โลกแห่งจินตนาการที่พาทุกคนย้อนความทรงจำ
คนที่เคยมาเที่ยวโตเกียวน่าจะคุ้นกับชื่อ Seibu กันบ้าง เพราะเป็นหนึ่งในบริษัทรถไฟยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น คุณเซบุเขาทำสวนสนุกด้วยคือ Seibuen Yuenchi (เซบุเอ็น ยูเอ็นจิ) เริ่มสร้างความสนุกมาตั้งแต่ปี 1950 และเพิ่งอายุครบ 70 ปีเมื่อปีที่แล้วเลยรีโนเวตสวนใหม่เพื่อเฉลิมฉลองวัยเก๋า ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ธีมของสวนเจนฯ ใหม่คือโลกที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและชวนให้อบอุ่นหัวใจ คนที่มาจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเก่าๆ สไตล์วินเทจที่ชวนให้คิดถึงยุคโชวะของญี่ปุ่นโดยอิงยุค 60 เป็นหลัก
เราชอบสภาพภูมิประเทศของที่นี่มาก มีการเล่นระดับเนินน้อยใหญ่มากมาย แถมมีต้นไม้เขียวขจีชวนสดชื่น เจ้าหน้าที่ของสวนแอบกระซิบบอกเรามาว่า เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นป่าเขา ตอนสร้างสวนสนุกเลยพยายามคงสภาพทางธรรมชาตินั้นไว้ให้ได้มากที่สุดรวมไปถึงต้นไม้ด้วย ถ้าเราขึ้นยูเอฟโอที่ชมวิวได้ 360 องศาหรือชิงช้าสวรรค์จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวที่เต็มไปด้วยความร่าเริงของสวนสนุกซึ่งหาดูยากในเมืองใหญ่
ส่วนบรรยากาศวินเทจ ถ้าคิดไม่ออกว่าเป็นยังไง ลองคิดว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของหนังเรื่อง Always Sunset on the Third Street ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1958 ตอนโตเกียวทาวเวอร์กำลังจะสร้างเสร็จ เราสามารถเดินสำรวจวิถีชีวิตชาวบ้านในย่านที่อยู่อาศัยบนถนนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน อันเป็นที่มาของความอบอุ่นที่จับใจ
ความวินเทจก็ลงดีเทลมาก เช่น เมนูอาหาร ราคาสินค้าอาหารต่างๆ ปรับให้เข้ากับยุคนั้นทั้งหมด (เราเลยต้องแลกธนบัตรที่น่ารักสุดใจ) มีขนมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนอย่าง shiberia (ชิเบะริอะ) ซึ่งเป็นเค้กคัสเทล่าประกบไส้วุ้นถั่วแดงบด คุณป้าที่ร้านขนมบอกเราว่า เป็นขนมโบราณยอดฮิตที่ทางเซบุเอ็นออเดอร์จากคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านขนมเก่าแก่จริงๆ
อีกหนึ่งคีย์เวิร์ดสำคัญของที่นี่คือ Sunset หรือ Yuhi ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชื่อโซนและอาคารต่างๆ เพราะแสงสีส้มอันอบอุ่นที่ชวนให้ใจสงบแบบที่เราเห็นในหนัง เป็นอีกหนึ่งพระเอกของเซบุเอ็นที่มีมาตั้งแต่อดีตของที่นี่ยังไงล่ะ
โซนเด็ดปรับปรุงใหม่ในวัย 71 ปีคือ Yuhi no Oka Shotengai ถนนช้อปปิงที่บรรยากาศสุดวินเทจ ร้านรวงต่างๆ ถูกสร้างขึ้นมาอิงตามยุค 60 องค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ อย่างสินค้า ชุดพนักงานต่างๆ ล้วนทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เหมือนเราได้เข้าไปในโลกอดีตที่ชาวเมืองดำเนินชีวิตอยู่ตามปกติ
