ช่วงคริสต์มาสแบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ทำตัวเฟสทีฟ ตกแต่งห้องด้วยไฟกะพริบ แล้วซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ ดูหนังที่ชอบ
ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าผู้คนน่าจะเหน็ดเหนื่อยและเศร้าซึมกับสถานการณ์บ้านเมืองไม่น้อย นอกจากโควิด-19 ที่ทำให้เดินทางไปไหนไม่ค่อยได้แล้ว เศรษฐกิจและการเมืองก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้คนไทยรู้สึกท้อกับปีนี้ เราจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นหลายคนเฝ้ารอช่วงสิ้นปีที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขอย่างใจจดใจจ่อ
เพราะอยากแบ่งปันความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ผู้อ่าน เราเลยอยากชวนคุณดู 10 หนังที่ชาว Urban Creature คัดมาแล้วว่าเหมาะดูในช่วงคริสต์มาสสุดๆ ใครกำลังมองหาลิสต์หนังอยู่ เลือกตามความชอบได้เลย
Bridget Jones’s Baby
ปี 2016 (อเมริกา)
ผู้กำกับ : Sharon Maguire
ถ้าคุณเป็นแฟนหนัง Romcom และเคยดู Bridget Jones’s Diary สักภาค จะไม่หลงรักชีวิตสาวโสดที่เจอแต่เรื่องเพี้ยนๆ พีกๆ ตั้งแต่วัยเลข 3 ย่างวัยเลข 4 ได้ยังไง
Bridget Jones’s Diary คือนิยายจากปลายปากกาของเฮเลน ฟีลดิง (Helen Fielding) ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังรัก Romantic Comedy เกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงสาววัยขึ้นเลข 3 ที่ยุ่งเหยิงทั้งเรื่องงาน ความรัก และชีวิตโสดบ้างไม่โสดบ้างของเธอ เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากจนมีต่อถึง 3 ภาคคือ Bridget Jones’s Diary (2001), Bridget Jones : The Edge of Reason (2004) และ Bridget Jones’s Baby (2016) แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ได้ทำมาเพื่อพูดถึงคริสต์มาสโดยตรง แต่มักจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับบริดเจ็ตในช่วงใกล้วันคริสต์มาสเสมอ
ภาค 3 Bridget Jones’s Baby ห่างจากภาคแรกถึง 12 ปี แต่หนังเรื่องนี้ยังทำออกมาได้ดีและเคมีของนักแสดงเข้ากันเหมือนเดิม ถ้าคุณยังไม่เคยดูตั้งแต่ภาคแรกและไม่มีโปรแกรมไปไหนในวันคริสต์มาสจนถึงปีใหม่ เราแนะนำให้เก็บครบทั้ง 3 ภาค เพราะเรื่องราวของบริดเจ็ตพีกทุกช่วงวัย
ภาคนี้คือบทสรุปของบริดเจ็ตที่ยังคงรักษาความพีกและความเพี้ยนของเธอเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นหนังรักที่เรามักจะอยากเอาใจช่วยนางเอกให้เอาชนะทุกอุปสรรคไปให้ได้ เพราะครั้งนี้บริดเจ็ตในวัย 43 ปี กลับมาพร้อมกับหน้าที่การงานที่ท้าทายแถมยังมีเบบี๋ในท้อง แต่เพราะชีวิตวุ่นๆ จึงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร และเราต้องมาร่วมลุ้น ร่วมให้กำลังใจเธอตลอดทั้งเรื่อง รับรองว่าดูจบแล้วคุณจะรักเรเน เซลเวเกอร์ (Renée Zellweger) และหนุ่มๆ ที่เข้ามาในชีวิตวุ่นๆ ของเธอแน่นอน
ก่อนดูอย่าลืมไปหาไวน์ดีๆ สักขวดหรือเค้กสักชิ้น ใส่ชุดนอน นั่งประจำที่บนโซฟา เปิดหนัง และเริ่มสวมวิญญาณเป็นบริดเจ็ต โจนส์กันได้เลย
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/gstanju
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Amazon | https://tinyurl.com/y3fmje89
Klaus
ปี 2019 (สเปน)
ผู้กำกับ : Sergio Pablos
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู เราไม่ค่อยได้เขียนจดหมายถึงใครกันแล้ว แต่คนจำนวนหนึ่งอาจจะเคยส่งจดหมายไปถึงซานต้าของพวกเขา บอกเล่าปีที่ผ่านมาว่าเป็นเด็กดีอย่างไร ขอให้ซานต้าช่วยส่งของขวัญที่เขาต้องการมาให้เป็นการแลกเปลี่ยน
