แม้จะเป็นเมืองที่มีสถาบันอุดมศึกษาที่มีสาขาวิชาครบพร้อมอย่างมหาวิทยาลัยพะเยา ทั้งยังมีบรรยากาศที่แสนสบายและเปี่ยมเสน่ห์ แต่กระนั้น ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่เล็กเกินกว่าจะดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เลือกลงหลักใช้ชีวิต พะเยาจึงยังคงได้รับการจดจำเพียงเมืองริมกว๊าน รายล้อมด้วยภูเขา และอบอวลไปด้วยความเงียบเหงาอย่างน่าเสียดาย
แต่ใช่ว่าเมืองเล็กๆ เมืองนี้จะมีแต่เด็ก คนชรา เจ้าของกิจการ หรือข้าราชการเพียงเท่านั้น เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับมีความเคลื่อนไหวจากคนรุ่นใหม่ที่ทยอยกันกลับบ้านเกิด เปลี่ยนชีพจรของเมืองให้ไม่เหมือนเดิม
พื้นที่ศิลปะในบ้านเก่า ในโรงหนังร้าง หรือกระทั่งกลางตลาดสด ตลาดนัดต้นไม้ และงานคราฟต์ในตรอกซอยและริมถนน เทศกาลดนตรีริมทะเลสาบ คาเฟ่ในบ้านโบราณ ไปจนถึงธุรกิจใหม่ๆ จากผู้ประกอบการในพื้นที่และที่อื่น ฯลฯ สีสันใหม่ๆ ต่างเข้ามาแต่งแต้ม และค่อยๆ เติมเต็มเมืองเล็กๆ เมืองนี้ด้วยความหวัง
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรามีโอกาสไปร่วมงาน Phayao Walk and Wonder กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภาคเหนือ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง CEA เชียงใหม่ กลุ่มผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ซึ่งพากันเปิดบ้านและย่าน (ถนนราชวงศ์และท่ากว๊าน) ให้ทั้งคนในพื้นที่และผู้มาเยือนได้รู้จักพะเยาในมุมใหม่ๆ ซึ่งว่าไปแล้วก็เหมือนการ Wrap up ความเคลื่อนไหวของเมืองในพารากราฟข้างต้นในวันเดียว
นั่นละ ไม่ใช่แค่พาไปรู้จักว่าพะเยาเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แต่คอลัมน์คนขับเคลื่อนเมืองตอนนี้ อาสาพาไปพูดคุยกับกลุ่มนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่–เหล่าคนขับเคลื่อนเมืองเมืองพะเยา และแนวคิดในการสร้างนิยามใหม่ให้บ้านเกิดของพวกเขา
นิทานบ้านต้นไม้กับการสร้างนิเวศสร้างสรรค์ใจกลางเมือง
แตง-บงกช กาญจนรัตนากร เจ้าของร้านนิทานบ้านต้นไม้

ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เลือกที่จะหางานทำในเมืองใหญ่ ‘แตง-บงกช กาญจนรัตนากร’ กลับมองเห็นโอกาสจากการได้ร่ำเรียน Food Economics and Marketing ที่อังกฤษ และเลือกตรงดิ่งกลับบ้านมาต่อยอดผลไม้แปรรูปที่คุณยายของเธอทำ เพื่อให้เป็นหนึ่งในเมนูหลักที่เสิร์ฟในร้านนิทานบ้านต้นไม้–คาเฟ่ในสวนริมถนนราชวงศ์
“ตอนอยู่อังกฤษ เรามีโอกาสทำเรื่อง Creative Food Economy เลยอินกับเรื่องตลาดสร้างสรรค์ เราคิดว่าตลาดสร้างสรรค์ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าออกแบบหรืองานศิลปะเท่านั้น แต่เป็นพื้นที่ที่พ่อค้าแม่ค้านำวัตถุดิบบ้านๆ ที่หลายคนคุ้นชินมายกระดับ และทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้
“พอเราเปิดนิทานบ้านต้นไม้ เราจึงไม่หยุดอยู่แค่การทำคาเฟ่หรือร้านอาหาร แต่มีพื้นที่ในการนำของมือสองมาขาย หนังสือ และงานคราฟต์จากชุมชน

