มิลานสร้างทางจักรยาน 750 กม. ครอบคลุมการเดินทางทั่วเมือง ช่วยสุขภาพ ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว

มิลานวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่กับโปรเจกต์ Cambio เครือข่ายทางจักรยานระยะทาง 750 กิโลเมตร ที่วางแผนว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2035 ที่จะยกระดับให้การใช้จักรยานเป็นรูปแบบการคมนาคมท้องถิ่นที่สะดวกที่สุด ครอบคลุมการใช้งานของประชากร 86 เปอร์เซ็นต์ของเมือง และเชื่อมต่อบริการต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ในระยะ 1 กิโลเมตรนับจากทางจักรยานมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์  เมืองเอกแห่งอิตาลีคาดว่าเมื่อเครือข่ายทางหลวงสำหรับจักรยานทั้ง 24 สายจะเปิดให้บริการ การคมนาคมในเมือง 20 เปอร์เซ็นต์จะเป็นการใช้จักรยาน ซึ่งแนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของมิลานที่ต้องการเข้าถึงการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในความตกลงปารีส “การปั่นจักรยานจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาเมือง เป็นส่วนผสมของการปกป้องสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และการพัฒนาเศรษฐกิจ” สภาเมืองมิลานยังหวังว่านอกจากการลดก๊าซเรือนกระจก การสร้างทางปั่นจักรยานสีเขียวที่แยกออกมาอย่างชัดเจน จะทำให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้นสำหรับจักรยานทุกประเภท และการเดินทางประเภทนี้ยังส่งผลดีต่อสุขภาพประชากรด้วย  เครือข่าย Cambio มีลักษณะเป็นวงกลม 4 ชั้นที่ค่อยๆ ขยายตัวออกจากศูนย์กลางของเมือง และตัดด้วยเส้นรัศมีอีก 16 เส้นในลักษณะที่คล้ายกับใยแมงมุม เพื่อให้การเข้าถึงทุกส่วนของเมืองทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นสภาเมืองยังวางแผนจัดทำจุดจอดจักรยานโดยเฉพาะ มีป้ายระบุแบบชัดเจนทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัลที่อาศัยการชาร์จไฟในตอนกลางวันและส่องสว่างเวลากลางคืนเพื่อประหยัดพลังงานด้วย  โครงการดังกล่าวมีมูลค่า 250 ล้านยูโร แต่สภาเมืองมิลานได้คาดการณ์ออกมาแล้วว่า Cambio จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้มากถึง 1,000 […]

สารคดีเทรานอส ของอลิซาเบธ โฮล์มส์ ดูฟรีที่ Doc Club & Pub

ชื่อของ ‘อลิซาเบธ โฮล์มส์’ กลับมาบนหน้าสื่ออีกครั้งพร้อมกับผลการพิจารณาคดีมหากาพย์เครื่องตรวจเลือดลวงโลก ‘เทรานอส (Theranos)’ สตาร์ทอัปอื้อฉาวแห่งซิลิคอนแวลลีย์ ที่หลอกลวงว่าเครื่องตรวจเลือด ‘Edison’ จะพลิกโฉมวงการแพทย์ด้วยการตรวจหาโรคต่างๆ ได้เพียงการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว  เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2022 ที่ผ่านมา โฮล์มส์เพิ่งจะถูกตัดสินว่ามีความผิด 4 กระทงในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน จากทั้งหมด 11 ข้อกล่าวหา ซึ่งเธออาจจะต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี ถูกปรับ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยังต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงินสดอีกด้วย หลายคนคงได้อ่านเรื่องราวมหากาพย์ของเครื่องตรวจเลือดลวงโลกเทรานอสกันมาหลายสื่อแล้ว แต่เราอยากชวนไปดูมหากาพย์เรื่องนี้อีกครั้ง ที่ได้อรรถรสทั้งภาพและเสียงผ่านภาพยนตร์เรื่อง ‘The Inventor: Out For Blood In Silicon Valley’ สารคดีเชิงสืบสวนเกี่ยวกับการผงาดและล่มสลายของ “เทรานอส” บริษัทด้านการแพทย์ที่เคยมีมูลค่าเหยียบหมื่นล้าน ก่อนจะร่วงหล่นหมดสภาพภายในเวลาไม่กี่ปี ผลงานของ อเล็กซ์ กิบนีย์ ผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ชนะรางวัลออสการ์ (Enron: The Smartest Guys in the Room […]

