ไม่ต้องเป็นพ่อมดแม่มดก็หายตัวได้ด้วย ‘โล่ล่องหน’ พกพาง่าย ช่วยซ่อนตัวจากสังคมได้ทันที

ครั้งหนึ่งเราอาจเคยอยากมีผ้าคลุมล่องหนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไอเทมที่เอาไว้ซ่อนตัวจากสถานการณ์ยุ่งยากหรือความวุ่นวายของสังคมที่เราอยากหลบหนี แต่ไม่ต้องเข้าไปถึงโลกแห่งเวทมนตร์เราก็หายตัวได้แล้วด้วย ‘โล่ล่องหน’ สินค้าของบริษัท Invisibility Shield Co. จากสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโล่รุ่นที่สองหลังจากเปิดตัวรุ่นแรกในปี 2022 ที่ผ่านมา โล่ล่องหนนี้ทำขึ้นจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตคุณภาพสูง มีส่วนประกอบของอาร์เรย์เลนส์ ที่ช่วยซ่อนคนด้านหลังโล่ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางแสงที่สะท้อนออกมา และสะท้อนภาพของพื้นหลังจากด้านใดด้านหนึ่งของโล่ออกมาแทน ทำให้คนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันนั้นมองไม่เห็นคนหรือวัตถุด้านหลังโล่แม้แต่น้อย โล่รุ่นใหม่นี้มีให้เลือกถึงสามขนาดตั้งแต่ 8 นิ้ว หรือประมาณ 20 เซนติเมตร ไปจนถึง 6 ฟุต หรือประมาณ 180 เซนติเมตร ที่สามารถบดบังตัวคนที่ยืนอยู่ด้านหลังโล่ได้อย่างแนบเนียน นอกจากนี้ โล่ทุกขนาดยังกันน้ำได้ แถมยังทำขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย อินโทรเวิร์ตคนไหนที่อยากซ่อนตัวจากสังคม แต่ก็ยังอยากเดินทางไปที่นั่นที่นี่ แค่พกพาเจ้าโล่นี้ติดตัวไปด้วย แค่ม้วนมันใส่กระบอกและสะพายขึ้นหลังได้ทันที โล่ล่องหนรุ่นสองสั่งซื้อแบบพรีออเดอร์ได้ทาง Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นที่ 69 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,530 บาท Sources :Designboom | tinyurl.com/2erz2jcrDesignTAXI | tinyurl.com/j57uarxyKickstarter | […]

‘IONIQ’ ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าจาก Hyundai ที่ให้ความยั่งยืนเป็นหลักสำคัญของแบรนด์

ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป โดยเฉพาะวงการรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่ยิ่งต้องหันมาให้ความสนใจ เพราะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับแบรนด์ยานยนต์ Hyundai ที่นอกจากจะพัฒนาความสามารถของรถยนต์แล้ว ยังให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างสรรค์อนาคตแห่งความยั่งยืนผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ ของแบรนด์อีกด้วย รถยนต์ไฟฟ้าเองก็เป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะช่วยโลกของ Hyundai ด้วยเหมือนกัน เพราะในปัจจุบันนี้ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางแบรนด์ได้มีการพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อพา ‘IONIQ’ ก้าวสู่ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าที่สร้างอนาคตที่ยั่งยืน IONIQ ให้ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเป็นโจทย์สำคัญในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ เช่น การนำเอาเส้นใยจากขวด PET รีไซเคิลและไฟเบอร์จากชานอ้อยมาประกอบขึ้นเป็นวัสดุหุ้มเบาะใน ‘IONIQ 5’ หรือแม้แต่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ‘IONIQ 6’ ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Ethical Uniqueness ที่นอกจากจะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารแล้ว หนังที่หุ้มเบาะยังรักษ์โลกด้วยการใช้กระบวนการเคลือบผิวด้วยน้ำมันสกัดจากพืชเพื่อเพิ่มความแวววาวและสวยงามของหนัง ส่วนพรมในรถก็ทำขึ้นจากวัสดุตาข่ายจับปลารีไซเคิล แผงแดชบอร์ดทำจากพลาสติก TPO หรือ Thermoplastic Polyolefin สารผสมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ้าบุหลังคาผลิตจากวัสดุ Bio PET รวมไปถึงการใช้สีที่สกัดจากธรรมชาติด้วย นอกจากนี้ ความพิเศษของแบตเตอรี่รถยนต์ IONIQ ยังสามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายไปรีไซเคิล และนำชิ้นส่วนใหม่มาประกอบกลับไปใช้งานได้อีกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกทางหนึ่งด้วย สัมผัสนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตจาก Hyundai ได้ที่ IONIQ Lab […]