“ตอนแรกก็ทำเล็กๆ แต่พอช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเมืองมันเงียบมากๆ เราเลยรวมตัวกับเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้ประกอบการมาทดลองทำตลาดนัดต้นไม้ในช่วงสุดสัปดาห์ ไปๆ มาๆ โซเชียลมีเดียก็ชักพาให้เครือข่ายคนรักต้นไม้ เครือข่ายมหาวิทยาลัย และหน่วยงานระดับจังหวัดมาร่วมกับเราด้วย กลายเป็นตลาดถนนคนเดินที่มีร้านค้ามาร่วมเกือบสามร้อยราย
“งานครั้งนั้นทำให้เราพบว่า ไม่เพียงพะเยามีคนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก แต่ยังทำให้เราเห็นโอกาสในการร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสีสันให้กับเมือง จนมีการตั้งกลุ่ม Phayao Lovers ไปร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ของเมืองจัดงาน เช่น การทำเทศกาลดนตรีไปพร้อมกับงานลอยกระทง เทศกาลกาแฟและชาริมกว๊าน และอื่นๆ โดยกลุ่มเราพยายามนำมุมมองของคนรุ่นใหม่เข้าไปเติมเต็มให้เทศกาลต่างๆ
“แน่นอน พะเยายังเป็นเมืองเล็กๆ ไม่ได้ดึงดูดคนรุ่นใหม่มากนัก แต่เมืองเล็กๆ เมืองนี้ก็เป็นบ้านของใครหลายคนที่ต่างมีทักษะและความถนัดเป็นของตัวเอง ซึ่งถ้าเมืองมีกลไกในการเชื่อมคนเหล่านี้เข้าด้วยกัน สิ่งเล็กๆ เหล่านี้อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเมืองได้ อย่างน้อยๆ มันอาจเป็นช่องทางหรือโอกาสที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิต และช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในบ้านเกิดของเราไปพร้อมกัน”
ช่องทางติดตามร้านนิทานบ้านต้นไม้ : facebook.com/nithanbaantonmai
โอกาสจากไม้กระถาง
โป่ง-อัมพิกา อัมพุธ เจ้าของร้าน Hipster Steak

ถัดไปจากร้านนิทานบ้านต้นไม้ บนถนนราชวงศ์ Hipster Steak คือร้านสเต๊กเครื่องแน่น ราคาดี ของ ‘โป่ง-อัมพิกา อัมพุธ’ เจ้าหน้าที่ฝ่ายแผนยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เธอเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อการกับเพื่อนบ้านรุ่นน้อง แตง บงกช ทำตลาดต้นไม้บนถนนหน้าบ้านให้กลายเป็นมหกรรมระดับเมือง
“เราชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว โดยไม่เคยคิดว่าเป็นสินค้าอะไร แต่พอช่วงโควิด-19 จู่ๆ ไม้ด่างก็กลายมาเป็นเทรนด์ เป็นของมีราคา ตอนนั้นเมืองมันเงียบๆ เลยชวนแตง มิลค์ (เพ็ญพิศุทธิ์ พวงสุวรรณ–นักดนตรีอิสระ) และน็อต–ร้านขนมจีนป้าบุตร ที่เป็นเพื่อนบ้านกัน มาทำตลาดต้นไม้เล็กๆ ต่อยอดจากร้านขายสินค้าทำมือของแตงกันหน้าบ้าน ก็เลยไปขออนุญาตเทศบาลฯ เอาของมาขายริมถนน
“ตอนแรกเรามีกันแค่สิบห้าร้าน คิดว่าจะขายเอาสนุก ไปๆ มาๆ คนให้ความสนใจเยอะ จนเฮียชัย (ณรงค์ชัย สุทธิกุลบุตร) ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยาเข้ามาดู เขาก็เลยชวนพวกเราไปคุยกับนายกเทศมนตรีฯ เพื่อทำถนนคนเดินอย่างจริงจัง


