“กาแฟ” กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน โดยหากดูจากสถิติคนไทยนิยมดื่มกาแฟถึงปีละ 300 แก้วต่อคน ซึ่งทุกคนล้วนมีกาแฟในสไตล์ของตัวเอง จากตัวเลขก็ถือว่าเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย และยิ่งสำหรับคนเมืองหรือคนทำงานด้วยแล้ว นั้น กาแฟเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลย แต่ขณะเดียวกันก็มีคอกาแฟตัวยงที่ไม่ใช่แค่ดื่มเพื่อแก้ง่วงนอนเท่านั้น แต่มักชอบออกตามหาเรื่องราวความเป็นมาของกาแฟแก้วโปรดนั้นด้วย
| จุดเริ่มต้นของกาแฟคราฟท์
ถ้าพูดถึงความคราฟท์เรามักจะนึกถึงงานฝีมือ แต่นอกจากงานศิลปะหรือของแฮนด์เมดแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คราฟท์ไม่แพ้กัน อย่าง “กาแฟคราฟท์” ที่แต่ละขั้นตอนต้องอาศัยความพิถีพิถันในการคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น กาแฟแต่ละแก้วจึงมีคุณค่า และนำมาซึ่งความมีเสน่ห์ที่เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
จุดเริ่มต้นของกาแฟคราฟท์ เริ่มจากการที่ไม่กี่ปีมานี้ผู้คนชอบออกไปชิมกาแฟนอกบ้านกันมากขึ้นตามคาเฟ่ ต่างเสาะหากาแฟที่พิถีพิถัน แปลกใหม่ หลายคนหันมาให้ความสนใจกับแหล่งกำเนิดกาแฟ ตั้งแต่สไตล์การคั่ว ไปจนถึงกระบวนการผลิต เมื่อกาแฟปอปปูลาร์มากขึ้นไปอีกทำให้ช่วงนี้เกิดบาริสต้ามากขึ้นตามไปด้วย โดยบาริสต้าจะมีหน้าที่ชงกาแฟ จากนั้นก็พัฒนาตัวเอง เริ่มสร้างความคราฟท์ผ่านการชงกาแฟให้มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว ทำให้กาแฟแก้วนั้นไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในที่สุด
| ความพิถีพิถันของกาแฟจนกลายเป็น “เอกลักษณ์”
คราฟท์ = พิถีพิถันในทุกขั้นตอน
ความคราฟท์จะเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนถึงมือคนดื่ม เริ่มตั้งแต่เพาะเมล็ดและย้ายไปปลูกลงดิน ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มักปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะดินจะชุ่มชื่นออกผลอย่างเต็มที่ บางคนเลือกที่จะปลูกบนความสูงถึง 4,000 ฟุต เพื่อให้เติบโตและได้ผลผลิตที่ดี เมื่อผลสุกจะเริ่มออกเก็บเกี่ยว บ้างเก็บมาหมดและค่อยใช้เครื่องคัดแยก บ้างก็คัดสรรด้วยมือ เลือกแต่ผลที่สุกจริงๆ ที่เรียกว่าคอฟฟี่เชอร์รี่ โดยจะออกเก็บทุก 8-10 วัน
ดังนั้นคนเก็บต้องรอบคอบ ใส่ใจ และชั่งน้ำหนักเมล็ดเสมอ ก่อนนำไปแปรรูปสู่การคั่วบดด้วยอุณหภูมิ 228 องศา นาน 14 นาที และเครื่องจะเขย่าตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เมล็ดกาแฟไหม้จนเกินไป ระหว่างการคั่วทั้งคนงานและหมู่บ้านรอบๆ โรงคั่วจะได้กลิ่นหอม ละมุนฟุ้งไปตลอดทั้งวัน
ในส่วนของการบด มีทั้งบดให้หยาบและบดละเอียด ขึ้นอยู่กับว่า หลังจากบดแล้วจะใช้วิธีการชงแบบไหนเท่านั้นเอง หากยิ่งบดละเอียดมากเท่าไหร่ระยะเวลาชงกาแฟก็น้อยลงตามเท่านั้น
| คราฟท์กาแฟทำได้เองที่บ้าน
