5 สเปซนอกบ้านเปลี่ยนบรรยากาศที่ทำงาน - Urban Creature

ตลอด 5 วัน วันละ 8 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่ชาว Urban Creature สแตนด์บายทำงานอยู่หน้าคอม เปิดเครื่องอัดเสียงสัมภาษณ์ผู้คนในเมืองเล็ก เมืองใหญ่ ถล่มไอเดีย และแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ใส่กันในทีมราวกับปล่อยพลัง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสิร์ฟคอนเทนต์ให้ผู้อ่านได้คิด วิเคราะห์ ตั้งคำถาม เกี่ยวกับทุกมิติของเมืองและผู้คน

การอุดอู้ทำงานในออฟฟิศ หรือหันมา Work from Home ตลอดสัปดาห์จึงเป็นทางเลือกที่ต้องเบรกดังเอี๊ยด (คิดงานไม่ออกจ้า) เพราะไอเดียในหัวจะแรงดีไม่มีตก ก็ต่อเมื่อเรากล้าเปิดประตูออกไปรับมุมมองใหม่ๆ ในสถานที่ใหม่ๆ อยู่เสมอต่างหาก

เพื่อเป็นการป้ายยาสเปซเจ๋งๆ สุดโปรดที่พวกเราไว้นั่งทำงานเงียบๆ ซึ่งไม่เคยบอกใครมาก่อน วันนี้เลยขออาสาแชร์ Work Routine ตลอด 5 วัน ว่าถ้าไม่อยู่ออฟฟิศ จะไปทำงานคนเดียวที่ไหนได้บ้าง ป้ะ! คาดเข็มขัดให้พร้อม เปิดเพลงฟังบนรถ ดูแผนที่นำทาง เช็กการจราจร แล้วไปตะลอน (ทำงาน) รอบกรุงด้วย ‘รถคันเดียว’ กันเลย

01 ห้องทำงานส่วนตัวเคลื่อนที่

เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ Hidden Place แรกสำหรับสเปซทำงานที่คุณอาจคาดไม่ถึง นั่นก็คือ ‘บนรถ’ เพราะในวันที่คุณยังคิดไม่ออกว่าจะไปเยือนสถานที่ทำงานนอกบ้านแห่งไหน รถ NEW MG ZS ที่เป็นฮีโร่คู่ใจพาคุณไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ นอกบ้าน ก็ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นห้องทำงานส่วนตัวเคลื่อนที่ได้ เพียงแค่คุณเปิด Panoramic Sunroof รับแสงและลมให้เข้ามา 

ปรับเปลี่ยนองศาของเบาะได้ตามใจด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Adjustable Seat) และระหว่างทำงานหากคิดว่ารถเงียบเกินไปแล้ว แค่เปิดเพลงคลอเบาๆ จาก Online Music ผ่านหน้าจอ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว เพียงเท่านี้ก็ได้ห้องทำงานส่วนตัวที่ถูกใจ

Panoramic Sunroof + Online Music + Electric Adjustable Seat = ห้องทำงานส่วนตัวเคลื่อนที่

สมการที่ลงตัวให้วันทำงานธรรมดา เป็นวันที่พร้อม Active ตั้งแต่การรับลมและแสงธรรมชาติที่สดชื่น ฟังเพลงเบาๆ จนรู้สึกผ่อนคลาย รวมไปถึงเบาะระบบไฟฟ้าที่ไม่ว่าจะนั่งท่าไหน ก็สบาย ไม่มีเมื่อย

เช้าวันอังคารเรามีนัดล้อมวงประชุมเพื่อแชร์ไอเดียเจ๋งๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การรวมกลุ่มกันเป็นไปได้ยาก การเปิดกล้องและสนทนาผ่าน ZOOM จึงเป็นชอยส์ที่ดีที่สุด ณ เวลานี้

