“แล้วฉันควรจะทำยังไง ห๊ะ”
หลังจากฟังท่อนสุดท้ายของเพลง ‘ควรจะทำยังไง (Dead End)’ ซิงเกิลล่าสุดของ fluffypak จบ เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อาจจะเป็นความเศร้า หรือความอึดอัดใจบางอย่างซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจของคนฟังอย่างเราที่เพลงนี้นำพาให้เอ่อล้นขึ้นมาก็เป็นได้ ด้วยเนื้อเพลงตรงไปตรงมา และเสียง Synthesizer กระแทกใจเหมือนเจ้าของเพลงอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาในตอนท้าย ทำให้ต้องกดฟังเพลงนี้ซ้ำอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ
การพบกันครั้งแรกของเรากับเจ้าของเพลงอย่าง ณภัค นิธิพัสกร หรือ ‘ภัค fluffypak’ นั้นแตกต่างจากความรู้สึกแรกที่เราได้ฟังเพลงเนื้อหาเร้าอารมณ์นี้อย่างสิ้นเชิง ภัคมาถึงสถานที่สัมภาษณ์อย่างรีบร้อน แต่ก็ทักทายทุกคนในห้องด้วยความสดใส fluffypak ศิลปินจาก MILK! Artist Service Platform โปรเจกต์สนับสนุนศิลปินอิสระของค่าย What The Duck
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/2-1024x683.jpg)
“ดนตรีเป็นเหมือน Safe Space ของเราที่ทำให้เรารู้สึกไปตามเสียงดนตรี ได้ระบาย ได้อยู่กับตัวเอง”
ตั้งแต่มัธยมต้นภัคชอบฟังเพลงร็อก และมีวงดนตรีที่ชอบคือ Bodyslam พอเพลงป็อปเกาหลีเข้ามาก็ฟังตามเพื่อนๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นขาร็อกเพราะภัคก็ยังฟังวงดนตรี Brit-rock อย่าง Arctic Monkeys ด้วย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการได้ชมภาพยนตร์ ‘Season Change ฤดูที่แตกต่าง’ ทำให้ภัคตัดสินใจเข้าเรียนต่อวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาดนตรีแจ๊ส สถานที่ที่ทำให้ได้ค้นพบแนวเพลงที่ชื่นชอบใหม่ๆ คือเพลงคลาสสิกยุคโรแมนติกอย่าง Chopin รวมถึงได้ทำวงดนตรีกับเพื่อนอย่างจริงจัง ถึงจะต้องแยกย้ายกันไปในที่สุด
แต่เพราะความ ‘หลงใหลในดนตรี’ ทำให้ภัคตัดสินใจทำงานสายดนตรีต่อไปจนได้มาพบกับ MILK! และทุกๆ ประสบการณ์ด้านดนตรีที่ผ่านมาหล่อหลอมทำให้เกิดเป็น ‘fluffypak’ ศิลปิน Synth-pop ในวันนี้
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/22-1024x683.jpg)
การเขียนเพลงเป็นอีกความท้าทายหนึ่งสำหรับศิลปินในช่วงนี้ ที่ไม่สามารถออกไปหาแรงบันดาลใจข้างนอกอย่างอิสระ แต่สำหรับภัคแล้ว ขอแค่มุมเงียบๆ ให้ได้อยู่กับตัวเองก็เปลี่ยนเรื่องราวในหัว ให้ออกมาเป็นเนื้อเพลงโดนใจได้แล้ว เพราะเรื่องราวเหล่านั้นถูกบันทึกเก็บไว้ในรูปแบบของ ‘ความรู้สึก’
“เวลาเขียนเพลง ส่วนใหญ่เราเขียนจากสิ่งที่เรารู้สึก เหมือนดึงความรู้สึกในช่วงเวลาหนึ่งมาใช้ เขียนเสร็จในเวลาสั้นๆ ด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำเพลงนานๆ หรือไม่ได้มีคอนเซปต์อะไร รู้สึกอะไรก็เขียน”
แล้วทำไมถึงชอบเขียนเพลงเศร้า
“เพราะเวลาที่เศร้าแล้วเราอยากจะระบายมันออกมา เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับตัวเอง เขียนเพลงออกมา ตอนมีความสุขก็ไปทำอย่างอื่น กินข้าว กินชาบู เลยไม่ค่อยมาเขียนเพลง”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/11-1024x683.jpg)
หากถามถึงมวลความรู้สึกขณะแต่งเพลง ‘ควรจะทำยังไง (Dead End)’ แล้ว ภัคเล่าว่า มันเป็นมวลความรู้สึกเศร้า ความรู้สึกที่รู้ทุกอย่างว่าควรต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาเศร้านี้ไป แต่อึดอัดใจที่ไม่สามารถเอาตัวเองออกจากความสัมพันธ์นี้ได้สักที สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบ เพราะแต่งเสร็จแล้วก็ยังเศร้าอยู่เหมือนเดิม
