ทุกวันนี้โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวันจนตามไม่ทัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นก็ต้องแข่งขัน บางครั้งต้องแกล้งหัวเราะทั้งที่เครียด กดดัน บางครั้งทุกความรู้สึกประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี ถ้าคุณเคยผ่านอะไรแบบนี้ ‘พาใจกลับบ้าน’ อาจเป็นกิจกรรมที่คุณต้องการมากที่สุด
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างดีกับการจัดฉายสารคดีเรื่อง Mental-Verse จักรวาลใจ ในงาน Bangkok Design Week ตอนต้นปี Eyedropper Fill กลุ่มนักออกแบบประสบการณ์กลับมาอีกครั้งกับงาน ‘CONNE(X)T HOMECOMING : พาใจกลับบ้าน’ ที่อยากพาทุกคนเดินทางกลับไปสำรวจใจตัวเองซึ่งเป็นดั่งบ้านอีกครั้ง
พวกเขาจำลองงานให้เป็นเหมือน Spiritual Village หรือหมู่บ้านทางจิตวิญญาณที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกคนมาตรวจเช็กสุขภาพใจ ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ และกระโจนเข้าหาความสนุกในกิจกรรมต่างๆ ที่มีทั้ง Interactive Art, การดูหนัง และเวิร์กช็อปเยียวยาใจ
งานจัดที่ชั้น 2 ของ RIVER CITY BANGKOK ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม – 7 สิงหาคมนี้ เวลา 11.00 – 20.00 น. เช็กรายละเอียดของทุกกิจกรรมได้ทางเพจ Eyedropper Fill หรือลงทะเบียนได้ที่ลิงก์นี้เลย www.zipeventapp.com/e/Conne-x-t-Homecoming
ถ้างาน CONNE(X)T HOMECOMING : พาใจกลับบ้าน ถือเป็นหมู่บ้านทางจิตวิญญาณที่มีพื้นที่สำหรับทุกคน aramarom น่าจะเป็นบ้านหลังที่ใหญ่และอบอุ่นที่สุด เพราะนี่คือ Interactive Art ที่ Eyedropper Fill ตั้งใจออกแบบประสบการณ์จนกลายเป็น 6 ห้องหลัก ที่ให้ทุกคนปลีกตัวจากความวุ่นวายรอบตัว นั่งนิ่งๆ สักพักแล้วถามตัวเองว่าช่วงนี้เรารู้สึกยังไง กังวล เครียด โดดเดี่ยว เศร้า หรืออื่นๆ
คำว่า aramarom ไม่ใช่การเล่นคำเพื่อความเก๋ไก๋ ‘จั๊วะ-นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล’ หนึ่งในทีม Eyedropper Fill เล่าให้เราฟังว่า คำคำนี้มาจากอินไซด์ของคนเจนฯ Y และเจนฯ Z อายุ 18 – 30 ต้นๆ หลายคนรู้สึกว่าไม่มีที่พึ่งพิงทางจิตใจ ที่พอจะคิดถึงได้ก็คงจะมีแต่วัดวาอารามหรือโรงพยาบาลเท่านั้น
Eyedropper Fill เลยอยากสร้างพื้นที่ที่เป็น ‘ตรงกลาง’ ระหว่าง 2 สถานที่นี้ คล้ายๆ อารามทางใจหรือพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนมาสำรวจอารมณ์เบื้องลึกในจิตใจ เพื่อจะได้กลับไปคอนเนกต์กับตัวเองอีกหน
หลังจากฝากสัมภาระกับรองเท้าไว้เรียบร้อย เราเดินเข้ามาสู่โซนแรกของ aramarom นั่นคือห้อง ‘สำรวจอารมณ์’
ในห้องนี้จะมีการแจกแบบสำรวจ Emotion Wheel หรือวงล้อความรู้สึก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือจิตวิทยาที่ใช้ตรวจเช็กอารมณ์และความรู้สึกของเราในแต่ละวัน ซึ่งทีม Eyedropper Fill เชื่อว่านี่คือสเต็ปแรกในการกลับมาคอนเนกต์กับตัวเองได้ “ถ้าเราสามารถตั้งชื่อหรือนิยามสิ่งที่เรารู้สึกได้ เราก็สามารถทำให้มันเชื่องได้” จั๊วะบอก