Let’s go! Leo Land โซนเครื่องเล่นไม่หวือหวาแต่ว้าวใจสำหรับครอบครัว โอตาคุเตรียมกรี๊ดเพราะได้คาแรกเตอร์จากการ์ตูนของ Tezuka Osamu มาเป็นผู้มอบความสนุกสนานยันพื้นคอนกรีตที่เพนต์เป็นเกมทอยลูกเต๋าเดินตามตารางเพื่อแข่งกันเข้าเส้นชัย (ปรับเป็นการเป่ายิ้งฉุบแทนเพื่อความสะดวก) และอีกโซนคือ Gozilla the Ride เครื่องเล่นสุดพีกที่เรากรี๊ดมาก ยกให้เป็นท็อปทรีหมวดเครื่องเด็ดอินเจแปน ไม่เสียแรงที่ได้ Yamazaki Takashi ผู้กำกับหนังเรื่อง Always และโปรดิวเซอร์ที่ทำโชว์ให้ USJ มาสร้างสรรค์
สุดท้ายที่ไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ต้องพูดถึงความกรุบคือการได้เล่นเป็นคนขับรถไฟที่ต้องพยายามไปให้ถึงและจอดที่สถานีตรงเวลาหลักวินาที เวรี่เจแปนนีสมาก เป็นเครื่องเล่นที่สมเป็นบริษัทรถไฟมากๆ ควรลองด้วยประการทั้งปวง
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติ ถ้าพูดถึงสิ่งที่ชวนให้คิดถึงยุคโชวะก็ต้องหนังเรื่อง Always และอานิเมะกับภาพยนตร์ที่เป็นตัวแทนยุค 1960 อย่างเท็ตซึกะ โอซะมุกับก็อตซิลลาจริงๆ นั่นแหละ
โลกใบเก่าที่พร้อมปรับตัวเข้ากับโลกปัจจุบัน
เล่ามาขนาดนี้ ขอเบรกตัวเอี๊ยดแทน Seibuen ว่าอย่าคาดหวังความเป็นพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมกลางแจ้ง อาคารสองข้างทางใน Yuhi no Oka Shotengai ไม่ได้ตั้งใจสร้างให้เหมือนเป๊ะกับสมัยก่อนขนาดนั้น แต่เน้นส่งเสริมสร้างบรรยากาศความคึกคัก ความอบอุ่นหัวใจแบบที่พบได้ในท้องถิ่นสมัยก่อน
“สวนเก่าแล้ว แต่ทำยังไงให้คนที่มาไม่รู้สึกว่าเก่า แต่กลับชวนให้คิดถึงเรื่องราวในอดีต” เจ้าหน้าที่เล่าเรื่องโจทย์การปรับปรุงสวนให้เราฟัง
อย่างที่บอกไป ที่นี่เปิดมานานมาก ในยุครุ่งเรืองช่วงปี 1987 มีคนมาเที่ยวที่นี่ปีละเกือบ 2 ล้านคน แต่พอเครื่องเล่นเก่า ความต้องการของคนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ยอดเลยตกเหลือแค่ 500,000 คน/ปี เป็นสัญญาณบอกให้ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ แต่การจะรีโนเวตทำใหม่ทั้งสวนต้องใช้เงินและเวลามหาศาล การเปลี่ยนความเก่าแก่เป็นจุดขายเลยกลายเป็นแนวทางที่เข้าท่าและเข้ากับ Identity ของสวนที่ก็สร้างขึ้นในยุคโชวะ ถ้าจะมองหาสวนสนุกที่เข้าใจความรื่นเริงของยุคนั้นอย่างถ่องแท้ก็ต้องที่นี่นั่นแหละ
โจทย์นั้นเลยนำไปสู่ Live Entertainment จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของเซบุเอ็น
Live Entertainment ที่ว่านั้นคือความเซอร์ไพรส์มากมายที่อาจเกิดขึ้นที่ Yuhi no Oka Shotengai เท่าที่พอจะเล่าได้ไม่สปอยล์ เช่น ในขณะที่เราเดินดูของ ซื้อขนมกิน อาจจะมีการไล่จับผู้ร้าย (อันสนุกสนาน) ระหว่างโจรและตำรวจ และการประมูลขายผลไม้สุดฮาของพ่อค้าที่ตื๊อสุดใจเกิดขึ้นบนท้องถนน นักแสดงไม่ได้แค่โผล่มาแสดงให้ดูเฉยๆ แต่มีการพูดคุยโต้ตอบกับพวกเราเหมือนอยู่ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ แม้ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นแค่ดูท่าทางและภาษากายก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและอยากเข้าไปเป็นไทยมุงกับเขาอยู่ดี
