รู้สึกเหมือนกันไหมว่า ช่วงนี้ออกไปไหนก็เจอแต่น้องหมาน้องแมว และหลากหลายสถานที่ต่างปรับตัวเป็น Pet Friendly หรือจัดระบบรองรับน้องๆ สัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น บอกเลยว่าพวกเราไม่ได้คิดไปเอง เพราะจากข้อมูลของ TGM Research พบว่า ประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงถึง 73 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่มีเพียง 58 เปอร์เซ็นต์
ไม่เพียงจำนวนครอบครัวที่มีน้องๆ จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเคียงคู่มาด้วยวัฒนธรรม ‘Pet Parent’ หรือการเลี้ยงเจ้าหมาแมวเสมือนลูกคนหนึ่ง
เมื่อเป็นแบบนั้น การมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งจึงไม่ใช่แค่การดูแลหรือแสดงความรักทั่วๆ ไป แต่ยังรวมถึงอาหารการกินและการดูแลสุขภาวะโดยรวมของสัตว์ด้วย
และนั่นเป็นโจทย์เดียวกันกับที่ ‘Kelly & Co’s’ แบรนด์อาหารสัตว์สัญชาติไทย ตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้น้องๆ สัตว์เลี้ยงได้กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์มากที่สุด จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
Urban Creature ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ‘คุณไมค์-วิชิตพนธ์ อัศวชำนาญ’ CEO และผู้ก่อตั้ง บริษัท Kelly & Co’s ถึงการเป็นธุรกิจระดับโลกที่ส่งออกสินค้าไปแล้วกว่า 30 ประเทศ และยังเพิ่งได้รับรางวัล PM’s Export Award หรือรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

ด้วยรักในสัตว์เลี้ยง
แบรนด์ Kelly & Co’s ไม่ได้เริ่มต้นในห้องประชุม แต่เริ่มขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง วิชิตพนธ์เล่าว่า เขาเติบโตมาในครอบครัวที่คลุกคลีกับสุนัขและแมวกว่า 20 ตัว ซึ่งเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวที่นอนด้วยกัน เล่นด้วยกัน และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
“ชื่อแบรนด์มาจากชื่อน้องหมาที่บ้าน น้องชื่อ ‘Kelly’ ส่วน ‘Co’ ย่อมาจาก Companion ที่แปลว่าเพื่อนๆ เพราะเรามองว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวคือเพื่อนคู่ใจ คือสมาชิกในครอบครัว เราเลี้ยงเขาเหมือนลูกจริงๆ แรงบันดาลใจทั้งหมดจึงเกิดจากพวกเขาโดยตรง”
ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่ทำธุรกิจอาหาร ประกอบกับตัวเขาเองเคยศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 12 ปี ทำให้วิชิตพนธ์ได้สัมผัสกับเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก เขาเห็นนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมายที่ยังไม่มีในประเทศไทย และเกิดคำถามในใจว่า ทำไมสัตว์เลี้ยงบ้านเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดแบบนั้นบ้างไม่ได้
ความคิดนั้นตกผลึกกลายเป็นภารกิจในการสร้างสรรค์อาหารสัตว์ที่เป็นมากกว่าอาหาร แต่ยังเป็นโภชนาการที่ดีที่สุดเพื่อยืดอายุและคุณภาพชีวิตของพวกเขา

นวัตกรรมจาก NASA สู่ชามอาหารของเพื่อนสี่ขา
เมื่อความตั้งใจชัดเจน โจทย์ต่อไปคือการค้นหาวิธีการที่ดีที่สุด วิชิตพนธ์หวนนึกถึงเทคโนโลยีฟรีซดราย (Freeze-dry) ที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก จากการไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ NASA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง เพื่อถนอมอาหารให้นักบินอวกาศ เขามองเห็นศักยภาพมหาศาลของเทคโนโลยีนี้ที่จะมาปฏิวัติวงการอาหารสัตว์
“เรามองว่าคนเรายังมีทางเลือกที่จะเดินไปซื้อแอปเปิลสดๆ กินได้ แต่หมาแมวไม่มีทางเลือก การให้เขากินอาหารแปรรูป (Processed Food) ก็เหมือนให้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวัน เทคโนโลยีฟรีซดรายเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพราะสามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการ เอนไซม์ที่มีชีวิตซึ่งเป็นแกนกลางของชีวิต และกรดอะมิโนตามธรรมชาติที่มักจะสลายไปเมื่อเจอความร้อนไว้ได้ดีที่สุด”