“งานครั้งนั้นทำให้เราเห็นศักยภาพของเมืองพะเยาอย่างน่าตกใจ จากเมืองเงียบๆ ที่คนภายในซื้อ-ขายกันเอง กลายเป็นว่ามีพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดมารวมตัวกันอย่างคึกคัก เห็นคนในเมืองมาทำกิจกรรมมากมาย ทั้งดนตรีเปิดหมวก สตรีทอาร์ต วาดภาพเหมือน และอื่นๆ
“ภาพนี้ยิ่งถูกย้ำชัดเมื่อ CEA เชียงใหม่ มาทำกิจกรรม Phayao Walk and Wonder ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 2568) เพราะพอตัวแทน CEA มาคุยกับเราถึงการทำกิจกรรมเปิดย่าน เราแทบไม่ต้องเตรียมอะไรมากเลย เพราะรู้แล้วว่าใครมีศักยภาพอย่างไรบ้าง
“เราอยากเห็นพะเยาเป็นเมืองที่คนรุ่นใหม่อยู่ได้ มีงานมีอาชีพให้ทำ การที่จะให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ เราจำเป็นต้องหวังพึ่งการท่องเที่ยว แต่นั่นละ อาจไม่ต้องรอให้เมืองมีอีเวนต์หรือเทศกาลประจำจังหวัดอย่างเดียว ถ้าเราร่วมมือกัน นำเสนอเสน่ห์ที่มีในวิถีชีวิตประจำวัน ทำให้กิจกรรมสร้างสรรค์เป็นธรรมชาติ สิ่งนี้ก็น่าจะเป็นเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของพะเยาที่มาช่วยเติมเต็มภาพใหญ่ของเมืองได้เช่นกัน”
ช่องทางติดตามร้าน Hipster Steak : facebook
เสน่ห์ใหม่ในบ้านเก่า
ชิ-นาวิน เมธนาวิน เจ้าของกิจการร้านอาหารมอกม่วนและโรงแรมชายกว๊าน

บนถนนท่ากว๊าน ถนนสายหลักที่เชื่อมย่านใจกลางเมืองสู่กว๊านพะเยา เป็นที่ตั้งของ ‘ตึกหลวงพิสิษฐ์กัยกร’ อาคารกึ่งปูนกึ่งไม้สักอายุกว่าร้อยปี สร้างโดยคหบดีชาวจีน ‘ฉีถิ่งแซน’ ผู้บุกเบิกธุรกิจหลากหลายในเมืองพะเยา
ครั้งหนึ่งอาคารหลังนี้เคยเป็นที่พักทหารม้าของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ สมัยไปรบที่เชียงตุงเมื่อศตวรรษที่แล้ว ปัจจุบันถูกปรับให้กลายเป็นโรงแรมของครอบครัว ‘ชิ-นาวิน เมธนาวิน’ สถาปนิกและผู้รับเหมาก่อสร้าง
ชิเป็นตัวตั้งตัวตีในการฟื้นฟูอาคารที่เป็นเหมือนมรดกของเมืองหลังนี้ ให้ไม่เพียงเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของคนรักสถาปัตยกรรม แต่ยังเปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
“จริงๆ อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นโรงแรมอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยที่พะเยายังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ชื่อโรงแรมชายกว๊านปัจจุบันก็คือชื่อเดิมของมัน ครอบครัวผมมาสร้างอาคารใหม่เพื่อทำกิจการโรงแรม และเก็บอาคารหลังนี้ไว้เป็นอาคารอนุรักษ์อยู่พักใหญ่ จนผมกลับมาดูแลกิจการต่อจากครอบครัวก็คิดเสียดายที่จะเก็บอาคารสวยๆ นี้ไว้ดูแค่บ้านเราบ้านเดียว จึงตัดสินใจปรับปรุงชั้นสองให้เป็นส่วนที่พัก

“ชั้นล่างของอาคารเราเปิดเป็นร้านกาแฟ (ร้านบ้านบ้าน) โดยมีต้น (กิตติภาส ราชกรม) รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยมาดูแลให้ ผมอยากให้อาคารเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของคนในเมืองนะ ไม่ใช่แค่ให้แขกมาพักผ่อนใกล้ๆ กว๊าน แต่ยังเป็นที่สุมหัวพูดคุยของคนในเมือง มีนิทรรศการเล็กๆ หรือจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งก็มีส่วนทำให้ผู้คนได้เห็นคุณค่าของอาคารเก่าที่ผมมองว่าเป็นมรดกของเมืองไปพร้อมกัน
“ผมไม่คิดว่าพะเยาจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบเชียงใหม่หรือเชียงราย เพราะเมืองเราไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายขนาดนั้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ด้วยบรรยากาศที่สุขสงบผ่อนคลาย มีทิวทัศน์ของกว๊านและภูเขาที่สวยงาม พะเยาสามารถพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้
“แต่ให้พูดตรงๆ คือเมืองยังขาดมาสเตอร์แปลน นโยบายของหน่วยงานรัฐมีหลากหลายแต่ไร้ทิศทาง มันเลยไม่มีความสอดคล้องกัน และทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าพะเยาจะเดินไปทางไหน ผมมองเมืองเหมือนการออกแบบและสร้างบ้าน ถ้าแปลนมันชัด ทุกคนเห็นภาพเดียวกันและร่วมกันทำ เมืองจะสามารถเติบโตไปยังภาพนั้นได้”
ช่องทางติดตามเจ้าของกิจการร้านอาหารมอกม่วนและโรงแรมชายกว๊าน : facebook.com/chaykwanhotel
คาเฟ่บ้านบ้าน
ต้น-กิตติภาส ราชกรม และ นิกกี้-กณิกนันท์ จีรพัฒน์ธนรัช
เจ้าของร้านบ้านบ้าน

