‘Perfection’ สำรวจความไม่สมบูรณ์แบบและแปลกแยก เมื่อชีวิตชาว Digital Nomad ไม่ได้สวยงามอย่างภาพในอุดมคติ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราสังเกตเห็นว่ามีชาวต่างชาตินั่งทำงานในคาเฟ่หรือ Co-working Space โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเทรนด์ Digital Nomad ที่คนหันมาทำงานออนไลน์จากประเทศที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดมากขึ้น โดยพวกเขามักเลือกเดินทางไปยังประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำเมื่อเทียบกับรายได้ มีสาธารณูปโภคที่ดี และสัญญาณอินเทอร์เน็ตรวดเร็ว เพื่อจะได้มีอิสระในการท่องเที่ยว และใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการได้ คนกลุ่มนี้แตกต่างจากคนที่ย้ายประเทศไปเรียนต่อหรือทำงานประจำ เพราะพวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักคนท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ ทำให้หลายๆ ครั้งพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงวัฒนธรรมของประเทศที่ไปอาศัยอยู่ จนเกิดเป็นความรู้สึกแปลกแยก ไม่เป็นส่วนหนึ่งกับพื้นที่ ฟังดูเป็นประเด็นที่ไม่ได้ไกลตัวมากสักเท่าไหร่ แต่เรากลับไม่เคยคำนึงถึง จนได้อ่านหนังสือเรื่อง ‘Perfection’ โดย Vincenzo Latronico นวนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษของนักเขียนชาวอิตาเลียนคนนี้ และได้รับคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัล The International Booker Prize 2025 แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่ประเด็นหลักของ Perfection แต่เราคิดว่านี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจและร่วมสมัยมากทีเดียว โดยเฉพาะการสำรวจแง่มุมความรู้สึกไม่มั่นคงของการไม่มีที่ตั้งหลักปักฐานที่แน่นอน และความรู้สึกแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ของคนกลุ่ม Digital Nomad ซึ่งยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก Perfection เล่าถึงแอนนาและทอม คู่รักนักออกแบบวัยหนุ่มสาวที่ย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตในฝันที่กรุงเบอร์ลิน อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ทั้งเฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก ต้นไม้ประดับราคาแพง และคอลเลกชันแผ่นเสียงหายาก มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่น ได้ทำงานที่ใช้ความสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างไปกับการทำอาหาร ร่วมงานเปิดตัวแกลเลอรีศิลปะร่วมสมัย และปาร์ตี้มากมายที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ‘The […]

ชวนไปใช้ Biblio Reading Corner มุมอ่านหนังสือใหม่ใจกลางสามย่าน ที่อยากชวนคนมาพักผ่อนหย่อนใจไปกับหนังสือดีๆ ในราคา 59 บาท

ใครชอบอ่านหนังสือยกมือขึ้น! Urban Creature ขอชวนนักอ่านออกจากบ้านมาเปลี่ยนบรรยากาศที่ ‘Biblio Reading Corner’ มุมอ่านหนังสือใหม่ใจกลางเมืองในโครงการ Slowcombo สามย่าน ที่อยากชวนทุกคนมาพักนั่งอ่านหนังสือชิลๆ ด้วยกัน ที่นี่คัดสรรหนังสือทั้งจากสำนักพิมพ์ Biblio และคอลเลกชันของ Slowcombo ทั้ง Fiction และ Non-fiction ไปจนถึงหนังสือศิลปะและดีไซน์ มาให้ทุกคนยืมอ่านในราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาทต่อวัน หรืออ่านเพลินพร้อมจิบเครื่องดื่มรสชาติดีในราคา 99 บาท และสำหรับใครที่ซื้อของใน Slowcombo 300 บาทขึ้นไป เข้าใช้บริการได้ฟรี (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ) นอกจากมุมหนังสือที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่การอ่านในเมืองแล้ว Slowcombo เองยังเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมร้านต่างๆ ที่คอนเซปต์ Mindfulness และ Sustainable Lifestyle ไม่ว่าจะเป็นร้านจัดดอกไม้ ร้านอาหารมังสวิรัติ ร้านรวง Eco Friendly สตูดิโอพิลาทิส เป็นต้น การมีมุมหนังสือที่เป็นกิจกรรมทำสมาธิเพิ่มขึ้นมาจึงนับว่าเป็นการเติมให้ที่นี่สมบูรณ์ขึ้น พบกับ Biblio Reading Corner ที่ชั้น 1 […]

