การเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ นับว่าสะดวกสบายเลยก็ว่าได้เมื่อเทียบกับต่างจังหวัด เพราะนอกจากขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์และรถไฟฟ้าที่พาเราไปยังสถานที่ต่างๆ แล้ว ก็ยังมีขนส่งสาธารณะอีกประเภทที่พาเราเดินทางบนผิวน้ำลำคลองอย่าง ‘เรือ’ ด้วย
เรือขนส่งในกรุงเทพฯ มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรือหางยาว เรือเจ้าพระยา หรือแม้กระทั่ง ‘เรือไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์’ ที่ ‘คลองผดุงกรุงเกษม’ ก็มีให้บริการฟรีตลอดเส้นทาง ชวนให้ชาวเมืองได้ออกไปสนุกกับการสัมผัสวิถีชีวิต ‘เลียบคลองผดุงกรุงเกษม’ ผ่านการท่องเที่ยวแบบลดการปล่อยมลพิษทางน้ำและอากาศ
สุดสัปดาห์นี้ ใครกำลังมองหาที่เที่ยวอยู่แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน คอลัมน์ Urban Guide ขอชวนไปล่องเรือไฟฟ้าแบบ Low Carbon ที่คลองผดุงกรุงเกษม เปิดรูต One Day Trip พร้อมแวะพักผ่อนท่องเที่ยวชิลๆ กับ 3 ตลาด 3 คาเฟ่ตลอดทั้งเส้นทางล่องเรือกัน
จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเรือไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เลียบคลองผดุงกรุงเกษม มีต้นสายที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพงไปจนถึงจุดสิ้นสุดที่ท่าเรือตลาดเทวราช รวมทั้งสิ้น 11 ท่าเรือ ประกอบด้วยท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง, ท่าเรือหัวลำโพง, ท่าเรือนพวงศ์, ท่าเรือยศเส, ท่าเรือกระทรวงพลังงาน, ท่าเรือแยกหลานหลวง, ท่าเรือนครสวรรค์, ท่าเรือราชดำเนินนอก, ท่าเรือประชาธิปไตย, ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช ในระยะทาง 5 กิโลเมตร
เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนเรือแล้วอาจจะโคลงเคลงไปบ้างสำหรับคนที่เพิ่งนั่งเรือเป็นครั้งแรก ทว่าเมื่อเรือไฟฟ้าได้ออกเดินทางล่องไปตามคลองแล้วกลับให้ความรู้สึกสงบนิ่ง โชคดีที่มีลมพัดผ่านอ่อนๆ พอให้ไม่ร้อนจนเกินไปตลอดการนั่งเรือ หากใครไม่คุ้นชินเส้นทางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเลยจุดจอด เพราะมีพนักงานประจำเรือคอยบอกเมื่อจะถึงท่าเรือต่อไปตลอดสาย เมื่อเรือเทียบท่าแล้วจะมีพนักงานเรือประจำอยู่แต่ละท่าเรือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ใช้บริการเสมอ
เรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้บริการทุกวัน โดยในช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ เรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 19.00 น. ส่วนในวันจันทร์-วันศุกร์ เรือจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ออกทุกๆ 20 นาที เริ่มตั้งแต่ 06.00 – 09.00 น. และ 16.00 – 19.00 น. นั่นเอง
FA KA FEI / ท่าเรือกระทรวงพลังงาน
