‘Loopme’ เทคโนโลยีจากกลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์กรุ๊ป ที่นำเศษฝ้ายจากการผลิตมารีไซเคิล ช่วยลดขยะ ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

การผลิตเส้นด้ายแต่ละครั้ง นอกจากจะได้วัตถุดิบหลักนำไปถักทอเสื้อผ้าแล้ว ระหว่างทางยังเกิดขยะจากเศษด้ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งขยะที่ได้มานั้นสามารถนำไปสร้างมูลค่า รวมถึงนำกลับไปทำเสื้อผ้าได้อีกครั้งจากการรีไซเคิล ผ่านกระบวนการย้อนกลับจากการนำเศษด้ายมาเปลี่ยนให้เป็นเส้นใยฝ้ายแทน ทีม Urban Creature ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเส้นด้ายของ ‘กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์’ และทำความรู้จักเทคโนโลยี ‘Loopme’ ที่เป็นการนำเศษผ้าฝ้ายที่เหลือจากกระบวนการผลิตมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ผลิตเป็นผ้าใหม่อีกครั้ง นับเป็นวิธีการลดขยะจากอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย เปลี่ยนขยะให้กลับมาเป็นเส้นใย Loopme เริ่มต้นจากโครงการที่ทางบริษัทสนับสนุนให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมของตนเอง โดย ‘อี๋-พิชัย สุวรรณทอง’ Technical Center Division Manager ‘หนึ่ง-ภัคพงศ์ ท้าวเพชร’ Technical Center Department Manager และทีม Technical Center ได้ร่วมกันคิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาจากการเห็น Yarn Waste หรือเศษด้ายที่เกิดจากการผลิตเส้นด้าย ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรให้ของเหลือทิ้งเหล่านี้กลับมาเป็นเส้นใยฝ้ายเพื่อนำไปใช้ใหม่ได้ ในเส้นทางการผลิตเส้นด้าย วัตถุดิบที่ใช้คือฝ้ายดิบที่จะผ่านกระบวนการปั่นด้ายประมาณ 8 – 13 ขั้นตอน กว่าจะได้เป็นเส้นด้ายที่ส่งต่อไปยังกระบวนการทอผ้าต่อไป ซึ่งในกระบวนการทำเส้นด้ายที่มีความซับซ้อนแบบนี้ย่อมตามมาด้วยการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิตอยู่แล้ว เหตุผลเพราะกว่าจะได้ด้ายแต่ละหลอดที่จะนำไปใช้งานจริงนั้น ต้องผ่านกระบวนการตัดต่อจากเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพเส้นด้ายในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหากเจอส่วนของเส้นด้ายที่ไม่ได้คุณภาพก็จะตัดส่วนเหล่านั้นออก เพื่อให้ได้เส้นด้ายคุณภาพดีที่สุด และแม้ว่าในการตัดทิ้งแต่ละครั้งจะได้เศษด้ายความยาวเพียงหนึ่งคืบ ทว่าเมื่อรวมกันก็ทำให้เกิดเป็นขยะปริมาณมหาศาล […]

ออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับผึ้งและผองเพื่อน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้ดีต่อผึ้งและดีต่อใจเรา