บุกเบิกตลาดอาหารสัตว์ฟรีซดราย
แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ใหม่ขนาดนี้ ไม่มีทางที่เส้นทางธุรกิจจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเทคโนโลยีฟรีซดรายสำหรับอาหารสัตว์ยังเป็นเรื่องใหม่มากในเอเชีย ไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ รองรับโดยตรง ทำให้การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เป็นไปด้วยความยากลำบาก
“ตอนนั้นมีความยากในการทำเอกสารเพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ในหลายประเทศอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน แม้แต่ฝั่งยุโรปเอง ฟรีซดรายก็ยังไม่อยู่ในสโคป ทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นอาหารสัตว์ได้”
เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 – 6 ปีก่อน เราอาจจะพอเห็นอาหารฟรีซดรายที่เป็นของคนอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ฟรีซดรายหรือขนมฟรีซดราย แต่สำหรับสัตว์ในยุคนั้นถือเป็นเรื่องใหม่มาก Kelly & Co’s จึงเอ่ยได้เต็มปากว่าเป็นแบรนด์แรกๆ ในการใช้เทคโนโลยีนี้รักษาคุณภาพของอาหารไว้

อร่อยถูกใจ คุณภาพระดับอาหารคน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Kelly & Co’s ได้รับความไว้วางใจในตลาดโลกคือ ความยึดมั่นในคุณภาพที่ไม่เคยประนีประนอม ภายใต้มาตรฐาน Human Grade หรือคุณภาพเทียบเท่าอาหารมนุษย์ ซึ่งเป็นปรัชญาที่ฝังลึกใน DNA ของแบรนด์
“คอนเซปต์ของเราง่ายมากคือ สิ่งที่เราไม่กล้ากิน เราก็ไม่กล้าให้สัตว์เลี้ยงกิน คุณภาพสำหรับเราจึงไม่ใช่แค่รสชาติหรือสารอาหาร แต่คือความเชื่อมั่น คือคำสัญญาที่เราในฐานะเจ้าของสัตว์เลี้ยงมอบให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงคนอื่นๆ”
เพื่อรักษาคำสัญญานี้ ทำให้โรงงานของ Kelly & Co’s ใช้มาตรฐานของการอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายของ USDA แห่งสหรัฐอเมริกา Supply Chain ทั้งหมดถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด วัตถุดิบทุกชิ้นสามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงถุงผลิตภัณฑ์

ดูแลคุณภาพชีวิตสัตว์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
วิชิตพนธ์เล่าถึงความเข้มข้นในการคัดสรรวัตถุดิบจาก ‘ฟาร์มสวัสดิภาพสัตว์’ หรือฟาร์มที่มีมาตรฐานการดูแลสัตว์ทุกตัวอย่างดี
ยกตัวอย่าง เนื้อไก่ที่มาจากโรงงานเพียงไม่กี่แห่งในไทยที่ได้รับการรับรองจาก USDA ซึ่งควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะและฮอร์โมนอย่างเข้มงวด และเป็นไก่ที่เลี้ยงแบบ Free Range ไม่ได้ถูกขังในกรง ส่วนวัว แพะ และแกะ ถูกเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ (Grass Fed) บนทุ่งหญ้าออร์แกนิกในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดี สะท้อนถึงคุณภาพของวัตถุดิบ
การประมงก็เช่นกัน Kelly & Co’s เลือกประมงที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืน ไม่ใช้แรงงานทาส ไม่ทำการประมงเกินขนาด (Overfishing) และได้รับใบรับรอง Dolphin Safe เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
และเมื่อวัตถุดิบมาถึงโรงงาน จะต้องผ่านการตรวจสอบทางเคมีและกายภาพโดยฝ่าย QA/QC ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และทุกล็อตการผลิตจะมีหมายเลขกำกับ เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งที่มาได้ทันที

ฟรีซดรายที่แตกต่าง
ในตลาดอาหารสัตว์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูง Kelly & Co’s สร้างความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ฟรีซดรายส่วนใหญ่ในตลาดจะผ่านการทำให้สุกก่อนนำไปทำแห้ง แต่ Kelly & Co’s พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างออกไป
“ฟรีซดรายของเราใช้กระบวนการที่เรียกว่า Low-temperature Process หรือการใช้ความร้อนต่ำในการทำให้แห้ง ทำให้เราสามารถคงความ ‘Raw’ หรือความสดใหม่ไว้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ผลลัพธ์คือผลิตภัณฑ์ที่หอมกว่า มีเอนไซม์ที่มีชีวิตอยู่ และคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างสมบูรณ์”
นอกจากนี้ Kelly & Co’s ยังพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงได้อย่างชาญฉลาด เช่น ผงโรยอาหาร (Topper) ซึ่งเริ่มต้นจากแคมเปญ ‘เอาชนะใจสัตว์เลี้ยงกินยาก’ ด้วยกลิ่นหอมจากธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร แต่หัวใจหลักของมันคือการเป็น ‘โปรตีนบูสต์’ ที่ช่วยเสริมเอนไซม์และกรดอะมิโนที่ขาดหายไปในอาหารเม็ดทั่วไป เปรียบเสมือนเรากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเติมเนื้อสัตว์และผักสดลงไปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร

อาหารสัตว์ที่มีรางวัลระดับประเทศการันตี
ทุกๆ ปีจะมีรางวัลที่เรียกว่า Prime Minister’s Export Award (PM’s Export Award) หรือรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจส่งออก ทั้งด้านคุณภาพสินค้าและบริการ การสร้างแบรนด์ การสร้างนวัตกรรม และการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
PM’s Export Award เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่การันตีว่า ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพและสามารถยกระดับมาตรฐานธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งปีนี้ Kelly & Co’s เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้วย
“รู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างสูง เพราะเราเคยได้ยิน PM’s Export Award ตั้งแต่ตอนเด็กๆ เป็นรางวัลที่ถ้าใครได้นี่เท่มากเลย เพราะได้รับจากท่านนายกฯ ด้วย และรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่รางวัลที่ Kelly & Co’s ได้รับ แต่เป็นหลักฐานว่าประเทศไทยสามารถทำให้สินค้าของเราไปอยู่ในลักษณะของ Global Brand ยืนบนเวทีโลกได้”
นอกจากนั้น วิชิตพนธ์ยังยืนยันว่า การได้รับรางวัลนี้ก็คล้ายการได้รับตราประทับให้กับแบรนด์ และสามารถสื่อสารกับคู่ค้าทั่วโลกให้มั่นใจได้ว่า แบรนด์ของเขาได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐบาลไทย
“ยุคแรกๆ ที่เริ่มบุกตลาด จำได้ว่าเคยร่วมงานกับทางกรมส่งเสริมการส่งออก (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) กระทรวงพาณิชย์ด้วย ซึ่งพอทางคู่ค้ารู้ว่าแบรนด์เราทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เขาก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าแบรนด์มีตัวตนอยู่จริง ประกอบกับตอนนี้ได้รับรางวัล PM’s Export Award ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น”
มุ่งพัฒนาต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
ปัจจุบัน Kelly & Co’s มีสำนักงาน 7 แห่งครอบคลุมทวีปต่างๆ ทั่วโลก และกำลังวางแผนขยายตลาดไปยังลาตินอเมริกา เพราะได้ลองคุยเรื่องการวางตลาดที่ชิลีและบราซิลไว้แล้ว และการได้รับรางวัล PM’s Export Award 2025 ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมต่อไป เพื่อทำให้สัตว์เลี้ยงทั่วโลกเข้าถึงสิ่งที่ดีที่สุดได้ง่ายขึ้น
วิชิตพนธ์ยังเผยถึงโปรเจกต์ล่าสุดที่ใช้เวลาวิจัยและพัฒนานานกว่า 3 ปี และกำลังจะเปิดตัวในต้นปี 2026 ให้เราฟังด้วย นั่นคือ ‘อาหารเม็ดเคลือบฟรีซดราย’
“เราตระหนักเสมอว่าฟรีซดรายเป็นเหมือนการกินสเต๊กทุกวัน มันดีมากแต่ก็มีราคาสูง ความท้าทายคือจะทำอย่างไรให้คุณประโยชน์นี้เข้าถึงกลุ่มที่กว้างขึ้นได้ เราจึงคิดค้นนวัตกรรมอาหารเม็ดเคลือบฟรีซดรายเพื่อตอบโจทย์นี้ ทำให้สัตว์เลี้ยงจำนวนมากขึ้นได้ลิ้มรสและรับคุณค่าของฟรีซดรายในราคาที่เข้าถึงง่าย”
Kelly & Co’s นับเป็นอีกความภาคภูมิใจของคนไทยที่มุ่งมั่นพัฒนาความสามารถและศักยภาพของธุรกิจจนก้าวไปอยู่ในเวทีโลก พร้อมทั้งใส่ใจดูแลคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงด้วยนวัตกรรมที่ยังคงตั้งใจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในไทยยังมีแบรนด์และนักธุรกิจอีกมากที่กำลังตั้งใจพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในฐานะคนทำธุรกิจเหมือนกัน วิชิตพนธ์ก็หวังให้ทุกคนก้าวไปอยู่ในจุดที่ตนคาดหวังได้ไม่ต่างกัน
“ความสำเร็จไม่ใช่แค่เรื่องโชคอย่างเดียว การไม่หยุดคิดเรื่องใหม่ๆ อะไรที่คนบอกทำไม่ได้ เราต้องกล้าที่จะลอง คู่ไปกับความซื่อสัตย์ในคุณภาพ เหมือนของ Kelly & Co’s ที่เมื่อก่อนเราทำกันอยู่ในบ้านเล็กๆ แต่ปัจจุบันขยายไปสามสิบประเทศทั่วโลก จนยืนในเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะยังยึดมั่นในสามคำ นั่นคือ นวัตกรรม ทีมเวิร์ก และคุณภาพ”