ลงชื่อ ‘พ.ร.บ.สิทธิมนุษยชนของผู้เรียน’ ให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย

ถูกตีจนไม้หัก ตัด-กล้อนผมจนเสียความมั่นใจ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่เปิดกว้างในการหาความรู้ ระเบียบจัดแต่ห้ามตั้งคำถาม ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ตรงของใครหลายคนที่ผ่านระบบการศึกษาของประเทศไทยมาไม่มากก็น้อย หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องเคยเห็นจากหน้าข่าวสารกันอยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีการแก้ไข ไม่ว่าจะเรียนจบไปกี่ปีก็ยังชวนให้เกิดความสงสัยว่าทำไมสถานศึกษาไทยซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเปิดกว้างกลับเป็นสถานที่ที่ละเมิดสิทธิของนักเรียนอยู่เสมอ จะเป็นอย่างไรถ้าอย่างน้อยๆ มีกฎหมายเพื่อรับประกันสิทธิ-เสรีภาพ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนจริงๆ – และนี่คือจุดประสงค์ของร่าง ‘พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน’ ที่เสนอโดยกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ ในวันเด็ก 9 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ร่าง พ.ร.บ.นี้ประกอบด้วย 3 หมวดหลักได้แก่ สิทธิมนุษยชนของผู้เรียน สภาพแวดล้อมและสวัสดิภาพ และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ทั้งหมดตั้งเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีสิทธิ-เสรีภาพทางความคิดและการแสดงออก รวมถึงด้านสุขภาพจิตที่ข้อเสนอร่างกฎหมายระบุให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์คอยให้คำปรึกษาเพียงพอต่อผู้เรียน รวมทั้งตัวกฎหมายตั้งใจเพิ่มส่วนร่วมในการตัดสินใจเวลาออกกฎระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนได้ ประเด็นเหล่านี้อาจจะไม่ใช่แค่ปัญหาของนักเรียน-ผู้เรียนในระบบการศึกษาไทยเท่านั้น แต่ปัญหานี้เรื้อรังมานานและต้องการแรงสนับสนุนจาก ‘ผู้ใหญ่’ ที่ไม่มากก็น้อยผ่านการศึกษาในระบบของไทยกันมาทั้งนั้น ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนและอ่านร่างกฎหมายฉบับเต็มประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่ : https://www.badstudent.co/

