หลังปล่อยให้แฟนๆ เคป็อปหลายคนสงสัยอย่างมากว่า KWANGYA (광야) คืออะไรกันแน่ ภาพของเมืองล้ำจินตนาการที่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง SM Entertainment ลงมือสร้างสรรค์ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่แฟนๆ ชาวไทยบางคนก็ยังพูดติดตลกว่าจักรวาลที่มีดินแดนกวางยาของลุงหมาน (อี ซู-มัน) ผู้บริหารค่ายเอสเอ็มนั้นก็คือเมืองทิพย์ดีๆ นี่เอง
หลายครั้งคำว่ากวางยานั้นมักจะสอดแทรกอยู่ในเนื้อเพลงของไอดอลวงดังจากทางค่าย อาทิ วง aespa, NCT และ EXO ซึ่งส่วนใหญ่กวางยาถูกหยิบยกมาบอกเล่าในบริบทของเรื่องราวไซไฟ-แฟนตาซีน่าตื่นเต้น ผ่านบทเพลงอิเล็กทรอนิกป็อปและส่วนผสมทางดนตรีมันๆ ซึ่งมีเนื้อหาอัศจรรย์หลุดโลก ถึงขนาดที่คนเกาหลีใต้ยังงงว่านี่มันเพลงอะไรกันวะเนี่ย
ถ้าลองค้นคำว่ากวางยาในดิกชันนารีเกาหลีจะมีคำแปลว่าเป็นที่ราบหรือทุ่งโล่ง ซึ่งอาจตรงกับภาพทิวทัศน์พื้นที่ราบโล่งในวิดีโออินโทรซึ่ง SM นำเสนอผ่านคลิป SMCU the Origin ในขณะที่ถ้ามองกวางยาจากคำบอกเล่าและเรื่องราวของวงเกิร์ลกรุ๊ป aespa ชื่อนี้คือฉากหลังของดินแดนสักแห่งที่พวกเธอ และเหล่า æ aespa ร่างอวตารต้องทำภารกิจพิชิตเจ้า Black Mamba งูดำจอมวายร้ายที่มาสร้างความปั่นป่วนให้โลก
ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ค่ายเอสเอ็มแฝงละติจูดกวางยาเอาไว้ในมิวสิกวิดีโอของสี่ไอดอลสาวเฟี้ยส ยิ่งตอกย้ำว่าในโลกของพวกเรามีกวางยาอยู่ในอีกมิติจริงๆ และเมื่อนำละติจูดไปเสิร์ชในแผนที่ก็ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ชาว SM Stan อย่างมาก เพราะจริงๆ แล้วมันคือที่ตั้งสำนักงานสุดหรูแห่งใหม่ของบริษัทเอสเอ็ม บริเวณเขต Seongsu ในโซล ว่ากันง่ายๆ มองจากพื้นที่จริง กวางยาก็คือโลกในค่ายเพลงสีชมพูแห่งนี้นั่นแหละ อ๋อ ลืมบอกเอสเอ็มเคยแถลงไว้ด้วยว่ายูนิเวิร์สนี้ไม่มีใครครอบครอง แถมไม่มีพาสปอร์ตก็ร่วมแจมได้ทุกเมื่อ
มองจากจิ๊กซอว์ข้อมูลทุกตัว กวางยาเปรียบเสมือนเมืองที่เชื่อมบรรดาศิลปินในค่ายเอสเอ็มเอาไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่นภายใต้ชื่อ SM Culture Universe หรือ SMCU
ไอเดียอันยิ่งใหญ่นี้ เอสเอ็มได้โมเดลมาจากแบรนด์จักรวาล MARVEL (MCU) ยอดฮิตอันแข็งแกร่ง ซึ่งทั้งสองบริษัทได้ร่วมจับมือกันมาตั้งแต่โปรเจกต์ Super M อเวนเจอร์บอยแบนด์รวมมิตรไอดอลตัวท็อปของค่าย ที่ตั้งใจเข้าไปบุกตีตลาดฮอลลีวูดโดยเฉพาะ ด้วยโรลโมเดลที่แข็งแรงจากตะวันตกผนวกกับวัฒนธรรมป็อปเกาหลี เรื่องราวของศิลปินจึงมีมิติของภูมิหลังมากขึ้น