ล้างหน้า ล้างตาเรียบร้อย เราไม่รีรอเปิดประตู หย่อนตัวนั่งบนรถคู่ใจอย่าง NEW MG ZS ที่มีเอกลักษณ์สไตล์อังกฤษ ให้ลุค Sport และ Smart ดีไซน์ภายนอกดูโฉบเฉี่ยว โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อม DAYTIME RUNNING LIGHTS และเสริมความเท่ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ขับสนุกคล่องตัว

โดยจุดหมายแรกที่จะพาเราเปลี่ยนจาก Work from Home สู่ Work from Co-working Space คือ Beaker and Bitter คาเฟ่และสเปซย่านอารีย์ที่จับเอาความต้องการของคนทำงานมาสร้างพื้นที่ทำงาน

02 Beaker and Bitter 

Wi-Fi แรง มีที่นั่งทำงานส่วนตัว เงียบ ร้านคอนเซปต์ดี กาแฟรสชาติเยี่ยม ปลั๊กพร้อม ลืมเอาสายชาร์จมาก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีเตรียมไว้ให้ มีผ้าห่มไว้กันหนาว และมีเก้าอี้นวดให้นั่งได้ฟรีๆ ตอนพัก ที่สำคัญมีที่จอดรถให้ สิ่งเหล่านี้คงเป็น Co-working Space ซึ่งหลายคนอ่านแล้วคงอยากเอาคอมไปนั่งทำงานดูสักครั้ง เพราะมัดรวมความต้องการของคนทำงานไว้ครบครันเลยทีเดียว…Beaker and Bitter มีทั้งหมดที่กล่าวมา

“คาเฟ่ส่วนใหญ่ตั้งธงแรกคือภาพลักษณ์ถ่ายรูปสวย แต่เราตั้งธงจากการอยากทำพื้นที่ทำงาน ให้เวลาคนถามเพื่อนว่าวันนี้ไปทำงานที่ไหนดี แล้วมีชื่อร้านเราลอยขึ้นมาลิสต์แรกๆ แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่น่านั่ง และมีเรื่องราวด้วยนะ” ‘เคน’ เจ้าของร้าน Beaker and Bitter คุยกับเราก่อนเวลาทำงาน

เขาเป็นสจ๊วตหนุ่มที่รักการดื่มกาแฟ จนผลิตกาแฟขวด Cold Brew ขายออนไลน์อยู่พักหนึ่ง และยังชอบเสาะหาร้านกาแฟที่พอจะนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือได้ จึงมีความฝันอยากเปิดร้านที่ขายทั้งกาแฟและเป็นสเปซทำงาน (นั่งฟรียาวๆ ได้ ไม่ต้องกลัวใครว่า) กระทั่งมาเจอทำเลย่านอารีย์ที่เป็นโรงงานผลิตยาอายุ 50 ปี เขาขึ้นไปสำรวจรอบตึก สะดุดตาขวดยา กล่องยา ตำราโบราณ และอุปกรณ์การแพทย์เก่าแก่ เลยรู้สึกว่าในเมื่อเรื่องราวที่มีมันเก๋าอยู่แล้ว ก็คงความเป็นวิทย์ๆ แต่ปรับนิดให้ติสท์ๆ ตามสมัยได้ จนเกิดเป็นร้าน Beaker and Bitter คอนเซปต์ห้องแล็บ ที่มีทั้งกาแฟ และที่นั่งทำงาน

“คนไทย พอได้ยินคำว่า Co-working Space คำถามแรกคือต้องเสียเงินแน่เลย เราเลยอยากให้ลูกค้าได้นั่งกันฟรีๆ ขอแค่อุดหนุนกาแฟร้านเราก็พอ”

ที่นี่แบ่งสเปซเป็น 4 โซน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากศัพท์นักบิน ได้แก่
Alpha คือโซนห้องเงียบ ที่มีกฎห้ามพูดคุย เหมาะสำหรับคนต้องการสมาธิ
Bravo คือโซนคอมมูนิตี้ ซึ่งสามารถนั่งคุยกันได้

Charlie คือห้องประชุมใหญ่
Delta และ Echo คือห้องประชุมเล็ก 

ห้องประชุมจะเสียค่าเข้า เริ่มต้นที่ 250 บาท/ชั่วโมง แต่มีทีวี สายต่อ หัวแปลง และโปรเจกเตอร์ให้ครบ!

| Beaker and Bitter 
เปิด : ทุกวัน 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 08-2989-6946
Facebook : Beaker and Bitter

“ฮัลโหล MG โทรหาอั้ม!”

