TÁR : เมื่อเวลาสัมพันธ์กับวัฒนธรรมคว่ำบาตร และพลวัตของอำนาจไม่อาจแยกจากเรื่องเพศ

บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ หลังห่างหายจากงานกำกับไปนานกว่า 16 ปี ล่าสุดผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Todd Field ก็กลับมาพร้อมกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง Tár ที่เปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส (Venice Film Festival) เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขาด้วยกัน รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Tár นั้นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ Lydia Tár (รับบทโดย Cate Blanchett) วาทยกรหญิงผู้แสนเก่งกาจและมากประสบการณ์ ความสามารถของเธออยู่ในระดับที่หาตัวจับได้ยากในแวดวงดนตรี แน่นอนว่าสถานะทางสังคมที่เป็นทั้งวาทยกรเอกและอาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์นับร้อยพัน นั่นอาจเป็นจุดสูงสุดของอาชีพการงานที่ใครคนหนึ่งจะไปถึงได้ หากแต่ช่วงชีวิตคนเราต่างก็แปรผันไปตามสถานการณ์ เมื่อมือเอื้อมแตะถึงขอบฟ้า แต่เท้ายังย่ำอยู่ในโคลนตม ก็ไม่แปลกที่ต่อให้แม้จะยืนอยู่ในจุดที่สูงแค่ไหนก็พร้อมร่วงหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับ Tár ศิลปินมากความสามารถที่เต็มไปด้วยรอยด่างพร้อยและข้อบกพร่องนับไม่ถ้วน ซ้ำยังทำในสิ่งที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งศีลธรรมและจริยธรรมอยู่หลังม่านมานานแรมปี แน่นอนว่าความสำเร็จในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นที่ประจักษ์อย่างไม่มีข้อกังขา แต่ความสำเร็จอีกนัยหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ การหยิบจับประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมาบอกเล่า โดยทำให้เรื่องราวเหล่านั้นยังคงอยู่ในบทสนทนา จนเกิดการพูดคุยถกเถียงกันต่ออย่างไม่รู้จบหลังจากที่ลุกออกจากโรงหนังไป ‘เวลา’ คือตัวแปรสำคัญของวัฒนธรรมคว่ำบาตร ในช่วงปีหลังมานี้ ทุกครั้งที่มีประเด็นร้อนของเหล่าคนดังที่เกิดข้อโต้แย้งกันบนโซเชียลมีเดีย หลายคนอาจคุ้นหูและผ่านตากับคำว่า ‘วัฒนธรรมคว่ำบาตร (Cancel Culture)’ มาไม่มากก็น้อย ซึ่งความหมายโดยกว้างของคำนี้คือ การเลิกสนับสนุนผลงานของเหล่าศิลปินที่มีปัญหา (Problematic) […]

สำรวจดราม่า ความรัก และวิถีชีวิตญี่ปุ่น ใน Japanese Film Festival 2023 วันที่ 10 – 19 / 25 – 26 ก.พ. 2566 กทม.และเชียงใหม่

หนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์ที่คอหนังชาวไทยรอมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น Japanese Film Festival หรือเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ทางเจแปนฟาวน์เดชั่นเป็นตัวตั้งตัวตีจัดมาหลายปี เพราะนี่คือโอกาสดีที่ชาวไทยจะได้ชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นนอกกระแสที่ปกติอาจไม่มีโอกาสชมในโรงภาพยนตร์ ทั้งยังมีหลากหลายแนวและรสชาติให้ได้เปิดมุมมองทำความเข้าใจญี่ปุ่นในบริบทอื่นๆ ด้วย ปีนี้ Japanese Film Festival 2023 กลับมาพร้อมโปรแกรมภาพยนตร์คุณภาพกว่า 10 เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ผู้ชมภาพยนตร์ร่วมสนุกที่โรงหนัง House Samyan ซึ่งเป็นสถานที่ฉายหนังของเทศกาลที่กรุงเทพฯ ส่วนชาวเชียงใหม่ชมฟรี 4 เรื่องที่สมาคมฝรั่งเศสเชียงใหม่ โปรแกรมภาพยนตร์ใน Japanese Film Festival 2023 มีดังนี้ – 𝗕𝗟 𝗠𝗲𝘁𝗮𝗺𝗼𝗿𝗽𝗵𝗼𝘀𝗶𝘀 (2022)– 𝗜𝗡𝗨-𝗢𝗛 (2021)– 𝗞𝗶𝗱𝘀 𝗞𝗼𝗻𝗳𝗲𝗿𝗲𝗻𝗰𝗲 (2022)– 𝗧𝗵𝗲 𝗙𝗶𝘀𝗵 𝗧𝗮𝗹𝗲 ลูกปลาน้อย (2022)– 𝗔𝗻𝗱 𝗦𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗕𝗮𝘁𝗼𝗻 𝗶𝘀 𝗣𝗮𝘀𝘀𝗲𝗱 แล้วไม้วิ่งผลัดก็ถูกส่งต่อ (2021)– 𝗠𝗮𝘆 […]

ฐาปณี หลูสุวรรณ ผู้กำกับ Blue Again กับสถานะ ‘ไม่เป็นคนของที่ไหนเลย’ ในชีวิตและวงการหนัง

ฐาปณี หลูสุวรรณ เป็นลูกครึ่งอีสาน-จีน เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ไปโตที่สกลนคร ก่อนจะเข้ามาเรียนหนังและทำงานในกรุงเทพฯ อีกครั้ง เธอพูดอีสานไม่คล่องปร๋อ แต่พอพูดไทยกลางก็ติดเหน่ออีสานจนโดนล้อ เหนือความซับซ้อนและย้อนแย้งทั้งปวงในตัวเธอ สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือ ฐาปณีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของที่ไหนเลย เหมือนกับ ‘เอ’ ตัวละครเอกใน Blue Again หนังเรื่องแรกในชีวิตของเธอ ผู้เป็นลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นคนขาว แม่เป็นคนสกลนคร แต่ตัวเองกลับรู้สึกแปลกแยกจากสังคมรอบตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากจะมีใครหรือสิ่งใดที่เอเรียกว่าเพื่อนได้เต็มปาก หนึ่งคือ ‘เมธ’ เพื่อนชายที่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมฯ แต่ต้องแยกย้ายกันไปหลังเรียนจบ อีกสิ่งคือ ‘คราม’ วัตถุดิบย้อมผ้าที่เธอเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ในทางหนึ่ง Blue Again คือเครื่องบันทึกความรู้สึกโดดเดี่ยวและเป็นอื่นที่ผู้กำกับอย่างฐาปณีรู้สึกมาตลอด แต่ในอีกทางหนึ่ง นี่คือผลพิสูจน์ความรักที่มีต่อการทำหนังของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้นิยามตัวเองว่าเป็นคนกลางๆ ไม่โดดเด่น และแม้จะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของที่ไหน แต่แวดวงที่มั่นใจว่าอยากผลักตัวเองเข้าไปคือวงการผู้กำกับ นับแต่วันแรกเริ่ม Blue Again ใช้เวลาถึง 8 ปีกว่าจะได้ออกมาสู่สายตาผู้ชม และหนังเรื่องนี้ยังได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปฉายที่เทศกาลหนังปูซานในสาขา New Currents ที่มีหนังเพียงไม่กี่เรื่องได้เข้ารอบ พิสูจน์ในตัวมันเองแล้วว่าเป็นหนังที่พิเศษแค่ไหน แต่ใน 8 ปีของ Blue Again […]

สัมผัสฮ่องกงในซีนหนังของหว่อง กาไว กับนิทรรศการภาพถ่าย โดย Wing Shya วันนี้ – 29 ม.ค. 66 ที่ HOP ศรีนครินทร์

