WHAT’S UP
ผ่อนคลายกายใจระหว่างเดินทางไปกับอาร์ตสเปซแห่งใหม่กลางกรุง Metro Art ที่ MRT พหลโยธิน
หลายคนน่าจะได้เห็นอาร์ตสเปซแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ กันไปบ้างแล้ว กับโปรเจกต์ ‘Metro Art : The Inspiring District’ ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากความร่วมมือกันระหว่างบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) กับบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ (BMN) โปรเจกต์นี้เนรมิตพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ศิลปะแบบไม่จำเป็นต้องอยู่ในแกลเลอรีอย่างเดียว เพราะครั้งนี้งานศิลปะจะเข้ามาเพิ่มสีสันให้คนเมืองถึงในสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกสถานีพหลโยธิน นั่นก็เพราะว่าสถานีแห่งนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งใจกลางเมือง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ และยังเดินทางออกไปถึงชานเมืองได้ด้วย โดยพื้นที่จัดแสดงงานแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งด้านทิศเหนือและใต้ของสถานี เรียกได้ว่าต่อให้เดินไปมุมไหนๆ ก็จะพบกับการประดับประดาด้วยงานศิลปะแบบจัดเต็ม การเกิดขึ้นของพื้นที่ทางศิลปะแห่งนี้ นอกจากสร้างประสบการณ์ศิลปะรูปแบบใหม่แล้ว ยังเป็นหมุดหมายของคนเมืองและนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาเติมเต็มแรงบันดาลใจและเพิ่มพลังสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวันระหว่างการเดินทาง ไฮไลต์ของ Metro Art มีมากมาย ยกตัวอย่าง โซน Art Installation นิทรรศการ Solo Exhibition โดยศิลปินชาวไทย THE JUM และ PRJ รวมถึงยังมีศูนย์การเรียนรู้ศิลปะ แหล่งรวมผู้สนใจความสร้างสรรค์ที่มีพื้นที่ให้ได้ทำกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดสนุก […]
จุฬาฯ เปิดตัวแอปฯ Eartest by Eartone ตรวจการได้ยินสาเหตุเสี่ยงสมองเสื่อม รองรับสังคมสูงวัย โดยทีมวิจัยไทย-อังกฤษ
เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ตามมาคือสังคมมีภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาอาการสมองเสื่อมได้ ซึ่งปัญหานี้อาจใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะองค์กรอนามัยโลกพบว่าผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินจะมีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว แต่หากผู้ป่วยได้รับการดูและและรักษาปัญหาการได้ยินจนหายเป็นปกติก็จะช่วยให้ความเสี่ยงนี้หายไปได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะลดความเสี่ยงนี้ได้ เพราะการตรวจการได้ยินมีจำกัดเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และยังมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้มีเฉพาะคนบางกลุ่มที่เข้าถึงการตรวจเพื่อป้องกันนี้ได้ เพราะเหตุนี้ อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ ผศ.ดร.ยุทธนา รุ่งธรรมสกุล อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ การได้ยิน คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมมือกับ University College London (UCL) ประเทศอังกฤษ เพื่อคิดค้น วิจัย และพัฒนาแอปพลิเคชัน ‘Eartest by Eartone’ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศอังกฤษในการสร้างแอปฯ ตรวจการได้ยินด้วยคำพูดครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรองรับผู้สูงอายุในสังคมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยแอปฯ Eartest by Eartone จะเป็นเครื่องมือตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตัวเองฟรีก่อนไปพบแพทย์ ผ่านเสียงพูดภาษาไทยในอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับหูฟัง ซึ่งจะประเมินและสรุปได้ว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสมองเสื่อมในอนาคตหรือไม่ จะได้หาวิธีป้องกันและชะลอภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ทัน ซึ่งหากพบว่ามีความเสี่ยงสมองเสื่อม ผู้ใช้งานสามารถติดต่อขอตรวจเพิ่มเติมได้ที่สถานพยาบาลและโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่รับการทดสอบแล้วพบว่าประสบปัญหาทางด้านการได้ยินยังสามารถใช้สิทธิ์ในการเบิกเครื่องช่วยฟังได้อีกด้วย แอปพลิเคชัน Eartest by […]
สำรวจดราม่า ความรัก และวิถีชีวิตญี่ปุ่น ใน Japanese Film Festival 2023 วันที่ 10 – 19 / 25 – 26 ก.พ. 2566 กทม.และเชียงใหม่
หนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์ที่คอหนังชาวไทยรอมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น Japanese Film Festival หรือเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ทางเจแปนฟาวน์เดชั่นเป็นตัวตั้งตัวตีจัดมาหลายปี เพราะนี่คือโอกาสดีที่ชาวไทยจะได้ชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นนอกกระแสที่ปกติอาจไม่มีโอกาสชมในโรงภาพยนตร์ ทั้งยังมีหลากหลายแนวและรสชาติให้ได้เปิดมุมมองทำความเข้าใจญี่ปุ่นในบริบทอื่นๆ ด้วย ปีนี้ Japanese Film Festival 2023 กลับมาพร้อมโปรแกรมภาพยนตร์คุณภาพกว่า 10 เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ผู้ชมภาพยนตร์ร่วมสนุกที่โรงหนัง House Samyan ซึ่งเป็นสถานที่ฉายหนังของเทศกาลที่กรุงเทพฯ ส่วนชาวเชียงใหม่ชมฟรี 4 เรื่องที่สมาคมฝรั่งเศสเชียงใหม่ โปรแกรมภาพยนตร์ใน Japanese Film Festival 2023 มีดังนี้ – 𝗕𝗟 𝗠𝗲𝘁𝗮𝗺𝗼𝗿𝗽𝗵𝗼𝘀𝗶𝘀 (2022)– 𝗜𝗡𝗨-𝗢𝗛 (2021)– 𝗞𝗶𝗱𝘀 𝗞𝗼𝗻𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝗰𝗲 (2022)– 𝗧𝗵𝗲 𝗙𝗶𝘀𝗵 𝗧𝗮𝗹𝗲 ลูกปลาน้อย (2022)– 𝗔𝗻𝗱 𝗦𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗕𝗮𝘁𝗼𝗻 𝗶𝘀 𝗣𝗮𝘀𝘀𝗲𝗱 แล้วไม้วิ่งผลัดก็ถูกส่งต่อ (2021)– 𝗠𝗮𝘆 […]
เดินเล่น เต้นรำ รื้อฟื้นความทรงจำ ณ ลุมพินีสถาน 4 – 5 ก.พ. 66 ที่สวนลุมพินี
เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก เราอยากชวนทุกคนไปรื้อฟื้นความทรงจำ หากไม่ใช่กับคนรักแต่เป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง จนถูกยกให้เป็นพื้นที่แห่งวัฒนธรรมบันเทิงรื่นรมย์ในยุค 50 – 60 ของกรุงเทพฯ สถานที่ที่ว่านี้คือ ‘ลุมพินีสถาน’ อาคารหลังเก่าที่ตั้งอยู่ใน ‘สวนลุมพินี’ ในงานครั้งนี้ เราจะได้กลับไปสัมผัสกลิ่นอายของช่วงเวลาในอดีต ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Learning from the past to create the future.’ เพื่อเรียนรู้สิ่งสำคัญของวันวานและร่วมสร้างอนาคตที่ดีไปด้วยกัน งานนี้มีกิจกรรมมากมาย อาทิ การกลับมาแสดงดนตรีในลุมพินีสถานอีกครั้งของ ตำนานอย่าง ‘วงสุนทราภรณ์’ ที่มาพร้อมกับฟลอร์ลีลาศที่เนรมิตขึ้นใหม่ ให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศของงานเต้นรำยามค่ำคืน ซึ่งจะพัดพาให้ความทรงจำสำหรับนักเต้นรุ่นใหญ่หวนคืนมา และเปิดโอกาสให้นักเต้นรุ่นใหม่ได้ลองมาอยู่ในบรรยากาศแห่งยุค 50 – 60 ร่วมกัน มากไปกว่านั้น ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากนักร้องนำวงตำนาน Alternative Rock ยุคบุกเบิกของไทย ‘ป๊อด โมเดิร์นด็อก’ ที่จะมาชวนกระโดดสุดเหวี่ยงไปกับดนตรีสุดมัน รวมถึงได้อิ่มเอมไปกับการแสดงดนตรีจากคณะดุริยางคศาสตร์ ม.ศิลปากรอีกด้วย สำหรับขาแดนซ์ก็จะได้สนุกไปกับการเต้นสวิงที่บรรเลงโดยวงดนตรี The Stumbling Swingout สำหรับใครที่ไม่เคยเต้นและอยากลองเต้นดูสักครั้ง โอกาสนี้เหมาะควรมากๆ เพราะจะมีครูสอนเต้นจาก Jelly […]