สองมือที่ขับพวงมาลัยอยู่ทำให้เราไม่สามารถหยิบโทรศัพท์โทรออกหาเพื่อนที่นัดกันไปหาแรงบันดาลใจ แต่กับรถคันนี้กลับไม่เป็นอุปสรรค เพราะ NEW MG ZS มีระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย การสั่งโทรออกจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา แค่พูดออกมา ว่าจะโทรหาใครก็เชื่อมต่อกับเบอร์โทรศัพท์ในเครื่องให้ทันที

03 Baan plan cafe and library

วันพุธแบบนี้ มนุษย์ชอบเข้าร้านหนังสืออย่างเรา อยู่ดีๆ ก็นึกอยากบุกไปห้องสมุด ถ้าได้อ่านหนังสือทั้งเก่าและใหม่ คงทำให้ไอเดียพลุ่งพล่านเป็นแน่ แต่เรื่องตลกคือ แม้จะรับบทเด็กเนิร์ดชอบอ่านหนังสือมากแค่ไหน แต่อ่านไปไม่ถึง 10 หน้าทีไร ง่วงเหงาหาวนอนทุกที จุดหมายของเราและเพื่อนในวันนี้จึงเป็น Baan plan cafe and library ที่มีทั้งห้องสมุดและกาแฟ (แก้ง่วง) ในร้านเดียว

บ้านแปลน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นธุรกิจของกลุ่มบริษัทแปลน ซึ่งเป็นองค์กรนักออกแบบที่สร้างสถาปัตยกรรมด้วยแนวคิดคืนกำไรสู่สังคมมากว่า 40 ปี (Urban Creature เคยเขียนถึงหนึ่งในผลงานการออกแบบเพื่อผู้อยู่อาศัยของ Plan Architect ลองไปอ่านกันได้นะ https://urbancreature.co/nurse-dormitory-chulalongkorn-memorial-hospital/) เช่นเดียวกับคาเฟ่และห้องสมุดแห่งนี้ ที่เมื่อต้นปีกลุ่มแปลนได้ชุบชีวิตห้องสมุดประชาชนแสงอรุณ ซึ่งเคยเปิดให้ประชาชนมายืมหนังสือได้เมื่อหลายปีก่อน เป็นธุรกิจใหม่ที่เปรียบเสมือนพื้นที่นัดเจอเพื่อนๆ มาหยิบหนังสืออ่านได้เหมือนเดิม แต่ไม่มีระบบบรรณารักษ์แล้ว (อ่านได้เลยยาวๆ เฉพาะที่ร้าน) ทำให้คนละแวกนั้นทั้งคนในชุมชน และชาวต่างชาติต่างดีใจว่า ห้องสมุดกลับมาแล้ว 

โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่นๆ มีทั้งกาแฟ พื้นที่จัดกิจกรรมทั้งเวิร์กช็อปและเพื่อการกุศล รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ฝีมือชาวบ้านจังหวัดต่างๆ มาวางขาย ที่ตั้งใจให้ตรงกับคอนเซปต์ Social & People Place

ชั้นสองของที่นี่เรียงรายไปด้วยหนังสือมากมาย และมีที่นั่งพร้อมปลั๊กไฟ ทีมแปลนบอกเราว่าสามารถยกคอมมานั่งแช่ได้เลยยาวๆ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการคืออยากเห็นชุมชนละแวกนี้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง 

