ความฝุ่นยังไม่ทันหาย ความวุ่นวายของ ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019’ (Novel Coronavirus) ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามันพัฒนาขึ้นมาจากตัวเดิมก็เข้ามาแทรก ซึ่งทำเอาหลายคนรับมือแทบไม่ทัน ขนาดพี่จีนที่เป็นประเทศต้นทางของการแพร่ระบาด ยังออกมาประกาศสภาวะฉุกเฉินกันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ‘ภาวะโลกร้อน’ ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของโลกใบนี้ และเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดไฟให้ไวรัสแข็งแกร่ง อึดถึกทน และระบาดได้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนต้องมีวิวัฒนาการ ไวรัสก็เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019’ (Novel Coronavirus) ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามันพัฒนาขึ้นมาจากตัวเดิม ถึงมีการแพร่ระบาดอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘ภาวะโลกร้อน’ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟให้ไวรัสแข็งแกร่ง อึดถึกทน และระบาดได้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อโลกค้นพบไวรัส
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/UC-Report-Coronavirus-02-1024x1024.jpg)
‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019’ ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่อะไร แต่เป็นไวรัสในตระกูลโคโรนาที่พัฒนาเป็นไวรัสซาร์ส (SARS) เมื่อปี ค.ศ. 2003 จนทำให้คนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง โดยในการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดนี้ ทีมแพทย์บอกว่าไวรัสโคโรนาไม่ตรงกับสายพันธุ์ที่เคยพบมาก่อน องค์การอนามัยโลกจึงตั้งชื่อให้ว่า ‘Novel Coronavirus’ หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั่นเอง
ต้นตอของไวรัสตระกูลเดิมเพิ่มเติมคือสายพันธุ์ใหม่ มาจากเมื่อปลายปีที่แล้ว ชาวจีนที่เมืองอู่ฮั่นเกิดป่วยเป็นโรคปอดอักเสบพร้อมกันหลายคน โดยผู้ป่วยกลุ่มแรกเป็นลูกค้าและคนงานของตลาดอาหารทะเลเมืองอู่ฮั่น ซึ่งทีมแพทย์ได้ตรวจสอบจนพบว่าไวรัสนี้มีรหัสพันธุกรรมตรงกับค้างคาว ขณะเดียวกันมีการวิเคราะห์ว่าเชื้ออาจมาจากงู เพราะมีรหัสโปรตีนคล้ายกัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะเจาะจงว่าเชื้อไวรัสมาจากสัตว์ชนิดใดกันแน่
ปกติไวรัสนี้จะเกิดขึ้นในสัตว์ แต่ในบางกรณีคนก็สามารถติดเชื้อได้เหมือนกัน อีกทั้งแพทย์ยังออกมายืนยันแล้วว่า มันสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ด้วย และความน่ากลัวก็คือ ไวรัสตัวนี้ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการไม่ต่างจากคนเป็นหวัดหรือเป็นไข้ เรียกได้ว่ากว่าจะรู้ตัว เชื้อก็พัฒนาจนทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ ไปจนถึงป่วยรุนแรง และเสียชีวิต ซึ่งเราต้องมาติดตามกันว่า
“นี่จะเป็นไวรัสที่เกิดขึ้นมาแค่ชั่วคราว หรือส่งผลเสียระยะยาวต่อมนุษย์”
‘โคโรนา’ พรากชีวิตไปมากแค่ไหน
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/UC-Report-Coronavirus-03-1024x1024.jpg)
ก่อนจะมีการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นหลังไวรัสโคโรนาตัวนี้ระบาด คนอู่ฮั่นกว่า 5 ล้านคน ได้ออกเดินทางไปเที่ยวตรุษจีนตามเมืองต่างๆ กว่า 20 ประเทศ 109 เมือง ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม อเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส รัสเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิตาลี และตุรกี
