หงส์ไทย ยาดมกระป๋องเขียวในตำนาน - Urban Creature

ไม่รู้ว่าคนทำงานสร้างสรรค์คนอื่นเป็นกันไหม แต่ในฐานะนักเล่าเรื่องที่ชีวิตผูกติดกับการคิด เขียน สัมภาษณ์ และเรียบเรียง, ฉันเสพติดยาดมขั้นหนัก

เวลาที่สมองถูกปกคลุมด้วยก้อนความคิดขมุกขมัว อยู่ในสถานะเขียนไม่ออกแต่บอกไหว (เพราะเดดไลน์จี้ก้นมาแล้ว) แค่ปื้ดเดียวจากยาดมคู่ใจก็ปลุกพลังฉันได้ราวปาฏิหาริย์

ยาดมแขนงใดที่ใครว่าดี ฉันลองมาแล้วเกือบหมด แต่ไม่มีปื้ดไหนจะโดนใจฉันเท่าปื้ดของ หงส์ไทย แบรนด์ยาดมจากฝั่งธนฯ กรุงเทพมหานคร ซึ่งวางจำหน่ายให้คนไทยได้สูดดมมาแล้วกว่า 16 ปี มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือกระป๋องสีเขียวกับฉลากสีเหลืองเตะตา กลิ่นสมุนไพรที่สูดแล้วสดชื่น โปร่งโล่ง เย็นสบาย บรรเทาอาการวิงเวียนและหายใจติดขัดได้เป็นอย่างดี

ในปีที่โควิด-19 กำลังระบาด ธุรกิจทุกหย่อมหญ้าทรุดตัว แต่รายได้ของหงส์ไทยก็โตเอาๆ ถึงขนาดทะลุหลัก 50 ล้านบาทในปี 2564 

บ่ายวันแดดจัดวันนี้ ฉันจึงพาตัวเองมาที่สำนักงานใหญ่ของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด เพื่อพบกับ ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ด้วยความสงสัยว่า อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ยาดมหงส์ไทยเป็นที่นิยมของคนทุกกลุ่มจนมียอดขายพุ่งปรี๊ดสวนกระแสกับสินค้าอื่นในตลาด แม้แต่โรคระบาดก็ฉุดไม่อยู่

กำกระป๋องเขียวคู่ใจของคุณไว้ให้มั่น สูดลึกๆ สักปื้ด แล้วตามไปหาคำตอบพร้อมกัน

ธุรกิจในฝัน

ปกติเวลาคุยกับเจ้าของธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่ฉันได้ยินบ่อยๆ คือ ธุรกิจมักเริ่มต้นจากความชอบของเจ้าของ

ยาดมหงส์ไทยไม่ใช่แบบนั้น

ธีระพงศ์ไม่ได้ผูกพันกับยาดมมาแต่เด็ก ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรมาก่อน ย้อนกลับไปช่วงก่อนก่อตั้งแบรนด์ ธีระพงศ์เกิดและเติบโตขึ้นในชุมชนตลาดพลู ในวัย 20 ต้นๆ เขาทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป และหารายได้เสริมจากการทำน้ำพริกกับแคบหมูฝากขายร้านโชห่วย กระทั่งความคิดในการทำธุรกิจใหม่วิ่งเข้าหาเขาผ่าน ‘ความฝัน’

ไม่ใช่ฝันที่หมายถึงสิ่งที่อยากทำ แต่คือฝันระหว่างนอนหลับที่เป็นคล้ายลางบอกเหตุ

ธีระพงศ์เคยฝันว่าเขาไปวัดสังฆจาย ยืนคุยกับเจ้าอาวาสของวัด แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามถึงพระรูปหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้จักชื่อมาก่อน ชื่อนั้นติดตรึงในความทรงจำของธีระพงศ์มาจนถึงตอนตื่น ทำให้เขาต้องไปค้นหาคำตอบที่ห้องสมุดของวัด พบว่าเป็นชื่อของพระรูปหนึ่งในสมัยอยุธยา

