ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา ลงมติ 6:3 ตัดสิทธิ์ผู้หญิงในการทำแท้ง หลังบังคับใช้มานานเกือบ 50 ปี
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับการผลักดันกฎหมายการทำแท้งเสรี ไม่เว้นแม้กระทั่งในประเทศไทยเอง แต่กับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่มีเสรีการทำแท้งมาเกือบ 50 ปี กลับย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเสียอย่างนั้น
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาสูงสุดของสหรัฐอเมริกาก็ได้มีการลงมติคว่ำคำพิพากษาคดีที่รู้จักกันในชื่อ Roe v. Wade ในปี 1973 ว่าด้วยการอนุญาตให้หญิงในสหรัฐอเมริกาสามารถทำแท้งได้ ที่ผ่านการบังคับใช้มาอย่างยาวนานเกือบ 50 ปี จากการชนะมติ 6 ต่อ 3 จากฝั่งอนุรักษนิยมที่ยึดถือหลักกฎหมายมิสซิสซิปปี ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
ซึ่งการตัดสิทธิการทำแท้งในผู้หญิงครั้งนี้ ส่งผลให้จากเดิมที่สามารถยุติการตั้งครรภ์ในระยะ 12 สัปดาห์แรกได้อย่างเสรี กลายเป็นว่าแต่ละรัฐมีสิทธิ์สั่งห้ามการทำแท้งได้ตามดุลยพินิจโดยไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย
ข้อมูลจาก Guttmacher องค์กรที่สนับสนุนสิทธิในการทำแท้งกล่าวว่า หลังจากมีมติตัดสิทธิการทำแท้งเสรีเดิม ขณะนี้มีกว่า 20 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกาที่กำลังดำเนินการจำกัดการเข้าถึงการทำแท้งของประชาชนในรัฐของตัวเอง โดยบางพื้นที่ตั้งใจที่จะห้ามการทำแท้งตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นตั้งครรภ์ และบางรัฐกำลังแนะนำให้มีการห้ามทำแท้งหลังจาก 6 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้หลังจากนี้จะมีผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์กว่า 40 ล้านคน ที่ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ หากไม่มีเหตุจำเป็นตามที่แต่ละรัฐเห็นสมควร
ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมีการประท้วงจากประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับผลการลงมติที่หน้าศาลฎีกาสูงสุด อีกทั้ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ยังออกมาบอกว่าการพิจารณาคดีครั้งนี้ถือว่า “เป็นเส้นทางสุดโต่งและอันตรายที่ศาลจะพาเราไป” ที่คงต้องจับตามองกันต่อไปในอนาคต
“ศาลกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการลบล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่เป็นพื้นฐานสำหรับชาวอเมริกันจำนวนมากไป” ไบเดนกล่าว
Sources :
BBC | t.ly/2QdW
Reuters | t.ly/uejN
The Guardian | t.ly/xQ2Z