นั่นทำให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาด ซึ่งประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ บ้านเรามีความเสี่ยงเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีคนจีนมาเที่ยวเยอะ และนับตั้งแต่ประกาศการแพร่ระบาดของไวรัสจนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกถูกยืนยันแล้วกว่า 7 พันคน โดยประเทศจีนมีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจำนวน 170 ราย (อัปเดตเมื่อ 30 มกราคม 2563) ส่วนไทยพบผู้ติดเชื้อ 14 ราย และยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากไวรัส
ไวรัสจะอึด! ถ้าโลกยังไม่หยุดร้อน
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/UC-Report-Coronavirus-01-1024x1024.jpg)
‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019’ เชื้อที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับร้อย ซึ่งการที่ไวรัสตัวนี้แพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ไวรัสแข็งแกร่งขึ้น
โดยปกติแล้วไวรัสทั่วไปจะเกิดขึ้นตอนช่วงอากาศหนาว เพราะมันต้องอาศัยความชื้นเป็นตัวพาไป รู้แบบนี้บางคนอาจมีคำถามว่า แล้วโลกร้อนเกี่ยวข้องอย่างไร ? มีรายงานจาก ‘วิจัยสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน’ บอกว่าเมืองอู่ฮั่นมีสภาพอากาศเปลี่ยนไป นั่นเป็นตัวแปรที่ทำให้ไวรัสแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเมื่อเอาอุณหภูมิในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2016 ถึง 2019 มาเปรียบเทียบกันจะเห็นว่ามีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น หมายความว่าเมื่อโลกร้อนขึ้น หิมะก็ละลายและระเหยไปในอากาศเร็วขึ้น ยิ่งเพิ่มความชื้นให้ไวรัสระบาดไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์ของจีนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า ฝุ่น PM 2.5 จะทำให้เกิดการระคายเคือง ทั้งเยื่อบุตา ปาก หรือทางเดินหายใจ และเมื่อร่างกายอ่อนแอลง ก็ทำให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำงานได้ดีขึ้น และง่ายต่อการติดเชื้อ
อนาคตต้านไวรัส
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/UC-Report-Coronavirus-04-1024x1024.jpg)
‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่’ เพิ่งพบการติดเชื้อในคน ทำให้ยังไม่มียาป้องกันหรือวัคซีนเฉพาะ แต่ในการรักษาที่ผ่านมาก็มีคนหายจากโรคนี้ได้หลายคน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เชื้อไวรัสเพิ่มความแข็งแกร่งได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีอะไรมาต้านทาน และไม่รู้ว่าจะหยุดแพร่ระบาดเมื่อไหร่ ทำให้วงการสาธารณสุขทั่วโลกให้ความสนใจกับเรื่องนี้
อย่างทีมวิจัยอเมริกา ได้ศึกษาเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่ด้วยการถอดลำดับจีโนมหรือชุดข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดของมนุษย์ ที่อยู่บน DNA ของไวรัสซาร์สมาพัฒนาเป็นวัคซีน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะทดลองใช้กับคนได้ นอกจากอเมริกาแล้ว ยังมีคนที่เล่นใหญ่กว่านั้น เห็นทีต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียที่สามารถเพาะเลี้ยงไวรัสโคโรนาภายในห้องปฏิบัติการได้สำเร็จ โดยไวรัสที่เพาะเลี้ยงจะสร้างแอนติบอดี้ ซึ่งจะทำให้ตรวจหาไวรัสในผู้ป่วยที่ยังไม่แสดงอาการได้ ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์ที่นำไปสู่การพัฒนาวัคซีนในอนาคต