เวลาที่ไปสวนแล้วเห็นต้นไม้หรือดอกไม้สวยๆ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วเคยสังเกตกันไหมว่า ในชีวิตประจำวันเราพบเห็นแมลงชนิดไหนบ้าง พบเห็นผึ้งหรือผีเสื้อบ้างไหม และเพื่อนตัวน้อยเหล่านั้นทำอะไรอยู่ ผึ้งเป็นเพื่อนตัวเล็กๆ ที่มีอิทธิพลมากต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและต้นไม้ ซึ่งให้อากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และอาหารที่เรากิน จากภาวะโลกเดือด ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำนวนประชากรผึ้งและแมลงผสมเกสรลดลง และการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวส่งผลให้ถิ่นที่อยู่ของแมลงและสัตว์ต่างๆ ลดน้อยลง ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ จำนวนและชนิดของแมลงก็ลดลงตามไปอีก อีกทั้งยังทำให้ความหลากหลายทางอาหารลดลงอีกเช่นกัน เป็นวงจรที่กำลังดำเนินไป และเรากำลังเผชิญกับผลกระทบเหล่านั้น จากคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าไม่มีผึ้งจะไม่มีเราอีกต่อไป’ ดูจะไม่ไกลเกินจริงซะแล้ว ในโอกาสวันผึ้งโลกที่เพิ่งผ่านพ้นไป และวันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก คอลัมน์ Urban Sketch อยากชวนเพื่อนๆ มาดูกันว่า เราจะสามารถออกแบบเมืองและสิ่งแวดล้อมใกล้ๆ ตัวเราอย่างไร ให้เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนตัวน้อยนักผสมเกสรของเรา และยังสร้างความเพลิดเพลินใจให้เราด้วย มาเปิดใจให้เหล่าผองผึ้งและแมลงตัวนั้นตัวนี้ ให้เราได้รักรักมันทุกตัวกัน ปลูกดอกไม้และต้นไม้ที่หลากหลายให้ผองผึ้ง ดอกไม้และต้นไม้บางชนิดเป็นแหล่งอาหารที่โปรดปรานของผึ้ง การออกแบบสวนที่มีดอกไม้ ผัก และต้นไม้ที่ให้เรณูเกสรและน้ำหวานแก่ผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่าง สวนสาธารณะ สวนในบ้าน สวนริมทางเท้า หรือ Pocket Park ลองเพิ่มต้นไม้ผลไม้เข้ามา สลับกับไม้พุ่มให้ดอก ผักที่กินผล และดอกไม้หอมที่ล่อแมลงและผึ้งอย่างต้นไม้วงศ์ส้ม […]

เรียนรู้สิ่งแวดล้อมในเมืองผ่านการปฏิบัติในงาน ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ ฉลองครบรอบ 20 ปี ค่ายเพาเวอร์กรีน ถอดบทเรียนจากเสวนาเรื่องพลังงาน ส่งต่อความรู้และความรักษ์โลก ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมความยั่งยืน

เวลาได้ยินเรื่องสิ่งแวดล้อม เรามักมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะคาร์บอนไดออกไซด์เอย ไหนจะก๊าซเรือนกระจกเอย มนุษย์ตัวเล็กๆ ในเมืองจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนโลกที่กว้างใหญ่ได้กันนะ แต่บ้านปูไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปูร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพาเวอร์กรีน หรือ Power Green Camp ภายใต้แนวคิด ‘วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม-เรียนรู้สู่การปฏิบัติ’ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมให้เด็กๆ ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อค่ายนี้กันมาบ้าง เพราะเป็นโครงการที่จัดมาตั้งแต่ปี 2549 และในสองทศวรรษที่ผ่านมานี้ ค่ายเพาเวอร์กรีนได้พัฒนาผู้นำเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 1,200 คนแล้ว เพื่อเฉลิมฉลอง 20 ปีของโครงการเพาเวอร์กรีน บ้านปูได้จัดงาน ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ (Decarb Festival) โดยเปิดพื้นที่ให้เยาวชนเพาเวอร์กรีนตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นปัจจุบันมาร่วมแสดงพลังผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เวิร์กช็อปรักษ์โลกจากเยาวชนเพาเวอร์กรีน รวมทั้งมีเวทีทอล์กจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน และอินฟลูเอนเซอร์สายกรีน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมช่วยโลก ทั้งแบตเตอรี่ที่สามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้งานในบ้าน เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) และห้องทดลองโมเดลจำลองพลังงานทดแทนในสวน ถ้าอยากรู้ว่าทำไมโครงการนี้ถึงดำเนินการมายาวนานถึง 20 […]

