ความสัมพันธ์ Ghosting ผีในสังคมดิจิทัล - Urban Creature

A : สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ขณะนี้คุณกำลังอยู่ในรายการ ‘Shock Urban Creature’ วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องสุดสยองขวัญของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังสงสัยว่า คนที่คุยอยู่ตอนนี้เขาเป็น ‘คน’ หรือ ‘ผี’ กันแน่ อ๊ะๆ อ่านแล้วอย่าเพิ่งขนหัวลุก ขอชวนทุกท่านไปช่วยเธอหาคำตอบเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า

B : ฉันรู้จักเขาผ่านแอปฯ หาคู่ค่ะ ช่วงแรกๆ เราคุยกันดีนะคะ พอผ่านไปสัก 2 – 3 เดือน เขาก็เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนแปลงไป ชวนไปเที่ยวก็พูดปัดๆ ว่าไม่เอาไม่อยากไป ให้เหตุผลว่าป่วยบ้างล่ะ เหนื่อยบ้างล่ะ เลยไม่ค่อยอยากออกไปไหน 

ที่สำคัญพอเราทักแชตไปก็เหมือนพูดอยู่คนเดียว รู้ว่าอ่านนะแต่ไม่เคยตอบ แถมหาตัวเขาก็ไม่เจอ ไปถามใครก็บอกว่าไม่รู้ ไม่เห็น เหมือนไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว พูดแล้วก็ขนลุกเลยค่ะ ล่าสุดที่คุยกัน เขาบอกว่าขอไปอาบน้ำก่อนนะ ตอนนี้ 3 เดือนแล้ว เขายังอาบน้ำไม่เสร็จเลยค่ะพี่

A : อะหรือ หรือ คุณ B คะ คุณกำลังโดนผีหลอกเข้าแล้ว!

ความสัมพันธ์ Ghosting

ความสัมพันธ์ผี รู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ

จากบทสนทนาดังกล่าว ‘ผี’ ที่ว่านี้ไม่ใช่ผีแบบกุ๊ก กุ๊ก กู๋…แต่คุณ B กำลังเจอความสัมพันธ์แบบ ‘ผี’ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Ghosting’ เข้าให้แล้ว อธิบายง่ายๆ มันคือสัญญาณของการอยากตัดใครสักคนออกจากชีวิตอย่างกะทันหัน แบบไม่มีเหตุผลและไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า การหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยแบบนี้เปรียบเสมือนผีที่มองไม่เห็นและตามหาตัวไม่เจอ

ความสัมพันธ์ Ghosting ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความรักเสมอไป แต่ผีตนนี้ยังตามไปหลอกหลอนทั้งเรื่องการทำงาน เพื่อน หรือครอบครัวได้เช่นเดียวกัน เช่น ตามงานเพื่อนที่ออฟฟิศ แต่เขากลับเงียบหาย หรือทวงเงินเพื่อนที่ยืมเราไป สุดท้ายตามตัวไม่ได้ก็มี 

จริงๆ แล้วความสัมพันธ์แบบ Ghosting เป็นที่รู้จักมากขึ้นในยุคดิจิทัลที่ทุกคนใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสาร เพราะสะดวกสบาย พูดคุยได้ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นดาบสองคมสุดอันตราย เพราะยิ่งรู้จักกันเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเลิกคบกันไวได้เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่คนจะรู้สึกเจ็บปวดกับความสัมพันธ์นี้ในรูปแบบความรักแบบโรแมนติก โดยเฉพาะการนัดเดตผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ซึ่งพ่วงมาด้วยสถานะไม่แน่ใจในความรู้สึกระหว่างเรา

ความสัมพันธ์ Ghosting

สาเหตุที่คนเป็นผีวิ่งหนีไป มักเกิดจากเหตุผลที่เขาหรือเธออาจอยากถอยห่างจากความสัมพันธ์เพื่อทบทวนตนเอง ต้องการหลีกเลี่ยงเมื่อพบเจอคนไม่ถูกใจ อยากเก็บเอาไว้เป็นตัวสำรอง หรือหนักสุดคือ การบอกเลิกอ้อมๆ ที่ยังไม่พร้อมพูดปฏิเสธฝ่ายตรงข้ามโดยตรง และไม่อยากรับผิดชอบความรู้สึกใคร จากการสำรวจของ BuzzFeed สื่อออนไลน์ประเทศอเมริกาเผยว่า สาเหตุที่คนอยากจะ Ghosting กว่า 81 เปอร์เซ็นต์พบว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเข้ากันไม่ได้ 64 เปอร์เซ็นต์คือพวกเขาทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และ 25 เปอร์เซ็นต์คือรู้สึกเกลียดพวกเขา