ไร้สัญชาติก็เข้าถึงทรัพยากรความรู้ได้ TK Park เปิด eMember ให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยอ่านหนังสือในระบบออนไลน์ได้ เพื่อขยายสิทธิให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มมากขึ้น

หนังสือทุกเล่มควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ เพื่อลดช่องว่างและผลักดันให้ผู้คนใกล้ชิดการอ่านมากขึ้น สถาบันอุทยานการเรียนรู้ TK Park ได้ประกาศนโยบายดีๆ เพื่อขยายการเข้าถึงบริการและยกระดับประสบการณ์ของสมาชิกขึ้นไปอีกขั้น นโยบายนี้มุ่งลดข้อจำกัดด้านสถานะบุคคล พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาอำนวยความสะดวกในการสมัครสมาชิก ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย สมัครสมาชิกออนไลน์แบบ eMember ได้ ถือเป็นการขยายสิทธิให้กับกลุ่มผู้ที่อาศัยหรือศึกษาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาอาจประสบข้อจำกัดในการสมัครสมาชิก เพื่อให้ทุกคนในสังคมเข้าถึงทรัพยากรความรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ TK Park ยังพัฒนาระบบการสมัครสมาชิกให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยขึ้น ด้วยการเปิดให้ประชาชนนำ ThaID มาใช้ยืนยันตัวตนแทนการกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนได้ เท่านี้ก็ช่วยลดขั้นตอนการสมัคร ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูล และสอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคดิจิทัล ทำให้การสมัครสมาชิกรายปีและออนไลน์สะดวกสบาย ผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย สมัครอ่านหนังสือออนไลน์ได้ที่ mytk.tkpark.or.th หรือบนแอปพลิเคชัน MyTK โดยอัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและแจ้งผลการอนุมัติผ่านทางอีเมลภายใน 3 วันทำการ จากนั้นผู้ใช้งานจะเข้าถึงสื่อดิจิทัล เช่น อีบุ๊ก หนังสือเสียง และสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ของ TK Park ได้ทันทีหลังอนุมัติ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัครสมาชิกออนไลน์ของ TK Park ได้บนเว็บไซต์ www.tkpark.or.th หรือติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook […]

Bangkok Outdoor Library โครงการห้องสมุดกลางแจ้งในกรุงเทพฯ ที่อยากใช้พื้นที่สาธารณะส่งเสริมการอ่าน

‘พื้นที่สาธารณะ’ กลายเป็นวาระสำคัญที่หลายเมืองทั่วโลกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นแนวทางพัฒนาเมือง เห็นได้จากการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของหลายๆ สถานที่ที่มีอยู่แล้วให้โอบรับคนทุกกลุ่ม และดึงดูดให้คนอยากออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่เรามองว่าน่าสนใจและอยากให้มีในกรุงเทพฯ คือ Outdoor Library หรือห้องสมุดกลางแจ้ง ที่ประเทศเกาหลีใต้หยิบมาปรับใช้กับพื้นที่สาธารณะในเมือง เช่น โซลพลาซา หรือริมคลองชองกเยชอน โดยเปิดพื้นที่ในช่วงหน้าร้อนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ให้คนมานั่งชิล อ่านหนังสือ โดยจะมีการจัดกิจกรรม การแสดง และแสดงดนตรีร่วมด้วย ด้วยเหตุนี้ คอลัมน์ Urban Sketch จึงลองมองหาสถานที่และพื้นที่ในเมืองที่มีศักยภาพในการจัดกิจกรรมแบบนี้มานำเสนอ เพราะแค่จัดเตรียมเสื่อ บีนแบ็ก เก้าอี้ กองหนังสือ เฟอร์นิเจอร์ที่ถอดประกอบกับเคลื่อนย้ายได้ และอาจจะเซตมุมแลกหนังสือให้ผู้คนมาแชร์หรือส่งต่อเล่มโปรดเพิ่มเติมก็เพียงพอแล้ว เพราะคงดีไม่น้อยเลยถ้าเมืองจะมีพื้นที่สาธารณะให้คนมาพบปะ ทำกิจกรรม รวมถึงเข้าถึงการอ่านและหนังสือได้มากขึ้น สกายวอล์กเปลี่ยนพื้นที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าให้เป็นมุมของนักอ่าน ปกติหน้าที่ของสกายวอล์กคือ การเป็นเส้นทางเชื่อมต่อ อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสถานีใหญ่ๆ ที่มีคนพลุกพล่าน เชื่อมกับเหล่าห้างสรรพสินค้า เช่น สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เป็นต้น ด้วยความที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีโครงสร้างที่คลุมแดดคลุมฝน เราจึงมองว่าบริเวณนี้มีศักยภาพในการปรับให้เป็นห้องสมุดกลางแจ้ง ยิ่งโดยเฉพาะตรงพื้นที่ทางเชื่อมที่มีประติมากรรมใบบัวของสถานีสนามกีฬาฯ และพื้นที่ทางเชื่อมตรงบริเวณห้างฯ เอ็มโพเรียมและเอ็มควอเทียร์ของสถานีพร้อมพงษ์ น่าจะจัดกิจกรรมได้แบบไม่กระทบการสัญจรมากนัก ซึ่งถ้าหากร่วมมือกับห้างฯ […]

