ในภาพจำของหลายคน สุขุมวิทคือย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องบ้านสวย เงาไม้ร่มรื่น และร้านเด็ด ใครจะคิดว่าวันหนึ่งย่านสุดคึกคักย่านนี้จะมีอาร์ตสเปซมาเปิด
เปล่า เราไม่ได้หมายถึงอาร์ตสเปซที่เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะทั่วไป แต่คือพื้นที่ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาสร้างชิ้นงานศิลปะของตัวเอง ผ่านคอนเซปต์ที่ว่า ศิลปะไม่ควรมีกรอบ แต่ควรจะสนุกสนานและเข้าถึงได้ทุกคน
ART101 คือสเปซของ ‘บิลล์-กรีรวิชญ์ ภาคจิตร’ และผองเพื่อนที่รวมตัวกันเปิดมาตั้งแต่ต้นปี ฟังจากชื่อก็พอเดาออกว่าที่นี่อ้าแขนต้อนรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะมีความรู้ทางศิลปะหรือไม่ เราต่างมาตั้งต้นคลาส 101 พร้อมกัน ที่นี่จึงมีกิจกรรมสร้างงานศิลปะที่ลากไล่ไปตั้งแต่การเทสี การปาสี จนถึงการแกว่งสี
มากไปกว่าความเชื่อว่าศิลปะไม่ควรมีกรอบ กรีรวิชญ์เชื่อว่าศิลปะคือหนทางเยียวยาและสร้างพลังงานที่ดีให้แก่คนที่ลงมือทำ แถมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของเราให้แข็งแรงได้ด้วย
แนวคิดนี้ถ่ายทอดผ่านการออกแบบสเปซและกิจกรรมภายใน ART101 อย่างไร ตามคอลัมน์ Urban Guide ลัดเลาะไปในซอยสุขุมวิท 71 เพื่อหาคำตอบกับชายหนุ่มเจ้าของร้านกัน
Healing Space
ผิดไปจากที่เราสันนิษฐาน กรีรวิชญ์สารภาพว่าเขาไม่ใช่คนวาดรูปเก่ง และไม่ได้เป็น ‘สายอาร์ต’ อย่างที่เราคาดเดาไว้
อันที่จริงกรีรวิชญ์เพิ่งมีใจให้ศิลปะก่อนจะเริ่มก่อตั้ง ART101 ได้ไม่นาน
ย้อนกลับไปไกลกว่านั้น ก่อนมีใจให้ศิลปะ เขามีใจให้การงานและธุรกิจส่วนตัวแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ “หลังจากเรียนจบ ป.โท จากอังกฤษ เราเข้าทำงานในหลายบริษัท ชีวิตช่วงนั้นเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง บ้างาน บ้าเงิน” เขาบอก ซึ่งนอกจากงานประจำ ธุรกิจที่กรีรวิชญ์ทำมีตั้งแต่หมู่บ้านจัดสรร ธุรกิจจัดงานปาร์ตี้ ร้านไอศกรีม และแบรนด์น้ำหอมของตัวเอง
ชีวิตของกรีรวิชญ์เคยทุ่มให้งานร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนประกอบของชีวิตไม่ได้มีแค่นั้น เมื่อชายหนุ่มมีแฟน การงานที่รักก็ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์จนถึงจุดที่ต้องเลือกสักทาง
“สุดท้ายเราตัดสินใจเลิกกับแฟนด้วยดี แต่ตอนนั้นรู้สึกอกหักมาก สุขภาพจิตไม่โอเค ไปปาร์ตี้มากมายสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไร เลยลองไปทำสิ่งที่ไม่เคยทำดู”
ศิลปะเข้ามาแนะนำตัวกับเขาในช่วงนั้นเอง กรีรวิชญ์สมัครเรียนคลาสวาดรูปเหมือนจริง และแม้จะออกปากว่าวาดไม่เก่ง ไม่สวย ไม่เหมือน แต่ชายหนุ่มตกหลุมรักศิลปะสุดหัวใจ นำไปสู่การทดลองทำงานศิลปะอีกหลายชิ้นตามมา
“ได้เยียวยา รู้จักตัวเองมากขึ้น และได้พักผ่อนจริงๆ เหมือนวางทุกอย่างไว้ก่อนแล้วไปอยู่กับมัน” คือนิยามความรู้สึกตอนที่ชายหนุ่มอยู่กับศิลปะ
มากกว่าเยียวยาจิตใจ กรีรวิชญ์พบว่าศิลปะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์