“พอพี่ชิ (นาวิน เมธนาวิน) รีโนเวตบ้านเก่าของครอบครัวมาทำโรงแรม เราเลยมีโอกาสได้ทำร้านบ้านบ้านบนพื้นที่ชั้นล่าง เราสองคนไม่ใช่คนในพื้นที่ ย้ายมาอยู่พร้อมกับเปิดร้าน ซึ่งเราพบว่าเราชอบที่นี่ โดยเฉพาะย่านนี้มาก
“ร้านเราอยู่ในพื้นที่โรงแรมชายกว๊าน อยู่ชั้นล่างของอาคารอนุรักษ์ที่ได้รางวัลจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ (ปี 2552) เดินไปนิดเดียวก็ถึงกว๊าน มองเลยไปก็เห็นดอยหลวง และรอบๆ ก็มีบรรยากาศดีมาก มีทั้งแหล่งชุมชนและร้านรวง เป็นย่านที่รวมเสน่ห์ของเมืองพะเยาไว้ในที่เดียว
“ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นคนในพื้นที่ ตลอดหนึ่งปีที่เปิดมา (เปิดกิจการเมื่อ 15 มิถุนายน 2567) ทางคาเฟ่ยังไม่ได้ใช้พลังของโซเชียลเน็ตเวิร์กในการประชาสัมพันธ์ เป็นออร์แกนิกที่เกิดจากการบอกต่อ ทำให้เราเห็นว่าจริงๆ คนพะเยาพร้อมเปิดรับ เพียงแต่ว่าเราต้องมีอะไรใหม่ๆ ไปเสิร์ฟ ในช่วงเทศกาลเราเห็นลูกค้าเดิมพาคนรู้จักจากต่างจังหวัดมาเที่ยว เสร็จจากคาเฟ่เขาก็ขยับไปร้านอาหารข้างๆ


“จริงๆ พะเยามีต้นทุนทางวัฒนธรรมเยอะมาก การกระตุ้นทางเศรษฐกิจก็ต้องอาศัยทางภาคเอกชนร่วมด้วยในการไฮไลต์สิ่งที่ดีงามขึ้นมา จากที่นักท่องเที่ยวเคยแวะถ่ายรูปที่กว๊านพะเยาสิบนาทีก็ขึ้นรถไปจังหวัดอื่นต่อ ต้องทำให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับที่นี่เยอะขึ้น ครึ่งเช้าไปคาเฟ่ กินข้าวเที่ยง แล้วไปไหว้พระตามวัดต่างๆ ส่วนตอนเย็นมานั่งเล่นหรือเดินออกกำลังกายริมกว๊าน
“ถ้ามีนักท่องเที่ยวมา เราจะแนะนำว่าตกเย็นอย่างไรก็ต้องไปที่ริมกว๊าน มันเหมือนศูนย์กลางชีพจรของเมือง เหมือนทุกคนในกว๊านมารวมตัวกันพักผ่อนที่นี่ แล้วคุณจะได้มาถึงพะเยาจริงๆ อย่างที่เป็น”
ช่องทางติดตามร้านบ้านบ้าน : facebook
เมืองใกล้ชิดศิลปะ
โป้ง-ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยพะเยา
และผู้ก่อตั้ง PYE Space และ ARTCADE