‘ฮ่องกง’ ของคุณหน้าตาเป็นแบบไหน  เรามั่นใจว่าคำตอบของหลายๆ คนน่าจะเป็นฮ่องกงที่เป็นเมืองคนเหงา ซึ่งทั้งเศร้าและโรแมนติก เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์ของผู้กำกับ ‘Wong Kar-Wai (หว่อง กาไว)’ ใครที่ยังติดตรึงกับภาพเมืองฮ่องกงที่ฉาบไปด้วยแสงไฟสีแดง และปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกแสนโดดเดี่ยว HOP หรือ Hub Of Photography ได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายของศิลปินชาวฮ่องกง ‘Wing Shya’ ผู้ทำงานบันทึกเบื้องหลังภาพยนตร์ของผู้กำกับ หว่อง กาไว ที่เป็นดั่งสื่อกลางช่วยให้ผู้คนเข้าใจภาพของฮ่องกงในเฟรมหนังที่คุ้นเคย Wing Shya คือช่างภาพที่ถ่ายภาพเบื้องหลังภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Happy Together (1997) และ In the Mood for Love (2000) จนถูกใจผู้ชมจำนวนมาก นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพถ่ายของภาพยนตร์ Eros (2004) และ 2046 (2004) อีกด้วย นอกจากจะเป็นการย้อนกลับไปรำลึกถึงภาพเมืองฮ่องกงเมื่อหลายสิบปีก่อนในความทรงจำ ที่หลายๆ คนรับรู้ผ่านภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวฮ่องกงแล้ว ภาพถ่ายของ Wing Shya ยังงดงาม ดูเป็นธรรมชาติ ให้แรงบันดาลใจ […]

ชวนดูหนังไทยชีวิตวัยรุ่น ‘Blue Again’ ที่ใช้เวลาสร้าง 8 ปีและได้ฉายในปูซาน วันที่ 8 ธ.ค.นี้ ที่ SF และ House Samyan

หลังจากที่ภาพยนตร์ ‘Blue Again’ ได้บินไกลไปฉายถึงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ครั้งที่ 27 (Busan International Film Festival : BIFF) เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ฉายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว Blue Again เป็นผลงานของผู้กำกับหญิง ‘ฐาปณี หลูสุวรรณ’ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ ‘ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต’ และเหล่าทีมงาน ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 8 ปี ผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์แบบบลูๆ ของ 3 ตัวละครในความยาว 3 ชั่วโมง 10 นาที  ว่าด้วยชีวิตของ ‘เอ’ หญิงสาวลูกครึ่งอีสาน-ตะวันตก จากหมู่บ้านคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในไทย เธอดิ้นรนเข้ามาเรียนออกแบบแฟชั่นในกรุงเทพฯ โดยหวังว่าจะสามารถชุบชีวิตโรงย้อมครามของครอบครัวที่กำลังจะตาย โดยมี ‘แพร’ เพื่อนสนิทคนแรกในมหาวิทยาลัยที่ถูกดึงดูดเข้ามาอยู่ในวงโคจรของเธอ เนื่องจากต้นทุนทางสังคมและความฝันที่คล้ายกัน  ทว่าในขณะที่หญิงสาวพยายามปกป้องความฝันของตัวเอง ไปพร้อมๆ กับถักทอความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเอาไว้ เส้นด้ายเหล่านั้นกลับเหมือนจะขาดลง และเหมือนชีวิตเอจะยุ่งยากไม่พอ เมื่อ ‘สุเมธ’ เพื่อนรักคนเดียวในวัยเด็กผู้เป็นเซฟโซน ได้กลับมาในวงโคจรของเธออีกครั้งในค่ำคืนวันคริสต์มาสตามสัญญา แต่มันยิ่งกลับทำให้หญิงสาวตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘บนโลกนี้…ที่ตรงไหนคือที่ของเธอจริงๆ’ […]