ในกรณีของเอสป้า แทนที่จะขายแค่ภาพลักษณ์ ความสามารถและความยากลำบากก่อนมาเป็นไอดอลที่ค่ายไหนๆ ต่างก็ทำ แต่ต่างตรงที่คาริน่า, จีเซล, วินเทอร์ และหนิงหนิง สี่สาวสมาชิกวง aespa มีร่างอวตารล้ำๆ เป็นของตัวเอง ตัวละครของสาวมั่นสี่คน เต็มไปด้วยความลึกลับ เก่งกาจ กล้าหาญและน่าดึงดูด ราวกับว่า MY แฟนดอมของพวกเธอจะได้ออกผจญภัยและเอาใจช่วยสาวๆ ในทุกบทตอน ขอเรียกแบบมั่นๆ สไตล์เกิร์ลครัชว่าพวกเราจะได้เดินแบบสับให้เมืองกวางยาลุกเป็นไฟไปพร้อมสาวๆ
ทีนี้แทนที่จะเปิดตัวสมาชิกแค่ 4 คน ก็เลยเดบิวต์พร้อมกันทั้งคนทั้งร่างอวตารรวม 8 คนเปรี้ยงๆ ไปเลย
ความน่าตื่นเต้นของประสบการณ์ติ่งยังไม่จบแค่นั้น เพราะเอสเอ็มปล่อยหนัง EP.1 ความยาว 10 นาทีจากจักรวาล SMCU ที่ชื่อ Black Mamba ออกมา ซึ่งทำให้เมนของค่ายยิ่งอยากติดตามตอนต่อไปไวๆ และดูเหมือนว่าจะยิ่งว้าวได้อีกเพราะท่านประธานอี ยังทะเยอทะยานที่จะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเธอในรูปแบบอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแง้มออกมาว่าค่ายได้รับการติดต่อเรื่องการทำหนังจากทางฝั่งฮอลลีวูดแล้วเสียด้วย
ในแง่สตอรี่ของ SMCU แม้จะมีองค์ประกอบที่น่าสนใจอย่างกวางยา, NAVIS หรือ KOSMO มากแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการกลับมาสำรวจตลาดเคป็อปที่มีการแข่งขันสูงระดับวัดความนิยมกันวินาทีต่อวินาที SMCU จึงถือเป็นโมเดลที่กล้าจะค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อการแสวงหาผลกำไรมหาศาล และเพื่อคงความนิยมของความเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ให้ยืนระยะยาวนานได้อย่างสง่างาม
เพราะถ้าจินตนาการก้าวต่อไปของลุงหมาน จักรวาลเมืองทิพย์ของท่านน่าจะสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ใช่แค่ขายอัลบั้ม พุ่งเป้ายอดสตรีม หรือขายบัตรคอนเสิร์ต แต่ยังเป็นเกม ซีรีส์ หนัง การ์ตูน รายการรูปแบบใหม่ๆ สร้างงานอีเวนต์ปังๆ และอื่นๆ อีกมากมายได้อีก ก็ถ้าเอสเอ็มดีไซน์ให้ æ ของสาวๆ วงเอสป้าพัฒนาตัวเองจากการอัปเลเวลต่างๆ ได้มากแค่ไหน ค่ายเอสเอ็มก็คงสร้างความตื่นเต้นบนคอนเซปต์ปังๆ ในจักรวาลของตัวเองได้ไม่แพ้กัน ทีนี้แหละใครที่ชอบมาล้อเลียน SMCU ก็อาจปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าไอเดียสุดแหวกของค่ายมันแปลกแต่ดีจริงๆ
เอ้า ถ้าพร้อมแล้วก็โดดเข้าไปเอนจอยในเมืองกวางยากันเลย