จังหวะนั้นเอง ชายหนุ่มพบหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ที่เปิดคอลัมน์ ‘สร้างอาชีพ’ ในหน้านั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนทำพิมเสนน้ำที่วัดนางรอง ย่านภาษีเจริญ 

“เราก็คิดในใจว่าหรือจะให้เราไปทำตัวนี้ขายเหรอ ความฝันนี้กระตุ้นเราทั้งวันจนสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าโอเค ไปเรียนตัวนี้แหละ” 

คอร์สเรียนพิเศษจบไป ธีระพงศ์ได้ความรู้ติดตัวและหันมาทำพิมเสนน้ำส่งขายให้ร้านโชห่วยแทนน้ำพริกกับแคบหมู แต่จะทำทั้งทีก็ขอตั้งชื่อแบรนด์ให้แกรนด์เพื่อเป็นที่จดจำ 

“ตอนไปทำงานสารคดีช่วงแรกๆ เราไปออกกองที่ภาคใต้บ่อย แล้วบนถนนที่วิ่งไปใต้จะผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจุดหนึ่งจะมีรูปปั้นหงส์ตัวใหญ่ สีสดอยู่ขวามือ เราถูกใจกับภาพที่เห็นมาก เวลาเดินทางก็จะรอดูตลอด เกิดเป็นความผูกพัน

“เราชอบหงส์ และเราเป็นคนไทย เลยตั้งชื่อว่าหงส์ไทยดีกว่า”

ผลปรากฏว่า ‘หงส์ไทย’ พอขายได้ แต่อาจเพราะทำมาปริมาณน้อยเกินไป พิมเสนน้ำของเขาจึงยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่

ธีระพงศ์ล้มเลิกธุรกิจนั้นไป จนวันที่เขาโดนรถชนตอนอายุ 24 ปี ช่วงสองเดือนที่ต้องเข้าเฝือกรักษาตัว ภาพในความฝันถูกกระตุ้นขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ธีระพงศ์ทบทวนและวางแผนธุรกิจของตัวเองใหม่ รอบนี้ชายหนุ่มอยากเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าปั๊มน้ำมันและมินิมาร์ต

“กลับมาทำรอบนี้ บึ้มเลย เราทำไปฝากร้านขายตอนต้นสัปดาห์ เสาร์อาทิตย์ไปเก็บเงิน พบว่าขายดีจนผลิตไม่ทัน” ธีระพงศ์เล่าเสียงตื่นเต้น

แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ธุรกิจไหนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จมักจะมีคนทำมาตีราคาแข่ง พิมเสนน้ำหงส์ไทยก็เช่นกัน 

“สมมติเมื่อก่อนผมส่งยี่สิบแปดบาท ก็จะมีคนมาทำพิมเสนน้ำขายส่งยี่สิบห้าบาท จากนั้นก็ยี่สิบ จนมาสิบห้าบาท แต่เรายังส่งยี่สิบแปดบาทเหมือนเดิมเลยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราขายแพง ที่เขาไม่รู้คือต้นทุนตามสูตรของเราขายสิบห้าบาทเราก็ทำได้ แค่ไปซื้อวัตถุดิบเกรดที่ต่ำลง ใช้เทคนิคหลายอย่างที่ทำให้ได้กำไรเพิ่ม แต่เราไม่ทำ เพราะเราอยากทำสินค้าให้มีคุณภาพ”

เมื่อคนมาตีราคาเยอะขึ้น คุณภาพของพิมเสนน้ำในตลาดไม่คงที่ ความนิยมของสินค้าก็ลดลงจนขายไม่ได้อีกต่อไป รวมถึงพิมเสนน้ำแบรนด์หงส์ไทยด้วย