ส่งหนังสือที่อ่านจบแล้วกลับขึ้นชั้นวางอีกครั้ง ‘Reshelf’ เว็บไซต์ซื้อขายหนังสือมือสอง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแบ่งปันเล่มโปรดให้เหล่านักอ่าน

มีหนังสือมือสองอยากส่งต่อ แต่ไม่รู้จะขายที่ไหน ลองเอาไปขายที่เว็บไซต์ ‘Reshelf’ ดูสิ Reshelf คือแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายหนังสือมือสองน้องใหม่ แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ได้รับผลตอบรับจากเหล่านักอ่านเป็นอย่างดี ด้วยฝีมือของ ‘จีน่า-จิระชญา เศวตวาณิชกุล’ และทีม จีน่าเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์ Reshelf มาจากการที่เธอพบว่าการขายหนังสือในกองดองเพื่อซื้อหนังสือใหม่เป็นเรื่องยาก และการซื้อหนังสือมือหนึ่งโดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ครั้นจะให้ซื้อหนังสือมือสองผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกไหม สุดท้ายจีน่าเลยออกแบบเว็บไซต์ตัวกลางในการซื้อขายหนังสือด้วยตัวเอง ผ่านการหยิบเอาเพนพอยต์ที่ตัวเองเจอ ผสมรวมกับความคิดเห็นและฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหล่าหนอนหนังสือที่รู้จักกันอยากให้มีภายในเว็บไซต์  เกิดเป็นเว็บไซต์หน้าตาสะอาดสะอ้านที่ให้เราสวมบทเป็นนักอ่านขุดคุ้ยกองดองของผู้อื่น พร้อมทั้งโละกองดองของตัวเองไปพร้อมๆ กัน แถมในหน้าเว็บยังกรองฟิลเตอร์ตามประเภทหนังสือและภาษาที่ต้องการ จากนั้นก็ซื้อขายระหว่างกันได้แล้ว ในช่วงแรกนี้ ตัวเว็บไซต์เปิดให้คนเข้ามาซื้อขายหนังสือกันได้ฟรีๆ แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรอัปเดตเกี่ยวกับเว็บไซต์ เธอจะมาสอบถามความเห็นของเหล่าหนอนหนังสือก่อนแน่นอน “เพราะ Reshelf เกิดขึ้นได้เพราะคอมมูนิตี้ ทุกอย่างที่ดีไซน์เกิดจากสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น” จีน่าบอกกับเรา นอกจากนี้ เธอมองว่าในอนาคต Reshelf อาจจะไม่ใช่แค่ชั้นวางสำหรับซื้อขายหนังสือมือสองเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่เธอและทีมอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ให้คนที่สนใจในหนังสือประเภทเดียวกันได้มาจอยน์คอมมูนิตี้กัน หรือแม้กระทั่ง Book Blind Date แบบออนไลน์เองก็ตาม ใครมีหนังสืออยากปล่อยหรือมองหาหนังสือมือสองเล่มไหนอยู่ ลองเข้าไปดู และหยิบน้องออกจากชั้นวางกลับบ้านได้ที่ www.reshelf.xyz 