เบาะนั่งจากกระบองเพชรและอวนจับปลา ทางเลือกของสายการบินแบบยั่งยืน เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050

ธุรกิจสายการบินเป็นสาเหตุหลักๆ ในการสร้างมลภาวะทางอากาศ ทำให้หลายบริษัทต่างหาวิธีการดำเนินงานบนความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแข่งขันกันเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาของธุรกิจเหล่านี้เริ่มจากการเปลี่ยนที่นั่งบนสายการบินให้เป็นวัสดุรีไซเคิล ภายในงาน Singapore Airshow ที่เป็นงานแสดงการบินและอวกาศระหว่างประเทศ ได้มีการเปิดตัว ‘RECARO Aircraft Seating GmbH’ ที่นั่งชั้นประหยัดจากบริษัทเยอรมนี ที่ทำขึ้นจากโฟมรีไซเคิลในที่นอนเก่า ที่วางแขนประกอบด้วยไม้และสารประกอบไม้ก๊อก ด้านหลังมีกระเป๋าตาข่ายทำจากตาข่ายดักปลา ส่วนผิวกระบองเพชรกลายเป็นทางเลือกแทนการใช้พลาสติกหรือหนังสัตว์ในการห่อหุ้มตัวเบาะ วัสดุกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเบาะนั่งนั้นทำมาจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ รวมไปถึงตัวเบาะเองก็สามารถรีไซเคิลได้ นอกจากนี้ ด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างเบากว่าเบาะปกติยังเป็นการช่วยประหยัดเชื้อเพลิงบนเครื่องบินอีกด้วย ที่นั่งดังกล่าวจะพร้อมจำหน่ายในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการส่งมอบครั้งแรกในปี 2025 เพราะส่วนประกอบบางอย่างยังต้องได้รับการรับรอง ไม่แน่ว่าในอนาคต ผู้โดยสารจากสายการบินต่างๆ อาจจะได้นั่งเบาะที่ทำจากหนังกระบองเพชรและอวนจับปลาที่ถูกทิ้งร้าง เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินพยายามทำทุกวิธีเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นรูปแบบการขนส่งที่ยั่งยืนให้ได้มากที่สุด Sources :Daily Maverick | bit.ly/3uZfqNGTimes of india | bit.ly/3TwT8wh

บอกลาความคันที่ต้นคอด้วย ‘LUKE’ เครื่องตัดป้ายติดคอเสื้อชิ้นแรกของโลก มาพร้อมแอปฯ บอกวิธีการดูแลเสื้อผ้า

