Drinks On Me แพลตฟอร์มบาร์ทิพย์สู่บาร์จริง - Urban Creature

ในแต่ละวันเราคงมีปัญหาอัดอั้นที่ต้องการระบาย แต่พอจะคุยกับคนรอบตัวก็กลัวเขาลำบากใจ ครั้นจะให้ออกไปพบปะสังสรรค์กับคนแปลกหน้าในสถานที่ต่างๆ ก็อาจไม่สะดวกใจขนาดนั้น

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ใครหลายคนเริ่มมองหาการพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์มากขึ้น แอปพลิเคชันประเภทหาเพื่อนคุยจึงได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก และแอปฯ เหล่านี้ก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อผู้คนในเมืองขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในนั้นคือ ‘Drinks On Me’ แพลตฟอร์มบาร์ทิพย์ออนไลน์ ที่เปลี่ยนบรรยากาศการพูดคุยแบบเดิมๆ ในห้องแชตเปล่าๆ ให้ได้ความรู้สึกใหม่เหมือนกับไปอยู่ในบาร์จริงๆ โดยมีคาแรกเตอร์การ์ตูนน่ารักๆ มาสร้างความเป็นมิตรให้ตัวเว็บไซต์ พร้อมกิมมิกเจ๋งๆ อย่างการเลือกค็อกเทลที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้งาน เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนา จนกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ใครหลายๆ คนกล้าแชร์ความคิดและความรู้สึกออกไป

หลังจากเคยนำเสนอแพลตฟอร์มนี้ในช่วงแรกๆ ที่เปิดตัวไปแล้ว คอลัมน์ Re-desire ถือโอกาสชวน ‘นะโม-ชลิพา ดุลยากร’ และ ‘ปั่น-วศิน วัฒนศรีส่ง’ ผู้ก่อตั้ง Drinks On Me ที่เพิ่งครบ 1 ปีไปเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน มาพูดคุยถึงตัวแพลตฟอร์มที่มีการพัฒนาแนวคิดมาเรื่อยๆ ถึงขนาดมีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ และขยายขอบเขตกิจกรรมพาผู้คนบนโลกออนไลน์มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่บาร์จริง รวมถึงเป้าหมายในอนาคตหลังจากนี้ของพวกเขา

Drinks On Me

เริ่มต้นจากความสนุกที่อยากชวนคนมาชนแก้วบนโลกออนไลน์

ถ้าหลายคนจะคุ้นหน้าหญิงสาวในภาพก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะนะโมคือ TikToker ช่อง ‘รุงรังDiary’ ที่มีผู้ติดตามถึง 1.3 ล้านแอ็กเคานต์ และอีกบทบาทเธอก็เป็นเจ้าของ ‘InsKru’ เว็บไซต์การศึกษาที่รวบรวมไอเดียของคุณครูในคอมมูนิตี้มาแบ่งปันสื่อและวิธีการสอนที่ทำให้ห้องเรียนมีความหมายมากขึ้นในขณะที่ปั่นทำงานเป็นนักพัฒนาโปรแกรมให้กับบริษัท Blockchain แห่งหนึ่ง

แต่นอกเหนือจากงานประจำของทั้งคู่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทั้งสองคนได้มีโอกาสทำร่วมกันคือแพลตฟอร์ม Drinks On Me ที่เกิดขึ้นจากไอเดียสนุกๆ ในช่วงหลังโควิดระบาด

“ความตั้งใจแรกของการทำ Drinks On Me คือเราอยากเจอผู้คนใหม่ๆ แต่ออกไปไหนไม่ได้ เลยลองคิดว่าถ้าได้พูดคุยกับผู้คนท่ามกลางบรรยากาศบาร์เสมือนจริงในโลกอินเทอร์เน็ตจะเป็นยังไง” ปั่นกล่าวถึงจุดเริ่มต้น