“แล้วฉันควรจะทำยังไง กับความรักที่มันหนักใจ มันไม่มี มันไม่มีทางออก”
เพลงหลายเพลงใช้ดนตรีสร้างอารมณ์ร่วมและมักมีความหมายซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดให้คนฟังตามหาแล้วค่อยๆ อินไปกับมัน แต่เพลงนี้กลับเป็นบทบรรยายตรงไปตรงมาที่สุดสำหรับคนที่กำลังเผชิญปัญหา ‘ความรักที่มันหนักใจ’ ไม่สามารถเดินออกจากความสัมพันธ์ที่จบไปแล้ว แต่ความรู้สึกภายในใจยังไม่จบไปตามสถานะ เหมือนเราหา ‘ทางออกจากความสัมพันธ์นี้’ ไม่เจอ โดยมีดนตรีเป็นส่วนเสริมให้เนื้อหามีมิติมากขึ้น
จริงๆ แล้วเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นในปี 2016 ความรู้สึกที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นของเพลงนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหมือนแผลสด แต่เวลาก็ผ่านมากว่า 5 ปี เราเลยอยากรู้ว่าสุดท้าย อะไรคือคำตอบของคำถามว่า ‘ควรจะทำยังไง กับความรักที่มันหนักใจ’ ซึ่งสำหรับภัคคำตอบคือ “เวลา + ใจเรา”一เวลา จะช่วยให้ความรู้สึกที่มันเข้มข้นค่อยๆ จางลง แต่ ใจเรา ต้องพยายามผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวันด้วย ทั้งสองอย่างนี้คงจะช่วยให้ผ่านพ้นความเศร้าไปได้
อย่างนั้นแล้วหากให้ภัคฝากถึงนางเอก MV ‘ควรจะทำยังไง (Dead End)’ ที่เป็นเหมือนตัวแทนคนเศร้าในช่วงนี้ ภัคอยากจะฝากอะไร
“อยากบอกว่า เดี๋ยวเวลาจะช่วยทำให้ความรู้สึกตอนนี้มันจางไปนะ ช่วงนี้อาจจะยากหน่อย แต่ว่าสู้ๆ ผ่านมันไปให้ได้”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/10-1024x683.jpg)
แล้วถ้าเวลาภัคเจอปัญหาที่ไม่รู้ว่า ‘ควรจะทำยังไง’ พี่ภัคจะไปปรึกษาใคร
“เราจะโทรไปคุยกับเพื่อน เราจะมีเพื่อนอยู่หลายแบบ เราจะรู้ว่าต้องโทรไปหาคนไหนเวลาที่รู้สึกแย่สมมติเรามีปัญหาแต่ไม่ได้อยากได้ทางออก แค่ต้องการพูดให้ใครสักคนฟังแล้วเขาเออออกับเราก็ต้องเป็นคนนี้ หรือถ้าอยากได้คนช่วยเรียกสติให้เรากลับมาเห็นความจริงได้ ก็จะโทรหาอีกคน การได้พูดคุยกับใครสักคนนั้นช่วยมากๆ หากผ่านไปด้วยตัวเองไม่ได้”
ฤทธิ์ไว้ช่วยเยียวยารักษาใจก็เป็นหนึ่งในสรรพคุณของดนตรี แต่อีกหน้าที่คงเป็นเครื่องขยายความรู้สึก ที่พอฟังเพลงแล้วความรู้สึกกลับเด่นชัดกว่าเดิม
“เราว่าดนตรีมันช่วยฮีลจิตใจ ดูแลเรา เช่นเพลงให้กำลังใจช่วยให้เราสู้ต่อกับสิ่งต่างๆ แต่ในบางครั้งมันก็ขยายสิ่งที่เรากำลังรู้สึกอยู่ให้ใหญ่ขึ้น เช่นเวลาอินเลิฟแล้วฟังเพลงรัก โลกก็กลายเป็นสีชมพู หรือเวลาฟังเพลงเศร้า บางครั้งก็ร้องไห้ เป็นเหมือน Amplifier”
หากมองให้เพลง ‘ควรจะทำยังไง (Dead End)’ เป็นเพื่อนคนหนึ่งหรือมีหน้าที่สักอย่างหนึ่งแล้วคงเป็นเหมือน Amplifier เครื่องหนึ่งที่ยิ่งเพิ่มความดังของความรู้สึกอึดอัดในใจให้ระเบิดออกมาในตอนท้าย หรือหากจะให้เป็นเพื่อนสักคนก็คงเป็นเพื่อนที่คอยรับฟังปัญหาและพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจเราอย่างที่ภัคว่า
ช่วงนี้สถานการณ์ไม่เอื้อ ให้พบปะผู้คนได้ยากขึ้น ไม่สามารถไปเยียวยาจิตใจในคอนเสิร์ตหรือในการแสดงดนตรีสด ยิ่งทำให้ผู้คนห่อเหี่ยวกันเข้าไปใหญ่ สิ่งที่พอจะช่วยฮีลใจคนดูได้ก็คงเป็นมิวสิกวิดีโอเพลง ที่ถึงจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาฟังเสียงจากลำโพงในฮอลล์คอนเสิร์ต แต่ทั้งภาพและเสียงก็ก่อให้เกิดความสุนทรียะที่มากกว่าการฟังเพลงผ่านแอปฯ สตรีมมิงเฉยๆ
