
WHAT’S UP
ไปชนแก้วในงาน Beer Days ตลาดนัดคราฟต์เบียร์กว่า 50 แบรนด์ 24 – 25 ก.ย. 65 ที่ The Jam Factory
ไปชนแก้วในงาน Beer Days ตลาดนัดคราฟต์เบียร์กว่า 50 แบรนด์ 24 – 25 ก.ย. 65 ที่ The Jam Factory คอเบียร์เตรียมวอร์มคอให้พร้อมกับงานตลาดนัดคราฟต์เบียร์ครั้งแรกของ The Jam Factory พบกับการขนคราฟต์เบียร์ทั้งของไทยและต่างประเทศเข้ามาให้เลือกสัมผัสความหลากหลายของรสชาติเครื่องดื่มมีฟองกว่า 50 แบรนด์ คัดสรรโดย ประชาชนเบียร์ นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับการชนแก้วรัวๆ แล้ว ภายในงานยังมีกับแกล้มที่ยกมาให้เลือกทั้งตลาดโดย The Knack Market แถมชุ่มคอ อร่อยหูไปกับดนตรีจาก TuneCore Thailand และกลุ่มศิลปินอิสระ เวลาเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีสองช่วงคือ 11.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 21.00 น. แนะนำให้เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัย งาน Beer Days จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 และวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน […]
เช็กสุขภาพง่ายๆ จากผิวหนัง! นักวิจัยเยอรมันพัฒนารอยสักเปลี่ยนสีได้ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น-ต่ำลง
ในอนาคต ‘รอยสัก’ อาจจะไม่ใช่ศิลปะบนเรือนร่างที่สะท้อนตัวตนและความเชื่อเท่านั้น แต่ลวดลายเหล่านี้อาจเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่ช่วยชี้วัดสุขภาพของผู้คนได้ด้วย เพราะล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมนี นำโดย Ali Yetisen วิศวกรเคมีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งมิวนิกได้คิดค้น ‘รอยสักเปลี่ยนสีได้’ เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคส อัลบูมิน และค่าความเป็นกรด-เบส (pH) ในเลือดสูงขึ้นหรือต่ำลง เป็นเสมือนเซนเซอร์บนผิวหนังที่ช่วยให้ผู้ป่วยหรือคนที่มีรอยสักนี้ติดตามสุขภาพของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์หรือใช้เครื่องมือต่างๆ ให้ยุ่งยาก รอยสักนี้เรียกอีกอย่างว่า ‘Biosensors’ หรือ ‘อุปกรณ์ตรวจวัดทางชีวภาพ’ โดยทางทีมวิจัยกำหนดให้รอยสักวัดระดับน้ำตาลกลูโคส อัลบูมิน และค่า pH ในเลือด เนื่องจากทั้งสามส่วนนี้คือตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายมนุษย์อย่างค่อนข้างชัดเจน ยกตัวอย่าง ค่า pH ของร่างกายที่ไม่สมดุลอาจเป็นสัญญาณบอกว่าไตและปอดอาจไม่สามารถควบคุมความเป็นกรดของร่างกายได้แล้ว สำหรับระดับอัลบูมิน (ระดับโปรตีนในเลือด) ที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับไต ตับ หรือหัวใจ ส่วนน้ำตาลกลูโคสในเลือดคือระดับที่ควรได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน วิธีการสัก Biosensors นั้นมีลักษณะเหมือนกับการสักทั่วไปที่ใช้เข็มเจาะบนชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุดของร่างกาย ก่อนจะปล่อยเม็ดสีเข้าไปในชั้นหนังแท้ ทำให้รอยสักอยู่บนผิวหนังถาวร แต่ทางทีมวิจัยไม่ได้เปิดเผยว่าตัวสีที่ใช้ผลิตมาจากอะไรและต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เจ้า Biosensors ต่างจากรอยสักทั่วไปคือสีที่เปลี่ยนได้ตามสุขภาพของร่างกาย เช่น เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำ รอยสักจะเป็น ‘สีเหลือง’ […]
ชวนดูการออกแบบ Wayfinding ของ Totetsu Training Institute ที่ทั้งเก๋ไก๋ สื่อถึงรางรถไฟ และตอบโจทย์การนำทาง
