เราอยู่ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดกันมามากกว่า 2 ปี เป็นเวลาที่นานพอให้ได้รู้ซึ้งถึงความจริงที่ว่า ชีวิตเรานั้นแสนเปราะบาง และไม่มั่นคงเอาเสียเลย
โรคระบาดพรากอะไรหลายๆ อย่างไปจากเรา ไม่ว่าจะชีวิต ครอบครัว สังคม หรือแม้กระทั่งการเงิน ที่หามาได้ก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาล เศรษฐกิจก็ซบเซา หลายร้านปิดกิจการ หลายคนตกงาน หลายความฝันที่เคยวาดไว้สวยหรูก็ต้องพับเก็บไว้ก่อน
ต้นปี 2564 นิตยสาร The Economist คำนวณออกมาว่าโลกสูญเงินจากโรคระบาดในปี 63 – 64 สูงถึง 10.3 ล้านล้านเหรียญฯ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงปลายปีจากอัตราการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นของทั่วโลก ทั้งนี้ ไทยเราก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ฟื้นตัวช้า เพราะหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวไว้สูง ทำให้เศรษฐกิจเมื่อถึงช่วงสิ้นปี ขยายตัวเพียง 1.9%
ส่วนสถิติที่ใกล้ตัวเรากว่าอย่างเรื่องอัตราการว่างงาน ก็พบว่าคนไทยตกงานเพิ่มขึ้นถึง 2.25% หรือ 8.7 แสนคน แถมหนี้ครัวเรือนก็เพิ่มเป็น 5% รวมถึงคดีอาญา ลักทรัพย์ และคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ก็เพิ่มขึ้นถึง 10.3% ยังไม่นับข่าวการปิดตัวของร้านอาหาร ผับบาร์ โรงแรม โรงงาน ตลาด สถาบันกวดวิชา และอีกหลายๆ กิจการทั้งเล็กใหญ่ที่แบกภาระไม่ไหว แม้จะพยายามลดค่าใช้จ่ายแบบสุดๆ แล้วก็ตาม
มาปี 2565 ถึงวัคซีนจะเริ่มเต็มแขนเรามากขึ้น จนดูเหมือนเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง แต่ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตก็พุ่งสูงขึ้นแบบเงียบๆ เช่นกัน รู้ตัวอีกทีก็มีผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 45,797 คน และเสียชีวิต 38 คน (รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 2.8 ล้านคน เสียชีวิต 2 หมื่นกว่าคน – ข้อมูล ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565)
รัฐจึงต้องยกระดับการป้องกันโรคให้เข้มข้นขึ้น ด้วยประกาศเตือนภัยระดับ 4 ซึ่งก็ส่งผลโดยตรงให้เศรษฐกิจที่เคยดีขึ้นจากการบริโภค ลงทุน และท่องเที่ยวในประเทศ ต้องสะดุดและชะลอตัวอีกครั้ง
ยังไม่นับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ความผันผวนของตลาดการลงทุน ข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และประเทศในกลุ่ม NATO รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อของทั้งโลกที่สูงถึง 428 ล้าน จนทำให้หลายๆ ประเทศยังไม่กล้าเดินเครื่องลุยในภาคเศรษฐกิจเต็มกำลัง
ทั้งหมดทั้งมวล ย้อนกลับมาเป็นคำถามภายในจิตใจคนว่า ควรเอาไงต่อดี? ถ้าจะลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ สักอย่างตอนนี้ เงินจะมีพอหมุนไหม ถ้าทำงานอยู่ดีๆ จะถูกบริษัทบอกเลิกจ้างไหม จะกลายเป็นหนึ่งใน 2.25% ที่ตกงานหรือเปล่า หรือเสาร์อาทิตย์อยากจะออกไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวต่างจังหวัด จะได้ของฝากกลับมาเป็นโรคระบาดไหม แล้วเงินทองที่หายากยิ่งกว่าเดิม ควรเก็บเอาไว้เฉยๆ หรือใช้ซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปลอบประโลมจิตใจในช่วงเวลาที่แสนเปราะบางนี้ดี
สรุปแล้ว ถ้าต้องเลือกระหว่าง ‘หาเงินเยอะๆ ให้อุ่นใจไว้ก่อน’ หรือ ‘ออกไปใช้ชีวิตตามที่ต้องการซะตั้งแต่ตอนนี้เลย เรื่องเงินค่อยว่ากัน’ เลือกข้อไหนถึงจะใช่ที่สุด หรือเราสามารถออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุข ไปพร้อมๆ กับมีความมั่นคงทางการเงินด้วยได้ไหม?
