ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 เกิดเหตุไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame) ศาสนสถานอายุ 850 ปีในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่สร้างความตกใจและความเสียดายให้คนทั่วโลก เพราะเพลิงที่ลุกไหม้สร้างความเสียหายให้ศาสนสถานอายุหลายศตวรรษแห่งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ทำจากไม้
หลังจากเกิดเหตุ ฝรั่งเศสก็เริ่มแผนซ่อมแซมบูรณะตัวอาคาร ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานถึง 5 ปี ควบคู่ไปกับการเปิดประกวดแข่งขันด้านการออกแบบเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมหรือบริเวณโดยรอบมหาวิหารขึ้นมาใหม่ โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 คณะกรรมการได้ประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ โปรเจกต์การออกแบบที่พัฒนาโดยภูมิสถาปนิก Bas Smets, บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมและผังเมือง GRAU และบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านมรดกทางสถาปัตยกรรม Neufville-Gayet
การออกแบบพื้นที่โดยรอบมหาวิหารนอเทรอดามของทีมนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อเชื่อมโยงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ กับแม่น้ำแซนที่โอบล้อมมหาวิหารให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จัตุรัสที่อยู่หน้ามหาวิหารถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ช่วยให้ด้านหน้าของอาคารสูงเด่นเป็นสง่ากว่าเดิม และเพิ่มต้นไม้สีเขียวขจีที่รายล้อมอาคารและให้ร่มเงาแก่พื้นที่นั่งเล่น
ส่วนบริเวณด้านหลังของมหาวิหารจะถูกรวมเข้ากับสวนที่อยู่ติดกัน เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ทอดยาว 400 เมตร และจะมีการปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่มถึง 131 ต้น กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่เหมาะแก่การเดินเล่นหรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด
นอกจากนี้ ผู้ออกแบบยังติดตั้งระบบระบายความร้อนให้แก่พื้นด้วยการใช้ม่านน้ำความหนาเพียง 5 มิลลิเมตร ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิได้หลายองศาฯ อีกทั้งยังทำให้กำแพงโดยรอบมหาวิหารสะท้อนแสงแวววับ และกลายเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
อีกหนึ่งการออกแบบที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนลานจอดรถที่อยู่ใต้จัตุรัสด้านหน้ามหาวิหารให้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกขนาดใหญ่กว่า 3,000 ตารางเมตร โดยมีทั้งห้องเก็บสัมภาระ ห้องน้ำ ห้องรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ รวมถึงห้องใต้ดินทางโบราณคดีที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำแซนด้วย เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งาน และทำให้ศาสนสถานเก่าแก่แห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โปรเจกต์ปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายนอกมหาวิหารนอเทรอดามจะเริ่มขึ้นในปี 2567 และมีเป้าหมายทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 โดยโครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนทั้งหมดจากเมืองปารีสราว 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,800 ล้านบาท คาดว่าเมื่อการก่อสร้างเสร็จแล้ว ผู้คนจะกลับมาใช้พื้นที่ไปพร้อมกับชมความงามของหนึ่งในแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ของกรุงปารีสมากขึ้นแน่นอน
กดดูแบบจำลอง 3 มิติของโปรเจกต์นี้ได้ที่ t.ly/63ZO
Sources :
ArchDaily | t.ly/VOe9
Autodesk | t.ly/sbBV
The Architect’s Newspaper | t.ly/ivzx
The Guardian | t.ly/xyhd