ในเวลานี้แอนิเมชันที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘Arcane’ ซีรีส์แอนิเมชันแห่งยุคจาก Riot Games ค่ายเพลงที่ทำเกมได้นิดหน่อย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซีรีส์ได้ปิดตัวไปอย่างสวยงามด้วยจำนวนทั้งหมด 18 ตอน แบ่งเป็น 2 ซีซัน ซีซันละ 9 ตอน ทิ้งความคาดหวังให้เหล่าแฟนๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีแอนิเมชันคุณภาพแบบนี้ออกมาให้ดูกันอีก จนทุกคนอยากให้ Riot Games เลิกทำเกมแล้วนำเวลามาทำแอนิเมชันดีกว่า
เนื้อเรื่องหลักของ Arcane เล่าถึงพื้นที่เมือง Piltover มหานครแห่งความก้าวหน้า และ Zaun เมืองใต้ดินแห่งความเสื่อมโทรม ซึ่งพื้นที่นี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในดินแดน Runeterra อันกว้างใหญ่
คอลัมน์เนื้อหนังอยากพาไปสำรวจเมืองอื่นๆ ในจักรวาล League of Legends ว่ามีสังคมเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงค่านิยมและความเชื่ออย่างไรบ้าง เอาละ ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นเรือเหาะเตรียมตัวเข้า Hexgate ได้เลย เราจะออกเดินทางกันแล้ว!
Demacia เมืองแห่งความเที่ยงธรรม
“หัวใจและดาบของข้าก็เพื่ออาณาจักรเดมาเซีย” DEMACIA!!!!!! การกู่ร้องที่ภาคภูมิและองอาจนี้เปรียบเหมือนหัวใจหลักของอาณาจักรเดมาเซียได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
เดมาเซียเป็นนครที่ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกของดินแดนรูนเทอร์รา ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการเกษตร สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยสมบูรณ์ โดยเกิดจากการรวมตัวของผู้อพยพจากมหาสงครามเวทมนตร์ ก่อตั้งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรนี้สืบเนื่องมาหลายร้อยปี
เมืองเดมาเซียถูกสร้างจากเพทริไซต์ ศิลาสีขาวคล้ายกับหินอ่อนที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเวทมนตร์ รูปแบบของเมืองมีความคล้ายกับเมืองในยุคกลาง ที่มีเมืองเป็นเหมือนปราการตั้งอยู่ตรงกลาง และถูกล้อมรอบโดยพื้นที่ทางการเกษตรและแหล่งทรัพยากรอื่นๆ
ความยุติธรรม เกียรติยศ และหน้าที่ คือสิ่งที่ชาวเดมาเซียยึดถือเหนือสิ่งอื่นใด รากฐานจากประวัติศาสตร์ทางการทหารอันยาวนานเป็นสิ่งที่ชาวเมืองภูมิใจ ชาวเดมาเซียทุกคนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกมาซึ่งอุดมการณ์อันสูงส่งนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องร้ายแรงในเดมาเซียคือ ‘เวทมนตร์’ บาดแผลจากสงครามเวทมนตร์ในอดีตยังฝังลึกอยู่ในความคิดของทุกคน ใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์จะถือเป็นโทษร้ายแรงในเมืองนี้
ในปัจจุบันหลายคนพูดว่าเดมาเซียกำลังอยู่ในยุคที่ทุกอย่างกำลังเสื่อมสลาย ทั้งจากสงครามภายนอกกับอาณาจักร Noxus, การแหกคุกของ Sylas ผู้ปลดโซ่ตรวน และปัญหาการสืบทอดราชวงศ์ของ Jarvan IV รัชทายาทที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเหล่าขุนนางผู้ต้องการพิสูจน์ตนเอง แล้วในอนาคตอาณาจักรนี้จะยังคงไว้ซึ่งเกียรติยศที่ตนยึดถือได้หรือไม่ในโลกแห่งความวุ่นวายนี้ คงต้องติดตามต่อไป
Noxus เมืองแห่งสงคราม
‘ความแข็งแกร่งเหนือทุกสิ่ง’ น็อกซัสเป็นจักรวรรดิทหารที่ทำสงครามขยายดินแดนอยู่ตลอดเวลา น็อกซัสคือเหล่านักรบผู้ทรหด กระหายในสงคราม นักรบทุกคนล้วนมีอุดมการณ์เพื่ออาณาจักรน็อกซัสอันยิ่งใหญ่ เห็นได้จากความทรหดของ Ambessa และกองทัพของเธอจากแอนิเมชัน Arcane ใครก็ตามที่ปฏิเสธการเข้าร่วมจักรวรรดิน็อกซัสจะถูกบดขยี้อย่างโหดเหี้ยม