เผลอแป๊บเดียวเราก็สั่งกาแฟเดอร์ตี้ กินคู่กับครัวซองต์รสชาติดี นั่งเพลินๆ ไปหลายชั่วโมงเลยแหละ

| Baan plan cafe and library 
เปิด : ทุกวัน 07.00 – 17.00 น.
โทรศัพท์ : 09-4747-1642
Facebook : Baan plan cafe

เสพหนังสือกันไปแน่นๆ แล้ว วันนี้เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเสพศิลป์ระหว่างทำงานกันบ้าง ว่าแต่ร้านแบบนั้นมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ เราจึงเลือกใช้ฟังก์ชันบนรถ NEW MG ZS ช่วยค้นหา เพราะแค่เลือกร้านผ่านจอในระบบปฏิบัติการ i-SMART ซึ่งมีฟังก์ชัน Food & Travel Guide ที่จะช่วยคุณแนะนำร้านดีๆ ที่น่าสนใจพร้อมระบบ Smart Navigation นำทางโดยไม่ต้องกลัวหลง

Chim Chim Bangkok เป็นร้านสแตนด์อะโลนย่านสยามที่ทำเราสะดุดตา เพราะแถวนั้นมองไปทางไหนก็เจอแต่ห้างสรรพสินค้า เราเลยให้ระบบ Smart Navigation นำทางไปยังจุดหมายอย่างไม่รีรอ ถึงแม้ช่องจอดรถจะแคบไปสักหน่อย แต่ด้วย 3D Around View Monitor แสดงภาพแบบ 360 องศารอบคัน ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้นไปอีก

04 Chim Chim Bangkok

สิ่งแรกที่เห็นขณะสองเท้าย่างก้าวเข้าไปใน Chim Chim Bangkok คือบรรยากาศร้านที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ สเปซ งานศิลปะ อัดแน่นลวดลายและสีสันสไตล์ยุค Dadaism ซึ่งทำให้อดคิดในใจว่า ทำไมเราเพิ่งได้มาร้านนี้ครั้งแรกเนี่ย พลาดมาก!

ทีม Chim Chim บอกเราว่า ความตั้งใจของทางร้านที่มีมากกว่าอาหารฝีมือเชฟโรงแรม Siam@Siam Design Hotel คืออยากให้ Neighborhood ย่านสยามคึกคักแม้อยู่นอกห้างฯ ถ้าใครก็ตามที่อยู่สยาม แล้วคิดสเปซนั่งชิล หาแรงบันดาลใจไม่ออก ที่นี่จะเป็น Spot ที่ควรมา เพราะมีต้นไม้รอบๆ ภายในร้านเปิดรับแสงธรรมชาติ มีปลั๊กพร้อมทุกโต๊ะสำหรับนั่งทำงาน โดยโต๊ะสวยๆ ที่วางอยู่ทั่วร้าน เป็นงาน Custom Made ด้วยหินขัดหรือเทอร์ราซโซ และยังมีโต๊ะและเก้าอี้บางชิ้นซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ Upcycling ทำจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเก่าเกือบพังที่เอามาบุใหม่ พร้อมเพิ่มสีสันและแพตเทิร์นสดใสให้มีชีวิตอีกครั้ง

รอบๆ ร้านยังแสดงงานศิลปะของศิลปินมากฝีมือซึ่งปรับเปลี่ยนไปทุก 3 – 6 เดือน ซึ่งตอนนี้ที่จัดแสดงอยู่คือผลงานของ Munchausen คู่ดีไซเนอร์ฝรั่งเศสในเมืองไทย ที่วาดเรื่องราวของตนเองจากภาพถ่ายในโทรศัพท์

