหนไว้รอติดตามกันอีกนะคะ
city journal journey myeongdong seoul seoulcafe southkorea streetphotography stylenanda travel urban ท่องเที่ยว เกาหลี
Writer
บันทึกภาพผู้คน,ช๊อกโกแลตและเพนกวิ้น
ความเป็นตัวเอง | มั่นใจมากว่าเป็นแค่คนอารมณ์ดี แต่คนส่วนใหญ่ชอบบอกว่าบ้า
ผลงาน | ถ่ายสินค้า และ pre wedding