Chengdu Science Fiction Museum พิพิธภัณฑ์ Sci-Fi แห่งใหม่ในเฉิงตู โดดเด่นเหมือน Star Cloud กลางทะเลสาบ
เฉิงตู ประเทศจีน คือเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 20 ล้านคน ที่นี่พัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านนวัตกรรมและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปี 2023 เมืองเฉิงตูจะล้ำหน้าไปอีกขั้นเพราะจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ‘World Science Fiction Convention’ หรือ ‘Worldcon’ ครั้งที่ 81 ซึ่งเป็นงาน Sci-Fi ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยภายในงานนี้ก็จะมีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ Sci-Fi แห่งใหม่สำหรับผู้ที่หลงใหลในโลกอนาคตอย่าง ‘Chengdu Science Fiction Museum’ อีกด้วย Chengdu Science Fiction Museum ที่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง Zaha Hadid Architects ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Jingrong ตัวอาคารมีรูปทรงเป็นเมฆเนบิวลาที่กำลังขยายตัวและมีดาวอยู่ตรงกลาง เมื่อดูด้วยตาเปล่าจะเหมือน ‘เมฆดวงดาว’ หรือ ‘Star Cloud’ ที่กระจายพลังงานไปในทิศทางต่างๆ พิพิธภัณฑ์นี้ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ธรรมชาติและริมทะเลสาบ เพื่อผสมผสานพื้นที่ใช้งานในร่มและกลางแจ้ง และทำให้ผู้เข้าชมเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ภายในอาคารได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ ผู้คนยังสามารถเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ผ่านทางเดินที่เชื่อมจากสถานีรถไฟในตัวเมืองได้ Chengdu Science Fiction Museum […]
แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองเท้าแตะย่อยสลายได้ กลายเป็นปุ๋ยหมักคืนสู่ธรรมชาติ
Balena บริษัทด้านวัสดุศาสตร์ในเมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมแฟชั่นที่สร้างขยะพลาสติกจำนวนมาก ได้เปิดตัว ‘BioCir Slides’ รองเท้าแตะย่อยสลายได้และกลับมาเป็นประโยชน์ต่อโลก โดยทำจากวัสดุ BioCir ที่มีความยืดหยุ่น เรียบลื่น และทนทาน ทดแทนการใช้พลาสติกและยางแบบเดิมที่มักพบในรองเท้าทั่วไป BioCir เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเทอร์โมพลาสติกที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนสภาพให้เป็นของเหลวและนำกลับมารีไซเคิลใช้งานได้อีกครั้ง รวมถึงมีพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ ช่วยปรับขนาดวัสดุและลดการปล่อยมลพิษร่วมด้วย ทั้งนี้ Balena ไม่ได้ปล่อยให้ลูกค้าที่ซื้อรองเท้าไปศึกษาวิธีการย่อยสลายและเปลี่ยนเป็นปุ๋ยหมักด้วยตัวเอง เพราะทางแบรนด์จะให้ลูกค้าส่งรองเท้าที่ไม่ใช้แล้วกลับมา ก่อนส่งต่อรองเท้าเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการหมักในโรงงานท้องถิ่น เพื่อกำจัดรองเท้าและทำปุ๋ยหมักอย่างถูกวิธี Sources : DesignTAXI | bit.ly/3ZZBbHS PR Newswire | prn.to/400m6p8
BAOBAB Luxury Safari Resort รีสอร์ตต้นไม้กลางซาฟารีในแอฟริกา ที่ผลิตไฟฟ้าและน้ำจากอากาศได้เอง