SEA-CRET Evidence ร่องรอยปริศนา มัจฉาพิศวง ผู้ชนะรางวัล Book on board ปีที่ 4 ‘เปลี่ยนหนังสือ(ไทย)ที่ชอบ เป็นบอร์ดเกม(ไทย)ที่ใช่’ 

จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว สำหรับโครงการ Book on Board ที่จะเปลี่ยนเหล่าวรรณกรรมให้เป็นบอร์ดเกมแสนสนุกสำหรับทุกคน โดยในปีนี้เป็นธีม ‘เปลี่ยนหนังสือ(ไทย)ที่ชอบ เป็นบอร์ดเกม(ไทย)ที่ใช่’ ความพิเศษของปีนี้คือ การตั้งโจทย์ให้นักออกแบบนำผลงานของนักเขียนไทยที่เข้าร่วมโครงการมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บอร์ดเกม ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบบอร์ดเกมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงานวรรณกรรม และสนับสนุนให้นักเขียนไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ในปีนี้มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดมากถึง 70 ทีม ก่อนการคัดเลือกรอบสุดท้าย โครงการได้มีการตระเวนประชาสัมพันธ์และจัด Mini Workshop พัฒนาทักษะการตั้งต้นไอเดียในรูปแบบ Roadshow ทั่ว 4 ภูมิภาค ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต และกรุงเทพฯ จนได้ 12 ทีมสุดท้าย และผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้คือ ‘เกม SEA-CRET Evidence ร่องรอยปริศนา มัจฉาพิศวง’ โดยทีม Autocat Studio จากหนังสือ JOE the SEA-CRET Agent 01 / Plank ver. โดย สุทธิชาติ […]

‘ร้านชำศึกษา’ ธีสิสว่าด้วยการวิเคราะห์ร้านขายของชำ ที่อยากชวนให้คนมาสนับสนุนร้านค้าเหล่านี้มากขึ้น

หากพูดถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย ร้านขายของชำคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีและเป็นที่คุ้นเคยของใครหลายคน แต่หลายครั้งเราก็แค่แวะไปซื้อของหรือพูดคุยกับเจ้าของร้านนิดหน่อยก่อนจากไป ทั้งที่ความจริงแล้วร้านขายของชำยังมีแง่มุมอื่นๆ ให้สังเกตอีกมาก  Urban Creature อยากชวนไปทำความรู้จักกับเรื่องราวของร้านขายของชำที่เป็นมากกว่าแค่สถานที่ขายของผ่าน ‘ร้านชำศึกษา’ ธีสิสจากนิสิตสาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ‘นาย-ลลิตา นาคสุ่น’ เจ้าของผลงานบอกกับเราว่า ด้วยความที่บ้านเป็นร้านขายของชำ ทำให้คลุกคลีอยู่ในสถานที่นี้ตั้งแต่เกิด ได้เห็นทั้งความเปลี่ยนแปลง การปรับตัว และความน่าสนใจทั้งในแง่ของอาชีพและวิถีชีวิต จึงอยากหยิบเอาความเป็นร้านชำนี้มานำเสนอและส่งต่อเรื่องราวให้คนอื่นๆ ได้รู้ผ่านสิ่งพิมพ์เล่มนี้ จุดประสงค์หลักๆ คือ ลลิตาอยากเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันมาสนับสนุนร้านขายของชำ โดยเธอเลือกใช้วิธีการนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของร้านขายของชำ เพื่อให้ค่อยๆ เข้าถึงผู้อ่านแบบที่ไม่สุดโต่งจนเกินไป และสร้างความเข้าใจว่า ร้านขายของชำเป็นส่วนหนึ่งของความโลคอลที่มีความสำคัญและสร้างชีวิตชีวาให้เมือง ภายในหนังสือร้านชำศึกษาเล่มนี้ มีเนื้อหาที่ประกอบด้วยวิถีชีวิตของชาวร้านชำ การวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ในร้านชำ ความยากและการปรับตัวที่เจ้าของร้านชำต้องเจอ หรือแม้แต่บริบทของร้านขายของชำในรูปแบบต่างๆ โดยทั้งหมดถูกนำเสนอผ่านการวิเคราะห์ในหลักการตลาด 5 Ps (Place, Product, Promotion, Price และ People)  นอกจากข้อมูลเชิงวิเคราะห์แล้ว ร้านชำศึกษายังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะทำให้เราสนิทกับโลกของร้านชำมากขึ้น ยกตัวอย่าง แผ่นพับหน้า-หลังที่เล่าเรื่องลักษณะของพื้นที่ร้านซึ่งมีกิมมิกที่ขูดได้ โดยเจ้าของผลงานเสริมว่า ไอเดียสติกเกอร์ขูดนี้ชวนให้นึกถึงการ์ดชิงโชคสมัยก่อน จึงนำมาใช้บดบังองค์ประกอบบางส่วน แล้วให้คนที่มาดูงานมีส่วนร่วมด้วยการขูดเพื่อให้เห็นส่วนต่างๆ […]