เปิดรูตแรกกันที่ ‘ท่าเรือกระทรวงพลังงาน’ กับร้าน ‘FA KA FEI’ ในย่านสวนมะลิ ที่กลางวันเปิดเป็นคาเฟ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบาร์ในช่วงค่ำคืน โดยร้านนี้จะพาเราย้อนยุคกลับไปจีนในอดีตด้วยการตกแต่งสไตล์โรงน้ำชาจีนโบราณในโทนสีแดงสลับกับไม้สีน้ำตาล เพิ่มความจีนด้วยส่วนผสมของชาจีนที่มีอยู่ในเครื่องดื่มทุกเมนูของทางร้าน
ด้านในของร้านแบ่งออกเป็นสองชั้นครึ่ง โดยบริเวณกลางร้านมีต้นไม้สูงตระหง่านเคียงข้างบันไดทางขึ้นที่เชื่อมไปยังชั้นลอยที่เปิดเป็นห้องประชุมสำหรับคนที่ต้องการคุยงานในห้องส่วนตัว
ชั้นบนที่ถัดจากชั้นลอยนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นแกลเลอรีโชว์ภาพวาดจีน จุดเด่นของห้องนี้มีหัวมังกรสีแดงขนาดใหญ่และกู่เจิงตั้งอยู่บริเวณกลางห้อง หากใครอยากแสดงฝีมือก็เข้าไปเล่นได้ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งออกแบบเป็นร้านขายของสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของฝากจากร้านกลับไปเป็นที่ระลึก
ไม่ได้มีแค่เครื่องดื่มที่พร้อมเสิร์ฟเท่านั้น เพราะ FA KA FEI ยังเปิดเวิร์กช็อปวาดภาพจากครูผู้เชี่ยวชาญที่จะมาแบ่งปันความรู้ด้านศิลปะพู่กันจีน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของจีนในทุกๆ วันเสาร์ของแต่ละเดือนอีกด้วย ใครสนใจติดตามได้ที่เพจ Fakafei ฟาคาเฟย 发咖啡 Coffee. Tea and Bar
ร้าน FA KA FEI อาจจะตั้งอยู่ไกลจากท่าเรือกระทรวงพลังงานไปสักหน่อย เราแนะนำว่าให้เรียกรถต่อมาที่ร้าน หรือถ้าวันไหนแดดไม่แรง ใครอยากจะเดินชิลๆ รับลมเย็นๆ ก็ได้เหมือนกัน
พิกัด : FA KA FEI
เปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
เวลา : คาเฟ่เปิดเวลา 10.30 – 18.30 น. และบาร์เปิดเวลา 17.00 – 24.00 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/DfFqiaBKJzUXyMUg7
ตลาดโบ๊เบ๊ / ท่าเรือแยกหลานหลวง
นั่งเรือต่อไปที่ ‘ท่าเรือแยกหลานหลวง’ แล้วแวะถ่ายรูปเช็กอิน เดินดูศิลปะบนฝาท่อและตึกสีสันสดใสยามเย็น ซึ่งการปรับภูมิทัศน์ในตึกเก่าเสื่อมโทรมบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม นับว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาให้เข้ามาแวะเวียนถ่ายภาพสีสันสดใสเลียบคลองได้เป็นอย่างดี
หลังจากเก็บภาพความสวยงามของบริเวณรอบข้างคลองจนครบแล้ว เราขอชวนให้เดินข้ามถนนมาที่ตึกของ ‘โบ๊เบ๊ทาวเวอร์’ ในตลาดโบ๊เบ๊ เพื่อมารับความเย็นดับร้อนจากอากาศอบอ้าวข้างนอกกัน
ตลาดโบ๊เบ๊แห่งนี้มีทั้งแบบแผงลอยนอกอาคารและในอาคาร ซึ่งเป็นแหล่งเสื้อผ้าราคาถูกที่มีของขายทุกประเภท ตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ ทั้งขายปลีกและขายส่ง โดยภายในโบ๊เบ๊ทาวเวอร์จะแบ่งโซนขายเสื้อผ้าตามหมวดหมู่เครื่องแต่งกายแต่ละแบบไปตามชั้นต่างๆ ให้เลือกเดินซื้อเดินชม
พิกัด : ตลาดโบ๊เบ๊
เปิด : ทุกวัน
เวลา : โบ๊เบ๊ทาวเวอร์และแผงลอยเปิดเวลา 07.00 – 18.00 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/QNoha2mjTE3HfaT26
ตลาดนางเลิ้ง / ท่าเรือนครสวรรค์
ช้อปปิงเสื้อผ้าสัก 2 – 3 ชุด แล้วเดินกลับมาลงเรือไปต่อที่ ‘ท่าเรือนครสวรรค์’ เพื่อแวะฝากท้องกันใน ‘ตลาดนางเลิ้ง’ ชุมชนเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี และยังถือเป็นตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย สถานที่รวมอาหารคาวหวานและร้านรวงเก่าแก่ในย่านนางเลิ้ง
เมื่อเดินเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่ต้อนรับเราคือกลิ่นของอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นต้ม ยำ แกง ผัด หรือขนมไทยโบราณอย่าง ‘ร้านสาคูแม่สอิ้ง’ เจ้าเก่าที่สืบทอดสูตรสาคูที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น หรือจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ‘ส.รุ่งโรจน์’ ที่อยู่คู่กับตลาดมานานกว่า 60 ปี
ก่อนกลับจากตลาดนางเลิ้ง เราก็ขอแวะไหว้ศาลเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรฯ ที่ตั้งอยู่กลางตลาดนางเลิ้งเป็นสิริมงคลให้ตัวเองซะหน่อย
ใครอยากมาเดินเลือกซื้อเลือกชิมของกินคาวหวานแบบละลานตา ลองนั่งเรือไฟฟ้ามาลงที่ท่าเรือนครสวรรค์ แล้วเดินข้ามฝั่งถนนไปไม่ไกลก็เป็นสถานที่ตั้งของตลาดนางเลิ้งแล้ว
พิกัด : ตลาดนางเลิ้ง
เปิด : ทุกวัน
เวลา : 08.00 – 15.00 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/qA8WUX7rat6BpKqm6
Buddha & Pals Café and Jazz / ท่าเรือนครสวรรค์
เติมความสดชื่นกันต่อที่คาเฟ่ใกล้ๆ ตลาดนางเลิ้งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในตึกแถวโบราณกว่า 80 ปี เดิมทีเป็นร้านขายน้ำมันมวย จนมีการเปลี่ยนผ่านกิจการมาเรื่อยๆ ก่อนจะรีโนเวตกลายเป็นร้าน ‘Buddha & Pals Café and Jazz’ คาเฟ่และบาร์แจ๊สสุดคลาสสิกสไตล์โมเดิร์นที่เปิดมากว่า 5 ปีแล้ว
บรรยากาศของร้านตอนกลางวันเป็นคาเฟ่ที่ให้ความเงียบสงบคลอไปกับเสียงดนตรีแจ๊สชวนให้ผ่อนคลาย เหมาะแก่การนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือในวันสบายๆ แต่เมื่อถึงเวลาค่ำคืน คาเฟ่แห่งนี้จะผันตัวเองเป็นบาร์แจ๊สคลาสสิก พร้อมเครื่องดื่มต่างๆ มาเติมเต็มช่วงเวลาที่แสนพิเศษ พร้อมกับเหล่านักร้องที่จะมาโชว์พลังเสียงในทุกๆ วัน
ถ้าอยากรับบรรยากาศชิลๆ สไตล์คาเฟ่ เราแนะนำว่าให้มาในช่วงเปิดร้านจนถึงห้าโมงเย็น เพราะหลังหกโมงเย็นเป็นต้นไป ร้านจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นส่วนของบาร์แทน
พิกัด : Buddha & Pals Café and Jazz
เปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
เวลา : คาเฟ่เปิดเวลา 10.00 – 19.00 น. และบาร์เปิดเวลา 19.00 – 24.00 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/W4ryebydJH33g6dr6
Unbranded Cafe / ท่าเรือเทเวศร์
แต่หากใครชอบบรรยากาศคาเฟ่ Outdoor ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติเล็กๆ ภายในเมือง แนะนำว่าให้นั่งเรือต่อมาที่ ‘ท่าเรือเทเวศร์’ เพื่อไปใช้เวลาสบายๆ กันที่ร้าน ‘Unbranded Cafe’ คาเฟ่ลับสไตล์วินเทจย้อนยุคที่ซ่อนตัวอยู่ใน ‘พระนครนอนเล่น’ โรงแรมเก่ากว่า 20 ปี ในซอยเทเวศร์ 1