ห้องเรียนโรงเรียนบ้านป่าก้าง เชียงใหม่ ที่สร้างด้วยถุงพลาสติกกว่า 850,000 ใบ

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านป่าก้าง จังหวัดเชียงใหม่ จนโครงสร้างอาคารเสี่ยงต่อการพังถล่ม แต่ตอนนี้ Green Road ได้เนรมิตถุงวิบวับจำนวนมหาศาลให้กลายเป็นห้องเรียนอเนกประสงค์เพื่อคืนพื้นที่การเรียนรู้ให้เด็กๆ #ถุงวิบวับคืออะไร ถุงวิบวับ หรือถุงพลาสติกหลายชั้น (Multilayer) คือถุงอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ใช้บรรจุสินค้าต่างๆ อย่างกาแฟ อาหาร และเครื่องสำอาง ด้วยคุณสมบัติที่ป้องกันความชื้นและแสงแดดได้ดี ทำให้ถุงเหล่านี้ได้รับความนิยมมาก แต่ด้วยโครงสร้างหลายชั้นนี้เองกลับเป็นอุปสรรคในการรีไซเคิล เนื่องจากต้องแยกแต่ละชั้นออกจากกันซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง #เปลี่ยนถุงวิบวับให้เป็นห้องเรียน หลังจากที่ Green Road ได้รับบริจาคถุงเหล่านี้จากทั่วประเทศ ก็ได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycling ต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ บล็อกปูพื้น และวัสดุก่อสร้าง และล่าสุดด้วยความร่วมมือช่วยกันบริจาคของประชาชน ทีม Green Road ได้รวบรวมถุงวิบวับมากถึง 850,000 ถุง หรือประมาณ 2,500 กิโลกรัม และนำมาสร้างห้องเรียนอเนกประสงค์ให้กับโรงเรียนบ้านป่าก้างที่เสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวได้สำเร็จ ทีม Green Road เล่าให้เราฟังว่า ขั้นตอนในการเปลี่ยนถุงวิบวับเป็นห้องเรียนมีกระบวนการที่คล้ายกับการทำโต๊ะเก้าอี้ทั่วๆ ไป เพียงแต่จะอัดในรูปแบบขนาดเล็กให้กลายเป็นฝาบ้าน #โครงการเปลี่ยนขยะถุงพลาสติกให้ใช้ประโยชน์ได้ […]

Repair Café สเปซที่ส่งเสริมให้คนใช้ซ้ำด้วยการ ‘ซ่อม’ ลดขยะ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มอายุขัยสิ่งของ เปิดทำการทุกวันเสาร์ที่สามของเดือน ณ บ้านสวนสุดาวรรณ

สิ่งของแต่ละชิ้นบนโลกล้วนมีอายุของตัวเอง แม้จะถนอมไว้ดีแค่ไหนก็ต้องมีความเสียหายบ้างตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือสิ่งของที่มีมูลค่าทางจิตใจ ซึ่งหากเราต้องจำใจเก็บทิ้งทุกทีที่ของเหล่านั้นใช้ไม่ได้แล้วคงจะรู้สึกเสียดายกันน่าดู การซ่อมจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดซ่อมแซมด้วยตัวเองคงต้องหาร้านซ่อม แต่ปัญหาคือเราไม่รู้พิกัดว่าร้านไหนที่จะช่วยคืนชีพของใช้ของเรากลับคืนมาได้ เราเลยอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ‘Repair Café’ พื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้การซ่อมแซมสิ่งของที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 2,800 แห่งทั่วโลก โดยเริ่มมาจากแนวคิดของ Martine Postma ที่ต้องการสร้างสเปซสำหรับพบปะกันระหว่างช่างซ่อมสิ่งของกับเจ้าของสิ่งของที่ต้องการซ่อม โดยมีมุมมองว่าการซ่อมเป็นการยืดอายุการใช้งานของของให้ยาวออกไปได้ และยังสามารถลดจำนวนขยะที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว โดยกิจกรรมนี้มี ‘Reviv’ สตาร์ทอัพเพื่อสิ่งแวดล้อมผู้ให้บริการเย็บซ่อมและปักเสื้อผ้าออนไลน์เป็นผู้จัดกิจกรรม ซึ่งทางองค์กรเองก็มีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมพฤติกรรมการซ่อมและการใช้ซ้ำให้กลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักเช่นเดียวกัน จึงเกิดเป็นชุมชนส่งเสริมวัฒนธรรมการซ่อม (Repair Community Thailand) ที่ดูแลและสร้างสรรค์กิจกรรมใน Repair Café นั่นเอง ในช่วงที่ผ่านมา Repair Café เป็นการจัดกิจกรรมแบบสัญจรหมุนเวียนสเปซตามพื้นที่ย่านต่างๆ ที่สามารถเดินทางง่ายและใกล้รถไฟฟ้า แต่ในตอนนี้ Repair Café มีที่ตั้งประจำอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะเปิดทำการในทุกวันเสาร์ที่สามของเดือน ที่ ‘บ้านสวนสุดาวรรณ’ แนะนำให้ติดตาม Reviv ไว้เลย เพราะแต่ละเดือนจะมีช่างซ่อมอาสามาให้ความรู้วิธีการซ่อมสิ่งของในหมวดหมู่ที่แตกต่างกันออกไป และติดตามว่าในเดือนนั้นเปิดรับซ่อมสิ่งของประเภทใดบ้าง ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เตรียมแค่ของที่อยากซ่อมมาเท่านั้นเอง (แต่จำกัดการซ่อม […]