หมารู้ภาษา นักวิจัยฮังการียืนยันว่าสุนัขแยกแยะได้เมื่อเราพูดภาษาอื่น

ใครๆ ก็เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘หมาเป็นสัตว์ที่รู้ภาษา’ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบรรดาสุนัขมีความสามารถด้านการแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาษาต่างๆ ได้จริงๆ ประเด็นนี้อ้างอิงมาจากรายงานของ Vice News ที่เผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิจัยพิสูจน์ว่าสุนัขรับรู้ความแตกต่างทางภาษาของมนุษย์ได้ ซึ่งมีการตีพิมพ์รายละเอียดของการศึกษาทางวารสาร NeuroImage เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และพบว่า “สมองของสุนัขตรวจจับ และแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปแบบการพูดที่มันคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยได้ ที่สำคัญยังแยกความแตกต่างระหว่างแต่ละภาษาได้อีกด้วย” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Eötvös Loránd ในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ทดสอบการประมวลผลทางภาษาผ่านสุนัขจำนวน 18 ตัว สุนัขกลุ่มนี้ได้รับการฝึกฝนให้นอนนิ่งๆ เพื่อถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (fMRI) ลูกสุนัขเหล่านี้ถูกทดสอบด้วยเสียงข้อความที่ตัดตอนมาจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง The Little Prince ในเวอร์ชันภาษาสเปนและฮังการี ซึ่งเป็นภาษาที่บรรดาสุนัขทั้งหมดเคยได้ยินมาจากเจ้าของคนเดียวกัน ทั้งนี้นักวิจัยยังเล่นเสียงแต่ละแทร็กย้อนหลัง เพื่อทดสอบความสามารถของสุนัขต่อการจดจำเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติ และเสียงที่มีสัญญาณรบกวน นอกจากนี้ นักวิจัยยังศึกษารูปแบบสมองของสุนัขขณะกำลังฟังเพลง พวกเขาสังเกตเห็นว่าบริเวณต่างๆ ในสมองของเหล่าสุนัขสว่างขึ้นเมื่อมีการเล่นเสียงสัญญาณรบกวน และเสียงพูดปกติ และพบรูปแบบสมองที่แตกต่างกันเมื่อมีการเล่นภาษาที่มันคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยด้วย Laura Cuaya ผู้รายงานการศึกษาและนักวิจัยที่ Eötvös Loránd เผยว่าสุนัขเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ต่อการนำมันมาทำวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ สนใจสิ่งที่คนเรากระทำหรือแสดงออกมาหรือไม่ เพราะพวกมันอาศัยและอยู่ร่วมกับมนุษย์มานานเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เป้าหมายของการวิจัยครั้งนี้ คือการทดสอบทักษะที่เรียกว่าการแยกแยะทางภาษา […]

โลงศพผลิตจากไมซีเลียม ย่อยสลายใน 30-45 วัน

ทุกวันนี้เทรนด์รักษ์โลกไม่ได้อยู่แค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่เราสามารถเลือกชีวิตหลังความตายให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน เราจึงได้เห็นการพัฒนาทางเลือกใหม่ๆ ในการฝังศพเกิดขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะการฝังศพให้กลายเป็นปุ๋ยที่ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว และก็ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มีหลายองค์กรทั่วโลกที่ออกมาขับเคลื่อนทางเลือกนี้ให้ทำได้จริง สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา และทำให้ผู้คนเปิดรับกันมากขึ้น Living Cocoon คืออีกหนึ่งทางเลือกในการฝังศพที่ลดทั้งการใช้พื้นที่และเวลา เป็น ‘โลงศพมีชีวิต’ ชิ้นแรกของโลกที่ย่อยสลายตัวเองได้ภายใน 30 – 45 วัน จากการทดลองในเนเธอร์แลนด์ (ระยะเวลาย่อยสลายขึ้นอยู่กับดิน น้ำ และสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่)  เหตุผลที่เรียกว่า ‘โลงศพมีชีวิต’ เป็นเพราะว่าวัสดุที่ใช้ในการทำโลงทำมาจาก ‘ไมซีเลียม (Mycelium)’ หรือ ‘เส้นใยเห็ดรา’ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดลูป (Loop) หรือวัฏจักรการย่อยสลาย ตัวโลงจะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการฝังกลบ ช่วยย่อยศพให้กลายเป็นปุ๋ยและกลับคืนสู่ธรรมชาติได้เร็วขึ้น และยังมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆ หลุมฝังศพอีกด้วย Living Cocoon ผลิตโดย Loop Biotech บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่หาทางออกให้กับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คิดค้นและออกแบบโดยบ็อบ เฮนดริกซ์ (Bob Hendrikx) ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง นักออกแบบ และสถาปนิก ที่สนใจและเชี่ยวชาญในนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เฮนดริกซ์ กล่าวว่า […]

Beijing’s Sub-Center Library ห้องสมุดใหม่ในปักกิ่งที่ร่มรื่น เหมือนได้อ่านหนังสือในป่าแปะก๊วย