และด้วยความที่สนใจเรื่องสุขภาพจิตเหมือนกัน ในการออกแบบแพลตฟอร์ม ทั้งคู่จึงพยายามสร้างสรรค์พื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นเหมือนพื้นที่ฮีลใจสำหรับคนเมือง ด้วยการสอดแทรกองค์ประกอบเรื่องความรู้สึกลงไป ผ่านการเลือกเครื่องดื่มค็อกเทลแต่ละชนิด ที่จะเปิดโอกาสให้เราพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่มีความรู้สึกคล้ายกัน โดยมีบทเพลงชิลๆ และสุ้มเสียงของบาร์ เช่น เสียงพูดคุย เสียงแก้ว เสียงขยับโต๊ะเก้าอี้ คลอเป็นแบ็กกราวนด์มิวสิกไปด้วย

รู้ตัวอีกทีแพลตฟอร์ม Drinks On Me ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ระดับที่มีคนเข้าใช้งานหลักหมื่นต่อวัน สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ทั้งปั่นและนะโมอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

Drinks On Me

เลือกค็อกเทลสีหวาน ชวนคนแปลกหน้าคุยอย่างล้ำลึก

จากการพูดคุยทำให้เรารู้ว่า Drinks On Me เป็นความตั้งใจของทั้งนะโมและปั่นที่ต้องการให้แพลตฟอร์มกลายเป็นพื้นที่ให้คนมาคุย ปรึกษา และแชร์เรื่องราวระหว่างกัน เพื่อให้เกิดกระบวนการเยียวยาขึ้น

“ปกติเราจะมีสังคมที่แตกต่างกันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ แต่การได้ลองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนที่ไม่รู้จักแล้วเกิดความสบายใจ เราว่าการเยียวยานี้น่าจะทำให้ชีวิตเขาเดินต่อไปในทางชีวิตที่ดีขึ้น” ปั่นขยายความ

Drinks On Me

“ทุกวันนี้ใน TikTok เราจะเห็นแต่คนแชร์เรื่องประสบความสำเร็จก่อนอายุสามสิบ จนคนเริ่มติดภาพ แต่การได้พูดคุยกับคนอื่น มันจะเป็นการรีเฟล็กซ์กับตัวเอง เหมือนว่าเราได้เบรกความคิดแบบนั้น ได้เห็นว่ามีคนที่ไปตามเส้นทางในแบบของเขา และการแลกเปลี่ยนความคิดกันจะทำให้เราเดินไปในทางของเราได้เหมือนกัน” นะโมเสริม

Drinks On Me

ได้เวลาบาร์ทิพย์ต้องปรับตัว

แม้จะเริ่มด้วยความสนุก แต่จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีอะไรอีกหลายอย่างที่ทั้งคู่ต้องคอยปรับปรุงและพัฒนามาเรื่อยๆ

“ตั้งแต่คิดพัฒนาเว็บไปจนถึงปล่อยให้ทดลองใช้ครั้งแรก เราใช้เวลากันเพียงหนึ่งเดือน เพราะไม่ได้คิดว่าคนจะให้ความสนใจเว็บเราเยอะ ตอนนั้นเกิดปัญหาระหว่างทางอยู่เหมือนกัน กว่าจะนิ่งได้ก็เกือบสองถึงสามเดือนหลังจากนั้น ถือเป็นอะไรที่ชาเลนจ์ที่สุดในเชิงการทำงานสายโปรแกรม” ปั่นเล่าถึงความท้าทายในฐานะนักพัฒนาแพลตฟอร์ม “พอมาถึงจุดหนึ่งที่เว็บเสถียรขึ้น เราก็เริ่มคิดว่าจะอยู่ยังไง ทั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่าง เลยเริ่มออกแบบเป็นโมเดลที่ผู้ใช้งานสนับสนุนเว็บของเรา ร่วมกับการใช้แพลตฟอร์ม Discord เพื่อแชร์ไอเดียเพิ่มเติมและตามหาเพื่อนคุยที่หายไป” นะโมเล่าเสริม