‘Clams’ ประติมากรรมหอยตัวจิ๋ว เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ขยับและส่งเสียงเมื่อน้ำไม่สะอาด

เมื่อไหร่ก็ตามที่ระบบนิเวศแหล่งน้ำเริ่มพัง เหตุเพราะมลพิษต่างๆ ทำให้คุณภาพแหล่งน้ำไม่ดี สิ่งมีชีวิตชนิดแรกๆ ที่สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงคือ ‘หอย’ ‘Clams’ คือประติมากรรมรูปร่างหอยสองฝาตัวจิ๋ว ผลงานของ ‘Marco Barotti’ Media Artist ที่หยิบเอาชีววิทยาและการทำงานตามธรรมชาติที่รับรู้ถึงความผิดปกติของคุณภาพน้ำได้ก่อนใครของหอย มาใช้สร้างสรรค์ผลงานประติมากรรม เกิดเป็นผลงานจากการรวมตัวระหว่างเซนเซอร์ที่สามารถวัดคุณภาพน้ำได้จริง และพลาสติกใสรีไซเคิลที่ถูกออกแบบมาในลักษณะหอยสองฝาตัวเล็กจำนวนมาก ที่ภายในมาพร้อมลำโพง หลักการทำงานของประติมากรรมชิ้นนี้คือ เมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่าคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำนั้นๆ เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด จะส่งสัญญาณมายังเปลือกหอยเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้เปลือกหอยเหล่านี้ขยับตัวและส่งเสียงออกมา คล้ายกำลังกรีดร้องให้กับมลพิษที่กำลังเผชิญ Marco Barotti มองว่า การสร้างสรรค์ผลงานในลักษณะนี้ขึ้นคือการทำให้ชิ้นงานทำหน้าที่อุปมาอุปไมยถึงผลกระทบของมนุษย์ที่มีต่อโลก และมุ่งหวังให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยใช้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเราเป็นผู้นำเสนอถึงผลกระทบ Sources :Designboom | t.ly/fLRCA Marco Barotti | www.marcobarotti.com/ClamsYanko Design | t.ly/s7haR 

หลังโต๊ะทำงานของ KongGreenGreen อินฟลูฯ ผู้เชื่อว่าไลฟ์สไตล์สายกรีนสร้างได้ด้วยความเข้าใจ