‘La Libreria’ ห้องสมุดโปร่งแสงใน Venice Architecture Biennale ถอดออกประกอบ เคลื่อนย้ายได้ สร้างบรรยากาศให้ผู้คนอยากเข้ามาอ่านหนังสือ

ลืมภาพห้องสมุดทึบๆ ที่มีหน้าต่างให้แสงลอดผ่านแค่บางส่วนไปได้เลย เพราะ ‘La Libreria’ คือห้องสมุดที่จะสร้างภาพจำใหม่ เคลื่อนย้ายไปตั้งที่ไหนก็ได้ ขนาดกะทัดรัด แถมรูปแบบของผนังยังเป็นแบบโปร่งแสงใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบนอก La Libreria เป็นผลงานของสตูดิโอจากนิวยอร์ก ‘Diller Scofidio + Renfro’ และเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล ‘Venice Architecture Biennale’ ตั้งอยู่ใน ‘Giardini della Biennale’ สวนสาธารณะในเวนิส ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลศิลปะ Venice Biennale โครงสร้างห้องสมุดนี้ทำขึ้นจาก Structural Transparent Fluorinated Envelope (STFE) สิ่งทอทางสถาปัตยกรรมคุณภาพสูง ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับพื้นที่กว้างด้วยวัสดุที่น้อยที่สุด ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาและไม่ได้ยึดกับพื้นเอาไว้ แต่ด้วยน้ำหนักของหนังสือที่วางเรียงอยู่บนชั้นตลอดความยาว 24 เมตรของพื้นที่ ทำให้โครงสร้างแห่งนี้มีความมั่นคง รวมไปถึงตัวโครงสร้างเองยังถอดออกเพื่อประกอบขึ้นใหม่ได้ และด้วยความที่ผนังเป็นวัสดุโปร่งแสง จึงเป็นการสร้างประสบการณ์แบบใหม่ให้ผู้ใช้งาน เช่น ในช่วงกลางวันจะทำให้คนที่อยู่ภายใน La Libreria รู้สึกราวกับว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ภายใต้ธรรมชาติและต้นไม้ที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางคืน La Libreria จะทำหน้าที่เสมือนว่าเป็นโคมไฟในสวน ที่จะดึงดูดให้ผู้คนเดินเข้ามาเลือกชมหนังสือภายในห้องสมุด Venice […]

แวะไปนั่งอ่านหนังสือที่ ‘ฮ่งนั่งเล่น’ ร้านหนังสือและห้องสมุดเล็กๆ ที่ซ่อนตัวในคาเฟ่ ซอยเจริญกรุง 50