ทันทีที่มิวสิกวิดีโอเพลง ‘ควรจะทำยังไง (Dead End)’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอในห้องสัมภาษณ์ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเพลงยุค 2000 อย่างชัดเจน ทั้งการตัดต่อและเรื่องราวที่ร้อยเรียงออกมาเป็นภาพ เมื่อมาประกอบเข้ากับเพลงแล้วยิ่งทำให้อินมากขึ้นไปอีก
“เราไม่ได้มี Ref. เวลาทำเพลง แค่ลองทำไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าจะออกมาเป็นยังไง พอผู้กำกับได้ฟัง DEMO ของเพลงนี้แล้วนึกถึงเพลงยุค 2000 เขาก็เลยอยากลองทำ MV ไปในทางนั้น ซึ่งเราก็โอเคน่าสนุก”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/15-1024x683.jpg)
“เอ็มวีทำให้เกิดภาพจำกับเพลงวัยเด็ก เพลงยุคนั้นเป็นสิ่งที่หล่อหลอมเรามา”
ความตั้งใจแรกของภัคคืออยากใช้กลองไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความเป็นยุค 2000 ให้มิวสิกวิดีโอ แต่พอได้ลองอัดแล้วลงตัวที่การผสมกันของกลองไฟฟ้าและกลองจริงมากกว่า และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้มาโดยไม่คาดคิดจากการอัดเพลง คือเสียงร้องของ ‘มัด’ น้องคอรัสผู้ชายที่ Ad-lib ขึ้นมาในช่วงท้ายของเพลง ภัครู้สึกว่ามันใช่มากเพราะช่วยให้เพลงมีความเข้ากับยุคนั้นขึ้นไปอีก
นอกจากภัคแล้ว เพลงเศร้ายุค 2000 คงเป็นสิ่งที่ตรึงใจหลายๆ คนไม่ต่างกัน เพราะจริงๆ แล้วในยุคนี้เพลงที่เป็นที่นิยมขึ้นท็อปชาร์ต ก็เป็นเพลงเศร้าเสียส่วนใหญ่ สำหรับภัคแล้ว ทำไมคนถึงชอบฟังเพลงเศร้ากัน?
“เราว่ามันมีความเสพติดอยู่ประมาณหนึ่ง พอเราไปอยู่ในโน้ตนั้นแล้วมันรู้สึกดี รู้สึกเศร้าแต่รู้สึกดี บางคนไม่ได้เศร้าอะไร แต่พอฟังเพลงแล้วเศร้าทิพย์ เป็นเหมือนอารมณ์ร่วม ไม่ได้อยากได้คำปลอบใจ แม้แต่เราเองเราก็พบว่า เออ เราอยากเศร้านี่หว่าเวลาฟังเพลงเศร้า”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/12-1024x683.jpg)
“ฟังเพลงเดิม ๆ แล้วนึกถึงวันที่ยังคงมีเรา”
“ภัคเลือกท่อนนี้ให้เป็นท่อนที่ชอบที่สุดในเพลง เพราะมันน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเป็นแหละ ที่จะชอบฟังแต่เพลงเก่าๆ เพลงเดิมๆ หรือบางทีก็แอบมีคนบางคนซ่อนอยู่ในเพลงเก่าๆ นั้นอยู่ เราเองก็ชอบฟังเพลงเดิมๆ ในเวลาที่อยากนึกถึงเรื่องเก่าๆ อดีตที่มันหอมหวาน แต่คนเรากลับไปฟังเพลงเดียวกันก็นึกถึงเรื่องไม่เหมือนกันหรอก
“เราอยากเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ทำเพลงออกมาแล้วคนฟังอินตามไปด้วย อยากให้เพลงของเราเป็น Theme Song ในช่วงเวลาที่มีความหมายกับเขา ไม่ว่ามันจะดี จะแย่ แบบฟังเมื่อไหร่ก็คิดถึงตอนนั้นนะ หรือในช่วงเวลาที่มีค่ากับชีวิตมากๆ เลยของเขา ก็อยากให้เพลงของเรามีความหมายกับเขา เหมือนที่เพลงของเรามีความหมายกับเราเหมือนกัน”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/07/7-1024x683.jpg)
ในอนาคตคงได้ฟังเพลงที่ทำให้เกิด ‘ความรู้สึก’ หลากหลายมากขึ้นจาก fluffypak เพราะนอกจากเพื่อนที่คอยนั่งฟังเรื่องเศร้าของเราแล้ว ภัคตั้งใจจะทำเพลงแนวให้กำลังใจโดยมีดนตรีสดใสบ้างเหมือนกัน เผื่อเพลงเพลงนั้นจะได้เป็นเพื่อนยามที่เราอยากได้ใครสักคนมาช่วยหาคำตอบให้กับปัญหาในชีวิต