บ้านของ ‘ก้อง-ชณัฐ วุฒิวิกัยการ’ หรือ ‘ก้องกรีนกรีน’ เป็นทั้งบ้านและออฟฟิศที่กรีนสมชื่อ หลังจากเปิดประตูบ้านต้อนรับ ก้องพาเราเข้าห้องทำงานของเขาที่เต็มไปด้วยไอเทมที่เราคุ้นเคยแต่กลับแปลกตา “โคมไฟนี่ทำมาจากพลาสติกที่เคยเป็นกล่องข้าว บ้านแมวอันนั้นทำมาจากฝาขวด” ก้องแนะนำ “เมื่อก่อนออฟฟิศอยู่แถวเลียบด่วน แต่บ้านเราอยู่แถวแจ้งวัฒนะ เราขับรถไปก็เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ ทั้งพลังงานคนและพลังงานโลก เราเลยย้ายมาอยู่ที่นี่” บทสนทนาประมาณนี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าจะได้ฟังจากปากก้องอยู่แล้ว เพราะอย่างที่หลายคนรู้กันดี ก้องเคยเป็นพิธีกรรายการเปิดโลกอย่างกบนอกกะลา ก่อนจะผันตัวมาเปิดแชนเนล ‘KongGreenGreen’ เพื่อรณรงค์ให้คนแยกขยะกันมากขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน วันนี้ก้องกรีนกรีนเติบโตจนมีผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กเกือบ 3 แสนคน มีหลายคลิปใน TikTok กลายเป็นไวรัลที่มียอดวิวเป็นล้าน พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายกรีนแนวหน้า แนวทางของคอนเทนต์ในเพจยังขยับขยายไปเล่ามากกว่าเรื่องขยะ แต่ครอบคลุมไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ก้องย้ำหลายรอบว่าใกล้ตัวกว่าที่เราคิด ในวาระที่ก้องเพิ่งได้รับเลือกเป็น 1 ใน 50 ครีเอเตอร์ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงจากโครงการ TikTok Change Makers เราถือโอกาสนี้มานั่งคุยกับก้องถึงความเชื่อเบื้องหลังการทำช่อง ล้วงเคล็ดลับการทำคอนเทนต์สิ่งแวดล้อมที่ขึ้นชื่อว่าเข้าใจยากให้สนุก เข้าถึงง่าย และไม่ทำให้ใครหลายคนเบือนหน้าหนี คิดว่าเป็นเพราะอะไรที่คุณถูกเลือกเป็น 1 ใน 50 ครีเอเตอร์ของโครงการ TikTok Change Makers  อาจเป็นเพราะคอนเทนต์ของเราน่าจะตรงกับแคมเปญที่เขาตั้ง นั่นคือ Change Makers […]

วิธีแยกขยะง่ายๆ ไม่มีถังแยกสีก็ทิ้งได้แบบไม่ต้องเทรวม

หลังจากที่กรุงเทพมหานครเปิดตัวโครงการ ‘ไม่เทรวม’ เพื่อรณรงค์การแยกขยะเมื่อปีที่แล้ว นโยบายถัดไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อช่วยจัดการขยะคือ การขึ้นค่าธรรมเนียมเก็บขยะจากบ้านที่ไม่คัดแยกขยะ โดยบ้านที่เข้าร่วมการคัดแยกขยะจะเสียค่าใช้จ่าย 20 บาทต่อเดือน ส่วนบ้านที่ไม่คัดแยกขยะนั้นจะเสียค่าใช้จ่าย 60 บาทต่อเดือน หวังเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ครัวเรือนหันมาใส่ใจกับการแยกขยะมากขึ้น การแยกขยะนั้นไม่เพียงช่วยลดภาระการกำจัดขยะของเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่เรายังเรียนรู้กันมาตลอดว่าการแยกขยะเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดโลกร้อนได้ และด้วยความเคยชินที่ทิ้งขยะลงถังเดียวมาตลอดอย่างยาวนาน อาจทำให้การแยกขยะดูยุ่งยากไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะลองทำ แน่นอนว่าภาพของการแยกขยะนั้นมักมาพร้อมกับถังขยะชนิดต่างๆ ที่แบ่งแยกด้วยสีสัน ช่วยให้จำง่าย แต่หลายๆ บ้านคงไม่ได้มีถังขยะสำหรับแยกขยะแต่ละประเภทโดยเฉพาะ ทำให้เกิดความสับสนว่า หากมีถังขยะแค่ใบเดียวแล้วจะแยกขยะได้อย่างไร Urban Creature เลยจะมาบอกวิธีการแยกขยะที่ทำได้ง่ายๆ โดยแบ่งเป็นสองระดับคือ 1) การแยกขยะระดับเริ่มต้น เป็นการแยกขยะที่ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน เพียงแค่แยกขยะออกเป็นสองประเภทก่อนทิ้งลงถัง วิธีนี้จะสะดวกกับผู้เริ่มต้นแยกขยะ คนที่มีเวลาน้อย หรือพื้นที่บ้านน้อย แบ่งออกเป็น 🍪 ขยะอินทรีย์ ขยะประเภทเศษอาหารจากการทำอาหารหรือกินเหลือ โดยเทน้ำทิ้งให้เหลือแต่เศษอาหาร และแยกถุงเอาไว้ อาจใช้เป็นถุงสีใสให้มองเห็นได้ง่ายว่าเป็นขยะประเภทไหน ขยะประเภทนี้ควรทิ้งทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมความสกปรกและกลิ่นเหม็นภายในบ้าน 🧃ขยะทั่วไป  ขยะแห้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ซองขนม รวมถึงขยะพลาสติก ซึ่งพลาสติกบางประเภท เช่น ถุงพลาสติกหรือกล่องที่ใส่อาหาร ควรล้างให้สะอาดและตากให้แห้งก่อนจะนำไปทิ้ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เศษอาหารปนเปื้อนกับขยะอื่นๆ จนขยะแห้งเหล่านี้หมักหมมความสกปรกเอาไว้ […]