ปลุกความเป็นบาริสต้าในตัวคุณออกมา ผ่านการชงกาแฟคราฟท์ในรูปแบบต่างๆ ด้วยสองมือของตัวเอง
Drip Coffee
ไม่ว่าจะเป็นการชงกาแฟแบบดริป เพียงแค่เทน้ำร้อนให้ไหลผ่านผงเมล็ดกาแฟที่คั่วบดมาเรียบร้อยแล้ว อาจจะดูเป็นอะไรที่ง่าย แต่ปริมาณกาแฟ การบด และความร้อนของน้ำ ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญ หากไม่แม่นยำพอรสชาติของกาแฟแก้วนั้นก็จะผิดเพี้ยนไปเลย
French press
หรืออีกวิธีหนึ่งเป็นการชงกาแฟแบบ French press เพียงแค่ใส่เมล็ดกาแฟคั่วบดแบบหยาบๆ ลงในแก้ว จากนั้นใส่น้ำร้อนและใช้ที่กด (Filter) กดลงไป เพื่อให้ผงกาแฟแยกออกอยู่ข้างล่างแก้ว แค่นี้ก็จะได้กาแฟดำพร้อมดื่มแล้ว
| เนสกาแฟโกลด์ผู้นำเทรนด์คราฟท์กาแฟ
นอกจากที่กล่าวไปแล้ว ยังมีกาแฟคราฟท์ที่สามารถชงกินเองได้ง่ายๆ แถมยังรังสรรค์เมนูได้ตามใจชอบด้วย “เนสกาแฟโกลด์’ ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำเทรนด์คราฟท์กาแฟแบบใหม่บนกาแฟสำเร็จรูป ที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ไม่ใช่อะไรก็ได้ เพราะทุกสูตรมีความพิถีพิถัน
ตั้งแต่การคัดเมล็ดกาแฟด้วยมือ และคั่วบดด้วยอุณหภูมิ 228 องศา นานถึง 14 นาที เพื่อที่จะให้คราฟท์กาแฟกลายเป็นแก้วโปรดของคุณ ซึ่งตอนนี้สามารถสัมผัสความคราฟท์ของเนสกาแฟโกลด์ ได้ถึง 4 แบบ ลิ้มรสลองชิมตามไลฟ์สไตล์ที่คุณชื่นชอบ
เนสกาแฟโกลด์ เครมมา
กาแฟอาราบิก้าชั้นดีจากเทือกเขาสูงทางเหนือของบ้านเรา คั่วระดับมีเดียม ดาร์ค โรสต์ จะได้รสชาติเข้มและกลมกล่อมที่มาพร้อมฟองกาแฟ
เนสกาแฟโกลด์ เบลนด์ ดอยแพ็ค
เมล็ดกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้า ผสานอย่างลงตัวและใช้เทคโนโลยีผลิตแบบใช้ความเย็นจัดเพื่อรักษารสชาติและความหอมของกาแฟ
เนสกาแฟ โกลด์ คาเฟ่ โอเล่ท์
เป็นกาแฟอาราบิก้าผสานกับนมนำเข้าจากต่างประเทศ มีทั้งสูตรกลมกล่อมและสูตรไม่มีน้ำตาลทรายสำหรับสายสุขภาพ โดยจะได้รสชาติที่ละมุน กลมกล่อม และเข้มข้น
เนสกาแฟโกลด์ คอลเลคชัน
มีทั้ง 3 รสชาติให้เลือก ไวท์เอสเปรสโซ รสเข้มหอมกรุ่น, ลาเต้ มัคคิอาโต้ รสนุ่มละมุน และคาปูชิโน หอมกลมกล่อมลงตัว ซึ่งทั้งหมดได้คัดเมล็ดอาราบิก้าและโรบัสต้าชั้นดีบดแบบละเอียด มาพร้อมฟองนมหอมนุ่มที่นำเข้าจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
นอกจากนี้ เนสกาแฟโกลด์ ยังจัด ‘Carft Cafe’ กิจกรรมคราฟท์ๆ ที่มีความคราฟท์ตั้งแต่แก้วกาแฟ เสียงเพลง ไปจนถึงบรรยากาศ ให้คอกาแฟคราฟท์มาดื่มด่ำจนฟิน ซึ่งเมื่อวันที่ 9 – 10 มีนาคมที่ผ่านมา เราก็ไม่พลาดไปจอยกับความคราฟท์ งานดีๆ แบบนี้เนสกาแฟโกลด์ไม่ได้จัดแค่ครั้งเดียว แต่ยังมีงานให้ไปเสพความคราฟท์ครั้งหน้าอีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียดอย่างใกล้ชิดได้ที่ https://www.facebook.com/Nescafe.TH
Content Writer : Adcharawadee S.
Graphic Designer : Vachara P.
Writer