“ตอนเลิกกับแฟน เราเลิกกันด้วยดี มีวันหนึ่งที่ชวนกันไปทำงานศิลปะด้วยกัน แล้วตอนนั้นรู้สึกได้ถึงพลังงานบวกที่มาจากอีกคน สำหรับเรา การทำงานศิลปะไม่ได้เป็นเหมือนช่วงเวลาที่เราไปเดินห้างฯ หรือปาร์ตี้ ตอนไปอย่างนั้นเรามักต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ แต่พออยู่ในอาร์ตสเปซ มันมีพลังงานบวกที่แชร์ต่อกับคนอื่นได้ เราจึงรู้สึกว่าศิลปะไม่ได้ส่งผลแค่กับสุขภาพจิต แต่มันสามารถเยียวยาความสัมพันธ์ที่เรามีได้ด้วยเหมือนกัน”
Art Space
สำหรับกรีรวิชญ์ ศิลปะไม่ควรมีกรอบ ไม่มีถูกผิด และไม่ควรถูกจำกัดความว่าแบบไหนสวยหรืองานชิ้นไหนเป็นงานศิลป์ที่ดี
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขายิ่งสนใจศิลปะแนว Abstract ไปจนถึงงาน Splash Art (ศิลปะจากการปาสี) และ Pendulum Art (ศิลปะจากการแกว่งสี) ซึ่งล้วนสร้างสรรค์แบบไร้กระบวนท่า
ความสนใจนี้เองที่เป็นจุดตั้งต้นให้เกิด ART101 สเปซศิลปะที่อ้าแขนกว้างต้อนรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะคุ้นเคยกับการทำงานศิลปะหรือไม่ก็ตาม
“วันหนึ่งเราตั้งคำถามว่า ถ้าเราอยากอยู่กับศิลปะ อยากเยียวยาสุขภาพจิตของเราไปเรื่อยๆ แล้วจะทำอะไรได้บ้าง เราเลยคุยกับเพื่อนๆ อีกสามคนที่ค่อนข้างสำเร็จในสายงานเหมือนกัน ทุกคนคิดตรงกันว่าอยากเปิดร้านศิลปะที่ส่งเสริมเรื่องสุขภาพจิต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หลายคนอาจหลงลืมมันไป
“พอเราสร้างมันด้วยมายด์เซตว่าเราอยากแชร์พลังงานบวก ให้ทุกคนได้พักจากความวุ่นวาย เราเลยอยากมองหาโลเคชันที่ก่อนหน้านี้หาที่พักผ่อนไม่เจอ แต่จริงๆ เป็นที่พักผ่อนได้”
กรีรวิชญ์กับเพื่อนเปลี่ยนพื้นที่ชั้นหนึ่งของ Sport Club ในซอยปรีดีพนมยงค์ 41 ที่คนในย่านเคยเข้ามาออกกำลังกาย กลายเป็นสเปซสีขาวสะอาดที่กว้างขวาง โปร่งโล่ง ซึ่งหากมองดีๆ จะเห็นว่าด้านในเต็มไปด้วยแคนวาสมากมายตั้งอยู่อย่างละลานตา
Fun & Safe Space
แดดข้างนอกกำลังสาดแสงเจิดจ้า แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไปใน ART101 เพลงบรรเลง เสียงหัวเราะของเด็กๆ และสีสันที่กระจัดกระจายอยู่ตามหลืบมุมก็ทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเราหายวับในพริบตา
กรีรวิชญ์ชวนเราไปยังจุดนั่งพักเล็กๆ ที่เขาบอกว่าเป็นจุดที่สะอาดที่สุดในร้าน แล้วเริ่มไล่เรียงกิจกรรมของที่นี่ให้เราฟัง นั่นคือ หนึ่ง-การเทสีลงบนแคนวาส ปล่อยให้สีกระจายเองจนเกิดลวดลายสวยงาม
สอง-การปาสีใส่แคนวาสบนกำแพงด้วยถุงสี คล้ายการปาจานแตกเพื่อระบายอารมณ์ แต่ได้งานศิลปะมาด้วย
สาม-การแกว่งสีจากกระบวยจนกลายเป็นแพตเทิร์นสนุกๆ
และสี่-การเทสีใส่หมีหรือกระปุกออมสิน กรีรวิชญ์บอกว่านี่เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ โปรดปรานเป็นพิเศษ
แน่นอนว่ากิจกรรมทุกอย่างถูกออกแบบบนพื้นฐานว่าเป็นกิจกรรมที่ใครก็ทำได้ แต่มากกว่านั้น กรีรวิชญ์ยังให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย อย่างสีที่ร้านใช้ก็เป็นสีอะคริลิกที่กินได้ สั่งทำพิเศษสำหรับร้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเขางัดเอาความรู้จากการเรียนปริญญาตรีสาขาเคมีประยุกต์มาใช้ ทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าว่าปลอดภัย นั่นก็เพราะอยากให้คุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ สบายใจว่าถ้าจะหยิบสีเข้าปากก็ไม่เป็นไร