หงส์ไทย แบรนด์ยาดมของคนไทย

วันที่หงส์ไทยเริ่มสยายปีกบินอย่างจริงจัง คือวันที่แบรนด์ได้ตายไปจากท้องตลาดแล้ว

ธีระพงศ์กลับไปทำงานบริษัทเกี่ยวกับอู่รถยนต์ คิดไว้แล้วว่าคงไม่กลับมาจับธุรกิจพิมเสนน้ำอีกแล้ว ทว่าจุดเปลี่ยนก็มาถึงอีกครั้ง ในปี 2549 เขาถูกเชิญให้ออกจากงานเพราะทำตามเป้าของบริษัทไม่สำเร็จ ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ธีระพงศ์แวะกลับไปยังปั๊มน้ำมันที่เคยฝากขายพิมเสนน้ำเพื่อรำลึกบรรยากาศเก่าๆ

“พอเรากลับเข้าไปปั๊มเดิมที่เคยขาย เด็กในมาร์ตบอกว่า พี่ มีลูกค้ามาถามถึงพิมเสนของพี่อยู่นะ ทุกเดือนเลย หัวใจเราก็เต้นตึกตัก เพราะตอนนั้นเราคิดว่าหงส์ไทยโนเนมมาก ไม่น่ามีคนตระเวนหา แต่กลับมีลูกค้าตระเวนหาทุกเดือน มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า นี่แหละ เป็นผลของการรักษาคุณภาพ” ชายหนุ่มเล่า

“วันนั้นคือวันพลิกชีวิตเลย ตอนขับรถออกมาจากปั๊ม เราบอกกับตัวเองว่าถ้าทำอะไรดีๆ ออกมาแล้วมันจะไม่มีวันตาย มันทำให้เราคิดอยู่ในใจตลอดว่าเราจะทำสินค้าออกมาเท่าที่ลูกค้าต้องการ แล้วเราจะพัฒนาให้ดีที่สุดเท่าที่สมองของเรามี”

ธนบัตรทุกใบ เหรียญทุกเหรียญที่เขามีถูกรวบรวมเป็นทุนในการชุบชีวิตหงส์ไทยขึ้นมาอีกครั้ง ธีระพงศ์เริ่มต้นธุรกิจครั้งใหม่ด้วยทุนราวสามร้อยบาท แถมครั้งนี้ เขาเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่ายจากที่เคยฝากขายกับปั๊ม กลายเป็นเดินเร่ขายในตลาดทั่วไทย เพราะชายหนุ่มมีเป้าหมายคือการเก็บข้อมูลมาพัฒนา

“การได้ออกไปขายโดยตรงทำให้เราได้ข้อมูลที่หลากหลายจากผู้คน ซึ่งมันมีผลต่อการวิวัฒนาการงานทั้งหมดของเรา”

ในเวลาไม่นาน ยาดมหงส์ไทยกลายเป็นกระแสปากต่อปากในหมู่ลูกค้าจนผลิตตามออเดอร์กันแทบไม่ทัน ในขณะเดียวกัน ยิ่งธีระพงศ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมา ลูกค้าก็พร้อมจะสนับสนุน จุดนี้ทำให้หงส์ไทยสามารถยืนระยะอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน

“จุดแข็งของเราคือการพัฒนา แม้จะเป็นงานยาก ลงทุนเยอะ ใช้เวลานาน หงส์ไทยก็จะทำ เพราะถ้าทำสำเร็จ เราจะยั่งยืน” เขาเน้นย้ำ แล้วยกตัวอย่างยาดมตัวโปรดของฉันให้ฟัง “อย่างตัวยาดมสีเขียวนี่ก็พัฒนาทะลุสามสิบแปดรอบไปแล้ว”

จากพิมเสนน้ำในวันนั้น หงส์ไทยแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมามากกว่า 50 แบบ ถือเป็นแบรนด์ที่มีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์มากที่สุดแบรนด์หนึ่ง มีการพัฒนาสินค้าทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 500 รอบ ซึ่งล้วนแล้วมาจากฟีดแบ็กของลูกค้าที่ธีระพงศ์ได้เจอทั้งสิ้น