หลายคนน่าจะเคยประสบปัญหาป้ายติดคอเสื้อที่ทำให้รู้สึกคันจนต้องตัดทิ้ง แต่ทุกครั้งที่ตัดออกก็มักจะเหลือบางส่วนติดอยู่ที่คอเสื้อ เพราะหากตัดชิดเสื้อเกินไปก็อาจทำเสื้อขาดได้ ด้วยปัญหานี้ ทาง ‘LUKE’ ได้ออกแบบเครื่องกำจัดป้ายติดคอเสื้ออัตโนมัติ ที่นับว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกของโลกที่ช่วยแก้ปัญหาตัดป้ายติดคอเสื้ออย่างสมบูรณ์ โดยที่ไม่ทำลายเสื้อให้เสียหาย เพียงแค่หนีบอุปกรณ์ชิ้นนี้ลงบนป้าย ความร้อนจากเครื่องก็จะตัดป้ายออกอย่างเรียบเนียน ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้รำคาญใจด้วยการเย็บตะเข็บเก็บงานได้อย่างสวยงาม แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็ดันอยู่บนป้ายที่ตัดทิ้งไป LUKE จึงแก้ปัญหานี้ด้วยแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้เรารักษาเสื้อผ้าให้ยั่งยืนผ่านการถ่ายรูปจากป้ายติดคอเสื้อก่อนตัดทิ้ง หรือถ่ายรูปเสื้อผ้าเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชุดนั้นๆ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการเข้าถึงข้อมูลเสื้อผ้าเหล่านั้น เพียงแค่เปิดเข้ามาในตู้เสื้อผ้าดิจิทัลหลังนี้ก็จะเจอฮาวทูทั้งหลายที่เราบันทึกไว้ทันที มากไปกว่านั้น แอปฯ ยังทำหน้าที่เป็นสไตลิสต์ช่วยออกแบบลุคจากข้อมูลเสื้อผ้าที่เราเก็บไว้ในฐานข้อมูลได้ด้วย Sources :Indiegogo | tinyurl.com/papfp6jtLUKE | tinyurl.com/yzhhs5svYanko Design | tinyurl.com/2738f8jm

รู้จัก ‘Recou’ แกลบรีไซเคิล ทำหน้าที่แทนโฟมกันกระแทก แต่ไม่ทำให้สินค้าและโลกเสียหาย

ปกติเวลาที่เราสั่งเฟอร์นิเจอร์หรือสินค้าต่างๆ มาส่งที่บ้าน นอกจากตัวสินค้าแล้ว ภายในกล่องก็มักมาพร้อมกับโฟมกันกระแทก เพื่อป้องกันความเสียหายในระหว่างขนส่งพัสดุ ข้อดีคือช่วยป้องกันของให้อยู่ในสภาพดีจนถึงมือผู้สั่ง แต่ข้อเสียคือวัสดุเหล่านี้อาจไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่าไรนัก เพราะมักถูกทิ้งไปเนื่องจากไม่ได้นำไปใช้งานในลักษณะอื่นๆ อีก บริษัท Proservation ในเยอรมนี ได้หาวิธีในการใช้วัสดุอื่นๆ แทนการใช้โฟม เพื่อลดขยะและไม่สร้างมลพิษต่อโลก ซึ่งวัสดุที่บริษัทเลือกใช้นั้นคือแกลบจากพืช โดยปกติแล้ว เมื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพืช แกลบเหล่านี้มักถูกคัดออกเพื่อนำไปทำเป็นที่นอนสัตว์ หรือไม่ก็นำไปเผาทิ้ง Proservation จึงนำเอาแกลบเหล่านี้ไปรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ด้วยการเปลี่ยนให้เป็น ‘Recou’ วัสดุที่มีความอ่อนนุ่มและทนทานต่อแรงกระแทกเช่นเดียวกับโฟม แต่สามารถนำไปทำปุ๋ยหมักหรือทิ้งได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว Proservation ตั้งใจทำให้ Recou ใช้งานทดแทนโฟมจำนวนมากในปัจจุบันได้ แต่อย่างไรก็ตาม Recou ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งระยะการผลิตที่ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่า 6 – 8 ชั่วโมงต่อชิ้น น้ำหนักที่มากกว่าโฟม และถึงแม้ว่า Recou จะมีการออกแบบให้ทนทานต่อความชื้น แต่หากโดนความชื้นสูงในระยะเวลานานก็อาจทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลาย มีเชื้อรา และไม่สามารถใช้งานต่อได้ Sources :Proservation | proservation.eu/enYanko Design | tinyurl.com/mpwct2jt

น้ำหอมรักโลก ‘Air Eau de Parfum’ ทำจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หวังช่วยลดมลภาวะทางอากาศ