Klaus เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสัญชาติสเปน ที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครอย่างเจสเปอร์ บุรุษไปรษณีย์ที่เคยใช้ชีวิตอย่างพริวิเลจ ถูกส่งมาเผชิญความลำบากที่เมืองอันห่างไกลและหนาวเหน็บอย่างเมือง Smeerensburg ที่ซึ่งผู้คนถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายและเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยได้มาพบกับเคร้าส์ ช่างไม้ที่ใช้ชีวิตสันโดษตัดขาดจากผู้คน เชื่อในการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน และอัลวา ครูสาวที่ครั้งหนึ่งเคยมีความฝันแต่ก็ถูกกลืนกินด้วยระบบ ทำให้หลงลืมอุดมการณ์ของตัวเองไป
เพื่อที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นเดิม เจสเปอร์ต้องทำภารกิจส่งจดหมายทั้งหมด 6,000 ฉบับภายใน 1 ปีตามเงื่อนไขที่พ่อของเขาตั้งไว้ ในเมืองที่ผู้คนต่างเป็นศัตรูและคอยห้ำหั่นกันจนกลายเป็นประเพณีและหลักปฏิบัติของคนที่นี่ไป แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเคร้าส์ที่อยากส่งต่อของเล่นให้เด็กๆ ปาฏิหาริย์บางอย่างก็ได้เกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้
‘A true selfless act always spark another’ เป็นเหมือนหัวใจของเรื่อง การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวนั้นได้ส่งผลต่อผู้คน และทำให้เมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้อย่างไร จากการกระทำของคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง และเรื่องราวของซานตาคลอสที่ถูกเล่าในหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีอภินิหารอะไร เป็นเพียงเรื่องของปุถุชนที่ใช้ชีวิตผ่านบางสิ่งบางอย่าง ได้เรียนรู้ เคยผิดพลาด และเติบโต เป็นหนัง Coming of Age ที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย ที่แฝงด้วยประเด็นที่น่าสนใจในหลากหลายมิติ
แม้บรรยากาศในเรื่องจะปกคลุมด้วยหิมะและความหนาวเหน็บ แต่เรื่องราวที่เราได้รับชมนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ และเรียกน้ำตาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หวังว่าช่วงเวลาท้ายปีของทุกคนจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นเช่นเดียวกัน
ด้วยรัก
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/yadgwe5a
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Netflix | https://tinyurl.com/y6dshlv6
รักแห่งสยาม
ปี 2007 (ไทย)
ผู้กำกับ : มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
ภายใต้บรรยากาศช่วงสิ้นปีและคริสต์มาสในเมืองไทย หนังพาเราไปวนเวียนอยู่ที่สยาม สถานที่ที่ยุคหนึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นกรุงเทพฯ และชวนให้เราได้เห็นการเติบโตและเข้าใจความรัก-และตัวเอง ก่อนจะก้าวข้ามช่วงวัยแห่งการเป็นวัยรุ่นของมิวและโต้ง สองเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งที่นี่ และทำให้เขาตั้งคำถามถึงชีวิต อนาคต รวมถึงสถานะทางเพศของตัวเอง
รักแห่งสยามเป็นหนึ่งในหนังไทยไม่กี่เรื่อง ที่บันทึกภาพบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสในไทย และดูจะเป็นภาพบันทึกที่ถูกจริตกับบริบทของ “คริสต์มาสกรุงเทพฯ” ซะเหลือเกิน สำหรับเราคริสต์มาสเป็นเทศกาลที่แตกต่างจากเทศกาลอื่นๆ ในเมืองไทย อาจเพราะความที่เทศกาลหรือวันสำคัญในไทยมักถูกยึดโยงเข้ากับศาสนา วัฒนธรรมประเพณีไทย ทำให้เทศกาลเหล่านี้มักจะกลายเป็นวันสำคัญที่บังคับให้วัยรุ่นต้องใช้ช่วงเวลานั้นกับผู้ใหญ่