‘บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด’ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก เล็งเห็นถึงปัญหานี้ และตระหนักว่าในฐานะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จะทำอย่างไรให้คนเข้าถึงความมั่นคงทางการเงิน หมดห่วงเรื่องการเงิน ไปพร้อมๆ กับใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการอย่างคุ้มค่าได้ด้วย เป็นที่มาของแนวคิด ‘For All It’s Worth ชีวิตที่คุ้มค่า ชีวิตที่เลือกได้’ ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดนี้ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้บริการการลงทุนอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้คนได้มีเงินใช้ พร้อมกับได้ใช้ชีวิตตามที่ฝัน โดยไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในเมื่อเราสามารถทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้
ซึ่งที่ผ่านมา พรินซิเพิลก็ได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วโลกจากจุดแข็ง 4 อย่าง ได้แก่
ความน่าเชื่อถือของตัวผลิตภัณฑ์ ทั้งกองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ได้รับรางวัลมากมาย (Integrity) อาทิ รางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2021 ประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น รางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 ประเภทกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตราสารหนี้ จากวารสารการเงินธนาคาร รางวัลประเภท Pooled Fund ที่มีขนาดกองทุนต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 (ปี 2560 – 2563) และอีกหลายรางวัลตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พร้อมด้วยทีมงานผู้จัดการกองทุนระดับโลก (Global Perspective) ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการลงทุนระดับโลก ได้รับรางวัลระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่าง Top Investor House จากเวที Asset Benchmark Awards 2020 หรือรางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยมประเภทการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ จาก Morningstar 4 ปีติดต่อกัน (2561 – 2564) เป็น บลจ. แรกในไทย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังนำเสนอคอนเทนท์ความรู้ด้านการลงทุนที่หลากหลาย (Holistic Expertise) ในทุกช่องทางออนไลน์ อย่างรายการใหม่ Principal Investment Opportunities ที่จะมาอัปเดตข่าวสารและสถานการณ์การลงทุนทุกวันจันทร์ ทาง Facebook และ YouTube
และจุดแข็งสุดท้ายคือบริการแพลตฟอร์มการลงทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้ (Inclusivity) ไม่ว่าจะทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และ mobile application ให้ลูกค้าเข้าถึงการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา ได้แก่ แอปพลิเคชัน Principal TH สำหรับลูกค้ากองทุนรวม กับ Principal Provident Fund สำหรับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ. พรินซิเพิล
ถ้ายังสงสัยว่าเราสามารถออกไปใช้ชีวิตแบบคุ้มๆ ไปพร้อมๆ กับมีความมั่นคงทางการเงินได้อย่างไร มาหาคำตอบได้ในโฆษณาตัวใหม่ล่าสุด ‘For All It’s Worth’ ชีวิตที่คุ้มค่า ชีวิตที่เลือกได้ ของ บลจ. พรินซิเพิล
คลิกเพื่อชม > https://youtu.be/3KTDMap5Nzs
ติดตามข่าวสาร ความรู้ และดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมจาก บลจ. พรินซิเพิลได้ทุกช่องทางออนไลน์
Facebook : https://www.facebook.com/principalthailand
YouTube : https://www.youtube.com/c/PrincipalThailand
Line : @PrincipalThailand
Website : https://www.principal.th/
โทร. 02-686-9595
#PrincipalThailand #ชีวิตที่คุ้มค่าชีวิตที่เลือกได้
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่างๆ หรือให้ขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ก่อนการตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Copyright @ 2022 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้ :
(1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล (2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่
(3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา
www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/GDP-TH-Q4-22-FB-22-02-2022.aspx
www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_7Dec2021.aspx
www.bbc.com/thai/thailand-60458789
www.bangkokbiznews.com/business/987045