ถ้าการนั่งรถส่องสัตว์ในไนต์ซาฟารีตอนไปเที่ยวสวนสัตว์ยังไม่จุใจ เราขอเสนออีกหนึ่งตัวเลือกที่จะทำให้คนรักธรรมชาติได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ยากจะลืม ด้วยการนอนค้างบนบ้านต้นไม้ใจกลางซาฟารี กับ ‘BAOBAB Luxury Safari Resort’ รีสอร์ตบ้านต้นไม้สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในแอฟริกา BAOBAB Luxury Safari Resort เป็นผลงานการออกแบบของสตูดิโอ ‘MASK Architects’ ที่เคยฝากผลงานการออกแบบสุดสร้างสรรค์จนได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เช่น ‘oasys’ หลังคากลางแจ้งที่เคยชนะการประกวดออกแบบ Cool Abu Dhabi Challenge และ ‘Villa G01’ บ้านพักหรูที่ได้รางวัลจากงาน LOOP Design Awards เป็นต้น ครั้งนี้ MASK Architects หยิบเอาเอกลักษณ์ของต้นเบาบับ (Baobab) พืชพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาที่มีลักษณะลำต้นอวบ ยืนต้นสูง มาใช้ในการออกแบบให้ตัวบ้านต้นไม้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ และสามารถส่องสัตว์ได้โดยไม่รบกวนสิ่งมีชีวิต ตัว BAOBAB Luxury Safari Resort สูงจากพื้น 3.5 เมตร โดยมีบันไดวนบริเวณแกนกลางพาเราขึ้นไปยังห้องพักที่มีระเบียงโดยรอบสำหรับให้อาหารสัตว์ได้ด้วยตนเอง และสระว่ายน้ำส่วนตัวบนยอดสูงที่มองเห็นวิวของโซนซาฟารีได้ 360 องศา ความพิเศษที่มากกว่าบ้านต้นไม้หลังไหนๆ คือม่านกระจกที่ล้อมรอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์แบบโปร่งใส […]
Urban Farming Office เปลี่ยนสำนักงานตึกสูงเป็นสวนแนวตั้ง แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ผักผลไม้ และสมุนไพร
ภายใต้การขยายของเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คอนกรีตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มีหลากหลายปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาดพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติ มลพิษทางอากาศ น้ำท่วมและนำไปสู่สภาวะน้ำเค็ม ปรากฏการณ์เกาะความร้อน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ สตูดิโอสัญชาติเวียดนาม ‘Vo Trong Nghia Architects’ ได้ออกแบบและสร้าง ‘Urban Farming Office’ ออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของตัวเองในนครโฮจิมินห์ เป็นอาคารโครงคอนกรีตที่ปกคลุมด้วยฟาร์มแนวตั้ง แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้สีเขียวอย่างผักผลไม้และสมุนไพร แกนกลางของอาคารสำนักงานสร้างโดยใช้โครงคอนกรีตเปลือย ในขณะที่โครงสร้างภายนอกทำจากเหล็กบางๆ ทำหน้าที่คล้ายชั้นวางเหล่ากระถางต้นไม้ เพื่อเอื้อต่อการจัดเรียงต้นไม้ใหม่อย่างยืดหยุ่น หรือในกรณีที่ต้นไม้เติบโตขึ้น อาคารสำนักงานแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ด้วยการมีผนังต้นไม้ที่ปกคลุมด้านทิศใต้ของอาคาร เป็นตัวช่วยทำหน้าที่กรองแสงแดดและอากาศ ป้องกันความร้อนที่สูงเกินไป ทั้งยังสร้างร่มเงาและช่วยตกแต่งภายในสำนักงานอีกด้วย ภายในออฟฟิศ พื้นที่ทำงานถูกจัดไว้รอบๆ โถงกลาง และมีประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเปิดไปยังระเบียงสำหรับเคลื่อนย้ายพืชหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตจากกระถาง พร้อมสวนบนชั้นดาดฟ้าสำหรับปลูกพืชที่ต้องการได้อีกในอนาคต นอกจากนี้ ตัวโครงสร้างคอนกรีตยังถูกปล่อยให้เปิดโล่งทั้งหมด โดยเสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและไฟประดับแบบมินิมอล เพื่อให้ตัดกับเหล่าต้นไม้ใบเขียวสดใสของฟาซาดอาคารที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ Urban Farming Office โดย Vo Trong Nghia Architects ถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ใช้สอย และเป็นได้มากกว่าแค่สำนักงานอย่างแท้จริง Source :Dezeen | bit.ly/3XCW4XN
โอม อาหารจงอร่อยขึ้น! ‘SpoonTEK’ ช้อนกินข้าวไฟฟ้า เปลี่ยนอาหารรสชาติคลีนให้กินอร่อย