คริสต์มาสในรักแห่งสยาม จึงเป็นช่วงเวลาที่ให้ความหวังแก่วัยรุ่นทุกคนในเรื่อง ให้พวกเขาได้ค้นหาและค้นพบตัวเอง ให้พวกเขาได้เจ็บปวดและพบกับความรัก และความหวังนั้นยังส่งต่อไปถึงพ่อแม่ของพวกเขาให้กลับมามีรักอีกครั้ง
“มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย”
ตือโป๊ยก่าย อาจจะบอกเราในไซอิ๋วว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์”
แต่มะเดี่ยว เยียวยาเราในรักแห่งสยามว่า “ตราบใดที่มีรัก ย่อมมีหวัง”
ป.ล. แต่สยามทุกวันนี้ก็ไม่เหมือนสยามแบบในเรื่องแล้ว ไม่รู้ว่าคริสต์มาสในสยามจะยังมีหวังอยู่หรือเปล่านะ
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y4ks3ocv
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Netflix | https://bit.ly/3qeREXt
Moonlit winter
ปี 2019 (เกาหลี)
ผู้กำกับ : Lim Dae Hyung
ท่ามกลางความขาวโพลนของหิมะกองโตและท้องฟ้าสีฟ้าหม่นของฤดูหนาว Moonlit Winter หนังรักที่นำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครเพศหลากหลายเรื่องนี้กลับให้ความอบอุ่นจนเราอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง
ตัวละครหลักๆ ของเรื่องมีสองตัวคือยุนฮีกับแซบม แม่-ลูกที่อาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งของเกาหลี ในฤดูหนาวอยู่ๆ ยุนฮีก็ได้รับจดหมายของจุน หญิงสาวผู้เป็นรักแรกจากเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าลูกสาวแอบอ่านไปแล้วเรียบร้อย และได้วางแผนชวนแม่ไปเที่ยวที่นั่นด้วยเหตุผลที่อยากให้แม่เดินทางไปหาความสุขที่ปิดกั้นตัวเองไว้
นอกจากเรื่องความรักของยุนฮีกับจุน เรายังประทับใจสายสัมพันธ์ของเหล่าผู้หญิงในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวแซบม ลูกสาวที่ซัปพอร์ตแม่สุดๆ ไปจนถึงคุณป้าของจุนที่คอยปลอบประโลมหลานของเธอ ยังไม่นับประเด็นปิตาธิปไตยที่หนังหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างแยบคาย ชวนให้คนดูตั้งคำถามตามไปด้วย
นับว่าเป็นหนังที่เหมาะกับการจิบโกโก้อุ่นๆ ดูในคืนวันคริสต์มาสที่สุดเลย
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y5zbagge
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Amazon | https://tinyurl.com/y5pac9p4
Little Forest : Winter/Spring
ปี 2015 (ญี่ปุ่น)
ผู้กำกับ : Jun’ichi Mori
อากาศหนาวกับความเหงาอาจเรียกได้ว่ามาเป็นแพ็กเกจเดียวกัน เดือนสุดท้ายแห่งปีที่มาพร้อมกับวันหยุดยาวๆ เราเลยอยากชวนมุดผ้าห่มนุ่มๆ ดูหิมะแรกที่โปรยปรายปกคลุมจนเปลี่ยนสี ‘โคโมริ’ จากเขียวชอุ่มเป็นขาวโพลน เปลี่ยนอาหารของ ‘อิชิโกะ’ เพื่อรับฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ
ตอน Winter/Spring ไม่ได้ต่อนยอนน้อยไปกว่า Summer/Autumn แต่แน่นอนว่าหนาวกว่า (และเหงากว่า) พอได้รับโจทย์ให้นำเสนอหนังที่เหมาะจะทิ้งตัวดูในช่วงเทศกาลคริสต์มาสท่ามกลางฤดูหนาวที่มีไอเย็นๆ ประดับ เราเลยนึกเรื่องไหนไม่ออก นอกจากหนังในดวงใจเรื่องนี้ ที่แนบเมนูน่าน้ำลายไหลมายั่วใจไอ้คนรักอาหารและการกินอย่างเราเสมอ
ตะกอนชีวิตของหญิงสาวที่อยู่ลำพังในป่าเล็กซึ่งฟุ้งค้างมาหลายฤดูกาลกำลังตกลงในตอนนี้ ความทรงจำ ความโดดเดี่ยว ความอร่อย คือรสชาติที่เราได้รับจาก Little Forest ไม่ว่าจะดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม มันเป็นรสชาติที่เราเองก็อยากเสิร์ฟให้ทุกคนลองชิมก่อนที่จะก้าวสู่อีกปีหนึ่งของเราทุกคน
คำเตือน : ระวังจะเหงา และระวังจะหิว!