น็อกซัสเป็นเมืองที่กระจายตัวอยู่รอบๆ ป้อมปราการไร้พ่าย ป้อมที่ในอดีตเคยเป็นของ Mordekaiser ทรราชผู้ชั่วร้าย จากการขยายดินแดนของน็อกซัส ทำให้มีคนหลากกลุ่มหลายชนเผ่ามารวมตัวกันภายใต้ธงผืนเดียว เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมขนาดใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้จะสะท้อนไปกับสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบที่กระจายตัวอยู่รอบพื้นที่เมืองอีกด้วย โดยลักษณะของเมืองถูกออกแบบมาให้พร้อมรบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่ถูกสร้างมาให้มีรูปแบบคล้ายคลึงกับป้อมปราการ
การปกครองในจักรวรรดิน็อกซัสใช้หลักการ 3 สภา (Council of Three) เพื่อให้เกิดการคานอำนาจกันขึ้น แบ่งออกเป็น Principle of Might นำโดย Darius หัตถ์แห่งน็อกซัส ที่คอยควบคุมด้านการทหาร, Principle of Vision นำโดย Swain จอมพลแห่งน็อกซัส ที่ดูแลเรื่องการบริหารบ้านเมือง และ Principle of Guile ที่คอยทำงานเบื้องหลังจักรวรรดิน็อกซัสในเงามืด
ชาวน็อกซัสให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใคร เชื้อชาติไหน ชนชั้นอะไร ถ้าพิสูจน์ตัวเองได้ว่ามีความสามารถที่คู่ควรก็สามารถได้รับโอกาส ชื่อเสียง และสถานะทางสังคมในจักรวรรดิน็อกซัสได้ โดยเฉพาะเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์ที่จะได้รับการเชิดชูเป็นอย่างยิ่งจากชาวน็อกซัส และได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดในการฝึกฝนเพื่อจักรวรรดิในภายหน้า ด้วยเหตุนี้ ชาวน็อกซัสจึงเป็นคนที่หาความท้าทายใหม่ๆ เพื่อพิสูจน์ตนอยู่เสมอ การต่อสู้และสงครามที่เกิดเป็นประจำคอยหล่อหลอมให้ชาวน็อกซัสเป็นนักรบที่มีความทระนงและทรหดอยู่เสมอ
แต่ภายใต้เงาของจักรวรรดิยังมีปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการคานอำนาจของชนชั้นสูง หรือกลุ่มผู้ใช้เวทมนตร์ Black Rose ที่กุมความลับของจักรวรรดิน็อกซัสอยู่
Bilgewater เมืองท่าไร้กฎหมาย
‘สวรรค์ไร้กฎเกณฑ์’ คือคำจำกัดความง่ายๆ ของเมืองบิลจ์วอเทอร์ เมืองนี้เป็นเมืองแห่งโอกาสที่เป็นอิสระจากอำนาจของกฎหมายใดๆ บิลจ์วอเทอร์เลยเป็นหมุดหมายสำหรับเหล่าคนนอกกฎหมายที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ เพราะที่แห่งนี้ไม่มีใครจะมาสนใจอดีตของผู้อื่น
บิลจ์วอเทอร์ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบลูเฟลมทางด้านตะวันออกของทวีปวาโลแรน มีลักษณะภูมิประเทศเป็นช่องแคบที่มีหน้าผาสูงชันสลับกับคลองที่คดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตกระจายตัวอยู่ทั่วหมู่เกาะ เนื่องจากบิลจ์วอเทอร์ไม่สามารถผลิตทรัพยากรใหม่ๆ ได้ อาคารบ้านเรือนในเมืองจึงถูกสร้างจากเศษซากเรือเก่า หรือวัสดุอื่นๆ ที่ลอยมาจากทะเลแทรกตัวอยู่ตามหน้าผาสูงชัน และในบางพื้นที่ยังมีสถาปัตยกรรมจากยุคโบราณซึ่งปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นบ้านเรือนหรือร้านค้าต่างๆ โดยมีนั่งร้านและสะพานไม้คอยเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ ของเมืองไว้ด้วยกัน