จุดเริ่มต้นมาจากการที่ ‘โป้ง-ปวินท์ ระมิงค์วงศ์’ ค้นพบว่าแม้มหาวิทยาลัยที่เขาสอนมีคณะทางศิลปะ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา) แต่กลับไม่มีพื้นที่ให้นักศึกษาของเขาได้แสดงผลงานศิลปะ เขาจึงลงทุนควักเงินของตัวเองไปเช่าบ้านในตัวเมืองเพื่อทำแกลเลอรีให้นักศึกษาและเพื่อนศิลปิน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ PYE Space–แกลเลอรี บาร์ และโรงฉายภาพยนตร์นอกกระแสขนาดเล็ก ที่สร้างแรงกระเพื่อมเชิงสร้างสรรค์ให้เมืองที่ดูเหมือนไกลห่างจากชุมชนศิลปะเมืองนี้ จากอาร์ตสเปซในบ้านเช่า อาจารย์โป้งขยายความร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ในการจัดกิจกรรมในโรงภาพยนตร์เก่า (พะเยารามาและเมืองทองรามา) ทำแกลเลอรีบนชั้นสองของตลาดพะเยาอาเขตจนเกิดเป็น ARTCADE ไปจนถึงจัดเทศกาลภาพถ่ายอย่าง Phayao Photography Biennale ที่จัดทั่วเมือง
“ผมไม่ได้มองว่าพะเยาจะต้องเป็นเมืองศิลปะ เมืองมันไม่มีระบบนิเวศทางศิลปะแบบเมืองใหญ่ๆ แต่ในเมื่อเรามีสถาบันสอนศิลปะ เมืองก็ควรต้องมีพื้นที่ให้นักศึกษาได้ชมหรือกระทั่งแสดงผลงานด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าต้องนั่งรถไปเชียงใหม่หรือกรุงเทพฯ


“มันเริ่มจากบ้านเช่าเล็กๆ ที่ผมทำเอง จนพอมีงานแสดงที่มากขึ้น ปี 2564 เลยได้ทุนจาก CEA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์) มาทำ ARTCADE บนชั้นสองของตลาดพะเยาอาเขต ซึ่งเจ้าของตลาดเขาก็ใจดี ไม่คิดค่าเช่าเลย แค่จ่ายค่าไฟเท่านั้น
“จริงๆ ก็เป็นความไร้เดียงสาของผมด้วย ที่คิดว่าพอเรามาจัดนิทรรศการในตลาดพ่อค้าแม่ค้าจะต้องขายของดีขึ้นแน่ พองานจบผมเข้าไปคุยกับคนในตลาด เขาก็บอกว่าขายได้เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยมันก็สร้างความกระชุ่มกระชวยที่เด็กๆ เข้ามาในตลาดบ้าง
“เราโอเคนะที่ได้สร้างสีสันให้พื้นที่ แล้วมันก็ทำให้เห็นว่า การจะไปทำให้เศรษฐกิจของเมืองโตผ่านสิ่งที่เราทำ มันเกินกำลังเราไปมากๆ เพราะศิลปะเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหนึ่งๆ สำหรับเมืองเมืองหนึ่ง จริงอยู่ที่เราอาจมีคนสนใจศิลปะไม่มาก แต่เมืองก็ควรต้องมี
“เห็นเล็กๆ แบบนี้ พะเยาเรามีคนทำงานสร้างสรรค์อยู่เยอะนะ น้องแตง–ร้านนิทานบ้านต้นไม้ โป่งกาดต้นไม้ น้องๆ ศิลปิน Kwan’ner คุณชิ–โรงแรมชายกว๊าน และอื่นๆ เมืองมันมีคนขับเคลื่อนและมีไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอด แต่สิ่งสำคัญคือ เราต่างลงทุนทำกันเอง สายป่านไม่ได้ยาว โครงการก็อาจไม่ได้ไปต่อในอนาคต ถ้าหน่วยงานภาครัฐมองเห็นว่าสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์กับเมือง ก็อยากให้เขามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้มันเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเมืองได้”
ช่องทางติดตาม PYE Space และ ARTCADE : facebook.com/pyespacethailand, facebook.com/ARTCADETHAILAND
Kwan’ner
ฟิวส์-ชิษณุพงศ์ เทพนิล
ศิลปินอิสระและตัวแทนกลุ่ม Kwan’ner Art Space