ห้องที่ 2 คือห้อง ‘กอด’ หรือที่ชาว Eyedropper Fill เรียกเล่นๆ ว่าเป็นห้อง Reconnect จุดประสงค์ของห้องนี้คือ อยากชวนให้ทุกคนที่อาจกังวล เครียด หรือรู้สึกขุ่นมัวได้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง โดยมีหลักยึดที่แข็งแรงคอยเป็นที่พักพิง พวกเขาจึงออกแบบเสาภายในห้องให้คล้ายต้นไม้ แต่กอดแล้วรู้สึกนุ่ม มีเสียงดนตรีบำบัดเพื่อเพิ่มความจดจ่อ
หลังจากที่อยู่กับตัวเองจนพอใจ ห้องนี้ก็ชวนให้เราหยิบชอล์กไปตอบคำถามบนกำแพงเพื่อสะท้อนอารมณ์และความคิด เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เรากำลังรู้สึกอยู่นี้เป็นจริง
เพราะหนึ่งในการผ่อนคลายที่ดีที่สุดคือการนอน ห้องถัดมาใน aramarom จึงเป็น ‘ห้องนอน’ แต่ห้องนอนห้องนี้ไม่ได้มีเตียงกับหมอนเหมือนที่เราเคยคุ้น แต่เป็นบ่อน้ำกว้างที่มีลูกบอลนับร้อยพันอยู่ข้างใน รอให้เรากระโดดลงไปนอนแช่อย่างไร้ความกังวล ตามคอนเซปต์ของห้องที่ทีมตั้งไว้ว่า Relax
เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นบ่อบอล ทีมผู้จัดงานตอบเราว่า ทุกกิจกรรมของ aramarom ต้องการหยิบยกความเป็นเด็กในตัวเราออกมา พาเรากลับไปหาตัวตนและความรู้สึกบางอย่างที่อาจไม่ได้รู้สึกมานานแล้วอีกครั้ง อย่างห้องกอดก็คิดตั้งต้นจากการกอดพ่อแม่หรือผู้ดูแลเราในยามเด็ก ส่วนห้องนอนก็มาจากบ้านบอลที่หลายคนเคยเล่นตอนเด็กเช่นกัน เชื่อว่าลูกบอลนุ่มๆ กับเสียงน้ำไหลจะช่วยผ่อนคลายจิตใจและหวนให้เราคิดถึงความรู้สึกยามเด็กได้ดี
กอดก็แล้ว นอนก็แล้ว ถ้าความรู้สึกเคร่งตึงหรือกังวลยังไม่หายไป เราขอแนะนำให้รู้จักกับห้อง ‘ปั้น’ หรือห้อง Release ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Clay Therapy หรือการปั้นดินที่ในทางจิตวิทยาแล้วถือเป็นวิธีหนึ่งในการปลดปล่อยความโกรธและอารมณ์ด้านลบทั้งหลาย แต่ Eyedropper Fill คิดว่าเอาดินจริงๆ มาใช้อาจจะทำให้เลอะมือและทำความสะอาดยากเกินไป พวกเขาเลยเลือกใช้ดินน้ำมัน หนึ่งในของเล่นที่เชื่อมโยงกับวัยเด็กของหลายๆ คนแทน
ปั้นเท่าที่อยากปั้น ปั้นเท่าที่รู้สึก ปั้นเสร็จแล้วตั้งชื่อให้มันสักหน่อย ก็อาจเป็นวิธีที่ได้ทั้งระบายและเล่นสนุกไปในตัวก็ได้นะ
หลังจากปั้นดินน้ำมันจนหนำใจ ห้อง ‘ฟัง’ หรือห้อง Recharge รอต้อนรับเราอยู่พร้อมแสงสีแดงสลัว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศของการผิงไฟ ได้นอนหนุนตักคนคนหนึ่งและฟังเรื่องราวของเขา ห้องนี้จึงมีบีนแบ็กนุ่มนิ่มที่เมื่อเราทิ้งตัวลงไป จะได้ยินเรื่องเล่าของคนคนหนึ่งที่ดังขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากจะได้ฝึกฟัง ฝึกบริหารความเห็นอกเห็นใจในตัวเอง การฟังเรื่องราวของคนแปลกหน้าที่ที่ตรงกับเรา ก็อาจจะทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป
นอกจากเรื่องเล่า น้องบีนแบ็กยังมีเสียงเพลงปลอบประโลมใจจากวง Youth Brush แทรกเป็นระยะให้ได้ผ่อนคลาย ไม่หนักอึ้งเกินไปด้วยแหละ
เดินทางมาจนถึงห้องสุดท้าย นั่นคือห้อง ‘สะท้อนอารมณ์’ หรือ Reflect ห้องนี้จะแจกสติกเกอร์วงกลมให้เราหนึ่งแผ่น เพื่อให้เราตอบคำถามบนกำแพงด้วยสติกเกอร์ที่ให้ ตามคำตอบที่แบ่งเป็นช่องๆ
คำถามมีทั้ง ‘อะไรคือสัมภาระที่มองไม่เห็น ที่เรารู้สึกว่าถือมาอยู่ตลอด’ ซึ่งมีคำตอบให้เลือกติดมากมาย เช่น ความคาดหวังของตัวเอง ความสบายใจของพ่อแม่ การโดนกดขี่ ฯลฯ หรือคำถามสำคัญอย่าง ‘ใครหรืออะไรที่คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาสิ่งที่เราถืออยู่ได้’ ซึ่งคำตอบมีทั้งตัวเอง ครอบครัว นักจิตวิทยา รัฐบาล และอีกมากมาย
ทีม Eyedropper Fill บอกเราว่า จริงๆ ทุกห้องก็มีโซนให้สะท้อนอารมณ์อยู่แล้ว แต่ห้องสุดท้ายนี้มีขึ้นเพื่ออยากให้ทุกคนได้สะท้อนความคิดออกไปสู่สังคมบ้าง “กิจกรรมนี้ชื่อพาใจกลับบ้าน แต่เราคิดว่าบ้านของเราไม่ได้ตั้งอยู่โดดเดี่ยว มีบ้านเดียวในจักรวาล รอบๆ มันยังมีสังคมอยู่ด้วย เราเลยอยาก Reflect ออกสู่สังคมบ้าง”
ในงาน CONNE(X)T HOMECOMING : พาใจกลับบ้าน ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์ยอดนิยมอย่างหนังสารคดีเรื่อง Mental-Verse จักรวาลใจ 2 ‘we do cry’ ภาคต่อจากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในขณะที่หนังภาคก่อนตั้งใจจะสร้างความเข้าใจด้านสุขภาวะใจผ่านชีวิตและเรื่องราวของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในภาคนี้ก็เน้นพูดเรื่องความเป็นชายและปิตาธิปไตย ผ่านเทปสัมภาษณ์ 4 ผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศและอายุ แต่ต่างมีจุดร่วมคือโดนกดทับมาเหมือนกัน
แอบกระซิบว่าภาค 1 ก็ยังมีฉายในงานนี้อยู่นะ หากสนใจลงทะเบียนรับชมทั้งสองภาคได้ที่ www.zipeventapp.com/e/Conne-x-t-Homecoming
นอกจาก Interactive Art อย่างกิจกรรม aramarom และการจัดฉายสารคดี Mental-Verse ในงานยังมีเวิร์กช็อปน่าสนใจชื่อ ‘Head Heart Hand’ ที่ทีม Eyedropper Fill ชวนเหล่าพาร์ตเนอร์ที่เชื่อในเรื่องหัวจิตหัวใจมาทำเวิร์กช็อปร่วมกัน ทั้งเวิร์กช็อปจัด IKEBANA ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความช้าและเสียงหัวใจผ่านการจัดดอกไม้, คลาส Swing Dance ที่ชวนปลดปล่อยสิ่งที่ร่างกายรู้สึกผ่านการเคลื่อนไหว, เวิร์กช็อป MY KIND OF HOME ที่ร่วมกับ Studio Persona สร้างกิจกรรมบูรณาการทางศิลปะเพื่อให้ค้นหาความหมายของคำว่าบ้านของตัวเอง และเวิร์กช็อปอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่สำคัญคือทุกโปรแกรมเข้าร่วมฟรี
เช็กรายละเอียดของทุกกิจกรรมได้ทางเพจ Eyedropper Fill หรือลงทะเบียนได้ที่ลิงก์นี้เลย www.zipeventapp.com/e/Conne-x-t-Homecoming