#กินหมดจาน Guidebook และ Restaurant Makeover โครงการที่จะชวนกินข้าวให้หมดจาน และช่วยปรับร้านอาหารให้จัดการขยะอย่างถูกวิธี

“ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า” ประโยคคุ้นหูที่ท่องจำกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่เหมือนยิ่งโตนั้นจะได้แค่จำแต่ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเวลาที่น้อยลง รสชาติอาหารไม่ถูกปาก เครียดกินข้าวไม่ลง หรือแม้กระทั่งลืมว่ายังกินไม่หมด เช้าวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม ทีมกินหมดจานชวนเราไปชิม 2 ใน 50 ร้านจาก ‘กินหมดจาน Guidebook’ โดยมีร้าน Karo Coffee Roasters คาเฟ่สุดเท่ย่านปรีดี พนมยงค์ ที่แนะนำโดย ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และร้าน No Name Noodle BKK แนะนำโดย ‘ปิ๊ปโป้-เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านราเม็งตัวจริงเสียงจริง พร้อมไปดูวิธีกำจัดขยะเศษอาหารที่เขตวัฒนา กินหมดจาน Guidebook เป็นเสมือนหนังสือรวม 50 ร้านอาหารที่เหล่า KOLs ขอการันตีว่าร้านนี้อร่อยและจัดการขยะได้ดี โดยอยู่ภายใต้โครงการ ‘Restaurant Makeover’ ที่ แพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์ หรือ ‘PEAR […]

10 พาวิลเลียน ใน Expo 2025 Osaka มหกรรมที่มุ่งนำเสนอแนวคิด การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและดีกว่าเดิม

ปีหน้าเมืองโอซากาจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2025 มหกรรมระดับโลกที่รวบรวมผู้คนจากทั่วโลก เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองวัฒนธรรม นวัตกรรม และความก้าวหน้าของประเทศต่างๆ รวมถึงเปิดพื้นที่ให้แลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ หวังช่วยกันแก้ปัญหาระดับโลกที่สังคมของเรากำลังเผชิญอยู่ ไฮไลต์คือการจัดแสดงพาวิลเลียนของนานาประเทศ ซึ่งปีนี้มาในธีม ‘Designing Future Society for Our Lives’ หรือ ‘การออกแบบสังคมแห่งอนาคตสำหรับชีวิตของเรา’ โดยงานจะจัดขึ้นบนเกาะเทียม ‘ยูเมะชิมะ’ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวโอซากา ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ไปจนถึง 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ก่อนอีเวนต์ใหญ่ด้านนวัตกรรมและการออกแบบระดับโลกจะเริ่มต้นขึ้น Urban Creature ได้รวบรวม 10 พาวิลเลียน จาก 10 ประเทศ ที่โดดเด่นและน่าสนใจมาฝากกัน ตั้งแต่การจัดแสดงที่พาเราไปสำรวจเรื่องใกล้ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ ไปจนถึงพาวิลเลียนที่นำเสนอนวัตกรรมและทางออกเพื่อโลกที่ยั่งยืนในอนาคต สวิตเซอร์แลนด์ธรรมชาติและโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถอยู่ร่วมกันได้ ‘Swiss Pavilion’ คือพาวิลเลียนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งออกแบบโดย Manuel Herz Architekten, NUSSLI และ Bellprat Partner โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับธีมของงานที่พูดถึงชีวิตและโลกแห่งอนาคต […]

ช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ “แล้วลูกเต่าทะเลล่ะ” ด้วย ‘COCOLAMP’ อุปกรณ์ครอบหลอดไฟ เบนแสงที่รบกวนการวางไข่ของเต่าทะเล 