‘ฟิวส์-ชิษณุพงศ์ เทพนิล’ เป็นคนอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และเป็นลูกศิษย์อาจารย์โป้ง-ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ ที่มหาวิทยาลัยพะเยา หลังเรียนจบ เขากลับบ้านมาเปิดสตูดิโอทำงานศิลปะและอาร์ตทอยของตัวเอง ก่อนจะมีโอกาสร่วมโปรเจกต์ศิลปะหลายงานที่ PYE Space และได้รู้จักกับโนอาห์-พีระพล บุญเทพ และต๋อง-จักรพันธุ์ มันตาพัน และโน๊ต-พันธกานต์ กันต์โฉม (เจ้าของร้าน Lakeland Life) จนเกิดการรวมตัวเปลี่ยนอาคารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกว๊านพะเยาเป็นพื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ของเมือง นั่นคือที่มาของ Kwan’ner Art Space
“ไอเดียของ Kwan’ner คล้ายกับกว๊านที่รวมแม่น้ำหลายๆ สายเข้ามา การเติม er ก็เหมือนกับเราเป็นชาวกว๊าน ที่ดั้งเดิมไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ได้ไหลรวมกันมาจากที่อื่น ตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าพื้นที่ตรงนี้จะถูกพัฒนาไปเป็นอะไร เราไม่ได้คิดเรื่องธุรกิจด้วยซ้ำ แต่เพราะต้องมีค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายให้รับผิดชอบ อันนี้ก็อาจเป็นแรงขับหนึ่งที่ทำให้เราต้องสร้างสรรค์ (ยิ้ม)
“หลักๆ Kwan’ner Art Space จะเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะและเวิร์กช็อป ควบคู่กับที่พวกเราทำงานศิลปะหรือรับจ้างผลิตงานไปพร้อมกัน เราไม่ได้ทำแค่ให้คนมาดูงานศิลปะแล้วแยกย้ายกลับบ้าน แต่อยากให้ทุกคนมาร่วมทำกิจกรรมหรือเรียนรู้อะไรบางอย่างไปพร้อมกับเรา จึงมีเวิร์กช็อปหลากหลายจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งงานคราฟต์ ถ่ายภาพ วาดรูป และอื่นๆ ซึ่งก็มีเด็กนักเรียนและคนรุ่นใหม่ในพะเยามาร่วมกิจกรรมอย่างน่าพอใจ

“การเปิดพื้นที่ตรงนี้ทำให้เรามีโอกาสทำความรู้จักกับผู้คนที่หลากหลาย และเห็นว่าคนพะเยาหลายคนมี ‘ของ’ ที่น่าสนใจมากๆ เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกเขาอาจไม่มีพื้นที่แสดงศักยภาพ อย่างลุงเจ้าของร้านโจ๊กบุญชูเพื่อนบ้านเราก็มีงานอดิเรกเป็นการวาดรูปซึ่งสวยมากๆ มีเด็กนักเรียนหลายคนที่มีทักษะในการคิดและสร้างสรรค์งานหัตถกรรมที่จะเป็นมืออาชีพได้ในอนาคต
“จริงๆ มันไม่ใช่แค่พะเยาเมืองเดียวหรอก เมืองเล็กๆ เมืองอื่นๆ ก็ล้วนมีคนที่มีศักยภาพในการทำงานสร้างสรรค์มากมาย เพียงแต่อาจเพราะเป็นเมืองเล็กๆ มันเลยไม่ค่อยมีพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงออกมากนัก ถ้าไม่มีกลุ่มก้อนหรือตัวกลางคอยเชื่อม ศักยภาพของพวกเขาเหล่านั้นก็อาจจมหายไปตามเวลา ผมคิดว่าการสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมคนทำงาน กลุ่ม หรือองค์กรที่พร้อมจะสนับสนุนงานสร้างสรรค์นี้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา อาจารย์โป้งและพี่ๆ คนอื่นๆ เขาได้บุกเบิกพื้นที่ให้เราพอสมควรแล้ว
“ถ้าสักหลายปีก่อน ผมคงมองไม่เห็นภาพหรอกว่าการจะเป็นศิลปินหรือนักสร้างสรรค์จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรในพะเยา ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้จะสบายอะไร แต่มันพออยู่ได้ เราก็ต้องหาช่องทางเพื่อทำให้มันยั่งยืน และมีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ๆ สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้ต่อไป”
ช่องทางติดตามกลุ่ม Kwan’ner Art Space : facebook.com/p/Kwanner-Art-Space