ยิ่งใช้ ยิ่งนาน ยิ่งหอม

ธีระพงศ์พาฉันเดินทัวร์สำนักงานใหญ่ของหงส์ไทย สำรวจเชลฟ์ผลิตภัณฑ์ของหงส์ไทยที่แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้แก่ยาดม (“สำหรับบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย หายใจไม่ออก” เขาอธิบายประกอบ) ยาหม่องกับสเปรย์ (“ลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย”) และน้ำมัน (“อันนี้ใช้ได้สองแบบ คือดมได้ นวดได้ แล้วแต่ลูกค้าจะชอบแบบไหน”)

สินค้าที่ขายดีที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นยาดมกระป๋องสีเขียวฉลากสีเหลืองที่ฉันโปรดปราน ฉันรับกระป๋องหนึ่งมาจากมือของธีระพงศ์ ยกขึ้นมาสูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าปอด

“หงส์ไทยมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนมาก คุณคิดค้นกลิ่นเหล่านี้ได้ยังไง” ฉันถาม

ธีระพงศ์ตอบว่า แนวคิดสำคัญที่หงส์ไทยยึดถือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คือกลิ่นต้องมีความหลากหลายและเป็นสากล

“กลิ่นเป็นศิลปะ ศาสตร์ของกลิ่นคือดมแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เลี่ยน ไม่โดด ไม่ว่าตัวไหนเราพยายามทำออกมาให้ได้ความรู้สึกที่ชัดเจน 

“เราหมดงบไปกับการพัฒนากลิ่นเกินสิบล้านบาท เพราะเราเอาใจใส่เรื่องกลิ่นมาก เวลาเราพัฒนา เราต้องตัดสินอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง กลิ่นนี้ได้หรือไม่ได้เราจะไม่ตอบเอง แต่ให้ผู้ใช้และยอดขายเป็นตัวบอก”

คุณค่าข้อสำคัญอีกข้อคือวัตถุดิบเกรดเอ ที่ธีระพงศ์เน้นย้ำว่าราคาแพงได้แต่ห้ามเปลี่ยนสเปกเด็ดขาด หงส์ไทยเคยรับวัตถุดิบมาจากร้านสมุนไพรร้านไหน พวกเขาก็ยังทำแบบนั้นมาตลอด 16 ปี แม้วัตถุดิบจะราคาสูงขึ้นตามกาลเวลา 

“สิ่งที่เราได้ยินจากลูกค้าบ่อยๆ คือยาดมหงส์ไทยยิ่งใช้ ยิ่งนาน ยิ่งหอม ถ้าไม่หอมให้เอาไปตากแดด” ธีระพงศ์หัวเราะ

ยาดมช่วยชีวิต

“มีครั้งหนึ่งเราเคยไปขายยาดมที่พิษณุโลก แล้วลูกค้าคนหนึ่งถือกระป๋องสีเขียวมา พนักงานก็ไม่แน่ใจว่าของเราหรือเปล่าเพราะฉลากมันเลือนไปหมดแล้ว คือเขาใช้จนมันขาว ตัวสติกเกอร์หายไปหมด ลูกค้าก็ถือกระป๋องมาแล้วถามว่าสิ่งที่เราขายใช่อันเดียวกับที่เขาใช้ไหม พนักงานของเราก็ลองดูใต้ฝา คิดว่าใช่ ประทับใจมากจนขอลูกค้ามาให้คนที่ออฟฟิศดู คิดว่าลูกค้าให้ไหม” เขาโยนคำถาม

“ไม่ให้” ฉันเดา

ธีระพงศ์พยักหน้ายืนยัน “ลูกค้าบอกว่าจะมาเอาของฉันไปทำไม ฉันยังใช้อยู่ ขนาดลูกค้าซื้อใหม่ไปอีกกระปุกแล้วยังไม่ยอมให้กระปุกเก่ากับเราเลย

“อีกเหตุการณ์ที่จำได้ขึ้นใจคือลูกค้าคนหนึ่งโทรมาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยเป็นลม หายใจไม่ออก หน้ามืด แต่ตอนนั้นเขาไม่มียาดมอยู่เลย แต่คนที่อยู่กับเขาตอนนั้นมียาดมหงส์ไทย เขาก็ได้สูด ไม่กี่วันลูกค้าคนนั้นก็โทรมาบอกเราว่า เนี่ย ยาดมของเราช่วยชีวิตเขาได้” ชายหนุ่มเล่าด้วยแววตาภูมิใจ