ในขณะที่ประเทศไทยยังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนวงการหนังสือ ร้านหนังสือ และห้องสมุดกัน ตัดภาพไปที่ประเทศอื่นๆ ที่นอกจากส่งเสริมนโยบายเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์อย่างเข้มแข็งแล้ว ยังสร้างห้องสมุดใหม่ๆ ให้เป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนกันมากขึ้น แค่มีห้องสมุดเกิดขึ้นไม่พอ ถ้าติดตามข่าวสารแวดวงนี้บ่อยๆ จะพบว่าเหล่าห้องสมุดเกิดใหม่ในประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนได้รับการออกแบบอย่างดี ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานของผู้คน ในระดับที่เป็นแลนด์มาร์กของประเทศได้เลย ประเทศจีนเองก็เป็นประเทศหนึ่งในประเทศที่มีห้องสมุดขนาดใหญ่และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ  ล่าสุดที่กรุงปักกิ่งเพิ่งจะเปิดตัวแบบของห้องสมุดชุมชนขนาดใหญ่แห่งใหม่ในเขตชานเมือง ในชื่อ Beijing’s Sub-Center Library ซึ่งออกแบบโดย Snøhetta บริษัทสถาปนิกระดับโลกจากนอร์เวย์ ห้องสมุดแห่งนี้ออกแบบเป็นโครงสร้างปิดด้วยกระจกสูง 16 เมตร และยังเป็นอาคารกระจกหลังแรกในประเทศจีนที่รองรับน้ำหนักของตัวเองได้ ภายในอาคารมีเสาคล้ายต้นไม้รองรับหลังคาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าต้นแปะก๊วย (Ginkgo biloba) ซึ่งเป็นต้นไม้อายุกว่าสามร้อยล้านปีที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พบได้ทั่วไปทั้งริมถนนและสวนสาธารณะในประเทศจีน  สตูดิโอ Snøhetta เล่าว่าพื้นที่ภูมิทัศน์ที่ออกแบบมีลักษณะเป็นขั้นบันได เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเหมือนต้นไม้ที่เชิญชวนให้ผู้คนนั่งลงและหยุดพักระหว่างเดินผ่าน เป็นการสร้างพื้นที่เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายๆ ในการอ่าน และใส่แนวคิดที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดใต้ต้นไม้เข้าไป เสาของอาคารแต่ละต้นยังติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง ประสิทธิภาพด้านเสียง และการกำจัดน้ำฝนของห้องสมุด ส่วนแถวของคอลเลกชันหนังสือ พื้นที่อ่านหนังสือ และอัฒจันทร์ขนาดใหญ่จะสร้างขึ้นด้านในและรอบๆ ช่องทางเดิน ให้ออกมาเป็นพื้นที่คล้ายหุบเขาในห้องสมุด เหมือนได้เดินอยู่ในหุบเขาที่มีต้นแปะก๊วยปกคลุม อีกความเจ๋งของห้องสมุดนี้คือ หลังคาอาคารที่ได้รับการติดตั้งด้วยระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์แบบบูรณาการ ซึ่งจะให้พลังงานหมุนเวียนแก่ตัวห้องสมุดและช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคารได้ ส่วนหลังคาใบแปะก๊วยที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคารยังช่วยลดแสงที่ส่องเข้ามาในอาคารได้อีกด้วย  ห้องสมุดใหม่ในกรุงปักกิ่งแห่งนี้ได้เริ่มดำเนินการสร้างแล้วและคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2022 นี้ ชาวนักอ่านและนักเดินทางที่ชื่นชอบห้องสมุดต้องอย่าพลาดเชียว […]

ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องสนใจ ไม่เป็นอะไรด้วย ลูกจ้างรัฐเบลเยียม ได้รับสิทธิใหม่ ไม่ต้องตอบข้อความเจ้านายหลังเลิกงาน