แสงไฟใกล้ชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟจากโรงแรม รีสอร์ต หรือร้านอาหาร ล้วนแล้วแต่รบกวนการวางไข่ของเต่าทะเล และมีผลทำให้ลูกเต่าที่ฟักออกมาเกิดความสับสน เดินไปยังพื้นที่ที่มีแสงสว่างแทนที่จะเดินลงทะเล จนเต่าทะเลในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ ‘COCOLAMP’ คือไอเดียนวัตกรรมอุปกรณ์ครอบหลอดไฟ จากนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ช่วยแก้ปัญหาลูกเต่าหลงทาง ด้วยการเบนแสงไฟบริเวณชายหาดที่รบกวนการวางไข่ของเต่าทะเลตามหลัก Turtle Friendly ให้ลูกเต่าคลานลงทะเลได้อย่างปลอดภัย พวกเขาศึกษาข้อมูลตัวอย่างจากเกาะแอนนามาเรีย รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แสดงให้เห็นว่า การจัดแสงไฟให้เป็นมิตรต่อเต่าทะเลสามารถลดจำนวนลูกเต่าที่หลงทางได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการใช้วัสดุจากเส้นใยมะพร้าวที่ได้จากชุมชนในการผลิต มียางพาราเป็นตัวเชื่อมประสานและเคลือบด้วยซิลิกาจากแกลบข้าว ทำให้ COCOLAMP มีความคงทน ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ราคาไม่แพง และย่อยสลายได้ในธรรมชาติ นอกจากตัวอุปกรณ์ครอบหลอดไฟแล้ว COCOLAMP ยังมีการใช้ Line Chatbot เข้ามาช่วยรวบรวมข้อมูลและประเมินผลการใช้งานของอุปกรณ์ ภายหลังการติดตั้งและใช้งานจริงด้วย ปัจจุบัน COCOLAMP กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและทดสอบประสิทธิภาพในห้องทดลอง ก่อนที่จะนำไปติดตั้งในพื้นที่จริงเพื่อประเมินผลการใช้งานอีกครั้ง

‘Qualy’ แบรนด์ไทยที่เพิ่มมูลค่าให้ขยะพลาสติก ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์สื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แบรนด์แบรนด์หนึ่งจะสื่อสารประเด็นสิ่งแวดล้อมผ่านชิ้นงานได้แบบที่คนเห็นแล้วร้อง ‘อ๋อ!’ แต่สำหรับแบรนด์ ‘Qualy’ ไม่ว่าจะจิ้มผลงานชิ้นไหนขึ้นมาก็ต้องคุ้นหูหรือคุ้นตาทั้งนั้น ตั้งแต่ พระสติ, บอร์ดเกม Waste War, รูบิก Tactile Cube หรือปากกาวาดรูปจากไหมพรมในชื่อ เล่นเส้น เพราะไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานสุดว้าว หรือวัสดุรีไซเคิลรักษ์โลก จะส่วนไหน Qualy ก็ไปสุดทุกทาง จนกวาดรางวัลจากเวทีดีไซน์กลับบ้านแบบไม่หวาดไม่ไหว คอลัมน์ Sgreen ชวนไปคุยกับ ‘ใจ๋-ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์’ Design Director และ Founder ถึงแนวคิดและความตั้งใจของแบรนด์ที่ทำให้ Qualy ยืนหยัดครองตลาด พร้อมสื่อสารประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านผลงานได้ยาวนานกว่า 20 ปี เล่าเรื่องผ่านดีไซน์จนค่อยๆ เติบโตในตลาดไทย “ในช่วงแรกๆ ของการทำ Qualy เราเน้นไปที่การใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับตอนนั้นมีปัญหาโลกร้อน เลยเล่าเรื่องพวกนี้ผ่านดีไซน์ของเรา ก่อนจะต่อยอดมาใช้วัสดุรีไซเคิล เพื่อให้สื่อสารเรื่องนี้ออกไปดียิ่งขึ้น” ธีรชัยเล่าถึงความตั้งใจช่วงแรกของแบรนด์ อีกปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการทำแบรนด์โปรดักต์ดีไซน์นี้คือ Qualy เป็นธุรกิจที่เขาต่อยอดออกมาจากธุรกิจครอบครัวที่ก่อนหน้านี้เปิดเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกแบบ Original Equipment Manufacturer (OEM) […]

1 2 3 7

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.