“เราเพิ่งรู้เรื่องนี้จากลูกค้าเหมือนกัน ทุกวันนี้ทุกครั้งที่มีภาวะหายใจไม่โล่ง ไม่เต็มปอด ทำอะไรเหนื่อยๆ ก็ติดๆ ขัดๆ เราก็เอายาดมมาปั๊ม หายใจลึกๆ แล้วมันก็ช่วยได้จริง”

ธุรกิจที่ไม่ได้เริ่มจากความชอบ แต่ดำเนินด้วยความรัก

แม้จะทำยอดขายไปมากกว่า 50 ล้านบาทในปี 2564 ที่ผ่านมา อยู่ในตลาดยาดมที่จัดจำหน่ายให้ทั้งคนไทยและต่างประเทศ แต่วันนี้ หงส์ไทยก็ไม่เคยหยุดเก็บข้อมูลเพื่อเรียนรู้และพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

“เราเริ่มจากไม่มีทุน ออกจากงานมาก็ไม่มีทุน แต่มีอย่างเดียวคือหัวใจที่สะสมในสิ่งที่เราเรียนรู้มา เรียนรู้จากไหน เรียนรู้จากการทำงาน ไม่ว่าอาชีพไหน ไม่ว่าทำอะไร มันมีสิ่งที่ให้เราเรียนรู้อยู่ทุกอาชีพ แต่เราให้ความสำคัญมันไหม ถ้าเราให้ความสำคัญกับงาน งานก็จะตอบแทนให้เรา แต่ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร” ธีระพงศ์สะท้อนแนวคิดในการทำธุรกิจที่ยึดถือมาตลอด 16 ปีให้ฉันฟัง

“การทำธุรกิจไม่มีมาตรฐานหรอก มีอย่างเดียวคือถ้าคุณเข้าใจคุณก็ทำ ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ไม่ต้องทำ ถ้าคุณรู้ คุณมีโอกาส แต่ถ้าคุณไม่รู้ คุณก็รอเวลารู้ นี่แหละสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจ”

แล้วถ้าให้สรุปเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจยาดมหงส์ไทยยืนระยะมาได้จนถึงตอนนี้ในคำคำเดียว คุณจะใช้คำว่าอะไร-ฉันถาม

“ความรัก” ชายหนุ่มตอบเร็ว “เริ่มจากความรักที่มีต่อครอบครัว เราไม่ได้เรียนหนังสือ ออกมาทำงานงานแรกตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่เพื่อช่วยครอบครัว เราเคยหาเช้ากินค่ำ อยู่บ้าน จนวันนี้หงส์ไทยเลี้ยงครอบครัวได้กว่ายี่สิบชีวิต

“ต่อจากนั้นคือความรักในอาชีพ ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องรักสิ่งที่เราทำ สินค้าแต่ละตัวมีชีวิต อยู่ที่ว่าเราจะทำให้มีชีวิตแบบไหน มีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า 

“หลังจากนั้นมันคือความรักต่อผู้บริโภค เราต้องทำสินค้าที่ดีที่สุด เขาใช้แล้วรู้สึกว่ามีคุณภาพ รักต่อไปคือรักคู่ค้า ต้องซื่อสัตย์ มีมารยาท ทำทุกอย่างให้เขาอยู่ได้ สุดท้ายคือรักองค์กร รักทีมงาน เรารักครอบครัวยังไงเราต้องรักทีมงานเราแบบนั้น เพราะทีมงานทำให้เรามีทุกอย่างในทุกวันนี้ 

“สำหรับเรา หงส์ไทยคือชีวิต มันสร้างให้มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายชีวิต เราก็พยายามทำให้ธุรกิจนี้มั่นคงและยั่งยืน ณ วันนี้ยังเหนื่อยอยู่ แต่ก็พร้อมที่จะเหนื่อย”

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.