Drinks On Me

เธอขยายความต่อว่า โมเดลที่ให้ผู้ใช้งานจ่ายค่า Subscription รายเดือนจะได้สิทธิพิเศษที่เพิ่มเข้ามา เพื่อเติมความลื่นไหลของการใช้งานและลดปัญหาดีเลย์ในการส่งข้อความ รวมไปถึงถ้าซื้อบูสต์เพิ่ม ผู้ใช้งานจะได้รับหมวกพิเศษจากลายเส้นของนะโมในทุกๆ เดือน เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิมมิกในการเปิดบทสนทนา แถมยังเป็นการสร้างความน่าจดจำให้คาแรกเตอร์ของผู้ใช้งานด้วย

ด้วยความน่ารักของตัวการ์ตูนและบรรยากาศในแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่าย ทำให้ Drinks On Me มีคนรุ่นใหม่เข้าใช้งานเป็นจำนวนมาก และจากตรงนี้เองที่ทำให้ได้จับมือกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Bar B Q Plaza ที่ต้องการเจาะกลุ่มคน Gen Z ในเรื่องของการเยียวยาหัวใจให้คนกลับมาเช็กใจตัวเอง ซึ่งเป็นเมสเซจที่ตรงกับจุดมุ่งหมายของทั้งนะโมและปั่น ส่งผลให้ช่วงนั้นหน้าตาของบาร์ทิพย์ Drinks On Me กลายเป็นร้านหมูกระทะ

Drinks On Me

ขยายสาขาให้มาเยียวยาใจกันในสถานที่จริง

หลังจากการจับมือกับ Bar B Q Plaza แล้วได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด ผู้ใช้งานได้ตื่นเต้นกับบาร์หน้าตาใหม่ๆ รวมถึงได้รับคูปองส่วนลดแลกของรางวัลได้จริง บวกกับนะโมและปั่นเริ่มมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้แพลตฟอร์ม ทั้งคู่จึงปั้นโมเดลธุรกิจที่จริงจังขึ้นด้วยการต่อยอดโลกออนไลน์สู่โลกออฟไลน์

นี่เลยเป็นที่มาของการที่ Drinks On Me ร่วมมือกับทีม ‘Slow Night’ จัดกิจกรรมเอาติ้งแบบออฟไลน์ ชวนคนแปลกหน้าที่ก่อนหน้านี้จิบค็อกเทลในบาร์ทิพย์มาจิบค็อกเทลคุยดีปๆ กับคนแปลกหน้าที่ ‘Hyde & Seek’ โดยยังคงคอนเซปต์ในการเลือกชื่อค็อกเทลให้ตรงกับความรู้สึกในขณะนั้น เพื่อเป็นตัวกลางนำพาทุกคนไปสู่การรีเฟล็กซ์ตัวเอง

ที่เป็นแบบนั้นเพราะนะโมมองว่าการเริ่มบทสนทนาง่ายๆ ด้วยการถามว่า ‘ทำไมถึงเลือกแก้วนี้’ มักนำพาไปสู่บทสนทนาอันลึกซึ้ง ที่ทำให้คนเปิดใจคุยกับคนไม่รู้จักง่ายขึ้น โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นเพศไหน

ปั่นยังเสริมต่อว่า ในฐานะผู้สร้างแพลตฟอร์ม เวลาที่จัดกิจกรรมชวนคนแปลกหน้ามาคุยกัน ก็ทำให้เขาและนะโมค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในแง่ของการทำงานไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Marketing การดีลงานกับเจ้าของบาร์ที่ถือว่าเป็นการสร้างคอนเนกชันไปในตัว รวมไปถึงการพาตัวเองมาอยู่สังคมใหม่ๆ

Drinks On Me

เดินเข้าบาร์มาเติมเต็มส่วนที่อยากปลดล็อก

พ้นไปจากหมวกของคนทำแพลตฟอร์ม ปั่นและนะโมยังมองว่า Drinks On Me เป็นตัวกลางที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตคนเมืองจากความเบื่อหน่าย ที่สะท้อนให้เห็นว่าเราไม่มีพื้นที่สาธารณะให้คนออกไปพบปะพูดคุยกันมากเท่าที่ควร