Right to Disconnect หรือสิทธิในการตัดขาดการติดต่อสื่อสารนอกเวลางานกำลังเติบโตขึ้นในหลายประเทศ ล่าสุดกฎหมายของเบลเยียมบอกว่าผู้บังคับบัญชาจะไม่สามารถติดต่อพนักงานนอกเวลาทำงานได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ยกเว้นในกรณีพิเศษเท่านั้น โชคดีของชาวเบลเยียมที่กรณีพิเศษดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการแจ้งนัดประชุมด่วนรอบเช้า ทักมาแจ้งเปลี่ยนบรีฟกลางอากาศ แต่ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องเป็น “สถานการณ์พิเศษที่คาดไม่ถึง และต้องมีการดำเนินการที่ไม่สามารถรอจนถึงเวลาทำงานของวันถัดไปได้เท่านั้น” ดังนั้นการทักมาขอเปลี่ยนสีกลางดึกถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน ระเบียบข้อนี้ยังบอกว่าพนักงานไม่ควรเสียเปรียบในกรณีใดๆ หากไม่มีการตอบสนองเมื่อถูกติดต่อนอกเวลางาน “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้พนักงานมีสมาธิดีขึ้น พักผ่อนได้มากขึ้น มีระดับพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น” Petra De Sutter รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้าราชการพลเรือนเบลเยียม บอกว่าระเบียบนี้จะช่วยพนักงานรัฐในการต่อสู้กับความเครียดและความเบื่อหน่ายจากการทำงานหนัก แต่ก็ยังไม่ได้ระบุบทลงโทษสำหรับพนักงานที่ฝ่าฝืนกฎข้อใหม่แต่อย่างใด  แม้ข้อบังคับดังกล่าวจะมีผลกับข้าราชการเท่านั้น แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะสามารถนำมาปรับใช้กับพนักงานเอกชนได้ Thierry Bodson ประธานสหภาพแรงงานเบลเยียมบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญมาก และถือเป็นการให้สิทธิโดยแท้จริงต่อข้าราชการกว่า 65,000 คน ในการตัดการเชื่อมต่อหลังเวลางาน ก้าวต่อไปที่เป็นการขยายกฎหมายให้ครอบคลุมถึงพนักงานทุกคนคือเรื่องที่ท้าทายสำหรับเบลเยียม  “นี่คือการเดินไปข้างหน้า สหภาพแรงงานของเราต้องการขยายกฎหรือหลักการนี้ไปยังภาคเอกชนซึ่งต้องมีการแก้ไขกฎหมายอีกหลายฉบับ และกระบวนการด้านนิติบัญญัติจะยาวและซับซ้อนกว่านี้มาก”  ถือเป็นทิศทางที่ดีและน่าติดตามเมื่อประเทศในยุโรปจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ออกกฎหมาย Right to Disconnect หลังจากมีพนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าสุดโปรตุเกสได้นำกฎหมายนี้มาใช้ในวงกว้างเพื่อหวังจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของการทำงาน ในขณะที่ฝรั่งเศสบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2016