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือความสะดวกสบาย ไม่อึดอัดเกินไป ART101 จึงจัดบริการลูกค้าเป็นรอบๆ รอบละ 2 ชั่วโมง รับลูกค้าประมาณ 15 คนต่อรอบ เมื่อเดินเข้ามาข้างใน ศิลปินฝึกหัดทุกคนจะได้รับชุดคลุมกันเปื้อน แคนวาสคนละหนึ่งแผ่น พร้อมอุปกรณ์ทำงานศิลป์ในแบบที่เลือกเอง ซึ่งจะเลือกทำแค่อย่างเดียว หรือทำทั้งหมดเลยก็ได้
วัยว้าวุ่นที่หากิจกรรมสนุกๆ เพื่อออกเดตหรืออัปโซเชียลคือกลุ่มลูกค้าที่กรีรวิชญ์บอกว่ามาบ่อยที่สุด แต่ที่ทำให้เราแปลกใจคือกลุ่มแม่ๆ และเด็กๆ วัย 3 – 4 ขวบ ที่มีสัดส่วนไม่น้อยไปกว่ากลุ่มวัยรุ่นเลย
“เพราะอย่างที่บอกว่าศิลปะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ ในขณะเดียวกัน มันก็สร้างความแข็งแรงให้ความสัมพันธ์ด้วย เราเลยมีแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับพ่อแม่ที่พาลูกๆ มาเสริมสร้างความสัมพันธ์ของครอบครัว มากกว่านั้นคือการสร้างความครีเอทีฟให้เด็ก เป็นสิ่งที่ทำที่บ้านไม่ได้”
ในโอกาสพิเศษ กรีรวิชญ์ยังปิดที่นี่เพื่อจัดงาน Private Birthday Party สุดพิเศษสำหรับน้องๆ หนูๆ บางทีก็เป็นคอร์สของนักจิตวิทยาสักคน หรือบางครั้งก็เป็นกลุ่มบริษัทที่พาพนักงานมาทำกิจกรรมศิลปะร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทีมให้แข็งแรง
Positive Space
“เราทำธุรกิจมาเยอะ แต่ ART101 แทบจะเป็นธุรกิจเดียวของเราที่เข้ามาเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีกลับไปทุกครั้ง พอได้เห็นรอยยิ้ม เห็นผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กัน มันดีมากๆ เหมือนเราได้สร้างระบบนิเวศของพลังงานบวกไว้ในนี้” ชายหนุ่มเปิดเผยสิ่งที่ทำให้เขาอยากทำร้านต่อในทุกๆ วัน
“สำหรับเรา การมีพื้นที่แบบนี้มันดีต่อคนในสังคมมากๆ คือเราไม่รู้ว่ามันจะสร้างอิมแพกต์โดยตรงต่อสังคมขนาดไหน แต่อย่างน้อยอิมแพกต์ทางอ้อมของมันคือการกระจายพลังบวกให้กัน อธิบายตามหลักธรรมชาติของมนุษย์เลย สมมติคนเครียดมาทั้งวัน เรากลับบ้านไปเจอคนที่บ้าน เราแชร์ความเครียดนั้นให้คนอื่น เขาก็ส่งต่อไปให้คนอื่นอีกต่อ แต่ถ้าเรามีพลังงานบวกมา มันก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน เพราะฉะนั้นการมีพื้นที่แบบนี้มันเป็นสเปซที่ช่วยฟูมฟัก (Groom) ให้ทุกคนแชร์พลังงานบวกกัน
“เราคิดว่ามนุษย์มีทั้งด้านดีและไม่ดีอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนใหญ่ชีวิตของเราจะถูก Groom ให้เราต้องใช้ด้านไม่ดีเพื่อปกป้องตัวเองหรือเอาตัวรอด แต่ถ้ามีสถานที่ที่ Groom พลังบวกเยอะขึ้น อาจจะไม่นับแค่ที่นี่ แต่เรามีสวนมีสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต มันจะดีมาก เพราะพลังบวกเป็นรากฐานที่จะทำให้เราทำอย่างอื่นในชีวิตได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเรียน หรือความสัมพันธ์”
ART101
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 10.00 – 19.00 น. (โปรดจองก่อนเข้ารับบริการ)
พิกัด : 1035/12 41 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
แผนที่ : goo.gl/maps/yg88yzr3tPMxwHsn9
ช่องทางติดต่อ :
instagram.com/art101_official
facebook.com/art101officialth