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y4fbwaf3
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : iQiyi | https://tinyurl.com/yxzr3y27
The Holiday
ปี 2006 (อเมริกา)
ผู้กำกับ : Nancy Meyers
ปีที่ผ่านมาหลายคนอาจเจอเรื่องเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ทั้งจากเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน รวมไปถึงความรัก จนอยากหนีไปไหนไกลๆ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและอยู่กับตัวเองอีกครั้ง
The Holiday คือหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่นำเสนอเรื่องราวของอแมนดา วูดส์ เจ้าของบริษัทผลิตงานภาพยนตร์ตัวอย่างในเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และไอริส ซิมป์กินส์ นักเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการแต่งงานให้กับหนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph ในลอนดอน เธออาศัยอยู่ในกระท่อมแสนน่าอยู่ในย่านชนบทของอังกฤษ
ถึงแม้ว่าอแมนดาและไอริสจะมีชีวิตที่ต่างกันและอยู่คนละทวีป แต่ทั้งสองเพิ่งผิดหวังจากความรักและตกอยู่ในภาวะอกหักเหมือนกันเป๊ะ
พวกเธอรู้จักกันในเว็บไซต์สำหรับคนที่ต้องการแลกเปลี่ยนบ้าน ก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของกันและกันเป็นเวลาสองสัปดาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์และการเดินทางที่ดีที่สุดของเธอทั้งสอง
ช่วงวันหยุดนี้ ใครไม่ได้ไปไหนจะเปิดเรื่องนี้ดูคลายเครียดก็ดี หรือจะดูเพื่อหาแรงบันดาลใจในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ปีใหม่ก็ได้นะ
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y8dux8kw
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Netflix | https://tinyurl.com/y2u2tvza
Jingle Jangle : A Christmas Journey
ปี 2020 (อเมริกา)
ผู้กำกับ : David E. Talbert
หากถามว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสเรานึกถึงหนังเรื่องไหน ภาพยนตร์มิวสิคัลแฟนตาซีอย่าง Jingle Jangle : A Christmas Journey คงเป็นเรื่องแรกๆ ที่เราอยากยกมาเล่าและชวนให้ทุกคนดูด้วยกัน เผื่อหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนในวันคริสต์มาสปีนี้
หนังเล่าถึง เจโรนิคัส แจงเกิ้ล เจ้าของร้านขายของเล่นผู้สร้างสรรค์ชิ้นงานสุดมหัศจรรย์ราวกับมีเวทมนตร์ ของเล่นแต่ละชิ้นที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้นไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เพราะมันกระโดดโลดเต้นและพูดคุยได้ราวกับมีชีวิต ทำให้ของเล่นของเขาได้รับความนิยมและสร้างความสุขให้กับผู้คนทั้งเมืองมาตลอดเทศกาลคริสต์มาส
จนวันที่เขาถูก กัสตอฟสัน ศิษย์เอกเพียงคนเดียวในร้านขโมยตำราไป ความมหัศจรรย์ทั้งหมดก็หยุดลงพร้อมๆ กับความสุขและความหวังในชีวิตของเขาที่หายไปหลายสิบปี จนวันหนึ่งที่ เจอร์นีย์ หลานสาวผู้มีใจรักในการประดิษฐ์และมีจิตวิญญาณบางอย่างที่เจโรนิคัสทำหายไป ได้นำความหวังครั้งใหม่กลับมาให้เขาอีกครั้ง
เป็นหนังที่เราดูแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจไปกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และสร้างแรงบันดาลใจให้กับการใช้ชีวิตในปีต่อๆ ไปของเราได้อย่างดี เราเชื่อว่าความมหัศจรรย์ในชีวิตจะเกิดขึ้นได้ขอแค่เรามีความมั่นใจและเชื่อในตัวเองก็พอ