การดำเนินชีวิตของมนุษย์ในแต่ละวันมีส่วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้โลกของเราประสบปัญหาภาวะโลกร้อน แต่หากเราต้องการนำมลพิษเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ จะเป็นไปในทางไหนได้บ้าง ‘AIR COMPANY’ บริษัทที่มีเป้าหมายเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นพลังงานที่ใช้ได้ไม่จำกัด ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นเอทานอล และนำมาผสมกับน้ำและน้ำมันหอมระเหย เพื่อผลิตเป็นน้ำหอมที่ไม่เหมือนใคร ด้วยข้อความบนแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า ‘กำลังทำให้ CO2 เป็นสิ่งสวยงาม’ เพราะ AIR COMPANY จะใช้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 3.6 กรัมที่ไม่ได้ปล่อยไปในบรรยากาศ มาใช้ทำน้ำหอม ‘Air Eau de Parfum’ ปริมาณ 50 มิลลิลิตร ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ในการผลิตน้ำหอมแต่ละขวดอาจทำให้น้ำหอม Air Eau de Parfum มีราคาสูงกว่า Coco Chanel No.5 ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ขณะเดียวกัน แม้ว่าเทคโนโลยีการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ใหม่จะเป็นวิธีเล็กๆ ที่มีศักยภาพในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้ก็ตาม แต่ปัญหาด้านค่าใช้จ่าย การโน้มน้าวผู้ใช้เทคโนโลยีใหม่ และวิธีการขยายธุรกิจนี้ออกไปในระดับอุตสาหกรรมก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องหาแนวทางแก้ไขและพัฒนากันต่อไป ไม่แน่ว่าหลังจากนี้เราอาจจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้สร้างมลพิษมาเป็นผู้มีส่วนร่วมในการลดมลพิษผ่านการใช้น้ำหอม Air Eau de Parfum นี้ก็ได้ […]

‘Moto Taxi Auto Sign’ ป้ายบริการวินฯ แบบอัตโนมัติในกรุงเทพฯ ช่วยจัดระเบียบการใช้วินมอเตอร์ไซค์ให้ดีกว่าเดิม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในความสะดวกสบายของคนเมืองคือบริการ ‘วินมอเตอร์ไซค์’ ที่ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางในเมืองที่รถติดและวุ่นวายได้เป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถกีดขวางการจราจรและบนทางเท้า หรือผู้ใช้บริการจำนวนมากต่อคิวรอแต่กลับไม่มีรถให้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วน เป็นต้น ในงาน ‘Bangkok Design Week 2024’ เราได้เห็นผลงานจาก ‘Bangkok City Lab’ ที่อยากช่วยแก้ปัญหาวินมอเตอร์ไซค์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้บริการและพื้นที่ข้างเคียงมากขึ้น ผ่านโครงการทดลอง ‘ป้ายบริการวินฯ แบบอัตโนมัติ’ (Moto Taxi Auto Sign) ป้ายบริการที่จุดรอคิว แสดงสถานะว่ามีวินฯ ที่กำลังให้บริการในพื้นที่อยู่ขณะนี้กี่คัน ทาง Bangkok City Lab บอกกับเราว่า โครงการป้ายบริการวินฯ แบบอัตโนมัติ เริ่มต้นขึ้นจากการสำรวจพื้นที่เพื่อกำหนดประเด็นปัญหา ซึ่งสอดคล้องกับทางนโยบายผู้บริหารกรุงเทพฯ ที่อยากจัดการปรับปรุงเรื่องบริการวินมอเตอร์ไซค์ให้เป็นระเบียบมากขึ้น ผู้จัดทำโครงการพยายามมองหาไอเดียที่มีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์กับทุกฝ่าย ซึ่งป้ายอัตโนมัตินี้ก็เป็นหนึ่งจากหลายๆ ไอเดียที่คิดว่าครอบคลุมความต้องการ จึงนำไอเดียนี้ไปสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เมื่อได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีก็จัดการทำ Mock-up และจัดแสดงพร้อมกับประชาสัมพันธ์ภายในงาน Bangkok Design Week 2024 โดยพยายามลงทุนน้อยที่สุด เปลี่ยนแปลงทัศนคติน้อยที่สุด แต่สร้างผลกระทบเชิงบวกมากที่สุด ส่วนสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทำโครงการนี้คือ การนำเสนอและอธิบายแนวคิดให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ให้บริการวินมอเตอร์ไซค์ โดยต้องทำให้พวกเขาเห็นภาพชัดเจนเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน […]