นอกจากเจริญกรุงจะเป็นย่านเก่าสุดชิกที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่น่าสนใจแล้ว ในซอยเจริญกรุง 50 บนตึกแถวชั้น 3 ของร้านเสื้อผ้ามือสอง Bad County ยังมี ‘Early Day Cafe’ คาเฟ่เล็กๆ ที่เป็นที่ซ่อนตัวของร้านหนังสือและห้องสมุดสุดจิ๋วในชื่อ ‘ฮ่งนั่งเล่น’ อยู่ด้วย ฮ่งนั่งเล่น คือร้านหนังสืออิสระออนไลน์หน้าใหม่ ที่จุดประกายจากการที่เจ้าของร้านอย่าง ‘ป๊อปจัง’ พบห้องสมุดสาธารณะเมืองและร้านหนังสือหลายแห่งในช่วงที่เธอเรียนคอร์สระยะสั้นที่ประเทศออสเตรเลีย และเมื่อครั้งไปออกงาน Comitia ที่ประเทศญี่ปุ่น ภาพที่เห็นทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจ อยากสร้างร้านหนังสือและห้องสมุดที่ไม่ได้มีแต่หนังสือตัวอักษรหรือคอมิก แต่เป็นพื้นที่ที่รวบรวมสิ่งพิมพ์สนุกๆ ตั้งแต่อาร์ตบุ๊ก ซีน ใบแผ่นพับแจกฟรี ไปจนถึงสูจิบัตรแกลเลอรีที่จัดไปแล้ว เพื่อให้คนที่มาได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งพิมพ์เหล่านี้ อีกทั้งที่นี่ยังเปิดโอกาสให้นักวาด นักเขียน และสำนักพิมพ์เล็กๆ ได้มีที่วางขายผลงาน โดยมีฮ่งนั่งเล่นเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนองานของศิลปินทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ให้คนได้รู้จักมากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันวงการนี้ในทางหนึ่ง ส่วนชื่อ ‘ฮ่งนั่งเล่น’ มาจากคำว่า ‘本’ (hon) ที่อ่านออกเสียงว่า ‘ฮ่น’ หรือ ‘ฮ่ง’ แปลว่าหนังสือในภาษาญี่ปุ่น บวกกับคำว่า ‘นั่งเล่น’ ด้วยความตั้งใจที่อยากทำให้คนที่เข้ามาในพื้นที่รู้สึกเหมือนมานั่งอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นของตัวเอง อีกทั้งคำว่า ฮ่ง ยังออกเสียงคล้ายเสียงเห่าของสุนัข ทำให้เธอปิ๊งไอเดีย […]

เรียนรู้วิธีการเดินให้สนุก สุขภาพดี และบำบัดจิตกับ ‘52 Ways to Walk อัศจรรย์แห่งการเดิน’ เลือกเลยว่า อยากเดินเมือง เดินป่า หรือเดินหลงทาง

ย้อนไปเมื่อตอนเด็กๆ หรือวัยเยาว์ เรามักจะเดินผจญภัยตามเมือง เข้าออกตรอกซอกซอย หรือกระทั่งบุกป่าฝ่าดงในสวนแถวบ้าน แต่พอโตขึ้น เข้าวัยทำงาน เราก็เดินน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากทำงาน อากาศร้อน มีรถยนต์ส่วนตัว ไปจนถึงความสะดวกสบายของบริการเดลิเวอรี ‘52 Ways to Walk อัศจรรย์แห่งการเดิน’ คือหนังสือที่เขียนโดย Annabel Abbs นักจิตภูมิศาสตร์ นักเขียน และนักเดิน ว่าด้วยการชักชวนให้เรากลับมา ‘หัดเดิน’ อีกครั้ง ผ่านสารพัดวิธีเดินถึง 52 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการเดินเมือง เดินอาบป่า เดินแบกสัมภาระ เดินทำงาน เดินถอยหลัง เดินดมกลิ่น ไปจนถึงเดินแบบแรนดอม ปล่อยตัวเองให้หลงทาง  เพราะอย่าลืมว่าทุกครั้งที่เราเดินก็เท่ากับเราช่วยลดมลภาวะทางอากาศและเสียง ทั้งยังป้องกันไม่ให้ที่ดินในเมืองกลายเป็นที่จอดรถ ถนน หรือศูนย์การค้า ขณะเดียวกัน การเดินทางด้วยวิธีนี้ยังเป็นการบำรุงรักษาดูแลเมืองให้สะอาด ปลอดภัย รื่นรมย์ ใกล้ชิดกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในแบบที่ได้กลิ่นต้นไม้ใบหญ้า หรือแวะทักทายเล่นกับน้องหมาน้องแมว ไถ่ถามถึงความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านได้ นอกจากวิธีการเดินให้สนุกอย่างการเดินชมทัศนียภาพ เดินเพลินไปกับกลิ่นเมือง เดินท่ามกลางแสงแดด เดินลุยฝน ฯลฯ ใน 52 […]

Unexpected Growth โปรเจกต์งานศิลปะ ซีน และกระดาษจากวัชพืชในเมือง จากการเดินสำรวจพื้นที่และเก็บข้อมูล