ป.ล. เราแนะนำให้ดูทั้งออริจินัลและพากย์ไทย เพราะเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์มิวสิคัลที่จัดเต็มทั้งร้องทั้งเต้น
จะได้ฟังทั้งเพลงภาษาอังกฤษแบบต้นฉบับ และเพลงที่ถูกแปลและร้องเป็นภาษาไทยอย่างได้อรรถรสสุดๆ ไปเลย
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y729f8vg
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Netflix | https://shorturl.asia/mfRbq
Samjin Company English Class
ปี 2020 (เกาหลี)
ผู้กำกับ : Lee Jong Pil
ถึงหนังเกาหลีเรื่อง Samjin Company English Class จะไม่ได้พูดถึงวันคริสต์มาสเลยแม้เพียงนิด แต่ด้วยโทนเรื่องที่ทั้งสนุกสนานและอบอุ่น ทำให้หนังดราม่า-คอเมดี้เรื่องนี้น่าจะเหมาะสมกับการนั่งดูกับเพื่อนและครอบครัวในช่วงเทศกาล
หนังเรื่องนี้จะพาคนดูย้อนกลับไปยังปี 1995 โดยถ่ายทอดเรื่องราวของพนักงานหญิงสามคน ได้แก่ จายอง, ยูนา และโบรัม ลูกจ้างที่กำลังจะได้รับการโปรโมตให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น ถ้าพวกเธอสอบ TOEIC ได้อย่างน้อย 600 คะแนน
แม้สามสาวจะทำงานกับบริษัท Samjin มาเป็นเวลาถึงแปดปีแล้ว แต่เพราะเรียนจบเพียงชั้นมัธยมฯ ทำให้พวกเธอและเพื่อนๆ พนักงานหญิงทั้งหลายต้องขวนขวายไปติวภาษาอังกฤษเพื่อสอบผ่านให้ได้
พลอตดูเหมือนจะธรรมดา ทว่าระหว่างอัปสกิลภาษาเพื่อให้พร้อมสอบโทอิค ที่พลิกผันปั่นป่วนกว่านั้นก็คือช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มพนักงานหญิงเหล่านี้ได้เข้าไปเห็นว่าโรงงานของบริษัทที่พวกเธอทำงานได้ปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำชุมชนจนคนเดือดร้อนไปหมด พวกเธอเลยรับบทนักสืบผู้พิทักษ์ความถูกต้อง
คราวนี้จะได้เลื่อนตำแหน่ง หรือจะต้องตกงานกันแน่ ถ้าอยากรู้ เราขอแนะนำให้ลองติดตามพลังของเพื่อนหญิงกลุ่มนี้ให้เห็นด้วยตาตัวเอง
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://tinyurl.com/y29oqnsa
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : VIU | https://tinyurl.com/y4tdwunn
Die Hard
ปี 1988 (อเมริกา)
ผู้กำกับ : John McTiernan
โปรแกรมนี้ขอเสนอหนังดังวันคริสต์มาสพันธุ์อึดตายยาก ว่าด้วยเรื่องราวของตำรวจฉายาคาวบอย ที่บินลัดฟ้าจากนิวยอร์ก มาลอสแอนเจลิสในวันคริสต์มาสอีฟ เพื่อสานสัมพันธ์กับภรรยาและลูกสาว
เรื่องราวของ ‘จอห์น แม็กเคลน’ แสดงโดยดารานักบู๊มากบทบาทอย่างบรูซ วิลลิส ที่เส้นทางไม่เคยโปรยปรายด้วยกลีบกุหลาบ เพราะระหว่างปาร์ตี้ที่ตึกนากาโตมิสถานที่ทำงานของแฟนสาว กลุ่มติดอาวุธสุดร้ายกาจเลือกวันปล้นตู้เซฟได้เหมาะเหม็ง จนเกิดเป็นการห้ำหั่นระหว่างแก๊งโจรโฉด กับตำรวจมือเก๋าที่ไล่เก็บผู้ก่อการร้ายเป็นรายคน และใช้สติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในขณะที่ความช่วยเหลือจากข้างนอกไม่อาจเอื้อมถึง
นรกระฟ้า คือปฐมบทแห่งความคลาสสิกของภาพยนตร์ชุด Die Hard พันธุ์อึดตายยากที่บู๊แอ็กชันมันระเบิด และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการทุ่มเทเพื่อปกป้องคนรักและผู้บริสุทธิ์ตามแบบฉบับหนังอเมริกัน และถูกนำมาเพิ่มดีกรีความโหดขึ้นทุกภาคจากจี้ตึก ไปจี้เครื่องบิน กระโดดขึ้นขบวนรถไฟที่กำลังวิ่ง ถูกผู้ก่อการร้ายสั่งให้ไปยืนห้อยป้ายเหยียดผิวกลางชุมชนคนดำ และอีกสารพัดความระทึกขวัญ ที่ถาโถมเข้าใส่ตัวเอกและแสดงให้เห็นว่าตายยากสมชื่อ
คนอึดตายยาก ทุกภาค พร้อมรับชมแล้ววันนี้ และวันต่อๆ ไป ทาง Disney+ Hotstar ถ้าอยากให้คริสต์มาสของคุณไม่เงียบเหงาและเต็มไปด้วยความเมามัน จัดเลย!