อย่างไรก็ตาม Kelsey M. Latimer นักจิตวิทยาชาวอเมริกาวิเคราะห์ว่า คนที่เป็นฝ่ายผีไปกระทำคนอื่นให้เจ็บช้ำ มักมีพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเอง ชอบหนีปัญหา และควบคุมคนอื่น เนื่องจากคิดถึงความรู้สึกตนเองเป็นหลัก อยากได้ในสิ่งที่ต้องการมากกว่าแคร์คนอื่น 

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตบางคนมีความคิดเห็นต่อความสัมพันธ์ Ghosting อีกว่า เป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่นทางอารมณ์ เนื่องจากเป็นการแสดงพฤติกรรมทำร้ายจิตใจแบบซอฟต์ๆ ด้วยการหนีหายไปจากความสัมพันธ์ดื้อๆ ให้คนที่โดนทิ้งต้องรู้สึกโดดเดี่ยว พร้อมกับสร้างรอยแผลลึกในใจที่ไม่มีวันได้คำตอบ

ความสัมพันธ์ Ghosting

การไม่บอกเลิก คือการบอกเลิกที่เจ็บปวด

หากมองในฝ่ายคนที่วิ่งหนีความสัมพันธ์ แน่นอนว่าพวกเขาคงรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง แต่ในมุมมองคนโดนทิ้งนับว่าเป็นวิธีที่ทำร้ายจิตใจมากที่สุดเลยทีเดียว เพราะยิ่งมีความผูกพันมากเท่าไหร่ ความเจ็บจากการโดนเทยิ่งหนักแบบทวีคูณ

ลองจินตนาการว่าถ้าตัวเองอยู่ดีๆ โดนอีกฝ่ายเทกลางคันแถมยังไม่บอกเหตุผลให้เข้าใจอีก เราจะเริ่มคิดหนักแล้วว่าฉันทำอะไรผิด ฉันไม่ดีตรงไหน ยิ่งผ่านไปหลายวันก็ยิ่งคิดไปต่างๆ นานา หาสาเหตุว่าทำไมเขาถึงหายตัวไป เริ่มโทษตัวเอง และเกิดความรู้สึกด้อยคุณค่าตามมา เช่น เราคงดีไม่พอใช่ไหม หรือเราหน้าตาไม่ดีสินะ

เพราะการคิดหาเหตุผลที่เขาหนีไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดและไม่มีเฉลยบอก ทำให้ความคิดในหัววนเวียนอยู่แต่กับการหาคำตอบ ซึ่งบางคนอาจคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจยังมีใจให้อยู่ รอการติดต่อของเขา และไม่กล้าเริ่มต้นใหม่กับใครสักที เพราะยังมีความเชื่อหลงเหลือว่า ความสัมพันธ์นี้ยังไม่มีบทสรุปแน่ชัดว่าเลิกกันแล้ว ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมา 

ดังนั้น ความสัมพันธ์แบบ Ghosting จึงเป็นวิธีการบอกเลิกที่ทำร้ายจิตใจคนมากที่สุด ทั้งไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์และไม่คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย หากเทียบกับวิธีบอกเลิกอื่นๆ เช่น เผชิญหน้าพูดกันตรงๆ หรือส่งข้อความมาบอก แม้ว่าถ้อยคำจะทำให้เจ็บแต่อย่างน้อยมันก็จบแบบไม่ค้างคา 

ความสัมพันธ์ Ghosting

คาถาแก้ผีหลอก

หากคุณเริ่มเห็นแววว่าตนเองโดนผีหลอกในความสัมพันธ์เข้าให้แล้ว เพราะเขาดูเหมือนจะปล่อยเบลอ เมินเฉยการติดต่อไปดื้อๆ เรามี 3 เทคนิคหลักๆ ที่ช่วยจัดการความรู้สึกหลังโดนผีหลอก ดังนี้

ข้อแรก สร้างความชัดเจน

เมื่อเขาไม่ชัวร์ในความสัมพันธ์ เราควรสร้างความชัดเจนขึ้นมาเอง ขอให้คุณเป็นฝ่ายยื่นคำขาดในความสัมพันธ์ไปก่อนเลย เช่น ส่งข้อความไปบอกว่า “ที่เงียบกันไปหลายอาทิตย์หมายความว่าความสัมพันธ์เราสิ้นสุดกันแล้วใช่ไหม ขอคำตอบได้ไหม ถ้าไม่ตอบภายในวันนี้หมายความว่าเลิกกันนะ” 