Books Vending Machines ใครก็เข้าถึงการอ่านได้ง่ายๆ ด้วยไอเดียตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติ

ดูเหมือนว่าปัญหาราคาของต่างๆ ที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ จะทำให้ ‘หนังสือ’ กลายเป็นของฟุ่มเฟือยที่หลายคนเข้าถึงยากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน แถมนอกจากปัญหาราคาหนังสือที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ร้านเช่าหนังสือที่เคยเป็นแหล่งเข้าถึงหนังสือในราคาที่ไม่สูงนักก็แทบล้มหายตายจากไปหมดแล้ว เพราะการอ่านคือรากฐานสำคัญของการพัฒนาเมือง คอลัมน์ Urban Sketch ครั้งนี้จึงอยากลองออกแบบ ‘Books Vending Machines’ หรือตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติที่จะตั้งไว้กระจายตามจุดต่างๆ ในเมือง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงบริการยืมหนังสือได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย 1) ยืมและคืนหนังสือด้วยการลงทะเบียนผ่านบัตรประชาชน หากใครเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแต่ไม่ชอบซื้อมาดอง ก็อาจจะมีปัญหากับการเสียเงินสมัครสมาชิกห้องสมุดรายปี เพราะอาจไม่ได้มีเวลาเดินทางหรือใช้บริการจนคุ้มค่าสมัครขนาดนั้น แต่ตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติเปิดโอกาสให้ทุกคนยืมหนังสือได้ง่ายๆ เพียงแค่มีบัตรประชาชนสำหรับบันทึกข้อมูลผู้ยืมหนังสือ และสแกนบัตรประชาชนเพื่อยืนยันการคืนหนังสือเล่มที่ยืมไป ก่อนจะยืมเล่มใหม่หรือยืมเล่มเก่าต่อในครั้งถัดไป 2) ใช้งานง่ายด้วยระบบจอ Touchscreen ด้วยความที่เป็นตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติ แค่พิมพ์ชื่อหนังสือที่ต้องการยืมจากเมนูรายชื่อหนังสือทั้งหมด หรือจะเลื่อนดูหนังสือที่น่าสนใจผ่านหน้าจอ Touchscreen ก็ทำได้ทันที เพราะระบบจะแจ้งว่ายังมีเล่มไหนเหลือให้ยืมบ้าง หรือเล่มไหนที่คนยืมหมดไปแล้วก็ขอจองยืมอ่านต่อเป็นคิวถัดไปได้ แถมการชำระค่าบริการก็สะดวก เนื่องจากจ่ายผ่าน QR Code บนหน้าจอหรือเงินสดก็ได้ ส่วนใครที่ใช้บริการบ่อยๆ จะเติมเงินไว้เป็นเครดิตให้ระบบหักเงิน ตัวเครื่องก็รองรับเช่นเดียวกัน 3) สะสมแต้มยืมหนังสือครบ 10 ครั้ง ยืมฟรี 1 ครั้ง ทุกๆ […]

ถุงลมนิรภัยแบบสวมใส่ เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้สูงวัยด้วยการพองตัวทันทีเมื่อลื่นล้ม

เมื่อหลายเมืองเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ การเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ ก็ต้องหันมาให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานสูงวัยเพิ่มขึ้นด้วย เพราะสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นเครื่องมือที่จะช่วยรักษาสวัสดิภาพให้คนวัยเกษียณใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและยาวนานมากขึ้น ดังนั้นในปี 2019 ‘Suzhou Yidaibao’ บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในจีนจึงได้ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุหากเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม สิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้คือ ‘ถุงนิรภัยแบบสวมใส่ได้’ ที่จะช่วยลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บจากการลื่นล้ม โดยถุงนิรภัยนี้มีการทำงานเหมือนกับถุงลมนิรภัยในรถยนต์ที่บริษัทเคยผลิต และมีฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหวและมุมการตก ทำให้ถุงลมภายในพองตัวออกมาภายในเวลา 0.18 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการกระแทกกับพื้น ถุงนิรภัยนี้ออกแบบมาในรูปแบบของเสื้อกั๊กและเข็มขัด โดยภายในจะมีไมโครชิปที่รวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของมนุษย์ 200 ครั้งต่อวินาที และอัลกอริทึมที่จะช่วยวิเคราะห์ท่าทางของผู้สวมใส่ ทำให้เป็นเกราะป้องกันจากเทคโนโลยี ‘One-Piece Woven (OPW)’ การทอผ้าแบบชิ้นเดียว ที่จะช่วยให้ถุงลมนี้มีความทนทานและพองตัวได้หลายวินาที ทำให้มั่นใจได้ว่าจะปลอดภัยกับผู้ใช้งานจริงๆ Sources :DesignTAXI | tinyurl.com/bdzjh2a2Euronews | tinyurl.com/m9bs3v83Global Safety Textiles | tinyurl.com/m5nxda9ySuzhou Yidaibao | tinyurl.com/324xmwyh