Motive Inc. สตูดิโอสัญชาติญี่ปุ่นได้ออกแบบระบบการบอกเส้นทาง (Wayfinding) สำหรับสถาบันฝึกอบรมของบริษัทซ่อมบำรุงทางรถไฟ Totetsu Kogyo โดยใช้เครื่องหมายที่เก๋ไก๋แต่เรียบง่าย เพื่อนำทางผู้มาเยี่ยมชมอาคาร สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Tsukubamirai จังหวัด Ibaraki ก่อตั้งขึ้นตามความต้องการของอดีตกระทรวงการรถไฟที่ทำหน้าที่บำรุงรักษาและพัฒนาระบบรางของญี่ปุ่น Wayfinding ของที่นี่มีลักษณะเป็นเส้นทางที่ชวนให้นึกถึงรางรถไฟที่ฝังอยู่ในพื้น มุ่งนำไปสู่ห้องต่างๆ โดยอ้างอิงการออกแบบจากเอกลักษณ์ของ Totetsu Kogyo ในฐานะบริษัทให้บริการระบบรางของญี่ปุ่น และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้ารับการอบรมที่ต้องมาใช้อาคารอยู่บ่อยครั้ง ทางสตูดิโอออกแบบเล่าว่า พวกเขาต้องการให้การออกแบบทำงานโดยเป็นไปตามสัญชาตญาณของผู้ใช้งาน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยกระตุ้นการตอบสนอง และพึ่งพาข้อความน้อยที่สุด นอกเหนือจากการใช้เส้นสีบริเวณชั้นล่างไกด์ผู้คนอย่างมีประสิทธิภาพ Takuya Wakizaki ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ Motive Inc. ยังต้องการให้การออกแบบสร้างอิมแพกต์เมื่อมองจากด้านบนด้วย เนื่องจากอาคารมีเพดานที่เปิดโล่ง เส้นสีรางรถไฟที่ยึดโยงกันอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งพื้นที่สองส่วนในอาคาร กระเบื้องเคลือบใกล้กับทางเข้าฝังด้วยเหล็กเส้นที่ใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนบนทางเดินก็มีการใช้พื้นไวนิลสองสีเพื่อสร้างแพตเทิร์น เหล่านี้คือการออกแบบ Wayfinding ที่สื่อสารถึงความเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับรางรถไฟได้เป็นอย่างดี ความน่าสนใจคือ บนพื้นที่ตีเส้นราวกับรางรถไฟนั้นมีการใช้สีแดงสนิมเพื่อให้นึกถึงรางรถไฟจริงๆ และมีข้อความสีขาวเป็นภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ ระบุถึงปลายทางที่เส้นทางนำไป นอกจากนี้ยังมีการใช้เศษโลหะจากอุตสาหกรรมมาทำแผ่นป้ายหลักของอาคาร และระบบรหัสสีในคีย์การ์ดสำหรับเปิดประตูห้องต่างๆ บนชั้นสอง ก็มีการออกแบบเป็นคล้ายๆ ปริศนา อ้างอิงจากแผนที่เส้นทางรถไฟที่บริษัท Totetsu Kogyo ให้บริการ ถ้าใครได้ไปอบรมงานที่นี่ คงได้แรงบันดาลใจและสนุกกับการดูแลพัฒนารางรถไฟขึ้นแน่ๆ […]
Traffy Fondue เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากข้อมูลผู้ใช้งานในพื้นที่จริง
Traffy Fondue เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากข้อมูลผู้ใช้งานในพื้นที่จริง พี่วินมอเตอร์ไซค์ปากซอยทำนายว่าฝนจะถล่มลงมาช่วงเย็น ถ้าคำทำนายของพี่วินฯ เป็นจริงนั่นเท่ากับว่าคนกรุงเทพฯ ในเมืองชีวิตดีๆ ที่ลงตัว จะต้องเลิกงานลงมาเจอกับห่าฝนที่ต่อให้ตกต่อเนื่องไม่ถึงชั่วโมงน้ำก็ท่วมถึงหัวเข่า รถราบนท้องถนนติดแจ บางคนอาจต้องรอรถเมล์จนยืนร้องไห้ บ้างอาจต้องใช้เงินแก้ปัญหาเพื่อจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนไวๆ หลังเจองานหนักหน่วงช่วงกลางสัปดาห์ ดูแล้วปัญหาฝนตกน้ำท่วมน่าจะยังไม่มีทางจบสิ้นในเร็ววัน แต่อย่างน้อยหนึ่งในวิธีที่จะช่วยทุเลาปัญหานี้ไปได้ก่อนระหว่างฤดูฝน นั่นคือการใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ‘Traffy Fondue’ แพลตฟอร์มสีน้ำตาลคู่ใจชาวเมือง ฟีเจอร์ที่ว่านี้ทำให้เราสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที โดยใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานที่แจ้งระบบเข้ามาในรัศมี 500 เมตร ภายในเวลา 6 ชั่วโมงก่อนหน้า