การสื่อสารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ทำให้คนมีความรู้และโลกทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น แลกเปลี่ยนและพัฒนาร่วมกัน จนกลายเป็นกระบวนการที่ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จนมาถึงยุคแห่งข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันที่การสื่อสารของมนุษย์ไม่ได้มีเพียงแค่การแลกเปลี่ยนกันซึ่งๆ หน้าเท่านั้น แต่ยังไปไกลถึงการสื่อสารผ่านดาวเทียมเพื่อความรวดเร็ว และกระจายให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง
จากอดีตจนถึงปัจจุบันพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อก่อนเวลาเราต่ออินเทอร์เน็ตต้องเชื่อมต่อด้วยสายตรง แบบไร้สาย ไปจนถึงส่งสัญญาณแบบ wifi และอีกหลากหลายวิธีโดยทั้งหมดนี้ เปลี่ยนไปตามความต้องการใช้งานที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เราจึงพามาทำความรู้จักกับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง พร้อมการพัฒนาจากหลากหลายบริษัทที่พากันระดมพลังสมองกันแบบสุดพลัง จะมีใครบ้างตามไปดูกัน
1 | SpaceX’s Starlink – Elon Musk
หากเอ่ยชื่อ ‘Elon Musk’ เรื่องโปรเจกต์สุดอลังการงานสร้างเขาคนนี้ไม่แพ้ใครแน่นอน ซึ่งงานนี้เป็นการลงมือสร้างของทีม SpaceX ผ่านโปรเจกต์ที่ชื่อว่า Starlink หรือกลุ่มดาวเทียมแบบ Constellation จำนวน 4,425-11,943 ดวง จะเริ่มปล่อยขึ้นไปโคจรที่ระดับความสูง 42,164 กิโลเมตร และตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาแบบไม่มีจุดหมาย แต่การส่งดาวเทียมออกไปลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ ณ ระดับนั้น เพราะนั่นเป็นระดับวงโคจรค้างฟ้า หรือ Geosynchronous Orbit ซึ่งความเร็วในการโคจรจะสัมพันธ์กับความเร็วการหมุนของโลกพอดี ทำให้ดาวเทียมดวงนั้นอยู่เหนือหัวเราเสมอ
โดยข้อดีของการส่งดาวเทียมขึ้นไปในรูปแบบ Constellation นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องพึ่งการสื่อสารด้วยสายบนพื้นดินอีกต่อไป เรายังสามารถรู้ปัญหาได้ทันทีหากเกิดความผิดพลาด เพราะเรารู้ตำแหน่งของดาวเทียมแต่ละดวงจากภาคพื้นดิน และสำหรับระบบอินเทอร์เน็ตจาก Starlink ทุกที่ทั่วโลกจะมีความเร็วเท่ากันหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะขายสัญญาณเหล่านี้ผ่านคนกลาง หรือขายให้กับกลุ่มลูกค้าโดยตรง ในอนาคตเราอาจไม่ต้องพึ่งเครือข่ายมือถือ หรือ Cellular อีกต่อไป แต่เราอาจจะฝังเสาแบบนี้ไว้ในมือถือ แล้วทำให้มันเชื่อมต่อเป็นอินเทอร์เน็ตมือถือได้เลย หรือเปลี่ยนเป็นรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก Starlink โดยตรงแทนก็ได้
2 | Project Kuiper – Amazon
เมื่อท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และเทคโนโลยีที่หมุนไปไวจนหยุดไม่ได้ จึงทำให้ ‘Amazon’ ธุรกิจยักษ์ใหญ่ก็ลงสนามกับเขาเหมือนกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของกลุ่มดาวเทียม Kuiper 3,236 ดวง โดยกลุ่มดาวเทียมนี้ จะให้บริการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ความเร็วต่ำ หรืออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งนี่อาจเป็นโครงการระยะยาวที่ให้บริการผู้คนกว่าหลายสิบล้าน ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ตถึง 95% จากทั่วทุกมุมโลกเลยล่ะ
โดยมีการแบ่งความระยะความสูงที่ต่างกันออกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. ความสูง 590 กิโลเมตร จำนวน 784 ดวง
2. ความสูง 610 กิโลเมตร จำนวน 1,296 ดวง
3. ความสูง 630 กิโลเมตร จำนวน 1,156 ดวง
ซึ่งการใช้ระดับความสูงที่ต่างกันนั้นก็มีความหมาย และประโยชน์กับการใช้งานที่ต่างออกไปด้วย โดยข้อดีของสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากดาวเทียมทำให้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลก เสาอากาศทั้งหมดก็จะได้รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพดีอย่างทั่วถึง
3 | Skybender – Google
มาต่อกันที่แพลตฟอร์มที่อยากได้อะไร อยากรู้อะไรก็ต้องนึกถึงอย่าง ‘Google’ กับการพัฒนาโปรเจกต์ล่าสุดเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางอากาศและอวกาศ Skybender โครงการโดรนพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สร้างขึ้นมาสำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายความเร็วสูงระดับ 5G เพื่อใช้พื้นที่ในการทดสอบโดรนและตัวส่งสัญญาณไร้สายจำนวนมาก เพื่อรับส่งข้อมูลจำนวนมากให้เหลือเวลาเพียงไม่กี่วินาที
อีกทั้งยังสามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากโดรนที่บินอยู่ให้แก่ผู้คนที่อยู่ด้านล่างได้อีกด้วย นอกจากนี้ทาง Google ยังมีการพัฒนาโปรเจกต์อื่นๆ ตามมาอย่างไม่ขาดสาย เช่น โปรเจกต์ Loon ซึ่งเป็นบอลลูนที่ปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตมายังพื้นที่ด้านล่าง และโปรเจกต์ Wing ที่ใช้โดรนในการขนส่งพัสดุด้วย
4 | Skybox Imaging – Google
นอกจาก SkyBender แล้ว ‘Google’ ยังฟิตไม่หยุดฉุดไม่อยู่ กับการลงนามข้อตกลงในการเซ็นสัญญาเข้าซื้อ Skybox Imaging บริษัทดาวเทียมในแคลิฟอร์เนียด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แถมยังชักชวนเจ้าพ่อสมาร์ทโฟนอย่าง ‘Apple’ เข้าทีมด้วย โดยโปรเจกต์นี้นำมาพัฒนาต่อด้วยการส่งดาวเทียมขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อเก็บภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบ up-to-date เพื่อนำข้อมูลที่เก็บได้นั้นมาพัฒนาในแง่ต่างๆ สร้างเป็นแผนที่ ไปจนถึงการแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งมากกว่าภาพถ่ายโปรเจกต์นี้ ยังสามารถเก็บวิดีโอความละเอียดสูงขนาด 1080p HD ที่ถ่ายโดยดาวเทียม SkySat-1 นำมาฝากกันแบบชัดเจนและเรียลไทม์เช่นกัน นอกจากประโยชน์ข้างต้นแล้ว ดาวเทียมจาก Skybox ยังสามารถใช้เป็นตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์กับแอปพลีเคชั่น Google Maps และ Google Earth ได้อีกด้วยนะ
Writer