นอกจากร้านจะสวยแล้ว อาหารก็การันตีความคราฟต์ มื้อเที่ยงของเราวันนี้เลยขอฝากท้องไว้กับ Rocket & Prosciutto และ Smashed Avocado & Feta Toast ที่มีความพิเศษคือใช้แป้ง Sourdough หมัก 48 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน และใช้ชีสจากเกษตรกรชาวเชียงใหม่ และแน่นอนไข่ไก่ก็ต้องเลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติ ทำให้มั่นใจว่าคุณภาพเต็มคำจริงๆ

| Chim Chim Bangkok
เปิด : ทุกวัน 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 02-217-3000
Facebook : Chim Chim Bangkok

วันศุกร์มาบรรจบก่อนจะออกหาที่ทำงานนอกบ้าน (วันนี้เล็งไว้ว่าอยากทำงานท่ามกลางพื้นที่สีเขียว เพราะร้อนมากกกก) เราขอเช็กสภาพรถก่อนดีกว่า ซึ่งรถ NEW MG ZS ของเรา มีระบบ Remote Vehicle Diagnosis เช็กรถผ่านแอปพลิเคชัน i-SMART บนโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นสถานะเครื่องยนต์ ลมยาง และระดับน้ำมัน ก็รู้หมด ช่วยเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางได้ง่ายๆ

เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยหายห่วง ก็ออกเดินทางไป ฌอเฌอคอฟ พื้นที่ทำงานและร้านกาแฟริมคลองท่ามกลางธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ใจกลางลาดพร้าว 16 ที่จะเปลี่ยนการทำงานของคุณให้ผ่อนคลายด้วยลมเย็นๆ ต้นไม้พลิ้วไหว นกบินไปมา ซึ่งหาบรรยากาศแบบนี้ได้ยากในกรุงเทพฯ เหมือนกันนะ 

ก่อนจะไปเราไม่ลืมเช็กสภาพอากาศวันนี้ด้วยระบบ Weather Forecast เพียงแค่จิ้มเมนูบนหน้าจอก็รู้ล่วงหน้าว่าฝนจะตกแดดจะออกพายุจะเข้า เตรียมตัวไว้ก่อนจะดีกว่านะ

05 ฌอเฌอคอฟ

ขับเข้าซอยลาดพร้าว 16 มาประมาณ 50 เมตร เราจะเห็นร้านสีขาวสบายตาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวชอุ่ม ป้ายหน้าร้านตัวอักษร ‘ฌ’ ตัวใหญ่ส่งสัญญาณแน่ชัดว่าเรามาถึงแล้ว

ไฮไลต์ของ ฌอเฌอคอฟ บ่อปลาสวายขนาดใหญ่ เน้นบรรยากาศ Outdoor รับลมเย็นๆ เสียงนกร้องดังตลอดทั้งวัน ที่เจ้าของร้านอยากปรับปรุงพื้นที่เก่าซึ่งมีแค่บ่อน้ำตั้งอยู่ให้เป็นคาเฟ่และที่ทำงานของคนรักความสงบ ให้ความรู้สึกเหมือน Oasis เล็กๆ น่ารักๆ ใจกลางเมือง

หากคุณกังวลว่าจะมีที่จอดรถหรือเปล่า ขอบอกว่ามาร้านนี้ไม่ต้องกลัว เพราะภายในร้านมีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง ต้อนรับคนมานั่งทำงาน จิบกาแฟดีๆ กินเค้ก Homemade อบสดทุกจานของทางร้าน และดื่มด่ำกับความรู้สึกเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มสมาธิให้วันทำงานของเราไปอีกสเต็ป

| ฌอเฌอคอฟ
เปิด : ทุกวัน 09.00 – 19.30 น.
โทรศัพท์ : 06-2478-2615
Facebook : ฌ ฌอเฌอ คอฟ

ปิดท้ายสัปดาห์ที่สุด (งาน) เดือด เรายังคงมุ่งหน้าไปต่อที่ Muchroom coworking space เพราะเป็นพื้นที่ทำงานซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีโต๊ะและเก้าอี้ในสัดส่วนที่นั่งสบาย แสงสว่างเหมาะแก่การทำงาน 