ใช้ชีวิตเป็นชาววากานเดี้ยนไปสำรวจเมือง ‘Wakanda’ กับการใช้ไวเบรเนียมพัฒนาชาติ

ในตำนานเล่าว่า เมื่อประมาณสองล้านกว่าปีก่อน มีอุกกาบาตขนาดยักษ์ตกลงตรงใจกลางทวีปแอฟริกาในปัจจุบัน อุกกาบาตลูกนั้นอัดแน่นด้วยโลหะจากนอกโลก โดยได้รับการตั้งชื่อว่า ‘ไวเบรเนียม’ ต่อมาได้มีมนุษย์จากห้าชนเผ่าเดินทางมายังดินแดนดังกล่าวเพื่อทำสงครามแย่งชิงแร่ไวเบรเนียมเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งนักรบคนหนึ่งได้นิมิตเห็นร่างเสือดำ ซึ่งนำพาให้เขาได้พบกับสมุนไพรรูปหัวใจ หลังจากกินเข้าไป เขาได้รับพลังเหนือมนุษย์จนสามารถยุติสงคราม แย่งชิงไวเบรเนียมแล้วรวบรวมชนเผ่าโดยรอบให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของราชวงศ์ ‘วากานด้า’ โดยประชาชนได้อยู่ร่วมกันภายใต้กษัตริย์เสือดำหรือแบล็กแพนเตอร์ (Black Panther) ผู้ทำหน้าที่คอยปกปักรักษาอาณาจักรแห่งนี้ไว้โดยไม่เปิดเผยการมีอยู่ให้โลกได้รับรู้ เพราะเกรงว่าเทคโนโลยีสุดล้ำจากการใช้แร่ไวเบรเนียมจะแพร่งพรายออกไป จนทำให้วากานด้าอาจถูกศัตรูเข้ามารุกราน เพื่อแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่าที่ดินแดนมีไว้ในครอบครอง  แม้วากานด้าจะปิดประเทศแต่ก็มีการส่งประชาชนบางส่วนไปยังประเทศต่างๆ เพื่อศึกษาดูงานและนำองค์ความรู้จากทั่วโลกกลับมาพัฒนาประเทศ จนมาถึงยุคของ กษัตริย์ทีชาลา (T’Challa) บุตรชายของทีชากา ที่ตัดสินใจประกาศเปิดประเทศ เพื่อกระจายแร่ไวเบรเนียมให้นานาประเทศนำไปใช้พัฒนาบ้านเมืองให้มีความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้เวลาที่วากานด้าเปิดประเทศแล้ว เราเลยขอใช้ชีวิตเป็นชาววากานเดี้ยนสักหนึ่งวัน เพื่อเดินทางไปศึกษาดูงานว่าในดินแดนแห่งนี้ใช้ไวเบรเนียมทำอะไรบ้าง และมีนโยบายใดที่น่าสนใจนำมาประยุกต์ใช้กับบ้านเมืองของเรา  Eco Futurism Urban Core ศูนย์กลางเมืองที่ผสมผสานธรรมชาติและเทคโนโลยี ดินแดนของวากานด้ามีภูเขาลูกใหญ่ที่ลดหลั่นระดับล้อมรอบอาณาจักร ที่ตั้งของเมืองหลวงอยู่ตรงกลางคล้ายแอ่งกระทะ มีช่องลมที่แบ่งโดยระยะห่างของภูเขา วากานด้ามีตึกที่กระจายตัวออกจากเมืองหลวงอยู่หนาตา แต่ไม่ได้หนาแน่นแออัดแข่งกันสูง ทำให้เกิดการระบายอากาศได้ดี  อาคารของวากานด้ามีองค์ประกอบแบบแอฟริกันดั้งเดิม ซึ่งมีลักษณะเป็นหลังคามุงจากและปลูกสวนไว้ด้านบน เมืองแห่งนี้มีพื้นที่สีเขียวที่ช่วยให้เมืองกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังไม่มีพื้นที่ชานเมืองที่ต้องตัดถนนยิบย่อยให้เสียระบบนิเวศใดๆ แถมรอบตัวเมืองยังมีทางเดินให้สายน้ำไหลผ่าน เป็นเมืองที่ติดชายฝั่งทะเล มีท่าเทียบเรือสำหรับธุรกิจประมง ชาวเมืองสามารถใช้ประโยชน์จากผืนดินของธรรมชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำเกษตรและการเลี้ยงปศุสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  Futurist Transit […]