BOOK AND BED TOKYO โฮสเทลฮิตที่ตอบโจทย์ทั้งการนอน การอ่าน และการทำงานนอกบ้าน

BOOK AND BED TOKYO เป็นโฮสเทลที่มีแนวคิดว่า ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับหนังสือจำนวนกว่า 4,000 เล่มที่จัดเก็บในห้องหนังสือขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ได้นอนหลับพักผ่อนบนเตียงสบายๆ เป็นแหล่งพบปะกันของเหล่าหนอนหนังสือ และยังได้จิบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ในที่พักระหว่างการอ่านหนังสือหรือทำงานได้อย่างรื่นรมย์ ทำให้โฮสเทลที่เต็มไปด้วยสิ่งพิมพ์มากมายแห่งนี้ เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือในช่วงพักจากการทำงาน อย่างในสาขาชินจูกุ ก็มีชั้นหนังสือเรียงกันเป็นแถวๆ และมีเตียงซ้อนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ที่พักสำหรับยอดนักอ่านดังกล่าว ยังเหมาะสมกับคนทำงานแบบ Telework ซึ่งทำงานอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้เสียด้วย ที่พักเจ้าไอเดียนี้ มีจำนวนเตียงทั้งหมด 55 เตียง แบ่งพื้นที่อ่านหนังสือด้วยผ้าม่าน ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรูปแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่ พร้อมวิวแสงสีช่วงตอนกลางคืนของย่าน Kabukicho ในชินจูกุ ทั้งนี้ยังมีห้องอาบน้ำ และห้องสุขาส่วนกลางที่แยกตามเพศไว้ให้บริการด้วย  จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ BOOK AND BED TOKYO ถูกมองว่าเป็นร้านหนังสือที่ผู้คนมาพักค้างคืนได้ อย่างที่สาขาชินจูกุ ผู้ใช้บริการจะได้รับประสบการณ์การนอนข้างชั้นวางหนังสือประมาณ 2,500 เล่ม ซึ่งมีประเภทและสไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่นวนิยาย มังงะ สมุดภาพ และตำราปรัชญา แม้ว่าจะไม่มีการจัดจำหน่ายหนังสือ แต่บรรดาแขกก็สามารถหยิบมันมาอ่านได้เท่าที่ใจต้องการ ซึ่งโฮสเทลนี้ไม่ได้มีแค่เตียงนอนรองรับคนมาทำงานรูปแบบระยะไกลเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีผู้คนจำนวนมากมาใช้สอยด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นจำนวนถึง 70 […]

‘ความรักอัดกระป๋อง’ ขายในตู้อัตโนมัติ บริการใหม่จากบริษัทหาคู่ในญี่ปุ่น

ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติเป็นเหมือนอีกสัญลักษณ์หนึ่งของญี่ปุ่นไปแล้ว ไม่ใช่แค่ปริมาณที่มีอยู่ทั่วเมืองเท่านั้น แต่ความล้ำของสินค้ายังพัฒนาและใส่ไอเดียไปต่อได้ไม่มีที่สิ้นสุด มีขายตั้งแต่เครื่องดื่มสารพัดชนิด ไปจนถึงขนมและอาหารหลากหลายยี่ห้อ จนล่าสุดบริษัทหาคู่ในญี่ปุ่นเกิดไอเดียสนุกๆ เอา ‘ความรัก’ มาอัดกระป๋องขายในตู้อัตโนมัติ ให้คนโสดได้แวะเลือกช้อปโปรไฟล์คนที่อยากเดตได้ เพราะอยากให้คนญี่ปุ่นมีความรักและแต่งงานกันมากขึ้น  ‘ความรักอัดกระป๋อง’ คือไอเดียของบริษัทจัดหาคู่ Matching Advisor Press (MAP) ที่นำเจ้าตู้สุดแปลกนี้ไปตั้งไว้ที่เมืองคาตายามะในโตเกียว มองภายนอกดูไม่ต่างจากตู้เครื่องดื่มทั่วไปเลยสักนิด เพราะเป็นกระป๋องอะลูมิเนียมเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ไม่มีเครื่องดื่มข้างใน และคุณจะได้โอกาสในการคุยกับบริษัทจัดหาคู่แทน (ไม่ได้คุยกับคนในกระป๋องโดยตรงอย่างที่คิด) กระป๋องสีชมพูคือโปรไฟล์ของผู้หญิง ส่วนสีครีมคือของผู้ชาย ซึ่งบริการนี้ของ MAP ไม่ได้ทำเอาสนุกเท่านั้น แต่พวกเขาหวังจะช่วยให้คนโสดในญี่ปุ่นได้เจอความสัมพันธ์ที่จริงจัง ไปจนถึงขั้นแต่งงานกันเลย  ความรักกระป๋องสนนราคาอยู่ที่ 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท) ถือว่าราคาไม่ได้โหดร้ายเกินไป เมื่อแลกกับโอกาสที่อาจจะเจอรักแท้ แต่ถึงจะเลือกคนที่เราอยากเดตได้ บริการนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าซื้อไปแล้วจะได้ออกเดตจริงๆ และคนที่เราได้เดตอาจจะไม่ใช่คนจากกระป๋องที่เราเลือกจริงๆ ก็ได้ ที่กระป๋องจะมีแค่โปรไฟล์สั้นๆ ที่เขียนโดยที่ปรึกษาของ MAP ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแปะอยู่ และระบุอายุเอาไว้ให้จินตนาการต่อเท่านั้น ไม่ได้มีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวแปะไว้แต่อย่างใด เช่น “ฉันคือที่ปรึกษาของอิชิกาวะ เธออายุ 27 ปี และอยากแต่งงาน ฉันสามารถแนะนำให้คุณได้นะ” […]

