“ทุกอย่างของผม เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว”
เชื่อว่าทุกคนเคยมีความคิดอยากทำในสิ่งที่เราชอบ อย่างการเปิดร้านในฝันของตัวเอง แต่ในโลกความเป็นจริง ก็ต้องยอมรับว่า มันก็ไม่ง่ายที่จะก้าวผ่านอุปสรรคหลายๆ อย่าง ที่ต้องเจอกับความกังวลของคนใกล้ชิด และการเริ่มต้นใหม่ที่มาจากศูนย์ ซึ่งทำให้หลายคนอาจจะถอดใจ และดับฝันลงในที่สุด
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ ‘พี่เน็ท วาทิต ตั้งใจ’ เจ้าของคาเฟ่ 382 Space ผันตัวจาก การเป็นเด็กสายวิทยาศาสตร์ และศิลปินดีกรีปริญญาโท มาเปิดร้านกาเเฟเป็นอาชีพหลักที่บ้านเกิด จังหวัดโคราช หลังจากที่ค้นพบว่าสิ่งที่เรียนมาตั้งเเต่ต้น มันไม่ใช่แนวทางของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
| ชีวิตที่คิดว่าใช่แต่ก็ ‘ไม่เเน่นอน’
ก่อนจะเป็นคาเฟ่ 382 Space พี่เน็ทเล่าให้ฟังว่า ชีวิตของตนเองผ่านการลองผิดลองถูก มากมาย จากเด็กเรียนคณะอุตสาหกรรมเกษตร เกี่ยวกับการใช้จุลินทรีย์ในอุตสาห กรรมอาหาร เพราะตอนนั้นชอบชีววิทยา แต่พอได้เข้าไปเรียนจริงๆ ก็ค้นพบว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเท่าไหร่ และยิ่งได้ลองไปทำงานตามสายที่เรียนจริงๆ ก็ยิ่งตอกย้ำว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบเเน่นอน
จุดเปลี่ยนของพี่เน็ทคือตอนตัดสินใจไปเรียนที่อังกฤษ เลือกคอร์สเรียนออกแบบภายใน เพราะเป็นสิ่งที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก เเต่ปรากฎว่าก็ยังไม่ใช่อยู่ดี จนกระทั่งไปเจอวิจิตรศิลป์ ซึ่งมีความอิสระในการคิดมากกว่าการออกแบบภายใน และเป็นสิ่งที่ชอบจึงเรียนต่อปริญญาโทจนจบใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี
“ไหนๆ ชีวิตเราก็เปลี่ยนไปแล้ว
ผมเลยรู้สึกว่าต้องไปให้สุด”
แต่ระหว่างเรียนนั้นเขาก็มีคำถามในใจอยู่เสมอว่า ถ้ากลับไทยจะเลี้ยงชีพด้วยศิลปินได้ไหม ? ซึ่งลองหาคำตอบดูเเล้วน่าจะเป็นไปได้ยาก เขาจึงวางแผนสำรองเตรียมหางานให้ตัวเองเมื่อต้องกลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งคือการเปิดร้านกาเเฟ เพราะมันเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เขาไปอยู่บ่อยๆ แล้วรู้สึกตกหลุมรักกับรรยากาศในร้านกาเเฟ ที่คนมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ เเละฟังเพลงชวนผ่อนคลาย
เมื่อตัดสินใจแน่วเเน่เเล้วว่า จะกลับไปทำร้านกาเเฟที่บ้านเกิดในโคราช ระหว่างเรียนอยู่ที่อังกฤษ พี่เน็ทก็เตรียมตัวหาความรู้ในการเปิดร้านกาเเฟ ทั้งอ่านหนังสือเอง เปิด Youtube และซื้อเครื่องชงกาเเฟแบบทำที่บ้านมาฝึกใช้ นอกจากนี้เขายังสมัครงานในร้านกาเเฟเล็กๆ เพื่อที่จะลองทำงานทุกตำเเหน่ง จนกระทั่งเมื่อถึงเวลากลับไทย