แม้ว่าคำถามจะดูรุกแรง แต่ก็เป็นการตัดจบปัญหาสุดค้างคาไม่ให้ยืดเยื้อ และสร้างความชัดเจนให้กับตนเองได้ดี เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลานานและเริ่มต้นใหม่ได้เร็ว

ข้อสอง อย่าโทษตัวเอง 

เพราะคนโดนทิ้งไม่รู้คำตอบว่าเลิกกันเพราะอะไร จึงทำให้พวกเขาหาเหตุผลล้านแปดที่เป็นไปได้ทั้งหมด แน่นอนว่ายังไงต้องมีแวบหนึ่งที่โทษตัวเอง เช่น เราไม่ดีหรือเปล่า หรือเราไม่คู่ควรสำหรับเขา ความคิดเหล่านี้ถือเป็นการลดคุณค่าตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อคุณเจอสถานการณ์ผีหลอก ขอให้รู้ว่าเมื่อไม่มีหลักฐานหรือบทสรุปชัดเจนในความสัมพันธ์ เราไม่ควรโทษตนเอง คิดเองเออเองไปก่อนให้ปวดหัว เขาต่างหากที่ผิด อย่าลืมว่าต้องรักตนเองให้มากๆ นะ

ข้อสาม ทำกิจกรรมที่เรารัก 

สาเหตุหนึ่งที่หลายคนเสียใจหนัก เพราะเรามัวแต่โฟกัสเรื่องของเขาจนไม่สบายใจ ลองหาจุดเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่น อย่างการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ออกกำลังกาย กินข้าวกับเพื่อน หรืออยู่กับครอบครัว ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณลืมเหตุการณ์สุดปวดใจ แต่ยังได้กำลังใจและพลังบวกจากคนรอบข้างอีกด้วย

ความสัมพันธ์ Ghosting

ไม่ชอบไม่ว่า อย่าไปเป็นผีเสียเอง

ในทางกลับกัน หากเราพลิกล็อกอยู่ในสถานะกำลังเป็นผีซะเอง อยากบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลก มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนแหละ เวลาที่รู้จักใครสักคนแล้วไม่คลิก และอยากยุติความสัมพันธ์ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจัดการความสัมพันธ์ดีแค่ไหน ความจริงแล้วการเป็นผีไม่จำเป็นต้องหนีหายไปอย่างใจร้าย เราสามารถทำตัวเป็นผีน่ารักที่เรียกว่า ‘Caspering’ หรือ ‘Friendly Ghosting’ ซึ่งมาจากชื่อการ์ตูน Casper ผีน้อยน่ารักที่เป็นมิตรกับทุกคน นั่นคือการพูดจบความสัมพันธ์ดีๆ ที่รักษาน้ำใจและความรู้สึกอีกฝ่ายได้นั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวซึ้งๆ อย่าง “ขอบคุณช่วงเวลาที่เรารู้จักกันนะ เรารู้สึกกับเธอเหมือนเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง และขอให้เธอเจอคนที่ใช่สำหรับเธอ” หรือ “ยินดีที่รู้จักเธอนะ เราคิดว่าความสัมพันธ์นี้ไปต่อกันไม่ได้และขอให้เธอโชคดี” ข้อความเหล่านี้ล้วนเป็นการบอกเลิกที่ชัดเจน อธิบายสาเหตุ และรักษาน้ำใจอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน รวมถึงทำให้บรรยากาศในบทสนทนาไม่ตึงเครียดและลดความขัดแย้งได้มากทีเดียว เผลอๆ ยังกลายเป็นเพื่อนกันต่อในระยะยาวอีกด้วย

ปัจจุบันความสัมพันธ์แบบ Ghosting พบเห็นได้มากในโลกออนไลน์ เนื่องจากเราสามารถรู้จักกันอย่างรวดเร็วและเลิกกันไวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการเลิกกันเป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และการบอกเลิกอาจไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป มันขึ้นอยู่กับวิธีการบอกเลิกอย่างไรที่ชัดเจนและรักษาน้ำใจต่ออีกฝ่ายมากกว่า 

เราเชื่อว่าทุกคนคงอยากมีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับความรักที่จบไปอย่างสวยงาม นึกถึงเมื่อไหร่ก็มีรอยยิ้ม มากกว่าการจบกันที่ไร้คำบอกลา กลายเป็น ‘ผี’ ที่สร้างบาดแผลในใจให้คนคนหนึ่งตลอดไป

ความสัมพันธ์ Ghosting

Sources :
Becommon | becommon.co/life/heart-ghosting/
Healthline | healthline.com/health/ghosting#moving-on
Verywell Mind | verywellmind.com/what-is-ghosting-5071864
Wikipedia | en.wikipedia.org/wiki/Ghosting_(behavior)

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.