“การที่รัฐบาลหรือเอกชนสร้างแต่สเปซอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนเมือง มันควรต้องสร้าง Experience ให้คนที่เข้ามาใช้รู้สึกสบายใจด้วย ซึ่งถ้าพื้นที่สาธารณะแบบนั้นมีเยอะขึ้น เรามองว่าการใช้ชีวิตในเมืองจะดีขึ้นตามไปด้วย” ปั่นอธิบาย

“ถ้าเทียบกับประเทศอื่น เรารู้สึกว่าที่กรุงเทพฯ ความหลากหลายมันน้อยเกินไป มีแต่ห้างฯ ถ้าสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับพื้นที่เหล่านี้ได้ เปิดโอกาสให้คนมาสร้างสรรค์อะไรร่วมกัน มันน่าจะช่วยให้เรามีกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้มากขึ้น” นะโมเสริม

Drinks On Me

“แล้วในฐานะผู้สร้างพื้นที่ตรงนี้ คุณคาดหวังให้ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มได้อะไรกลับไปบ้าง” เราตั้งคำถาม

ปั่นนิ่งคิดก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “อย่างน้อยที่สุด เราอยากให้ผู้ใช้งานมีกำลังใจไปต่อในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าดีที่สุดเลยคงเป็นการทำให้พวกเขาจัดการความรู้สึกภายในของตัวเองผ่านการพูดคุย และรู้ว่ากำลังเดินไปในทิศทางที่ตนตั้งใจไว้หรือเปล่า”

ก่อนจากกัน เราเย้าว่าเป็นไปได้ไหมที่ Drinks On Me จะมีบาร์จริงๆ ของตัวเอง ทั้งคู่ยิ้มกว้าง ก่อนให้คำตอบเซอร์ไพรส์ว่า พวกเขามีแพลนจะทำบาร์ในอนาคตอันใกล้นี้ จะได้ไม่ต้องไปใช้พื้นที่บาร์อื่นๆ ในการจัดกิจกรรมอีก

“การมีบาร์เป็นของตัวเอง น่าจะทำให้เราคุมมู้ดแอนด์โทนและจัดกิจกรรมออฟไลน์ได้ถี่ขึ้น เป็นพื้นที่ซัพพอร์ตให้ทุกคนหันมาเช็กใจตัวเอง” ปั่นทิ้งท้าย

Drinks On Me

Signature Drinks By Drinks On Me

มาเจอผู้ก่อตั้งบาร์ทิพย์ทั้งที เราเลยถือโอกาสขอให้พวกเขาทั้งคู่เลือกเครื่องดื่มประจำตัวใน Drinks On Me เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นตัวตน

นะโมเลือก On the (Un)lock

“ขอเลือก On the (Un)lock ที่ล้อมาจาก On the Rock เหล้าที่กินในน้ำแข็ง เพราะเราอยากให้คนที่กำลังรู้สึกผิดหวัง ไม่ยอมรับตัวเอง หรือสูญเสียอะไรบางอย่าง ได้มาปลดล็อกตัวเองจากการพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ซึ่งก็มีบางครั้งที่เรางงๆ สับสนแล้วอยากได้คนมาช่วยปลดล็อกให้เหมือนกัน”

ปั่นเลือก Humanhattan

“คำนี้ล้อมาจาก Manhattan แม้ในเว็บเขียนว่าคนที่เลือกเมนูนี้เพราะรู้สึกเครียด เหนื่อยล้า แต่จริงๆ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ที่ชอบเพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นปกติอยู่แล้วที่ชีวิตเราจะมีความทุกข์หรือเจอปัญหาต่างๆ แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่กับมันแล้วทำความเข้าใจให้ได้ มันจะทำให้ได้เรียนรู้หรือทำให้ตัวเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ”

Drinks On Me

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.