การไม่บอกตารางอีเวนต์ล่วงหน้าทำให้เราได้สนุกไปกับเรื่องราวในโลกจินตนาการอย่างเป็นธรรมชาติ และถ้าไม่เจออะไรจริงๆ ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะแค่เดินไปมาเฉยๆ ก็มีชาวบ้าน (เอเคเอ เจ้าหน้าที่) เข้ามาชวนคุยอย่างเป็นกันเอง การได้รับไมตรีจากคนแปลกหน้าก็เป็นอีกหนึ่งความชุบชูใจที่พบได้อย่างง่ายดายในสวนแห่งนี้
ความสุขที่ได้รับจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริงดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากในยุคที่สื่อโซเชียลทั้งหลายเฟื่องฟู เมื่อจุดเด่นของวิถีชีวิตในอดีตดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะกับหัวใจของคนในโลกปัจจุบัน เซบุเอ็นเลยหวังให้ความสนุกและเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นบนถนนเส้นนี้ช่วยให้คนในยุคปัจจุบันระลึกถึงความสำคัญของความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ขึ้นมาบ้าง
โลกในอดีตที่เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงได้
คำถามแรกที่เกิดขึ้นในใจตอนรู้ว่าที่นี่คือสวนสนุกธีมวินเทจ ขายความคิดถึงความทรงจำในวัยเด็กคือ แล้วจะขายวัยรุ่นในปัจจุบันได้เหรอ?
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของสวนสนุกคือวัยรุ่นวัยใสใส่คอซองที่ไม่น่าเกิดทันจะอินไปกับยุคโชวะ คาแรกเตอร์เรียกแขกก็อะตอมเอย แบล็กแจ็กเอย ก็อตซิลลาเอย น้องๆ จะรู้จักไหม ส่วนผู้สูงอายุน่าจะอินแน่ๆ แต่จะยังอยากเที่ยวสวนสนุกมั้ยนะ
คำตอบคือ ขายได้หมดทุกกลุ่ม แถมลูกค้าหลักคือสาวๆ อายุ 10 – 29 ปี
ก่อนจะรีโนเวต เซบุทำสำรวจอย่างจริงจังและพบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างประเทศในปัจจุบันไม่ได้ต้องการแค่สถานที่ที่น่าสนใจ แต่ชอบเสพ ‘เรื่องราว’ ด้วย
การพากลับไปยังอดีตที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักเลยกลายเป็นอีกเรื่องราวที่น่าสนใจและขายได้ดี ยิ่งหลังความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Always ทำให้กระแสโชวะมาแรง มีสินค้า แหล่งท่องเที่ยวที่ขายความวินเทจเกิดขึ้นมากมาย กลิ่นอายเก่าๆ เลยไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปนัก
แถมที่นี่คือญี่ปุ่น เมืองที่คนไปเที่ยวสวนสนุกแบบจัดเต็ม สาวๆ หลายคนตั้งใจใส่ชุดแบบโชวะมาถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน บางคนถึงกับยืมเสื้อผ้าของแม่มาใส่ กลายเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ช่วยสานสัมพันธ์ในครอบครัวขึ้นไปอีก ตอนที่เราไปเจอ 2 สาวใส่ชุดกิโมโนลายวินเทจจัดเต็มมาเที่ยวกันเลยแอบเข้าไปคุย พวกเธอบอกว่าตั้งใจเช่าชุดเลือกลายวินเทจโมเดิร์นมาใส่เที่ยวที่นี่โดยเฉพาะ ส่วนครอบครัวที่พ่อแม่มีลูกเล็กก็อยากพาเด็กๆ มารู้จักกับความทรงจำในวัยเด็กของตัวเอง
“พ่อครับ ผมดีใจที่ได้มาเที่ยวในยุคที่ผมยังไม่เกิด เหมือนได้ย้อนอดีตเลย” เด็กน้อยวัยไม่น่าเกิน ป.3 พูดกับพ่อแม่ระหว่างรอรถไฟกลับบ้าน
คนที่เกิดไม่ทันก็สนุกและอินไปกับที่นี่ได้เพราะความสนุกและความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการสร้างความสัมพันธ์ผู้คนคือสิ่งที่ดีต่อใจจริงๆ ด้วยสินะ