ชายผู้ลาออกมาประดิษฐ์ ‘Lightsaber’ จากภาพยนตร์ Star Wars จนกลายเป็นอาชีพ

A (not) long time agoin a galaxy (not) far,far away… มีหนุ่มไทยคนหนึ่งตัดสินใจลาออกจากงานประจำของตนเอง เพื่อหันมาทุ่มเวลาให้การประดิษฐ์ไลต์เซเบอร์จากภาพยนตร์สตาร์วอร์สเป็นอาชีพ ค่อยๆ เรียนรู้ พัฒนาวงจรภายในไลต์เซเบอร์ให้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้นจากเดิม ตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้น กลายเป็นที่ต้องการของแฟนๆ สตาร์วอร์ส และนักสะสมจำนวนมากจากทั่วโลก ไลต์เซเบอร์ที่เขาขายมีราคาตั้งแต่ 3 – 4 หมื่นบาท และปัจจุบันมีคิวออเดอร์ยาวไปจนถึงปีหน้า อะไรทำให้ไลต์เซเบอร์ของเขามีมูลค่า ได้รับความสนใจจากแฟนๆ สตาร์วอร์สทั่วโลกจนสามารถกลายเป็นอาชีพได้ วันนี้ ‘เย่-ธนวัฒน์ ใจกล้า’ ชายผู้มีอาชีพเป็นนักประดิษฐ์ไลต์เซเบอร์ในนาม LIGHTSABER Thailand จะมาถอดสิ่งที่ทำทีละชิ้นส่วน เล่าเรื่องราวการประกอบเป็นไลต์เซเบอร์ให้ฟัง เริ่มต้นจากความชอบ… ชีวิตของเย่เริ่มต้นมาไม่ต่างจากแฟนคลับสตาร์วอร์สหลายคน ที่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์แล้วเกิดความหลงใหลเรื่องราวสงครามจากกาแล็กซีอันไกลโพ้นเรื่องนี้ “พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ผมชอบดูสตาร์วอร์สตั้งแต่เด็ก และชอบไลต์เซเบอร์มาก เวลากลับไปต่างจังหวัดผมจะชอบหยิบไม้มาเหลาทำเป็นไลต์เซเบอร์ฟันเล่นกับเพื่อน ใช้ปากทำเสียงเอฟเฟกต์แบบในหนังกันเอง สนุกกันตามประสาเด็ก” ในเวลาต่อมา จากการเหลาไม้ทำเป็นไลต์เซเบอร์ เย่ก็ค่อยๆ เริ่มต้นขยับมาซื้อเครื่องมือกลึงเหล็ก ทำกระบี่แสงให้ใกล้เคียงกับในหนังมากขึ้นทุกที “ช่วงที่ผมได้ทำงานประจำในโปรดักชันเฮาส์ พอหาตังค์เองได้ เราก็เริ่มซื้อของจากสตาร์วอร์สที่ชื่นชอบมาสะสม ซึ่งบางชิ้นไม่มีขายในไทย เราก็ฝากเพื่อนซื้อไลต์เซเบอร์จากต่างประเทศส่งมาให้ […]

Bangkok Women’s Film Festival โปรเจกต์ออกแบบที่อยากให้ผู้หญิงมีที่ทางในวงการภาพยนตร์ไทย