‘เก็บกลับ-รีไซเคิล’ ไทยเบฟ ส่งต่อไออุ่นผ่านผ้าห่มจากขวดพลาสติกรีไซเคิลแก่ผู้ประสบภัยหนาว

ในช่วงต้นปีแบบนี้พี่น้องในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงต้องเผชิญกับภัยหนาวอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ เพราะหน้าหนาวของพวกเขาคือหนาวจริงๆ เกินกว่าที่ร่างกายจะต้านทาน.บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยพันธมิตรอีกหลายภาคส่วน ดำเนินโครงการ ‘ไทยเบฟ..รวมใจต้านภัยหนาว’ เพื่อส่งมอบผ้าห่มแก่พี่น้องในพื้นที่ห่างไกล มาเป็นเวลากว่า 21 ปี พร้อมขยายเครือข่ายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสังคมแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน.ไทยเบฟในฐานะผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญในเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคเพื่อนำไปรีไซเคิลจึงได้นำแนวคิดนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับบรรจุภัณฑ์ และสร้างประโยชน์ส่งต่อให้ชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับที่องค์กรมุ่งเน้นการลดปริมาณการใช้ทรัพยากร การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด.โดย “โครงการ เก็บกลับ-รีไซเคิล” ภายใต้บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด จากแนวคิดว่าการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน และเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา ได้มีการจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ พร้อมตั้งจุดรับขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่ม พร้อมทั้งออกบูธกิจกรรมตามโรงเรียน ชุมชน หรืองานต่างๆเพื่อรณรงค์กระตุ้นการเรียนรู้การคัดแยกบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ตั้งแต่ต้นทางที่มีคุณภาพ กลับคืนสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณของเสียในสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์แก่สังคม.ซึ่งหนึ่งในประโยชน์ที่ว่าก็คือ การเก็บกลับขวดพลาสติก PET ที่บริโภคแล้ว เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบและผลิตเป็นเส้นใย rPET และถักทอเป็น “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” เพื่อมอบให้แก่ผู้ประสบภัยหนาว.โดยเส้นใยจากขวด rPET จะช่วยลดพลังงานการผลิตลงได้ 60% ลดปริมาณการปล่อย co2 ได้ 32% […]

แจกฟรีฟอนต์ลายมือ จิตร ภูมิศักดิ์ ต่อยอดจากนิทานวาดหวังเล่ม ‘จ จิตร’ โดยกลุ่มวาดหวัง