รู้จักกับ ‘Human Material Loop’ บริษัทที่เปลี่ยนเส้นผมให้เป็นเส้นด้าย เพื่อนำไปใช้ในการผลิตเสื้อผ้า

เส้นผมของคนเรามีหน้าที่ปกป้องหนังศีรษะจากสภาพอากาศและรักษาอุณหภูมิให้กับศีรษะ แต่เมื่อผมร่วงหรือถูกกรรไกรตัดหล่นเป็นเศษผมบนพื้น เส้นผมเหล่านั้นก็กลับกลายเป็นขยะที่ไม่มีค่าอะไร ‘Human Material Loop’ บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่มุ่งเน้นใช้เศษเส้นผมของมนุษย์เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คาร์บอนเป็นศูนย์ ได้หาวิธีเปลี่ยนเศษผมเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ด้วยการนำมาเป็นส่วนประกอบของสินค้าสิ่งทอ ‘Zsofia Kollar’ CEO และผู้ก่อตั้ง Human Material Loop อธิบายว่า เส้นผมของมนุษย์นั้นเป็นวัสดุชีวภาพที่ปลอดสารพิษ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ความต้านทานแรงดึงสูง น้ำหนักเบา เป็นฉนวนความร้อน มีความยืดหยุ่น ดูดซับน้ำมันได้เป็นอย่างดี และด้วยวิกฤตพลังงานทั่วโลกและความเสี่ยงทางนิเวศวิทยาที่เพิ่มขึ้น เส้นผมเหล่านี้จึงกลายเป็นวัสดุที่มีศักยภาพในการนำมาใช้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น แวดวงสิ่งทอใช้เส้นใยจากสัตว์หลายชนิดเป็นวัสดุหลัก ซึ่งความจริงแล้วเส้นผมของเรานั้นก็มีส่วนประกอบของโปรตีนเคราตินชนิดเดียวกับขนสัตว์เช่นเดียวกัน แต่กลับถูกมองข้ามไป ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมสิ่งทอยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก การันตีได้จากการติดอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมมากที่สุด การใช้เส้นผมของมนุษย์จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกวัตถุดิบ เช่น ต้นฝ้าย หรือการทำปศุสัตว์อย่างการเลี้ยงแกะก็ตาม เพราะเส้นผมนั้นไม่ทำให้ดินเสื่อมโทรม ไม่สร้างมลพิษให้กับน้ำจากการใช้ยาฆ่าแมลง และไม่มีขั้นตอนที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกใดๆ  ปัจจุบัน Human Material Loop ได้ดำเนินการเปลี่ยนเส้นผมให้เป็นเส้นด้ายเส้นใยหลัก และมีสิ่งทอหลายชนิดที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปบางส่วนด้วย อย่างล่าสุดก็มีชุดเดรสสเวตเตอร์ที่ร่วมมือกับบริษัท ‘Henkel’ เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ‘Schwarzkopf’ ที่จัดแสดงในอีเวนต์ของช่างทำผม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมแนวคิดจัดการขยะในร้านเสริมสวย และช่วยลดความรู้สึกไม่สบายใจเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุจากมนุษย์ด้วย […]

‘Vibra’ เครื่องดนตรีที่ช่วยให้ผู้บกพร่องทางการได้ยินเล่นดนตรีได้ผ่านสี การสั่นสะเทือน และการมองภาพ

