“ฉันเชื่อมาตลอดว่าอีกฟากของทะเลนั้นมีอิสระ แต่ว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่อยู่อีกฟากคือศัตรู ถ้าเราฆ่าคนอีกฟากได้หมดเราจะเป็นอิสระกันได้งั้นเหรอ” – เอเรน เยเกอร์
ติดตาม Attack on Titan มาจนถึง The Final Season Part 3 แล้ว หลายครั้งก็แอบจินตนาการว่า หากเราเป็นชาวเอลเดียในบทบาทของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป จะใช้ชีวิตบนเกาะสวรรค์อย่างมีความสุขได้อย่างไร ถ้าต้องคอยเอาชีวิตรอดจากการรุกรานของไททัน แถมดูเหมือนว่าความเป็นอยู่ของเมืองก็ยังไม่ค่อยจะเอื้อให้อยู่รอดจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเสียด้วย
คอลัมน์ Urban Isekai ชวนมาวางแผนและหาทางพัฒนาเมืองหลังกำแพงสูงกัน จะทำอย่างไรให้ชาวเมือง Mitras บนเกาะสวรรค์แห่งนี้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดีขึ้น แม้ว่ายังต้องหาหนทางเอาชีวิตรอดจากการบุกรุกของไททันก็ตาม
ซาซาเงโย! ซาซาเงโย จงอุทิศด้วยหัวใจ!
สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างชาวเอลเดียและชาวโลก
หลังจากที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน ก็ถึงเวลาที่ชาวเอลเดียจะได้มีเพื่อนบ้านสักที ด้วยการเปิดเกาะและส่งตัวแทนไปผูกสัมพันธ์กับเมืองรอบนอก เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป และนำเอาเทคโนโลยีก้าวหน้าจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเมืองให้เท่าทันโลก หรือนำมาใช้พัฒนากองทัพเพื่อสร้างความแข็งแรง รองรับการบุกรุกของไททันได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสร้างความเข้าใจกันผ่านประวัติศาสตร์ของทั้งสองฝ่าย
ให้การศึกษาชาวเมือง
ชาวเมืองหลายคนยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง แถมเรื่องราวนอกกำแพงยังกลายเป็นเรื่องต้องห้าม ทำให้เอเรนและอาร์มินในวัยเด็กต้องแอบอ่านหนังสือของคุณปู่ ถึงจะรู้เรื่องราวของมหาสมุทรกว้างใหญ่ภายนอกกำแพง
ดังนั้นเราจะปรับเปลี่ยนและพัฒนาการศึกษาให้กระจายไปในทุกพื้นที่ของเมือง ไม่ว่าอยู่เขตไหนก็จะได้เรียนหนังสือ เพื่อสร้างความรู้พื้นฐานในด้านต่างๆ ให้ชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความก้าวหน้าของโลกภายนอกกำแพง ข้อมูลความถูกต้องของประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน รวมทั้งการรู้เท่าทัน Propaganda เพื่อเสริมสร้างทักษะให้ชาวเมืองได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะในสิ่งที่ส่งต่อกันมา ลดความเชื่อในลัทธิบูชาตัวบุคคล และเกิดเป็นการเคารพสิทธิของชาวเมืองทุกคนอย่างเท่าเทียม
คู่มือ Titan 101
คงไม่มีใครคลั่งไคล้และหลงใหลไททันไปมากกว่า ‘หัวหน้าหน่วยฮันจิ’ ที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับไททันเป็นอย่างดี แตกต่างจากคนทั่วไปที่อาจไม่รู้ว่าไททันคืออะไร และต้องรับมืออย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกกิน เพราะฉะนั้นความรู้จากหน่วยสำรวจในการรับมือไททันควรนำไปเผยแพร่ต่อประชาชน ด้วยการทำคู่มือ Titan 101 แจกให้ทุกครอบครัว จะเป็นแผ่นพับหรือบุ๊กเล็ตขนาดเล็กสำหรับพกพาในกรณีฉุกเฉินก็ได้ และต้องมีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ
ขยายพื้นที่อยู่อาศัย ลดความแออัด
พื้นที่ของเมืองที่อยู่หลังกำแพงสูงนั้นอาจไม่สามารถขยายให้ใหญ่ไปกว่านี้ได้แล้ว เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ความแออัดก็ยิ่งมีมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อกำแพงมาเรียแตกจึงเกิดปัญหาประชากรล้นเมือง
เพื่อช่วยลดความหนาแน่นของพื้นที่ เราจะสร้างอาคารสูงสำหรับอยู่อาศัยขึ้นมา และย้ายบ้านบางส่วนไปตั้งบนพื้นที่กำแพงที่กว้างขวางแต่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น รองรับกับจำนวนคน อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่ของทั้งเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
สร้างศูนย์หลบภัยไททัน
นอกจากการขยายพื้นที่อยู่อาศัยให้เพียงพอต่อประชากรในเมืองแล้ว การสร้างห้องหลบภัยใต้ดินให้กระจายไปในทุกพื้นที่ยังช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของประชาชนจากไททัน ยกตัวอย่างห้องใต้ดินของครอบครัวเยเกอร์ที่ยังคงสภาพดีหลังจากเหตุการณ์ในเขตชิกันชินะ
ขณะเดียวกัน พื้นที่เมืองใต้ดินชิกะที่ตอนนี้เป็นแหล่งเสื่อมโทรมก็สามารถรีโนเวตให้กลายเป็นอีกหนึ่งเมือง เพื่อรองรับการอพยพของชาวเมืองตอนเกิดสงครามกับกลุ่มไททันได้ ไม่เพียงแต่ทำศูนย์พักพิงเท่านั้น แต่เราจะเพิ่มช่องทางการหลบหนีอย่างลิฟต์หรือบันไดตามแนวกำแพง เพิ่มความรวดเร็วในการหลบหนี และจัดซ้อมอพยพอย่างสม่ำเสมอ เมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่ตื่นตกใจกัน
ปฏิรูประบบทหาร
กำลังสำคัญของเมืองที่ขาดไปไม่ได้เลยคือกองทัพทหาร ที่คอยทำหน้าที่ดูแลประชาชนและเมืองให้สงบปลอดภัยจากการรุกรานของเหล่าไททัน ในแผนการพัฒนาแบบใหม่นี้ ทหารทุกคนต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเท่าเทียมและเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างเหตุการณ์ที่เขตชิกันชินะโดนไททันโจมตี แล้วทหารหน่วยรักษาการณ์ไม่สามารถรับมือกับไททันได้เลย
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยรักษาการณ์ หน่วยสำรวจ หรือกองสารวัตรทหารก็ตาม ต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนสังกัดหน้าที่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ทหารทุกนายได้ใช้ความสามารถที่ฝึกฝนมาอย่างเต็มที่ มีแผนการควบคุมและจัดระบบการยืมอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติถูกขโมยจากคลังออกมาใช้ รวมถึงจัดตั้งสวัสดิการทหาร ทั้งบ้าน อาหาร และสิ่งจำเป็นต่างๆ ที่ทุกหน่วยต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกันทุกคน
Writer
ณิชกมล บุญประเสริฐ
Graphic Designer