สำหรับพี่จีนซึ่งเป็นต้นทางของการแพร่ไวรัสตัวนี้ ได้จับมือกับโรงพยาบาลและบริษัทเอกชน พัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA รุ่นใหม่ที่ใช้เวลาผลิตสั้นกว่า เพื่อปราบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และส่งไปทดสอบยังคลินิกต่างๆ โดยเร็วที่สุด หรือแม้แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง ‘อาลีบาบา’ ก็ไม่พลาดลงสนามมาช่วยเหลือปัญหานี้ ด้วยการเปิดตัวบริการให้คำปรึกษาคุณหมอออนไลน์แบบฟรีๆ เพื่อลดแรงกดดันในโรงพยาบาล โดยเมื่อเปิดตัวไปก็มีคนเข้ามาใช้บริการกว่า 3 หมื่นคนภายใน 24 ชั่วโมง
‘วัคซีน’ ทางรอดของมวลมนุษยชาติ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/UC-Report-Coronavirus-05-1024x1024.jpg)
เมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด ก็ดูเหมือนว่าทั่วโลกจะหันมาพัฒนาวัคซีนกันมากขึ้น เพราะเป็นหนทางเดียวที่เห็นผลไวและป้องกันได้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องใช้เวลาศึกษาและผลิตหลายปีก็ตาม อย่างวัคซีนสำหรับไวรัสโคโรนาตัวนี้ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ก็ยังไม่มีเจ้าไหนผลิตออกมาใช้ได้ทันท่วงที
ปกติแล้วการผลิตวัคซีนจะทำขึ้นมาเฉพาะอาการหรือโรคนั้นๆ และมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนอย่างมาก ยกตัวอย่างกรณี ‘โรคไข้หวัดใหญ่’ ที่มีเชื้อไวรัสหลายร้อยชนิด และมีช่วงเวลาแพร่ระบาดแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งสามารถสรุปวิธีการผลิตและเตรียมวัคซีนคร่าวๆ ได้ดังนี้
• ช่วงเตรียมเชื้อและเฝ้าระวัง: ส่งรายงานจากหลายประเทศ และตัวอย่างเชื้อไวรัสไปยังองค์การอนามัยโลก จากนั้นต้องระบุเชื้อ และแยกตัวไวรัสก่อโรคออกมา เพื่อนำไปผลิตขั้นตอนต่อไป
• ขั้นตอนการผลิตวัคซีน: ส่วนใหญ่จะใช้ไข่ไก่เป็นเซลล์ตั้งต้นในการเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจำนวนเชื้อ โดยจะนำไข่ไก่มาฉีดเชื้อลงไป ซึ่งเชื้อไวรัสในไข่ไก่จะถูกนำมากรองและทำให้บริสุทธิ์ จากนั้นนำมาเก็บรักษาเอาไว้
• ใส่แอนติเจน (Antigen): ส่วนผสมหลักอย่าง แอนติเจน คือสารที่ฉีดเข้าไปแล้วสามารถกระตุ้นให้เกิดแอนติบอดี้ ซึ่งจะนำมาผสมในสูตรตำรับถังใหญ่ที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นจะถูกกรอกในขวดยา และส่งไปยังที่ต่างๆ โดยต้องควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ซึ่งกว่าจะถึงขั้นตอนนี้ก็กินเวลาราว 6 เดือนเลยทีเดียว
• กระจายวัคซีนไปยังผู้ป่วย: การกระจายยาไปยังประเทศต่างๆ นั้น ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเสียก่อน อย่าง FDA หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยานั่นเอง
เรียกได้ว่าต้องคอยติดตามกันต่อไปว่า วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่จะเกิดขึ้นจริงได้เมื่อไหร่ แล้วต่อจากนี้จะมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่เพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า
Sources
CNN | cnn.it/2t76xS4
The Conversation | bit.ly/3123bMS
BBC ไทย | bbc.in/2U7vBmY
ประชาชาติธุรกิจ | bit.ly/2uKHVyU
Wikipedia | bit.ly/391hIv9, bit.ly/36G1jKI
South China Morning Post | bit.ly/36Ec00g
Thai PBS News | bit.ly/3130RoT, bit.ly/2GBmQK8, bit.ly/2RTTPhO
Whats Orb | bit.ly/2S3maCn
Time and Date | bit.ly/38UWAXf
เดลินิวส์ | bit.ly/2tScyTh
BCC News | bbc.in/2uIh8mX
Xinhua Thai | bit.ly/2GBV8Na
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย | bit.ly/2RDE13Z