ปัจจุบัน ‘ดนตรี’ เป็นสื่อที่ไม่จำกัดสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บกพร่องทางการได้ยินไม่ว่าจะเป็นคนหูหนวกหรือคนหูตึงก็สามารถเรียนรู้การเล่นดนตรีได้ แต่ด้วยความที่เครื่องดนตรีมักต้องอาศัยการฟังเป็นหลัก หากมีตัวช่วยที่ทำให้การเรียนรู้และการเล่นดนตรีสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินสะดวกขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องดีไม่น้อย ‘Vibra’ คือเครื่องดนตรีและบริการใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ที่บกพร่องทางการได้ยินสามารถเล่นดนตรีได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการทำงานของ Vibra แตกต่างจากเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ใช้การตอบสนองจากเสียงเพียงอย่างเดียว โดยเครื่องดนตรีชนิดนี้จะเพิ่มสีสัน การสัมผัสผ่านแรงสั่นสะเทือน รวมถึงข้อมูลภาพจากแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้งานได้เห็นภาพดนตรีของตัวเอง และจากการมองเห็นภาพแทนการฟังเสียงอย่างเดียวนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเล่นดนตรีได้ง่ายขึ้น หรือหากใครไม่มีประสบการณ์ทางด้านดนตรีก็สามารถเรียนรู้ทฤษฎีต่างๆ พร้อมทั้งฝึกฝนการเล่นดนตรีผ่านการใช้แอปพลิเคชันนี้ได้ด้วย ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด ทำให้ Vibra ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของนักออกแบบชาวเกาหลีใต้ 4 คนคือ ‘Ahn Taegwang’, ‘Go Yeongseok’, ‘Hwang Jimin’ และ ‘Lee Wonjae’ ได้รับรางวัล Red Dot Award : Design Concept 2023 Sources :Red Dot | red-dot.org/project/vibra-65884Yanko Design | tinyurl.com/mtpk3rhe

‘Farmille Plant-based Yogurt’ โยเกิร์ตไทยจากถั่วชิกพีและถั่วลันเตา ให้โปรตีนสูง น้ำตาลต่ำ เป็นวีแกน 100%

ในปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยเริ่มให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพและดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาหารประเภทแพลนต์เบส (Plant-based) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนให้ความสนใจตามไปด้วย เพราะเป็นอาหารที่ทำจากพืช 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์ ‘Farmille’ ฟู้ดสตาร์ทอัพรายใหม่ของไทยที่สนใจเรื่องแพลนต์เบสเป็นทุนเดิมได้เปิดตัว ‘Farmille Plant-based Yogurt’ โยเกิร์ตระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างแตกต่าง ด้วยการชูจุดเด่นการเป็นแพลนต์เบสโยเกิร์ตที่ทำจากถั่วชิกพีและถั่วลันเตารายแรกของไทย ซึ่งเรียกว่าเป็นวีแกนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ Farmille Plant-based Yogurt ผลิตจากกรรมวิธีการบ่มหมักโยเกิร์ตด้วยนวัตกรรมและสูตรลับเฉพาะของแบรนด์ ทำให้โยเกิร์ตมีทั้งความอร่อย หอมมัน ทานง่าย ในขณะที่เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มและมีความคงตัว ทั้งยังถือเป็นแพลนต์เบสโยเกิร์ตแบรนด์แรกที่การันตีว่าเป็นโยเกิร์ตโปรตีนสูง โดยมีโปรตีนต่อ 1 หน่วยบริโภคมากถึง 10 กรัม นอกจากนี้ Farmille Plant-based Yogurt ยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่มีคอเลสเตอรอล มีดรรชนีน้ำตาลต่ำ มีโปรไบโอติกช่วยในการขับถ่าย และอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ใครสนใจอยากลองชิม Farmille Plant-based Yogurt หาซื้อได้ตามร้านสุขภาพ Health Shop และ Supermarket ชั้นนำทั่วไป รวมถึงช่องทางออนไลน์ของทาง Farmille ในราคาถ้วยละ 55 […]

1 2 3 4 20

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.