ก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านอย่างที่ตั้งใจไว้
| เริ่มต้นใหม่กับ ‘ร้านกาเเฟ’ ที่บ้านเกิด
ร้านกาเเฟก็เหมือนเป็นงานศิลปะชิ้นเอกของพี่เน็ท ขณะเรียนศิลปะเขาทำงานเกี่ยวกับ Installation Art ที่ต้องใส่ความตั้งใจเพื่อถ่ายทอดออกมา ให้คนที่ได้ชื่นชมผลงานสัมผัสได้ ซึ่งการทำร้านกาเเฟก็เช่นกัน ต้องศึกษาข้อมูลและออกแบบทุกอย่างตั้งเเต่ บรรยากาศของร้าน การก่อสร้าง การตกแต่งภายในไปจนถึงของที่ขายในร้าน โดยมาจากความชอบของเขาและลงมือทำเป็นรูปเป็นร่าง
“เปิดประตูเข้ามา จะเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง
เเว๊บเเรกที่คนเข้ามาแล้วเซอร์ไพร์ส
ผมชอบความรู้สึกตรงนี้มาก
บรรยากาศเหมือนเขาใหญ่ เเต่อยู่ในเมือง”
เข้ามาร้านกาเเฟของพี่เน็ทจะต้องสะดุดตา ด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่เขาบรรจงปลูกเองทุกต้น “เพราะมันมีพื้นที่ให้จัดสวน เราก็เริ่มซื้อต้นไม้แต่งเติมไปเรื่อยๆ พอเริ่มมีหลายสายพันธุ์ เราก็เริ่มหาต้นแปลกๆ มาเลี้ยง เราก็เริ่มชอบ มันกลายเป็นงานศิลปะที่มีวัตถุดิบหลากหลาย ที่เห็นถึงการเจริญเติบโตได้และเปลี่ยนเเปลงไปตามวันเวลา”
“ในพื้นที่บ้านก็แบ่งเป็น 2 ชั้น ข้างล่างเป็นร้าน ข้างบนเป็นบ้าน เราเป็นคนออกแบบเอง สร้างเอง กับช่าง 2 คนช่วยกัน บ้านหลังใหญ่สร้างกัน 4 คน งานโครงสร้างใช้เวลา 8 เดือน ส่วนงานต่อประปา ติดสุขภัณฑ์ ติดกระเบื้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งหลังๆ เราทำเองหมด ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เติม เราไม่มีแบบแผนกำหนดเปิดร้าน เราทำจนกว่าจะพอใจใช้เวลารวมทั้งหมดเป็นปี”
| คาเฟ่ที่เสิร์ฟด้วย ‘ความชอบ’ ของครอบครัว
ถึงเวลาเปิดคาเฟ่ 382 Space อย่างเป็นทางการ เขาตั้งใจให้บรรยากาศในร้านเป็นเหมือนบ้านที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นของครอบครัว แม้กระทั่งเรื่องเครื่องดื่มและขนมก็มาจากความชอบของคนในบ้านทั้งนั้น อย่างเรื่องกาเเฟที่อาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็เป็นรสชาติโปรดที่คุณพ่อและเขาชอบดื่ม รวมทั้งเบเกอรีจากฝีมือคุณเเม่ที่ชอบทำขนมเป็นชีวิตจิตใจจนกลายเป็นงานอดิเรก
“ต้นไม้รอบบ้านยิ่งมันเติบโต ก็ยิ่งท้าทายที่เราได้เอาต้นนู้นต้นนี้มาจัด พอไปเรื่อยๆ มันก็อิน ก็ศึกษา ก็เริ่มมีกลุ่มคนที่ชอบเหมือนกัน และเคยมีวันที่หมดเงินไปกับต้นไม้ จึงเริ่มเห็นว่าต้นไม้มันก็เจริญเติบโตนะ สามารถเเยกขยายได้ ก็เลยเกิดเป็นไอเดียของการที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้สิ่งที่ลงเงินไป มันสามารถที่จะเลี้ยงตัวมันเองได้ ก็เลยออกมาเป็น Garden Yard Sale อีเวนต์ของคาเฟ่ 382 Space”