ชาวเมืองที่นี่แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ชาวบูฮ์รู (Buhru) ชาวพื้นเมืองที่มีวิถีชีวิตและความเชื่อยึดโยงกับทะเล เป็นชนเผ่าที่มีความเชี่ยวชาญในการล่าอสรพิษทะเล (Sea Serpent) มีท่าเรือ Slaughter Docks เป็นท่าเรือสำหรับอุตสาหกรรมประมงสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่งคือเหล่าคนนอกจากทั่วดินแดนรูนเทอร์ราที่เดินทางเข้ามาหาโอกาสในเมืองนี้ มีทั้งเหล่ากัปตันเรือมากความสามารถ, พ่อค้าตลาดมืด, Hextech จากเมือง Zaun, นักพนันมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม หรือคนนอกกฎหมายที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ เมืองนี้จะหล่อหลอมให้ทุกคนต้องเอาตัวรอดทุกวิถีทาง คอยฉกฉวยทุกโอกาส ขอเพียงแค่มีเงินก็ครอบครองทุกสิ่งในเมืองนี้ได้
ปัจจุบันหลังจากที่ Gangplank ราชาจอมโจรที่คอยปกครองเมืองให้อยู่ร่วมกันได้ถูกโค่นลงโดย Sarah ฉายา Miss Fortune เมืองนี้ได้เข้าสู่กลียุคแห่งความวุ่นวาย ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นที่บิลจ์วอเทอร์ และยังมีหมอกทมิฬที่ขยายอาณาเขตมาจากเกาะแห่งเงากำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
Freljord เมืองน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ
“เฟรย์ลยอร์ดบ้านของเรา คือสถานที่สำหรับสร้าง ต่อสู้ และกิน” กล่าวโดย Ornn ช่างตีเหล็กในตำนาน ดินแดนนี้เป็นพื้นที่หนาวเหน็บ ทุรกันดาร ธรรมชาติอันโหดร้ายจะลงโทษผู้อ่อนแอ และหล่อหลอมให้ผู้รอดชีวิตเป็นเหล่านักรบที่ฟันฝ่าได้ทุกอุปสรรค
เฟรย์ลยอร์ดตั้งอยู่ทางเหนือของทวีปวาโลแรน มีลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งน้ำแข็งรกร้างว่างเปล่า ในฤดูหนาวจะมีพายุหิมะที่รุนแรงตลอดเวลา เฟรย์ลยอร์ดเป็นที่อยู่อาศัยของหลายชนเผ่าที่คนนอกอาจจะมองว่าเป็นคนเถื่อนไร้อารยธรรม แต่ความจริงแล้วชนเผ่าเหล่านี้ได้ดำรงชีวิตสืบทอดตามประเพณีต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยมีกลุ่มหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ Avarosan เผ่าที่ต้องการรวมดินแดนเฟรย์ลยอร์ดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นำโดย Ashe ศรธนูน้ำแข็ง, Winter’s Claw เผ่านักสู้ที่โหดเหี้ยม นำโดย Sejuani ความพิโรธแห่งแดนเหนือ และ Frostguard ลัทธิโบราณที่ต้องการจะยึดอำนาจในดินแดนคืน นำโดย Lissandra แม่มดน้ำแข็ง ซึ่งว่ากันว่าธารน้ำแข็งในเฟรย์ลยอร์ดนั้นบริสุทธิ์มาก Gragas นักปรุงเหล้ามือฉมังได้ใช้แหล่งน้ำนี้หมักเหล้าที่ดีที่สุดในดินแดนรูนเทอร์รา
เหล่าผู้คนในเฟรย์ลยอร์ดทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในดินแดนน้ำแข็งนี้ มีเหล่านักล่าสัตว์ที่เชี่ยวชาญ จนกระทั่งคนเถื่อนที่ปล้นสะดมเป็นเรื่องปกติ มี Iceborn นักรบที่เกิดมาพร้อมพลังเวทมนตร์ที่เชื่อมโยงกับแดนน้ำแข็ง เป็นเหมือนศูนย์รวมใจของเหล่านักรบในดินแดนนี้ และพื้นที่เฟรย์ลยอร์ดเป็นพื้นที่เดียวในดินแดนรูนเทอร์ราที่มี True Ice น้ำแข็งนิรันดร์ที่มีคุณสมบัติเวทมนตร์ที่ไม่สามารถละลายได้ ซึ่งถูกนำมาสร้างอาวุธและอุปกรณ์เวทมนตร์ให้กับเหล่านักรบระดับสูง
ตั้งแต่อดีต เฟรย์ลยอร์ดเป็นดินแดนที่เกิดความขัดแย้งอยู่ตลอดจากปัญหาทรัพยากรที่ขาดแคลน ในปัจจุบัน Ashe ที่พยายามจะรวมเหล่าคนเถื่อนเข้าไว้ด้วยกันก็ยังมีอีกหลายอุปสรรคที่พร้อมถาโถมเข้ามาได้เสมอในดินแดนที่โหดร้ายนี้
Ionia เมืองแห่งธรรมชาติและเวทมนตร์
ไอโอเนียถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘ปฐมแดน’ เป็นดินแดนเก่าแก่ตั้งแต่ยุคโบราณ มีเวทมนตร์แทรกซึมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ผู้คนและธรรมชาติต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน แสวงหาความสงบสุขและจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ
ไอโอเนียเป็นทวีปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปวาโลแรน เวทมนตร์เป็นเหมือนสิ่งปกติของดินแดนนี้ เส้นแบ่งระหว่างโลกวิญญาณและโลกกายภาพเลือนรางมากในเขตป่าหรือภูเขาลึก ทำให้ในไอโอเนียเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเป็นปกติ ผู้คนต้องคอยปรับตัวให้อยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติที่ไม่แน่นอนได้
ชาวไอโอเนียฝึกตนเพื่อแสวงหาความสงบทางจิตวิญญาณ ทุกชีวิตล้วนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มีอารามมากมายสำหรับฝึกวิชาทั้งการต่อสู้ เวทมนตร์ หรือปรัชญาจากวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นคือนักดาบขวัญใจผู้เล่น League of Legends อย่าง Yasuo ตัวละครที่ใครๆ ก็ยกนิ้วให้
ชาวไอโอเนียจะฝึกวิชาเหล่านี้เพื่อยกระดับวิญญาณของตนขึ้น ซึ่งน่าแปลกที่แม้ว่าชาวไอโอเนียหลายคนจะเป็นนักเวทระดับสู้หรือผู้ฝึกวิชาต่อสู้ ดินแดนแห่งนี้ก็ไม่เคยมีกองทัพที่พร้อมรบได้เลย ทุกคนอยู่อย่างสงบ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ทำให้ชาวไอโอเนียมีอายุยืนยาวกว่าชาวรูนเทอร์ราทั่วไป
หลังจากการรุกรานของจักรวรรดิน็อกซัส สงครามสร้างความเสียหายให้ไอโอเนียเป็นอย่างมาก ทำให้ Xan Irelia ผู้ฝึกวิชาดาบร่ายรำ ได้ลุกขึ้นนำชาวไอโอเนียต่อต้านกองทัพของน็อกซัส สงครามครั้งนี้ส่งผลให้ในปัจจุบันเริ่มเกิดความขัดแย้งจากทั้งภายในและภายนอกดินแดนไอโอเนียมากขึ้น ความสงบสุขในดินแดนนี้กำลังจะค่อยๆ หายไป
Bandle City เมืองลับแลเหนือกาลเวลา
ยูโทเปียสุดอัศจรรย์ ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของเหล่ายอร์เดิล เผ่าตัวจิ๋วน่ารักที่หลายคนต่างเอ็นดู เห็นได้จากศาสตราจารย์ Heimerdinger ในแอนิเมชัน Arcane
เมืองแบนเดิลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งการเดินทางมาเมืองนี้ต้องผ่านประตูเวทมนตร์เท่านั้น และมีมนุษย์น้อยคนนักที่จะได้มายังโลกแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่ยอร์เดิลจะถูกยกระดับการรับรู้เมื่อเข้ามาในเมืองแบนเดิล โดยจะเห็นสีสันสดใสฉูดฉาด รสของอาหารและเครื่องดื่มจะติดปลายลิ้นไปอีกหลายปี เห็นแสงอาทิตย์สีทองส่องสว่างทั่วเมือง มีอาหารอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เป็นภาพของดินแดนในอุดมคติของหลายคน
ชาวยอร์เดิลมีลักษณะนิสัยขี้เล่น เป็นมิตร และปรับตัวให้เข้ากับเผ่าอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อสนใจสิ่งใดจะคลั่งไคล้สิ่งนั้นอย่างมาก ยกตัวอย่าง ศาสตราจารย์ Heimerdinger ที่อินวิทยาศาสตร์สุดๆ จนเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดอันดับต้นๆ ในดินแดนรูนเทอร์รา โดยชาวยอร์เดิลจะถูกเชื่อมกันด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน มากไปกว่านั้น ยอร์เดิลยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุยืนยาวมาก จนไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ เหล่ายอร์เดิลตัวจิ๋วมีอายุเท่าไหร่กันแน่ ว่ากันว่าถ้าชาวยอร์เดิลเสียชีวิตจะถูกส่งกลับมาเกิดใหม่ในเมืองแบนเดิล
สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เมืองแบนเดิลเป็นเหมือนสถานที่ที่อยู่เหนือความเข้าใจของกาลเวลา ผู้คนที่มีโอกาสเข้าไปในเมืองแบนเดิลมักจะมีอายุที่มากขึ้น หรืออาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย แล้วถ้าใครอยากลองมาเมืองแบนเดิลก็ระวังเหยียบเห็ดแปลกๆ สีม่วงด้วยล่ะ!
Source :
Riot Games | universe.leagueoflegends.com/th_TH/regions