ไทยมีเด็กเกิดต่ำสุดใน 50 ปี หลังรัฐประหาร 2557 - Urban Creature

สมัยนี้หากคุณมีครอบครัวจะอยากมีลูกไหม?

หากคุณตอบว่า ‘ไม่’ เป็นคำตอบที่ไม่แปลกเลยสำหรับยุคนี้ ไม่ใช่แค่คนไทยแต่รวมถึงทั่วโลกต่างมีอัตราการเกิดลดลง เพราะคนไม่อยากมีลูกและอยู่เป็นโสดมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยคือ ที่ผ่านมาปี 2564 ทำลายสถิติอัตราการเกิดต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 50 ปี หนักถึงขั้นมีจำนวนคนตายมากกว่าคนเกิดเสียอีก

สังเกตได้จากข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลที่เผยว่า อัตราการเกิดปี 2564 มีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 540,000 คน น้อยลงจากที่เคยเกิดเมื่อ 50 ปีที่แล้วประมาณ 1,200,000 คน และเป็นปีแรกที่จำนวนเด็กเกิดน้อยกว่าจำนวนคนตาย (ประมาณ 560,000 คน) จากข้อมูลคนเกิดน้อยลง มองเผินๆ อาจมองเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต่างประสบปัญหาเช่นเดียวกัน หากคิดอีกมุมหนึ่ง ก็น่าตั้งคำถามไม่น้อยว่า ทำไมอัตราการเกิดในไทยถึงได้มีจำนวนดิ่งลงจนติดลบขนาดนี้

อัตราการเกิด ประเทศไทย รัฐประหาร

เศรษฐกิจไม่ดี ดูแลตัวเองให้ดีก่อน

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่คนไม่อยากมีลูกทุกวันนี้ ส่วนใหญ่มาจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็ก ครอบครัว และเลี้ยงดูตนเองที่ไม่เพียงพอ อ้างอิงจากรายงานของสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจซบเซา ค่าครองชีพสูง และค่าตอบแทนต่ำ หากต้องส่งลูกเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลถึงระดับปริญญาโทควรต้องมีเงินอย่างน้อย 1.3 ล้านบาท และระดับปานกลางประมาณ 6.5 ล้านบาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายทั่วไป)

ปัจจัยค่าจ้างแรงงาน เป็นอีกสิ่งสำคัญที่คนจะตัดสินใจในการมีลูก ซึ่งสภาพเศรษฐกิจบ้านเรามีค่าจ้างแรงงานต่ำ ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบันที่พุ่งทะยานสูงขึ้น ทั้งค่าอาหาร การเดินทาง และภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงทำให้หลายคน โดยเฉพาะวัยมิลเลนเนียล (คนที่เกิดปี 2523 – 2546) มองว่า ด้วยคุณภาพชีวิตที่ลำบากสมัยนี้ ควรเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนที่จะมีลูกดีกว่า

เด็กเกิดขาลง เริ่มต้นสมัยรัฐประหาร

ว่าด้วยเรื่องรายได้เป็นตัวแปรสำคัญในการมีลูก สิ่งที่น่าสนใจคือ เศรษฐกิจที่ซบเซามาเนิ่นนานทำให้พวกเขาไม่พร้อมที่จะแบกความเสี่ยงมีใครสักคน เมื่อย้อนดูสถิติจำนวนการเกิดตั้งแต่ปี 2549 – 2564 จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยพบว่า ตัวเลขในปี 2549 – 2555 เริ่มมีอัตราการเกิดขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในช่วงประมาณ 766,000 – 818,000 คน การปกครองสมัยนั้นเป็นช่วงวิกฤตทางการเมือง การชุมนุมครั้งใหญ่ และเกิดรัฐประหารเข้ามายึดอำนาจระยะสั้นในปี 2549 ของ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผลกระทบจากการเมืองทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจตกต่ำ รวมถึงเกิดความไม่มั่นคงในการลงทุนและการทำธุรกิจต่างๆ ตามมา

หลังจากปี 2556 ตัวเลขอัตราการเกิดเริ่มดิ่งลงจาก 782,000 คน จนไปถึง 544,000 คน ในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจรัฐบาลในปี 2557 เกือบ 5 ปี และจัดการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2562 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมด 8 ปี

จากการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์กล่าวว่า ก่อนเกิดรัฐประหารปี 2555 ไทยมีอัตราการเติบโต GDP หรือรายได้ที่เกิดจากในประเทศอยู่ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ และปี 2556 อยู่ที่ 2.9 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างจากช่วงหลังเกิดรัฐประหาร ปี 2563 มีค่า GDP เท่ากับ -6.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลกระทบตั้งแต่ปี 2557 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ การค้าขาย และการลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ด้วยเศรษฐกิจถดถอยหนัก รายได้ถึงมือน้อยมากกว่าเคย จึงไม่แปลกใจที่คนจะรู้สึกว่าการมีลูกเป็นภาระในยุคนี้

สนับสนุนการมีลูก ต้องลดค่าใช้จ่าย

ในหลายประเทศเอง ต่างก็เผชิญกับประเด็นอัตราการเกิดต่ำเหมือนบ้านเรา แถมยังมองว่าเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะพวกเขาคือแรงงานสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป รัฐบาลในหลายประเทศสนับสนุนนโยบายต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระสุดหนักอกของผู้เป็นแม่

เช่น เกาหลีใต้ให้เงิน 8,000 บาทต่อเดือนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี รวมถึงให้เงินเตรียมคลอด 54,000 บาท และพ่อแม่มีสิทธิ์ลางานดูแลลูกได้ 3 เดือน ประเทศสิงคโปร์ผลักดันให้คนมีลูกจำนวนมากจึงจูงใจการให้โบนัสแบบขั้นบันได เช่น หากพ่อแม่มีลูกคนแรกจะได้รับเงินประมาณ 200,000 บาท และคนที่ 2 จะได้เงินประมาณ 250,000 บาท

สำหรับประเทศไทยเองก็มีนโยบายที่สนับสนุนการมีลูก เช่น กรมกิจการเด็กและเยาวชนให้เงินเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อย รายละ 600 บาทต่อเดือนจนอายุครบ 6 ปี หรือสำนักงานประกันสังคมให้เงินเลี้ยงดูเด็ก 800 บาทต่อคน โดยรับได้ไม่เกิน 3 คนจนเด็กอายุครบ 6 ปีเช่นเดียวกัน หากเปรียบเทียบเงินอุดหนุนกับค่าครองชีพและเงินเดือนคนไทย ก็นับว่าไม่เพียงพอในการใช้ชีวิตระยะยาวและเข้าเนื้อพอสมควร

ดังนั้น รัฐบาลควรออกมาตรการที่ตอบโจทย์ปัญหาของคนไทย อย่างเรื่องการลดภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเด็กมากกว่าเดิม ทุนสนับสนุนการเตรียมพร้อมสำหรับคุณแม่ รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมรอบข้างให้มีคุณภาพ เช่น การเข้าถึงการศึกษา อุปกรณ์การเรียน และสาธารณสุขที่ดี เพื่อจูงใจให้คนไทยอยากมีบุตรและรู้สึกอุ่นใจที่เห็นลูกของตนเองใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันอัตราการเกิดไทยเติบโตต่ำสุดในประวัติศาสตร์ สวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มสูง ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและขาดแรงงานการผลิตในระยะยาว รวมถึงสร้างความลำบากให้แก่คนรุ่นหลังต้องทำงานหนักเพิ่มเป็นทวีคูณ และอาจส่งผลให้พวกเขาไม่อยากมีลูกต่อไปในวันข้างหน้าเพียงเพราะผู้ใหญ่จัดการและบริหารไม่ตรงจุด ซึ่งความเป็นจริงแล้วคนไทยอาจไม่ได้ไม่อยากมีลูก แต่เพราะคุณภาพชีวิตที่มีข้อจำกัด ทั้งรายได้ เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม ที่ยิ่งตอกย้ำกับตนเองว่า ควรเลี้ยงตัวเองให้รอดจะดีกว่าในยุคนี้

Sources :
PPTV HD 36 | shorturl.asia/nA0Ke
Thai Appraisal | shorturl.asia/E5Vm2
The Standard | shorturl.asia/gkG7w, shorturl.asia/xZmcV
Wikipedia | shorturl.asia/Y08DP
กรุงเทพธุรกิจ | shorturl.asia/P5NKU
ไทยรัฐ | shorturl.asia/n7VB8
ประชาไท | shorturl.asia/lmMuR
ลงทุนแมน | shorturl.asia/cXDRw
สำนักข่าวอิศรา | shorturl.asia/iOsr4, shorturl.asia/uMLeJ

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.