“ผมเชื่อว่าทุกคนมีงานอดิเรกในใจลึกๆ ก็อยากแชร์ให้กับคนอื่น ซึ่งรายได้จากการขายไม่สำคัญเท่าคนมองเห็นความสำคัญในสิ่งที่เราทำ”
“Garden Yard Sale ตอนเเรกขายเเต่ต้นไม้ ซึ่งผมอยากทำร้านต้นไม้มานานเเล้ว รวมทั้งเห็นว่าน้าผมเขาทำงานคราฟท์ งานปักเสื้อผ้าเป็นลวดลายดอกไม้ ผมก็เลยชวนน้ามาร่วม สักพักพ่อผมก็ชอบทำงานไม้ ปกติก็จะทำโต๊ะ เก้าอี้ใช้เองที่บ้าน หลังจากทำร้านยังมีเศษไม้เหลืออยู่ก็นำมาแปรรูปเป็นเครื่องครัวเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น ช้อน ส้อม ตะหลิวและทัพพี ผมก็เลยเอารวมเป็นตลาด งานก็เลยเหมือนรวมคนที่อยู่ในบ้านมาจัดกันเล็กๆ
การเอาสิ่งที่ทุกคนชอบมาขาย เขาได้ทำในสิ่งที่รัก ได้เอามาเเชร์กับคนอื่นได้เห็น แล้วมีคนชื่นชอบ มีความสุข ผมมองว่ามันเป็นรางวัลสำหรับงานอดิเรกที่เราทำ”
| ‘ความตั้งใจ’ จะเป็นเครื่องพิสูจน์
เราถามต่อเกี่ยวกับการเปิดร้านกาเเฟในสายตาของคนรอบข้าง เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำหรือไม่ ?
“ปัญหาหลักๆ ในช่วงเเรกคุณพ่อคุณเเม่ผมเป็นข้าราชการ โตมาด้วยกันแบบเป็นครูมัธยมมาตลอดชีวิต เขาไม่มีภาพในหัวของการทำธุรกิจเท่าไหร่นัก การที่ลูกจะค้าขาย เขาก็จะรู้สึกว่ามันไม่มั่นคงเหมือนกับการเป็นราชการ เเล้วผมไปเรียนจบโทมา ซึ่งผมน่าจะไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ สุดท้ายผมเลือกที่จะเอาเงินทั้งหมดมาสร้างร้าน กาเเฟในหลืบซอย ซึ่งผู้ใหญ่เขาก็เป็นห่วงล่ะ เพราะมองไม่เห็นภาพว่าจะไปต่ออย่างไร”
“สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเราว่า
เราซีเรียสกับมันมากน้อยขนาดไหน
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของเวลาเเละผลลัพธ์ที่มันออกมา”
“อย่างช่วงเเรกๆ ผมก็พยายามพาพ่อแม่ไปร้านกาเเฟ ก็ทำให้เขาเห็นว่าหน้าตาประมาณนี้นะ ลูกค้าแบบนี้ มันก็จะช่วยผ่อนคลายความสงสัยไปได้หน่อยหนึ่ง สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่า เราซีเรียสกับมันมากน้อยขนาดไหน ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำงานอื่นเลย เป็นช่างแบกหามผสมปูนตอกไม้อยู่ปีกว่า เขาก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันนานไปไหม แต่เราก็จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ทำต่อไปเรื่อยๆ จนเขาคงรู้สึกว่าก็รอดูล่ะกัน
“แต่พอร้านเปิดมันก็ตอบคำถามพ่อเเม่ของผมเอง
การที่ร้านมีคนมาเเล้วมันไปได้ด้วยตัวเอง