ก่อนจะถึงร้านที่ตั้งอยู่ในซอยประดิพัทธ์ 23 อยู่ดีๆ ก็อยากหาเพลงฟังสร้างบรรยากาศเพื่อเปิดรับไอเดียใหม่ๆ สักนิด เราเลือกใช้ Apple CarPlay เชื่อมต่อได้สะดวกผ่าน USB port เพียงเท่านี้ก็ฟังเพลงได้ง่ายๆ สบายๆ ผ่อนคลายระหว่างขับรถ

06 Muchroom coworking space

Muchroom ในที่นี้แปลว่า ห้องเยอะ แต่พ้องเสียงกับ Mushroom ที่แปลว่าเห็ด สเปซแห่งนี้จึงเป็นบ้านเห็ดซึ่งมีห้องและมุมให้ผู้คนได้หย่อนตัวทำงาน หรือหาที่นั่งเล่นเยอะแยะมากมาย ซึ่งเกิดจากกลุ่มเพื่อนทำงานฟรีแลนซ์ 3 คน ที่ประสบปัญหาในการทำงานที่บ้านตัวเอง จึงอยากมีบ้านอีกหลังไว้เป็นที่สำหรับทำงานสงบๆ และ Productive

เมื่อทั้งสามได้เจอบ้านเก่าอายุ 50 ปีหลังนี้ เลยรีโนเวตออกมาเป็นพื้นที่นั่งทำงานกว้างขวาง วางหน้าตาในมุมที่แสงธรรมชาติเข้าถึง รายล้อมไปด้วยหนังสือมังงะ วรรณกรรม ไปจนถึงประวัติศาสตร์ (วันนั้นที่ไปเจอหนังสือเล่มโปรดอย่าง Eclipse หนึ่งในนิยายชุดแวมไพร์ ทไวไลท์ด้วย) และมีสวนหลังบ้านไว้ให้เดินเล่นพักสายตาได้ตลอดเวลา

สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่บอกเลยว่าอัดแน่น ทั้งฟรี Wi-Fi ฟรีเครื่องดื่ม ไม่ต้องแย่งกันใช้ปลั๊ก มุมโซฟาเอนหลัง อาหารว่าง มีบริการอาหารตามสั่ง แฟกซ์ เครื่องถ่ายเอกสาร สแกนเนอร์ อุปกรณ์สำนักงานครบ ห้องประชุมส่วนตัว และบริการพนักงานรับส่งเอกสารคอยสแตนด์บาย ที่นี่จึงเป็นอีกจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด

| Muchroom coworking space
เปิด : ทุกวัน 09.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 02-618-7800
Facebook : Muchroom coworking space

หลังจากทำงานเสร็จ ก็ถึงเวลากลับบ้านไปพักผ่อน ทว่าช่วงเวลาเย็นๆ แบบนี้ เป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่รถมีโอกาสติดหลายชั่วโมง แต่เบาใจได้ขึ้นมานิดหน่อยเพราะรถ NEW MG ZS มีระบบ Smart Navigation คอยเช็กการจราจรได้ก่อนว่าทางไหนไปได้เร็ว ทางไหนไปแล้วชะงักอยู่อีก 10 ปี ก็เลี่ยงเส้นทางกันได้เลย 

ทุกการออกไปทำงานตั้งแต่ต้นสัปดาห์ยันปลายสัปดาห์ เรามีเพื่อนคู่ใจ ไปไหน ไปกัน และคอยทำให้อุ่นใจทุกครั้ง ด้วยฟังก์ชันมากมายที่ตอบโจทย์การเดินทาง แถมบางวันยังสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นห้องทำงานส่วนตัวเคลื่อนที่ได้

“ทั้งหมดนี้คือ NEW MG ZS บัดดี้สุดสมาร์ต ที่เป็นได้มากกว่ารถยนต์”

Writer

Photographer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.