เพียง 5 เดือนแรกของปี 2568 เมืองแห่งนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยวไปกว่า 4.6 ล้านคน และมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 37 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นเมืองเพิ่งได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังเพียง 20 ปีหลังสงครามเวียดนาม แค่นี้คงพอจะทายกันได้แล้วว่า เมืองที่เรากำลังพูดถึงอยู่คือ ‘ดานัง’ เมืองขึ้นชื่อแห่งเวียดนามกลาง
เมื่อช่วงหนึ่งถึงสองเดือนที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้ยินเกี่ยวกับข่าวการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของดานัง ที่นักท่องเที่ยวหลากหลายประเทศบินลัดฟ้าไปเยี่ยมชม ‘Man-made Destination’ อย่างสะพานทองที่มีสองมือรองรับไว้ บานาฮิลล์ จุดเช็กอินยอดฮิตที่พาวาร์ปไปฝรั่งเศสไม่รู้ตัว หรือสะพานมังกร จุดชมแสงสีเสียงที่สวยตระการตา
แต่ในอีกไม่ช้านครดานังจะผันตัวจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตกลายเป็นเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) ที่ไม่ใช่เพียงที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม แต่เวียดนามยังตั้งใจวางรากฐานและออกแบบเมืองให้เขตการค้าเสรีแห่งใหม่ของประเทศนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย
วันนี้คอลัมน์ City in Focus ขอชวนบินลัดฟ้าไปสำรวจนครดานัง และการพัฒนาเมืองที่จะทำให้เมืองนี้เป็นมากกว่าเมืองท่องเที่ยวของเวียดนามกลาง

ปรับเมืองให้พร้อมค้าขายอย่างเสรี
อย่างแรกเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า เขตการค้าเสรีคืออะไร และทำไมเวียดนามถึงต้องมีเขตการค้าเสรี
หากอธิบายอย่างง่ายที่สุด เขตการค้าเสรีดานัง (Da Nang Free Trade Zone) คือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ โดยยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง โลจิสติกส์ หรือบริการดิจิทัลต่างๆ ฟังดูแล้วก็คล้ายๆ EEC (Eastern Economic Corridor) โครงการในฝันของไทยเรา ที่อยากพานักลงทุนมาช่วยพัฒนาให้พื้นที่ฝั่งตะวันออกเติบโตเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าดานังก้าวข้ามไปอีกขั้นกับการเปิดจุดเด่นในเชิงศุลกากรแล้ว
ด้วยเป้าหมายที่รัฐบาลอยากให้เวียดนามกลายเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2045 จึงตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยแผนนี้ยังเชื่อมโยงไปยังการเป็นห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ด้วยภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานหลักของเมืองอย่างท่าเรือเหลียนเชียว (Lien Chieu Port) ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Da Nang International Airport) และแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor)
อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาศูนย์การเงินนานาชาติดานัง (Da Nang International Financial Center) ที่รัฐบาลตั้งเป้าให้เป็นระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะ ทันสมัย และมีความสามารถแข่งขันสูงในระดับนานาชาติ

ออกแบบเมืองเชิงบูรณาการ ไม่ใช่แค่โซนเศรษฐกิจ
เมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการแล้ว ที่เขาว่ากันว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวก็คงเป็นเรื่องจริง เพราะดานังได้เตรียมการออกแบบเมืองเพื่อสร้างให้เป็นเขตเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2020
การวางผังเขตการค้าเสรีเป็นการผสมผสานฟังก์ชันต่างๆ เข้าด้วยกัน ผ่านการแบ่งเป็น 7 โซนย่อยๆ ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย การเงิน และเขตอุตสาหกรรม
ยกตัวอย่าง โซนอุตสาหกรรมไฮเทคและนวัตกรรม มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อย่างเซมิคอนดักเตอร์และ AI หรืออุทยานไฮเทคดานัง (Da Nang Hi-tech Park) ที่ตั้งใจเป็นซิลิคอนวัลเลย์ของเวียดนามตอนกลาง
รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-industrial Parks) จากการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่เน้นความยั่งยืนและนำทรัพยากรหมุนเวียนมาใช้ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ของนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม (ESG) มากขึ้น
ส่วนโซนการเงินและบริการระดับสูงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับสถาบันการเงินและบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก

และโซนโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับท่าเรือและสนามบิน เพื่อเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าอัจฉริยะ รวมถึงโซนอยู่อาศัยและนันทนาการ จัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง สวนสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับบุคลากรต่างชาติ
การผสมผสานเหล่านี้เพื่อให้คนในเขตการค้าเสรีใช้ชีวิต ทำงาน และพักผ่อนได้อย่างสะดวก ลดปัญหาการเดินทาง หรือกล่าวได้ว่าเป็นการสร้าง Work-life Balance ผ่านการออกแบบเมือง

โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและยั่งยืน
นอกจากพื้นที่ในเชิงเศรษฐกิจ ดานังยังตั้งเป้าหมายในการปรับเมืองให้เป็น ‘เมืองอัจฉริยะและเมืองสีเขียว’ (Green and Smart City) อีกด้วย โดยเวียดนามตั้งใจพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ (ITS) ให้ระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงทุกโซนเข้าด้วยกันพร้อมใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและปัญหาการจราจร
อีกส่วนคือ การจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีการวางแผนใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ โซลาร์เซลล์ต่างๆ มาทำน้ำร้อน น้ำอุ่นในฤดูหนาว รวมถึงพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียและกำจัดขยะที่ทันสมัย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฮบริดอีกด้วย

สร้างชุมชนที่ดี ดึงดูดคนมีศักยภาพ
นอกเหนือจากมิติทางเศรษฐกิจแล้ว การออกแบบเมืองในเขตการค้าเสรี ดานังยังให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและคุณภาพชีวิตที่ดี
พื้นที่สาธารณะ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ทางเดินเท้า และทางจักรยาน ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยส่งเสริมกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สวน APEC สวนทะเลตะวันออก จัตุรัส หรือทางเท้าริมชายฝั่งตามถนน Trường Sa และ Võ Nguyên Giáp โดยไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเพียงจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่ยังเน้นให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ผ่อนคลาย และพบปะกันของคนในชุมชนละแวกนั้น
มากไปกว่านั้น ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ที่ดานังวางแผนสร้างโรงเรียนนานาชาติและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อรองรับบุคลากรระดับสูงและครอบครัวที่เข้ามาทำงาน
ถ้าเรามองกันให้ถี่ถ้วน เวียดนามโดยเฉพาะดานังไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่วางผังเมืองหรือพัฒนาเขตการค้าเสรีเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะเมืองนี้ของเวียดนามกลางยังมีความสมบูรณ์ในด้านอื่นๆ เช่น กฎหมายที่เอาจริงเอาจังอย่างการออกนโยบาย 5 ไม่มี 3 มี ได้แก่ ต้องไม่มีคนอดอยาก ไม่มีคนไม่รู้หนังสือ ไม่มีผู้ใช้ยาเสพติด ไม่มีโจรผู้ร้าย และไม่มีขอทาน ให้เมืองปลอดภัยและน่าอยู่
ไปจนถึงการตั้งใจสร้างสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อหารายได้ และมุ่งมั่นขยายความสามารถของเมืองให้ดานังโตได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง จนเสริมสร้างโอกาสการเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชียอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่เพียงภาพวาดเสือในกระดาษที่ถูกฉีกขาดอย่างง่ายดาย
Sources :
BNews | bit.ly/3HY4aaP
Danang News | bit.ly/3HZW5lY
Da Nang Portal | bit.ly/3IaDx2o
Nikkei Asia | s.nikkei.com/4gdb7RQ
Prachatai | bit.ly/47B0uX0
Thaibiz-vietnam | bit.ly/46qwb46