อุตสาหกรรมเครื่องดื่มโซดาก้าวหน้าไปอีกขั้น เมื่อบริษัทสัญชาติดัตช์ผลิตโซดาจากสาหร่ายสไปรูลินา ที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังใช้นวัตกรรมในการผลิตที่รักษ์โลก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศด้วย
‘Ful’
คือแบรนด์โซดาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ต้องการ ‘ปลดล็อกพลังอันน่าทึ่งของสาหร่ายขนาดเล็ก’ เพราะส่วนผสมหลักที่ Ful ใช้คือ ‘สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina)’ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่จัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สีฟ้าของโซดาจึงมาจากธรรมชาติทั้งหมด ปราศจากการแต่งสี นอกจากสาหร่ายสไปรูลินาจะทำให้โซดา Ful มีสีสัน ดูสนุก และน่าดื่มยิ่งขึ้น สาหร่ายขนาดจิ๋วชนิดนี้ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ด้วย
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินจัดอยู่ในสาหร่ายสายพันธุ์ Platensis ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด และยังเป็น ‘สุดยอดอาหาร’ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี 2 รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระอย่างคลอโรฟิลล์ด้วย แม้ประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูลินาจะถูกยอมรับในกลุ่มคนที่กินอาหารเสริมอยู่แล้ว ทั้งในรูปแบบผงและรูปแบบเม็ด แต่การที่ Ful นำสาหร่ายประเภทนี้มาเป็นส่วนประกอบหลักของโซดา ช่วยให้เจ้าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
อีกจุดขายของโซดา Ful ก็คือความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะ Ful มีกระบวนการผลิตที่เรียกว่า ‘การรีไซเคิลก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Recycling)’ เนื่องจากการเจริญเติบโตของสาหร่ายสไปรูลินาต้องดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ จึงจะผลิตสารอาหารและออกซิเจนสู่ชั้นบรรยากาศได้ ดังนั้น โรงงานจึงดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตโซดาทุกขั้นตอน และนำกลับไปป้อนให้สาหร่ายใหม่อีกครั้ง ทางบริษัทระบุว่า สาหร่ายสไปรูลินาดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่มากกว่ากระบวนการทั้งหมดปล่อยออกมา ทำให้ปริมาณรวมของก๊าซเรือนกระจกมีอยู่ที่ -1.5 กิโลกรัม
ยิ่งไปกว่านั้น การเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ที่ดินสำหรับการเพาะปลูก ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย และน้ำจืดปริมาณมากอย่างที่พืชผลส่วนใหญ่ต้องการ ข้อดีนี้ช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษต่างๆ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า Ful มีกระบวนการผลิตที่ ‘ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ (Carbon Negative)’ เป็นเครื่องดื่มที่สร้างประโยชน์ให้แก่สิ่งแวดล้อม และช่วยให้โลกของเรากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
Julia Streuli หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Ful อธิบายว่า เนื่องจากกระบวนการสกัดสารอาหารจากสาหร่ายที่มีความยั่งยืนสูง รสชาติของส่วนผสมจึง ‘เค็มเล็กน้อย’ แต่ไม่มีกลิ่นคาวของสาหร่ายสไปรูลินา โดย Streuli ระบุว่า รสชาติค่อนข้างน่าพอใจ และเข้ากันได้ดีเมื่อผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
ในตอนแรก Ful เริ่มวางจำหน่ายโซดาในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม หลังจากนั้นก็ขยายตลาดไปยังสหราชอาณาจักร โดยจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ เช่น ฟิตเนสสตูดิโอ ร้านอาหาร และร้านค้าที่เน้นเรื่องสุขภาพและความยั่งยืน คาดว่าในอนาคตเราจะได้เห็นโซดาสีเขียวฟ้ารักษ์โลกยี่ห้อนี้วางจำหน่ายในอีกหลายๆ ประเทศแน่นอน
ใครที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียด และติดตามข้อมูลข่าวสารของ Ful ได้ที่นี่ t.ly/ZW33
ส่วนประเทศไทย ตอนนี้มีการนำสาหร่ายมาผลิตวัสดุและอุปกรณ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย เช่น ม่านสาหร่ายสังเคราะห์แสง ฟาร์มสาหร่ายกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงการสร้างพลังงานทดแทนจากสาหร่าย ไม่แน่นะ ต่อไปไทยอาจมีนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มจากสาหร่าย ที่มีประโยชน์ต่อทั้งมนุษย์และโลกของเรา เหมือนกับโซดา Ful ก็เป็นได้
Sources :
DesignTAXI | t.ly/Ifrb
Fast Company | t.ly/oEKt
Instagram : Ful | t.ly/ZW33
The Optimist daily | t.ly/hac7