“ทำไมไม่ค่อยได้เห็นหนังของผู้กำกับหญิงไทยเลย” นี่คือคำถามตั้งต้นที่ทำให้ ‘เจ๋-กัลย์จรีย์ เงินละออ’ เริ่มต้นทำโปรเจกต์ส่วนตัวออกแบบ Identity Design เทศกาล Bangkok Women’s Film Festival (BKKWFF) ในไทย ด้วยความที่ทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ มีความชื่นชอบภาพยนตร์ และอินเรื่องเฟมินิสต์ จึงทำให้เธอพยายามหาข้อมูลโดยการรีเสิร์ชตามแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงพูดคุยกับเพื่อนที่เรียนกับทำงานด้านนี้ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ก่อนจะใช้ความถนัดทำงานสื่อสารเรื่องนี้ออกมา แน่นอนใครๆ ต่างรู้ว่าภาพยนตร์ไทยเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐและคนไทยส่วนใหญ่มักมองข้าม ทว่าในแวดวงที่ถูกหมางเมิน ไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ยังมีความกดทับอีกชั้นด้วยอคติทางเพศในวงการนี้ เห็นได้จากสัดส่วนอันน้อยนิดของผู้หญิงในงานภาพยนตร์ตั้งแต่ตำแหน่งเล็กจนถึงผู้บริหารใหญ่โต ยังไม่นับรวมความยากลำบาก และประสบการณ์การทำงานของคนทำงานผู้หญิงที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้ในสายอาชีพที่ถูกครอบครองโดยผู้ชายอีก ด้วยเหตุนี้ เจ๋จึงอยากเป็นเสียงหนึ่งของการผลักดันประเด็นนี้ด้วยการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีเทศกาลภาพยนตร์ของผู้กำกับหญิง เพื่อเป็นการสร้างพื้นที่และการันตีว่าผู้กำกับหญิงไทยมีความสามารถ ทำหนังได้หลากหลายแนว ควรได้รับการสนับสนุน แวดวงหนังไทยไม่มีผู้กำกับหญิง หรือไม่ได้รับการสนับสนุน ความสงสัยว่าทำไมแวดวงหนังไทยถึงไม่ค่อยมีผู้กำกับหญิงไม่ใช่คำถามที่เพิ่งเกิดขึ้น เจ๋คิดเรื่องนี้มาตลอดแต่ไม่เคยถึงขั้นค้นหาข้อมูลลงลึกจริงจัง จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้เธอสังเกตเห็นเวฟของหนังโดยผู้กำกับหญิงในหลายประเทศ ที่ค่อยๆ พัฒนาเติบโตมาเรื่อยๆ จนถึงปีนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น ซึ่งตามมาด้วยเทศกาล Women’s Film Festival ที่จัดขึ้นในหลายเมืองทั่วโลก เธอเลยลองรีเสิร์ชดูว่าประเทศไทยเคยมีงานลักษณะนี้บ้างไหม “จริงๆ ที่ไทยเคยมีเทศกาลประมาณนี้ชื่อ Fem Film Festival จัดโดย Bangkok […]

ฟังเสียงของคนทำหนังรุ่นใหม่ l Sound Check

“สายอาชีพอื่นเขามีหลายลู่ทาง แต่ในสายงานภาพยนตร์ ต้องให้เราไปเป็นฟรีแลนซ์อย่างเดียวถึงจะมีอนาคต?” นี่คือเสียงสะท้อนจากกลุ่มคนทำหนังรุ่นใหม่ที่ต้องเจอกับปัญหาที่คนดูอาจคิดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วยระบบอาวุโส ค่าตัวที่น้อยน่าใจหาย หรือแม้แต่นายทุนที่อยากได้หนังระดับล้านแต่จ่ายระดับร้อย และไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะมีอาชีพและได้ทำงานตามแพสชันของตัวเองตั้งแต่ก้าวออกจากรั้วมหา’ลัย หากไม่มีคอนเนกชันหรือคนรู้จักคอยหยิบยื่นโอกาสให้ เบื้องหน้าวงการหนังอาจเต็มไปด้วยความสนุกและดูฮาๆ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าคนเบื้องหลังต่างโอดครวญร้องฮือๆ กันอยู่ไม่น้อย Soundcheck ครั้งนี้จึงอยากพาทุกคนเข้าใจเส้นทางอาชีพในวงการหนังไทยมากขึ้น ผ่านบทสัมภาษณ์ของกลุ่มคนทำหนังรุ่นใหม่ อุปสรรคของเด็กฟิล์มคืออะไร โอกาสในอุตสาหกรรมนี้มีมากน้อยขนาดไหน และเรื่องหลังกล้องแบบไหนที่อยากให้คนดูเข้าใจ ไปฟังคำบอกเล่าของพวกเขาพร้อมกัน .ส่วนใครที่อยากดูผลงานของคนทำหนังรุ่นใหม่ เราขอชวนไปดู ‘Voices of the New Gen 2022’ หรือ ‘เสียง (ไม่) เงียบ 2022’ ภาพยนตร์สั้น 4 เรื่องที่สะท้อนปัญหาการเมืองและสังคมผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ กำหนดฉายวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ รับชมตัวอย่างได้ที่ https://bit.ly/3R7gdS4