มันก็ทำให้เขาเลิกกังวล
เออมันก็อยู่ได้ หาเงินเลี้ยงชีพได้นะ”
“แล้วตอนเปิดคาเฟ่ช่วงเเรก ภาพร้านกาเเฟในหัวผม มันเป็นแบบที่เกิดขึ้นในอังกฤษทั้งหมดเลย เพราะคนที่นู้นกินกาเเฟในบรรยากาศเงียบๆ ให้คนได้มาอยู่กับตัวเองหรือค้นพบอะไรบางอย่าง ซึ่งวิถีชีวิตแตกต่างมากในบ้านเรา ที่เน้นกินบรรยากาศ บางคนมาเพื่อถ่ายรูปอย่างเดียวก็มี เอาเข้าจริงๆ ก็เเอบเฟลนิดๆ และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเเละยอมรับในสิ่งที่เป็น แต่ยังพัฒนาอยู่ตลอด และเก็บคาเเรกเตอร์ของร้านเอาไว้ด้วย”
| ปัจจุบันเเละอนาคตของ ‘382 Space’
“ทุกวันนี้ผมมีความสุขที่ได้เห็นมันเติบโตด้วยตัวของมันเอง มันมีการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นสวนโดยรอบแล้วก็ผู้คนที่มา ตอนเเรกเขาจะมาดูก่อน เเต่พอเขาได้มาเห็นไลฟ์สไตล์ร้านเราแล้ว คนก็เริ่มเข้าใจมัน ร้านมันโตขึ้นพร้อมๆ กับลูกค้าและต้นไม้ด้วย ผมรู้สึกดี”
“และผมก็มีความฝันอยากให้ร้านเหมือนเป็นสวนพฤกษศาสตร์ เหมือนบรรยากาศสวนสาธารณะที่เมืองนอก คนไปพักผ่อนเห็นต้นไม้แล้วสบายใจ มีคาเฟ่เล็กๆ ได้นั่งเป็นที่นัดพบกัน ด้วยความที่เราชอบต้นไม้มาก แล้วเราเลือกพันธุ์ไม้แปลกๆ ให้คนได้เห็น ซึ่งที่โคราชมันไม่ค่อยมี เลยรู้สึกว่าวันหนึ่งถ้ามีคอลเลกชันพันธุ์ไม้ที่ดี มันก็ไม่ใช่แค่ร้าน กาเเฟแล้ว แต่เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่มีร้านกาเเฟ มันเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกดีมากถ้าไปถึงจุดนั้น”
| กำลังใจถึง ‘คนตามความฝัน’
“ถ้าให้แนะนำสำหรับคนที่อยากทำในสิ่งที่ชอบ ให้ลองชั่งใจดู มันเป็นสิ่งที่ยาก อย่างงานประจำเราอาจจะไม่ได้ชอบมันมากขนาดนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ทำเงินได้เหมือนกัน
ซึ่งอย่างเเรกต้องดูเรื่องเงินก่อน มันต้องใช้เงินในการสานฝัน เพราะฉะนั้นเราอาจจะวางเเผนเงินไว้ประมาณเท่านี้ ระหว่างที่เราเก็บเงินก็ต้องศึกษาข้อมูลด้วย
อย่างผมทำร้านกาเเฟไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากทำก็ทำเลย ผมเก็บเงินกับเเฟนได้ก้อนหนึ่ง ตอนสร้างร้านใช้เงินหมดไม่เหลือเลย เเต่ใช้ครบทุกบาททุกสตางค์นะ และเราไม่ได้เริ่มต้นความรู้เท่ากับ 0 ในวันที่เปิดร้าน ผมเตรียมพร้อมมา 80% แล้ว”
“ถ้าเรารู้สึกมั่นใจว่าเราชอบมันจริงๆ
ก็ลองดู อย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลง
ผมชินกับการเปลี่ยนแปลงมาหลายรอบมาก
จากเด็กเทคโนโลยีชีวภาพมาเป็นคนทำร้านกาเเฟ
ผมได้ลองมาหมดแล้ว หากผมทำงานอยู่ก็ไม่มีความสุข
ทุกอาชีพมันมีทางของมัน ถ้าเราตั้งใจกับมันจริงๆ”