Sara Cultural Centre คือหนึ่งในโครงการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืนที่ถูกนำเสนอใน Build Better Now นิทรรศการออนไลน์ในวาระการประชุม #COP26 ที่เพิ่งจบลงไป เป็นอาคารไม้ที่สูงที่สุดในโลกแห่งใหม่ล่าสุดในปี 2021 และเพิ่งเปิดให้ใช้งานเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา อาคารหลังนี้ไม่ได้เป็นเคสที่น่าสนใจแค่เรื่องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างการออกแบบพื้นที่สาธารณะใจกลางเมืองขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและทำให้คนเข้าถึงศิลปะและวัฒนธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น
อาคารไม้ 20 ชั้น ความสูง 80 เมตรแห่งนี้ เป็นโครงการของเมืองเชลเลฟเตโอ (Skellefteå) ในประเทศสวีเดน ที่เปิดให้มีการประกวดแบบเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเฟ้นหาสถาปนิกมือดีที่จะทำให้พื้นที่ใจกลางเมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงๆ ซึ่งผู้ชนะการออกแบบคือ White Arkitekter ที่เนรมิตอาคารไม้ให้ออกมาสวยงามและพลิกโฉมวงการก่อสร้างให้ดีต่อสิ่งแวดล้อมได้ในทุกมิติ
ปัจจุบันเชลเลฟเตโอเป็นเมืองที่มีประชากรเพียง 72,000 คน แต่อาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในแผนพัฒนาที่จะดึงดูดให้คนตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ให้ได้มากขึ้นถึง 100,000 คนในปี 2030 เพราะอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้จัตุรัสใจกลางเมือง ใกล้กับศูนย์การท่องเที่ยว มีประตูให้เข้าได้จากทุกทิศทาง มีถนนล้อมรอบ ชั้นล่างยังเป็นกระจกใสที่ทำให้คนที่ผ่านไปมาสามารถมองเห็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในได้ตลอดเวลา และที่สำคัญยังอยู่ในจุดที่คนเมืองสามารถเข้าถึงง่ายๆ ด้วยขนส่งสาธารณะ
อาคารแห่งนี้มีทั้งหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ โรงละคร ห้องสมุดประจำเมืองแห่งใหม่ โรงแรม ร้านอาหาร สปา และศูนย์การประชุม เป็นพื้นที่สาธารณะในร่มที่เชิญชวนให้คนในเมืองได้ออกมาใช้เวลาและมีบทสนทนากันมากขึ้น โดยในแต่ละห้องจะมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับทำกิจกรรมที่แตกต่างกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเพิ่มหรือลดขนาดพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายได้ในอนาคต หรือหากไม่ได้อยากเข้ามาทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ ประชาชนก็ยังสามารถใช้เป็นสถานที่นัดพบ แฮงเอาต์ หรือนั่งพักผ่อนได้เช่นกัน
เชลเลฟเตโอเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องงานไม้และใช้ไม้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย รวมถึงมีการทำอุตสาหกรรมไม้ในท้องถิ่นมาอย่างยาวนานเพราะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่ใกล้ๆ เมือง แต่หลายปีที่ผ่านมาบ้านไม้ในย่านใจกลางเมืองค่อยๆ หายไป เพราะมีการปรับปรุงการก่อสร้างให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทีมสถาปนิกจึงเลือกใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างเป็นไม้ผสมกับเหล็ก เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของเมืองผ่านงานสถาปัตยกรรม รวมถึงใช้ความเชี่ยวชาญของช่างไม้ในเชลเลฟเตโอโดยเฉพาะ จึงทำให้อาคารแห่งนี้ควรทำที่เมืองนี้เท่านั้น และยังใช้ไม้ที่หาได้ในท้องถิ่น เพื่อลดคาร์บอนในการขนส่งวัสดุอีกด้วย
นอกจากดีไซน์งานไม้ที่สวยเนี้ยบทั้งภายนอกและภายใน แนวคิดเบื้องหลังการก่อสร้างอาคารยังรักษ์โลกแบบสุดๆ โปรเจกต์นี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ White Arkitekter เพราะวิสัยทัศน์ของบริษัทก็คือ สถาปัตยกรรมทั้งหมดที่สร้างจะต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) หรือปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้น้อยลงภายในปี 2030
บริษัทเลือกใช้ไม้เป็นวัสดุในการก่อสร้างเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นได้จริง เพราะไม้คือวัสดุก่อสร้างที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และเป็นกลางทางคาร์บอน การก่อสร้าง Sara Cultural Centre สามารถกักเก็บการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2 เท่า อันเนื่องมาจากพลังงานที่ใช้ในอาคาร (Operational Energy) และพลังงานสะสมรวม (Embodied Energy) ที่เกิดจากขั้นตอนการผลิตวัสดุ การขนส่ง และการก่อสร้างอาคาร
การออกแบบที่ใส่ใจรายละเอียดและระบบพลังงานรูปแบบใหม่ของบริษัท Skellefteå Kraft และบริษัท ABB ทำให้อาคารนี้สามารถลดการใช้พลังงานได้จริง เพราะมีแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดอยู่บนหลังคาสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียน และตัวอาคารไม้เองก็สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ Sara Cultural Centre จึงตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นอาคารที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นลบ (Carbon Negative) ในอีก 50 ปี และตัวอาคารยังถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 100 ปี แค่สร้างออกมาให้สวยอย่างเดียวไม่พอ แต่ยังทำให้อยู่ได้ยาวๆ แบบยั่งยืนอีกด้วย
ดูเรื่องราวเบื้องหลังการก่อสร้างเพิ่มเติมได้ที่นี่ t.ly/xHNm
Sources :
Smart City Sweden | t.ly/5xmy
White Arkitekter | t.ly/cvhv