อ่านสยิวกับงานหนังสืออีโรติกครั้งแรก ใน Bangkok Erotica Book Fest 2022 วันที่ 26 – 28 ส.ค. 65 ที่ Doc Club & Pub.

เดือนนี้ยังคงมีอีเวนต์งานหนังสือให้เหล่านักอ่านได้เลือกหนังสือกลับไปเก็บสะสมที่บ้านกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน โดยรอบนี้จะเป็นครั้งแรกของเทศกาลหนังสืออีโรติกในประเทศไทยกับ ‘Bangkok Erotica Book Fest 2022’ (BEB Fest) ที่ชวนทุกคนมาปลดปล่อยตัวตนทางเพศและจินตนาการอันเย้ายวนผ่านหนังสืออีโรติกกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งฉายภาพยนตร์และนิทรรศการศิลปะ กิจกรรมหลักภายในงานคือ ‘Erotica Book Fest’ การจำหน่ายหนังสืออีโรติกทั้งของไทยและต่างประเทศที่ทาง Books & Belongings และ Kledthai ได้คัดสรรมาให้เหล่านักอ่านได้ช้็อปกันกว่าร้อยรายการในราคาสุดพิเศษ หรือถ้าใครชอบความตื่นเต้นเร้าใจก็มี The Mysterious Bag ถุงสุ่มพิศวาสที่จะสุ่มหนังสือสุดเร่าร้อนให้ได้ลุ้นกันว่าจะได้หนังสือเล่มไหนไปครอบครอง นอกจากการจำหน่ายหนังสือเสียวๆ แล้ว งานนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ชวนให้วาบหวามใจอีกมากมาย ได้แก่  ‘Literature & Talks’ เสวนาวรรณกรรมอีโรติกจากเหล่านักเขียนและนักแปล ‘Films & Talks’ ชวนดูหนังอีโรติก (The Piano Teacher, The Dreamers และ Erotica Short Films by Wildtype) และพูดคุยเจาะลึกทุกมิติของหนัง ‘Erotica Workshops’ เรียนรู้วิธีการเขียนและการบรรยายฉากอัศจรรย์ […]

What Did You Eat Yesterday? หนังฟีลกู้ดไม่ขายจิ้น แต่ถ่ายทอดชีวิตจริงของเกย์ญี่ปุ่นที่ดูแล้วยิ้ม + หิว