กลิ่นอายธรรมชาติและกลิ่นหอมของขนมครัวซองต์ลอยมาแตะจมูกเมื่อเดินเข้าไปข้างในร้าน บริเวณชั้นหนึ่งของโรงแรมตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวแบบเปิดโล่ง ให้ความเงียบสงบ อากาศเย็นสบายไม่อบอ้าว ทั้งยังได้ยินเสียงนกร้องสร้างบรรยากาศ เหมาะแก่การนั่งเอนหลังพักร่างไปกับเบาะนอนนุ่มๆ ให้หายเหนื่อย
นอกจากจะเปิดเป็นคาเฟ่ให้ผู้คนได้หลบความวุ่นวายกันแล้ว ที่ Unbranded Cafe ยังมีเวิร์กช็อปสอนทำขนมปังและพิซซ่าฉบับพร้อมเปิดร้าน ที่สอนโดยตรงจากเจ้าของร้านในนาม ‘ขนมปังเปลี่ยนชีวิต’ ที่เปิดสอนเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
ขอเตือนก่อนว่าทางร้านจะปิดรับออเดอร์สุดท้ายตอน 15.45 น. อาจจะต้องรีบมาสักหน่อย ซึ่งร้านก็อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือเทเวศร์ เพียงแค่เดินข้ามถนนเข้าซอยเทเวศร์ 1 ก็จะเจอป้ายบอกทางสู่โรงแรมและร้าน Unbranded Cafe ทางขวามือนั่นเอง
พิกัด : Unbranded Cafe
เปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
เวลา : 07.30 – 16.30 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/t3V9dgSYrY9n3XfF9
ตลาดต้นไม้เทเวศร์ / ท่าเรือตลาดเทวราช
ก่อนโบกมือลาเรือไฟฟ้าที่คลองผดุงฯ ไหนๆ ก็เริ่มต้นด้วยการล่องเรือไฟฟ้าแบบรักษ์โลกแล้ว เราขอแวะไปลงที่ ‘ท่าเรือตลาดเทวราช’ เพื่อไป ‘ตลาดต้นไม้เทเวศร์’ ตลาดต้นไม้เล็กๆ ที่อยู่คู่กับถนนกรุงเกษม โดยร้านรวงทั้งหลายจะตั้งอยู่ริมถนนเลียบคลองผดุงฯ
และแม้ว่าจะเป็นตลาดเล็กๆ ภายในเต็นท์สีขาวเรียงกันไม่ถึงสิบร้าน แต่ก็มีต้นไม้นานาพรรณให้เลือกหลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้ เคมีภัณฑ์ และเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โดยเฉพาะ
ใครที่กำลังมองหาต้นไม้หรือไม้ประดับราคาย่อมเยาอยู่ ก็ลองมาเดินเล่นที่ตลาดต้นไม้เทเวศร์ได้ เพียงแต่ตอนนี้ทางกรุงเทพมหานครได้มีการปรับภูมิทัศน์ทางเท้าใหม่บริเวณเลียบคลอง ทำให้ตลาดต้นไม้เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้านและขยับไปตั้งอยู่ติดกับท่าเรือตลาดเทวราช
พิกัด : ตลาดต้นไม้เทเวศร์
เปิด : ทุกวัน
เวลา : 07.00 – 18.00 น.
โลเคชัน : maps.app.goo.gl/vDU7TgrmMhKijKTR6
บอกลากันด้วยความรู้สึกสุดแสนประทับใจกับการนั่งเรือไฟฟ้าที่ไม่ใช่เพียงแค่ได้ใช้เป็นพาหนะเดินทางเฉยๆ แต่เรายังรู้สึกว่ากำลังได้รักษ์โลกไปพร้อมๆ กับเรือที่ออกแบบมาเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งเลียบคลองผดุงฯ นั้นยังถือว่าเป็นแหล่งรวมย่านที่มีร้านอาหาร คาเฟ่หลากหลาย และสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย เป็นไปได้เราอยากให้ทุกคนได้ลองใช้เวลาในวันหยุดมาเปิดรูตท่องเที่ยวในย่านนี้กันสักครั้ง
Writer
อภิญญา วิกล
Photographer
เจนวิทย์ สุธนะสิริชัย
Graphic Designer