ย้อนไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ‘วาดหวังหนังสือ’ ได้จัดทำหนังสือภาพสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ในเนื้อหาสิทธิ เสรีภาพ ความฝัน ความหวัง ประชาธิปไตย และความเป็นไปของบ้านเมือง ในรูปแบบเซตนิทานวาดหวัง 8 เรื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือ จ จิตร ว่าด้วยชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ นักคิดนักเขียนที่มีผลงานวิชาการมากมาย ทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://urbancreature.co/8-children-books/) นอกจากได้รับการสนับสนุนในกลุ่มคนรักประชาธิปไตยแล้ว นิทานวาดหวังยังได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากกระทรวงศึกษาธิการและทางการไทย จนทำให้เกิดกระแสเป็นข่าวมากมาย ส่งผลให้ยอดขายพุ่งเกินความคาดหมายของทีมผู้จัดทำ ได้รับการจัดพิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการจัดทำหนังสือ กลุ่มวาดหวังได้นำเงินไปส่งมอบให้หน่วยงานและกลุ่มกิจกรรมต่างๆ ที่ทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด รวมถึงผู้ลี้ภัยไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งยังนำไปทำโปรเจกต์ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสังคมที่น่าสนใจด้วย โปรเจกต์ที่ว่านั้นคือการทำฟอนต์จิตร ภูมิศักดิ์ จากลายมือของจิตร โดยมีกลุ่มประชาธิปไทป์เป็นผู้จัดทำให้ฟอนต์นี้ใช้งานได้ จุดประสงค์คือต้องการให้คนไทยได้ใช้ฟอนต์จิตรในการอ่านเขียน ซึมซับรับรู้ และรู้จักจิตรในอีกแง่มุมหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการทำให้ชื่อของเขาที่มาพร้อมความหวัง พลัง และความปรารถนาดีต่อส่วนรวมอยู่ร่วมในสังคมไทยไปอีกตราบนานเท่านาน ผู้ที่สนใจนำฟอนต์ไปใช้พิมพ์หนังสือหรือสื่อต่างๆ สามารถดาวน์โหลดฟรีที่ https://tinyurl.com/y4g2n3xm ซึ่งทางทีมผู้จัดทำขอแค่ให้ช่วยระบุเครดิตชื่อฟอนต์จิตร ภูมิศักดิ์ หรือติดแฮชแท็ก #ฟอนต์จิตร เมื่อใช้งานบนโลกออนไลน์ *หมายเหตุ ฟอนต์จิตรมีเพียงตัวอักษรไทย เลขไทย และเลขอารบิกเท่านั้น  […]

ชวนดูหนังจากชีวิต 6 ศิลปินหัวขบถ Banksy, Ai Weiwei, Van Gogh ฯลฯ ที่ River City Bangkok

แบงก์ซี (Banksy), อ้าย เว่ยเว่ย (Ai Weiwei), วิเวียน ไมเออร์ (Vivian Maier), ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo), ฟาน ก็อกฮ์ (Van Gogh) และเบนยามิน มิลลิพีด์ (Benjamin Millepied)  หากเอ่ยชื่อศิลปินจากทั่วทุกมุมโลกเหล่านี้ หลายคนคงเคยได้เห็นหรือรับชมผลงาน และวีรกรรมขบถ ของพวกเขามาบ้าง หรือหลายคนอาจจะคุ้นแค่ชื่อแต่ยังไม่เคยรู้เรื่องของเขาเลย จะดีแค่ไหนถ้าได้ทำความรู้จักชีวิตและผลงานของพวกเขาไปพร้อมกันผ่านจอภาพยนตร์ River City Bangkok จัดโปรแกรมภาพยนตร์ชื่อ ‘PASSION’ ที่จะชวนทำความรู้จักชีวิตศิลปินทั้ง 6 ชีวิตที่เอ่ยถึงข้างบน ค้นหาเบื้องหลังแนวคิดของผลงาน และชีวิตของพวกเขาหลังผลิตผลงานที่เสียดสีขนบธรรมเนียมของสังคมเก่าว่าเป็นอย่างไร  สำหรับเดือนมกราคม วันที่ 15 และ 29 นี้ ผู้จัดเริ่มต้นด้วย ‘Sunflowers’ (2021) ภาพยนตร์สารคดีกำกับโดย เดวิด บิกเคอร์สตาฟฟ์ (David Bickerstaff) จะสำรวจภาพดอกทานตะวันอันโด่งดังของฟาน ก็อกฮ์ว่ามีนัยสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเลือกวาดภาพนี้ […]

1 75 76 77 78 79 119

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.