What Did You Eat Yesterday? หรือ เมื่อวานคุณทานอะไร น่าจะเข้าไปอยู่ใน Watchlist ของใครหลายคนตอนที่สตรีมมิงเจ้าใหญ่นำมาเผยแพร่ให้คนไทยดู พร้อมกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากนักรีวิวที่ดูแล้วว่า นี่คือซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Slice of Life ที่ดูแล้วทั้งฟินและหิวไปพร้อมกัน  ที่ว่าฟิน เพราะมันถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักเกย์วัยกลางคนอย่างสมจริงและแสนจะอบอุ่นใจ โดยไม่ได้เน้นขายความจิ้น ความโป๊ หรือการแสดงความรักด้วยการแตะเนื้อต้องตัว กอดจูบกัน เหมือนซีรีส์ชายรักชายส่วนหนึ่งในสื่อเมนสตรีมจะเป็น อันที่จริง ถ้าจะมีอะไรในเรื่องนี้ที่นับเป็น ‘การแสดงความรัก’ ได้ มันคงจะเป็นบทสนทนาเรียบง่ายที่ตัวละครถามไถ่ความเป็นไปของกันและกันทุกวัน รวมไปถึงการทำอาหารอันละเอียดลออ ใส่ใจของ ‘ชิโร่’ ที่สอดแทรกเป็นกิมมิกในทุกๆ ตอน นำมาซึ่งความหิวของทั้ง ‘เคนจิ’ และคนดูอย่างเราและเพราะติดใจความฟิน/ความหิวของมันนี่แหละ เราจึงไม่พลาดจะเดินเข้าโรงหนังทันที เมื่อ What Did You Eat Yesterday? เวอร์ชันภาพยนตร์เข้าฉาย ย้อนกลับไปก่อนที่เรื่องนี้จะกลายเป็นซีรีส์ฮิต What Did You Eat Yesterday? เคยเป็นมังงะที่มียอดพิมพ์กว่า 5 ล้านเล่มในญี่ปุ่น ในความนิยมอันล้นหลาม Fumi […]

ตั๋วหนังราคาแพง เพราะต้นทุนสูงหรือถูกผูกขาด?

หลังจากกรุงเทพมหานครเริ่มจัดเทศกาล ‘กรุงเทพฯ กลางแปลง’ ตามสถานที่สาธารณะทั่วเมือง ปรากฏว่าเสียงตอบรับดีเกินคาด ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ ตบเท้าเข้าชมภาพยนตร์กลางแจ้งฟรีกันอย่างคึกคัก ต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น กระแสจากการฉายหนังกลางแปลงครั้งนี้จึงอาจเป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนไทยนิยมและชื่นชอบการดูภาพยนตร์กันมากเหมือนกัน แม้ว่าคนไทยจำนวนมากจะชอบการดูหนังบนจอขนาดยักษ์ แต่มันไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะยอมจ่ายเงินซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปดูหนังในโรง เพราะข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เผยว่า คนไทยดูหนังในโรงภาพยนตร์เฉลี่ยคนละ 0.5 เรื่องต่อคนต่อปี และมีอัตราที่ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับจำนวนโรงหนังที่เพิ่มขึ้น  หนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยเข้าโรงหนังน้อยลงอาจเป็นเพราะค่าบริการที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันตั๋วหนังหนึ่งที่นั่งมีราคาเฉลี่ยราว 220 – 280 บาทต่อเรื่อง หากรวมกับค่าเดินทางไปกลับ หรือซื้อน้ำดื่มและป็อปคอร์นเข้าไปกินในโรงหนังด้วย เผลอๆ แบงก์ 500 ก็ยังไม่พอจ่ายด้วยซ้ำ แม้มีความตั้งใจไปดูภาพยนตร์ในโรงสักเรื่อง แต่เมื่อเจอค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่สูงขนาดนี้ การดูหนังแต่ละทีจึงกลายเป็นความบันเทิงราคาแพงที่คนหาเช้ากินค่ำหรือเด็กจบใหม่ยากจะเอื้อมถึง เพราะค่าแรงขั้นต่ำของประเทศไทยอยู่ที่ระหว่าง 313 – 336 บาทต่อวัน แทบไม่ครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวันในประเทศไทย ที่ดัชนีอาหารจานเดียวเพิ่มสูงขึ้น 6.7 เปอร์เซ็นต์ จนราคาข้าวผัดกะเพราแตะจานละ 60 บาทเข้าไปแล้ว  วันนี้ Urban Creature จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาตั๋วหนังในประเทศไทยแพงขนาดนี้ และเมื่ออ่านจบแล้ว เราอยากชวนทุกคนคิดต่อว่าสาเหตุเหล่านี้สมเหตุสมผลหรือไม่ และในอนาคตประเทศไทยควรทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนการดูหนังในโรงภาพยนตร์ให้กลายเป็นความบันเทิงที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ […]

1 2 3

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 64 MB.