ปกติแล้วหอศิลปกรุงเทพฯ จะจัดนิทรรศการ โครงการบ่มเพาะและสร้างเครือข่ายศิลปินรุ่นใหม่ (Early Years Project : EYP) เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้มาในแนวคิด ‘Be Your Own Island-ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ หลังจากที่ไปเดินดูมา งานที่จัดแสดงล้วนมีคอนเซปต์ที่สะท้อนสังคม และนำเสนอผลงานได้สวยงาม ตั้งแต่ประเด็นสิ่งแวดล้อม เพศ ข่าวสารข้อมูล ไปจนถึงเรื่องปมวัยเด็ก แต่หนึ่งงานที่เราในฐานะคนทำงานเมืองสะดุดตาสุดๆ คือ โปรเจกต์ Unexpected Growth ของ ‘อภิสรา ห่อไพศาล’  ตั้งแต่โครงสร้างอิฐที่เรียงราย ดูเป็นสิ่งที่ถ้าเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของเมืองจะพบเห็นได้เป็นปกติ ก่อนจะสังเกตเห็นต้นหญ้าเล็กๆ แซมอยู่ และถ้าไปสังเกตแผ่นที่มีลวดลายคล้ายเชื้อราแบคทีเรียใกล้ๆ จะพบว่า จริงๆ แล้วมันคือใบหรือชิ้นส่วนของวัชพืช และได้รู้ในเวลาต่อมาว่าแผ่นๆ ที่เห็นคือกระดาษที่ทำจากวัชพืชในเมืองที่ศิลปินเก็บมาทดลองทำกระดาษกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตกระดาษ มากไปกว่านั้น ตรงแท่นอิฐที่ก่อตัวสูงยังมีซีนหรือหนังสือทำมือของศิลปินแนบอยู่ พอหยิบมาเปิดอ่านเนื้อหาข้างในก็จะเห็นการนำเสนอภาพในขั้นตอนระหว่างทำงานโปรเจกต์นี้ รวมไปถึงการจัดเรียงข้อมูลเพื่อนำเสนอกระบวนการเก็บรวบรวมแพตเทิร์นของวัชพืชที่ขึ้นในเมือง และสังเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็นอินโฟกราฟิก อ่านเข้าใจง่าย “โปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากความพยายามทำความเข้าใจและตั้งคำถามถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งรอบตัวกับความรู้สึกภายในที่ต้องการหลีกหนีหรือก้าวผ่านสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทำให้เธอเริ่มต้นสำรวจเมืองที่อาศัยอยู่ เป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกแห้งแล้งและแข็งกระด้าง “ระหว่างการสำรวจ ศิลปินได้พบเจอมุมมองของนักสิ่งแวดล้อมที่มีต่อเมือง ทำให้มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน เช่น พืชขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นอย่างลิเวอร์เวิร์ต เสียงของสัตว์หลากชนิดที่สามารถจำแนกเสียงได้ไม่ซ้ำเมื่อยืนฟังใต้ร่มไม้ใหญ่ ความสัมพันธ์ของต้นแม่และต้นลูกที่กระจายพันธุ์ใกล้ๆ […]

เคลียร์กองดองแล้วเติมเพิ่ม! ลดหย่อนภาษีด้วยหนังสือและ E-Book ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 68

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลลดหย่อนภาษีประจำปี ชาว Urban Creature ขอชวนทุกคนซื้อหนังสือและ E-Book รับต้นปี เพื่อให้ปีนี้เป็นปีรักการอ่านกว่าที่เคย! โดยสามารถซื้อหนังสือและลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท เพียงแค่มีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน จะซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร รวมถึงหนังสือที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ก็ได้ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 อย่าหลงไปซื้อก่อนนะ ใครเล็งหนังสือ นิตยสาร และนิยายเรื่องไหนอยู่ หรือเตรียมตัวหาวิธีลดหย่อนภาษีในปีนี้ ลองแวะเข้าไปสอบถามรายละเอียดที่แต่ละร้านหนังสือที่ตัวเองสนใจกันได้เลย แต่ถ้าใครอยากได้ลายแทงหนังสือไว้เป็นไกด์การอ่าน จะมาจดจากคอลัมน์ อ่านอะไร ของเราก็ได้นะ tinyurl.com/22h55wzt

1 2 3 7

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.