แม้จะไม่มีน้องเมดมาร่ายเวทย์ ‘โอม จงอร่อยขึ้น’ ให้อาหาร แต่เราก็สามารถกินอาหารที่อร่อยขึ้นได้ราวกับมีใครมาร่ายเวทมนตร์ ด้วยช้อนกินข้าวไฟฟ้า ‘SpoonTEK’ ช้อนกินข้าวไฟฟ้าแบบพกพาที่มีน้ำหนักเบา คือผลงานการออกแบบของสองพ่อลูก ‘Ken Davidov’ และ ‘Cameron Davidov’ ที่ทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมอาหารมาตั้งแต่ปี 1999 จนทำยอดขายได้ถล่มทลายกว่าหนึ่งล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึงเดือนหลังเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ SpoonTEK ทำให้อาหารรสชาติดีขึ้นด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ไปกระตุ้นประสาทสัมผัสของลิ้นให้รับรสชาติได้ดีขึ้น ทำให้อาหารที่เรากินผ่านช้อนมีความนุ่มนวลและรสชาติเอร็ดอร่อย จากการทดสอบในคลินิกทางการแพทย์พบว่า SpoonTEK ช่วยปรับปรุงรสชาติของอาหารโซเดียมต่ำให้มีรสชาติเค็มขึ้นประมาณ 1.5 เท่า ทำให้ผู้บริโภคดื่มด่ำไปกับรสชาติที่อร่อยถูกใจได้ แม้จะอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร ทำให้เหมาะสำหรับผู้บริโภคอาหารโซเดียมต่ำที่ต้องการตัวช่วยทำให้รสชาติและสัมผัสอาหารดีขึ้น โดยจะใช้งานได้เป็นอย่างดีเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารประเภทซุป ไอศกรีม และโยเกิร์ต ใครที่สนใจ สั่งซื้อช้อนไฟฟ้า SpoonTEK ได้ที่เว็บไซต์ spoontek.com/products/spoontek-the-spoon-that-elevates-taste ในราคา 29 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 950 บาท) และในอนาคตคู่พ่อลูกยังมีแพลนเปิดตัวชามและตะเกียบไฟฟ้าด้วย Sources : Designboom | t.ly/0INnIndiegogo | t.ly/49lBSpoonTEK | spoontek.com
ญี่ปุ่นเตรียมทดลองกำจัดหิมะด้วยการเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด แทนการนำไปทิ้งลงในทะเล
เนื่องจากบ้านเราไม่มีหิมะตก จึงอาจทำให้นึกไม่ออกว่าเมื่อหิมะตกลงมาทับถมกันนั้นสร้างความเดือดร้อนให้เมืองแค่ไหน อย่างในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกสูงที่สุดในประเทศ เพราะมีหิมะตกสูงถึง 312 นิ้วในแต่ละปี ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมากในการกำจัดหิมะออกจากอาคาร บ้าน และถนน เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล อย่างเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดหิมะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทีมวิจัยจาก Forte บริษัทสตาร์ทอัปในเมืองอาโอโมริและมหาวิทยาลัย Electro-Communications (UEC) ในเมืองโตเกียว มองหาวิธีการกำจัดหิมะที่ดีกว่าการทิ้งลงทะเล และค้นพบว่าหิมะเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ และปลอดภัย จึงลองใช้หิมะจำนวนมากกับอากาศภายนอกเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการใช้ท่อความร้อนในการจ่ายอากาศเย็นจากหิมะและอากาศร้อนจากอากาศภายนอกไปที่กังหันผลิตไฟฟ้า ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เกิดกระแสพาความร้อนในของเหลวหล่อเย็นของกังหัน ทำให้กังหันหมุนและผลิตไฟฟ้าออกมาได้ ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิหิมะและอากาศมีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทีมวิจัยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากหิมะอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอาจคุ้มค่ากว่าด้วย ทั้งนี้ การทดสอบการผลิตพลังงานจากหิมะจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม หากการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดีก็อาจมีการนำระบบการผลิตพลังงานนี้ไปใช้กำจัดหิมะในประเทศและทวีปอื่นๆ ได้ แต่ขณะเดียวกัน พลังงานสะอาดจากหิมะก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นคือ มันสามารถให้พลังงานได้แค่อุปกรณ์ขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่กังหันใหญ่ๆ ที่เราเคยเห็นกัน อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่กว้างขวางในการติดตั้งและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงาน และอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาการไหลเวียนของอากาศร้อนให้คงที่ในสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย Sources : DesignTAXI | bit.ly/3XxCRqj Interesting […]
เปลี่ยนก้นกรองบุหรี่ให้เป็นตุ๊กตา หมอน และกระดาษ โดย Code Effort บริษัทในอินเดีย
ทุกปีทั่วโลกจะผลิตบุหรี่ถึง 6 ล้านล้านตัว โดยมีก้นกรองบุหรี่กว่า 4.5 ล้านล้านตัวต่อปีที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะบนท้องถนน ท่อระบายน้ำ ในสวนสาธารณะ รวมไปถึงแม่น้ำ ลำคลอง และมหาสมุทร บุหรี่หนึ่งตัวประกอบด้วยยาสูบที่มีสารก่อมะเร็งกว่า 60 ชนิด เช่น ท็อกซิน, นิโคติน, เอทิลฟีนอล, สารหนู, ยาฆ่าแมลง, ทาร์, คาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรเจนออกไซด์ เป็นต้น และก้นกรองบุหรี่หนึ่งตัวใช้เวลาย่อยสลายราว 15 ปี ดังนั้น การทิ้งก้นกรองบุหรี่ไม่เป็นที่ จะกลายเป็นขยะที่มีส่วนทำให้สารเคมีต่างๆ ตกค้าง ปนเปื้อน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิตอย่างมหาศาล องค์การอนามัยโลกประเมินว่า เกือบ 267 ล้านคนหรือร้อยละ 30 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของอินเดียที่เสพยาสูบ โดยส่วนมากทิ้งก้นกรองบุหรี่เกลื่อนถนนในเมือง ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ‘Naman Gupta’ ชาวอินเดียก่อตั้งบริษัท Code Effort ในเมืองนอยดา (Noida) รัฐอุตตรประเทศ เพื่อนำขยะก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ โดยสามารถรีไซเคิลก้นบุหรี่ได้นับล้านชิ้นในแต่ละปี วิธีการคือ […]
จิบกาแฟ อ่านหนังสือเที่ยงวันยันเที่ยงคืน ‘dot.b’ ร้านหนังสือใหม่บนถนนนครใน จังหวัดสงขลา เปิดวันแรก 25 ม.ค. 66
หลังจากที่ ‘ร้านหนังสือเล็กๆ’ บนถนนยะหริ่ง ได้บอกลาจังหวัดสงขลาไปสู่เมืองสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เมืองสงขลาขาดร้านหนังสืออิสระไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในวันที่ 25 มกราคม 2566 สงขลาจะกลับมามีร้านหนังสืออิสระอีกครั้ง กับ ‘dot.b’ ร้านหนังสือแห่งใหม่บนถนนนครใน ย่านเมืองเก่าสงขลา เพราะชอบอ่านหนังสือและยังอยากเห็นเมืองที่ตนอยู่อาศัยมีร้านหนังสืออิสระ ‘ธีระพล วานิชชัง’ เจ้าของ ‘dot’ ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีหนังสือไม่น้อยให้ลูกค้าอ่านฆ่าเวลาในตึกเก่าที่หันหน้าเข้าสู่ถนนนครนอก จึงตัดสินใจต่อเติมอาคารให้กลายเป็นร้านหนังสืออิสระแห่งใหม่ที่หันหน้าเข้าหาถนนนครใน เชื่อมสองฝั่งถนนในเมืองเก่าสงขลาไว้ด้วยสองพื้นที่ในอาคารเดียวกัน นอกจากนี้ ธีระพลยังมีความตั้งใจที่จะนำหนังสือหลากหลายประเภทกลับมาสู่เมืองสงขลา รวมถึงอยากสร้างพื้นที่ให้ชาวเมืองได้มีสถานที่หลบภัยสำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานท่ามกลางความสงบในบริเวณชั้นสองของร้าน ขณะที่อีกด้านมีบริการกาแฟและเครื่องดื่มจากร้านเดิมร่วมด้วย ร้าน dot.b ตั้งอยู่ที่ 115 ถนนนครใน ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา goo.gl/maps/t46TK5zHD9KpRAaV6 เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 ที่จะถึงนี้ และเปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00 – 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด เวลา 10.00 – 24.00 น.