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://shorturl.asia/QMHUd
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Disney+ Hotstar | https://tinyurl.com/y3gky8dt
Merry Christmas, Mr. Lawrence
ปี 1983 (ญี่ปุ่น)
ผู้กำกับ : Nagisa Oshima
หากใครพอรู้จักเหตุการณ์ ‘Christmas Truce’ (การหยุดยิงในวันคริสต์มาส) คงจะสัมผัสถึงมวลความรู้สึกที่คล้ายกันได้ในภาพยนตร์ ‘Merry Christmas, Mr. Lawrence’ – เหตุการณ์มีรายละเอียดดังนี้ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มีการเล่าขานกันว่าทหารฝั่งอังกฤษและเยอรมันหยุดยิงชั่วคราวในคืนก่อนและช่วงวันคริสต์มาส ปี 1914 เพื่อเตะฟุตบอลกระชับมิตรและเฉลิมฉลองกันโดยไม่มีแบ่งแยกมิตร-ศัตรู เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเกิดขึ้นจริง 100% เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยังยืนยันได้ไม่มากพอ
‘Merry Christmas, Mr. Lawrence’ เป็นภาพยนตร์ที่มีฉากหลังคือสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภูมิภาคเอเชีย ช่วงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นแผ่ขยายอำนาจและยึดกุมพื้นที่เกาะชวาได้ กองทัพญี่ปุ่นจับกุมเชลยศึกที่เป็นทหารชาวอังกฤษมาในการควบคุม นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในภาพยนตร์
ภาพยนตร์ไม่ได้ฉายให้เห็นอาวุธยุทโธปกรณ์ แอ็กชันฝุ่นกระจาย หรือฉากการรบอย่างที่คุ้นเคยในภาพยนตร์สงคราม แต่กลับเป็นความสัมพันธ์และ “มิตรภาพ” ของทหารสองฝ่ายที่ต่างภาษา ต่างความคิด-ความเชื่อ แต่ถูกครอบงำเหมือนกันด้วยความจำเป็นจากสงคราม คำสั่งเบื้องบน ชาติกำเนิด และเพศวิถี
ราวกับว่าภาพยนตร์จะชวนให้เราเห็นถึงมิตรภาพ และความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้นในม่านเขม่าดินปืน และชวนจินตนาการว่า ถ้าไม่มีสงคราม ไม่มีพวกฉัน ไม่มีพวกเอ็ง พวกเราคงนั่งก๊งกันอยู่แล้วล่ะ
แต่วันคริสต์มาสใน ‘Merry Christmas, Mr. Lawrence’ ไม่ได้สวยงามเหมือน ‘Christmas Truce’ ไม่มีการหยุดยิง ไม่มีการเลี้ยงฉลองใดๆ เพื่อลืมความเป็นจริงที่ทุกคนกำลังเผชิญ แต่วันคริสต์มาสในเรื่องกลับเป็นวันที่รับรู้ถึงความเป็นจริงอันโหดร้ายตรงหน้า ชักชวนให้เผชิญหน้ากับมันตรงๆ และก้าวเดินต่อไป
Merry Christmas!
ตัวอย่างภาพยนตร์ : https://bit.ly/3ElkxpL
รับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง : Amazon | https://tinyurl.com/y2rxmyrb