มาแสดงผลเพื่อให้พวกเราวางแผนการเดินทางจากบ้านหรือที่ทำงานได้ เรียกว่าร่วมด้วยช่วยกันเพื่อไม่ให้ต้องเอามือพายเรือระหว่างทาง แถมลดโอกาสเสี่ยงเท้าราน้ำอีกด้วย วิธีตรวจสอบน้ำท่วมนั้นก็แสนสะดวก เริ่มจาก Add LINE เพิ่มเพื่อนที่ bit.ly/3BC4uWI จากนั้นมองหาไอคอนรูปบ้านโดนน้ำท่วมสีเขียวด้านล่าง เพื่อขอตรวจสอบน้ำท่วม โดยส่งพิกัดที่อยากรู้และรอผล หรือหากอยากแจ้งปัญหาอื่นๆ เช่น ต้นไม้ล้ม เสาไฟหัก ก็ทำได้ด้วยการเลือกไอคอนสีเหลือง ‘แจ้งเรื่องใหม่’ ได้เลย ติดตามความคืบหน้าของการรายงานปัญหา หรือเข้าไปแจ้งปัญหาเส้นเลือดฝอย รวมถึงดูคู่มือการใช้งาน Traffy Fondue ได้ที่ https://www.traffy.in.th/
สวนป่าเบญจกิติ เปิดโซน Dog Park ให้เหล่าเจ้าของพาน้องหมามาวิ่งเล่น ตั้งแต่ 15 ก.ย. 65 เป็นต้นไป
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้มีการพิจารณานโยบายให้ประชาชนสามารถนำสัตว์เลี้ยงของตนไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ กทม. ได้ ในที่สุดสวนป่าเบญจกิติก็ได้ฤกษ์เปิดบริการโซน ‘Dog Park’ ให้ประชาชนพาสุนัขของตนเข้ามาใช้บริการเดินเล่นออกกำลังกายภายในสวน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 เป็นต้นไป นับเป็นสวนสาธารณะที่ 3 ถัดจากสวนวัชราภิรมย์ สวนเทียนทะเลพัฒนาพฤกษาภิรมย์ และสวนบึงหนองบอน ที่เปิดให้บริการ Dog Park ก่อนหน้านี้ Dog Park ภายในสวนป่าเบญจกิติตั้งอยู่ตรงข้ามบริเวณลานจอดรถของสวนป่าระยะที่ 1 กินพื้นที่ 10 ไร่โดยประมาณ โดยเจ้าของหรือผู้นำสุนัขมาออกกำลังกายพร้อมตนสามารถลงทะเบียนเข้าสวนได้ทางประตู 1 และประตู 2 เงื่อนไขในการนำสุนัขเข้าใช้บริการ Dog Park สวนเบญฯ ได้แก่ – สุนัขทุกตัวต้องได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน และจำเป็นต้องคล้องสายจูงไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในสวน เพื่อความปลอดภัยของตัวสุนัขเอง เนื่องจากพื้นที่โซนนี้อยู่ติดลานจอดรถและถนน – ขอความร่วมมือให้เจ้าของสุนัขนำอุปกรณ์สำหรับเก็บอุจจาระของสุนัขตนเองมาด้วย เพื่อรักษาความสะอาดของพื้นที่ ในขณะเดียวกัน สวนเองจะมีห้องน้ำสุนัขเป็นคอกสี่เหลี่ยม มีถุงเก็บอุจจาระ รวมถึงถังขยะไว้ให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้บริการด้วย […]
แบ่งปันหนังสือที่ชอบผ่านอักษรเบรลล์ กับโครงการ ‘พิมพ์หนังสือให้คนตาบอด’ กิจกรรมอาสาจาก Uncommon Volunteer
หากใครกำลังมองหากิจกรรมยามว่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอยู่ เราอยากชวนมาเป็นอาสาสมัครในโครงการ ‘พิมพ์หนังสือให้คนตาบอด’ กัน ก่อนหน้านี้เราได้เห็นกิจกรรมอ่านหนังสือเพื่อคนตาบอดมาบ้างแล้ว ซึ่งบางคนอาจไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการลงเสียง การพิมพ์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เราได้ร่วมกิจกรรมอาสา โดยเป็นการพิมพ์ตามตัวเนื้อหาในหนังสือที่เราสนใจ เพื่อส่งต่อเรื่องพิมพ์นั้นให้หน่วยงานที่สอดคล้องกับการศึกษาของผู้พิการทางสายตา ไปจัดทำเป็นอักษรเบรลล์ในการผลิตหนังสือให้คนตาบอดได้พัฒนาความรู้และเพลิดเพลินกับเรื่องราวสนุกๆ การพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดนั้นเป็นงานอาสาจาก Uncommon Volunteer เว็บไซต์ที่รวบรวมงานอาสาทั้งในประเทศและระดับนานาชาติให้ผู้ที่สนใจ สำหรับการพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดนั้นสามารถพิมพ์หนังสือประเภทใดก็ได้ที่ไม่ใช่หนังสือเรียนหรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียน และต้องไม่ซ้ำกับเล่มที่เคยมีมาก่อน โดยอาสาสมัครตรวจสอบหนังสือบนเว็บไซต์ก่อนพิมพ์ได้ ส่วนใครที่เป็นกังวลเรื่องของลิขสิทธิ์ก็ขอบอกให้สบายใจว่า ลิขสิทธิ์ของหนังสือนั้นได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อคนพิการภายในองค์กรที่ดูแลเรื่องการศึกษาของผู้พิการโดยตรง หรือถ้าไม่มั่นใจ จะติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์กับทางสำนักพิมพ์โดยตรงก่อนร่วมกิจกรรมอาสาก็ได้ ไม่เพียงแต่การพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดเท่านั้น ทาง Uncommon Volunteer ยังมีกิจกรรมอาสาอื่นๆ ให้ได้เข้าร่วมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งนิยายหรือนิทานเพื่อคนตาบอดและเด็ก, วาดภาพเพื่อน้องด้อยโอกาส, พิมพ์ข้อสอบออนไลน์ หรือแม้แต่การทำคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์งานอาสาออนไลน์ลงในแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งบางกิจกรรมจะมีใบรับรองการเข้าร่วมกิจกรรมให้ด้วย ติดตามรายละเอียดงานอาสาต่างๆ ได้ที่ Uncommon Volunteer – จิตอาสาออนไลน์.com หรือทางเว็บไซต์ uncommonunique.com/home-thai
สำรวจศิลปะแทนใจผู้ป่วยจิตเวชกับนิทรรศการ Hide & Seek ที่ Palette Artspace วันที่ 14 – 19 ก.ย. 65
ทุกวันนี้สังคมของเรามี ‘ผู้ป่วยจิตเวช’ และ ‘ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า’ จำนวนไม่น้อยเลย แต่ส่วนใหญ่ต่างต้องซ่อนตัวและพยายามใช้ชีวิตตามปกติ เพราะกลัวสังคมไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจอาการ และมองว่าตัวเองมีความบกพร่อง เปรียบเสมือนการเล่นซ่อนแอบที่ไม่รู้ว่าสังคมจะพบเจอผู้ป่วยเหล่านี้เมื่อไหร่ และเมื่อถูกหาเจอแล้ว พวกเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เพราะโรคทางจิตเวชไม่ใช่สิ่งน่าอาย เราจึงอยากชวนทุกคนไปทำความเข้าใจภาวะเหล่านี้ที่ ‘Hide and Seek #มันไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดหรอกนะ’ นิทรรศการศิลปะการกุศลสุดอบอุ่นที่จัดแสดงผลงาน โดยศิลปินชาวไทยและต่างประเทศกว่า 50 คน ซึ่งกลั่นกรองออกมาแทนใจและความรู้สึกของผู้ป่วยจิตเวชทุกคน เป็นครั้งแรกที่บรรดาศิลปินจะร่วมกัน Call Out และเป็นกระบอกเสียงให้เหล่าผู้ป่วยจิตเวชภายใต้คอนเซปต์ ‘ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป เพราะยังไงศิลปะก็ตามหาใจของคุณเจอ’ ใครสนใจแวะไปดูนิทรรศการ ‘Hide and Seek #มันไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดหรอกนะ’ ได้ฟรีที่ Palette Artspace (t.ly/6iPO) ระหว่างวันที่ 14 – 19 กันยายน 2565 ที่สำคัญ ทางนิทรรศการยังเปิดรับบริจาค เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้ ‘กองทุนเพื่อผู้ป่วยจิตเวชยากไร้’ เพื่อซัปพอร์ตและส่งเสริมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วย โดยวันที่ 17 กันยายน 2565 ศิลปินจะร่วมกันจัดเสวนาที่พูดถึงโรคทางจิตเวชและโรคซึมเศร้าในแง่มุมต่างๆ อีกทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษที่น่าสนใจอย่างการแสดงมายากล […]
รู้จักและสนับสนุนผ้าไทยผ่านแผนที่ลายผ้าพื้นเมืองประเทศไทย จัดทำโดย ร้านแพรอาภา ห้องผ้าไหม
คนไทยรู้ ทุกคนรู้ว่าผ้าไทยงดงามไม่แพ้ใครในโลก นอกจากนี้ ลายผ้าแต่ละลายยังล้วนมีประวัติความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆ จนนับเป็นอัตลักษณ์จังหวัดได้ เช่น ลายจกไทลื้อ ของจังหวัดเชียงราย หรือลายผ้าขาวม้าอ่างทอง ของจังหวัดอ่างทอง เป็นต้. เพราะมีความรักในผ้าทอและต้องการสนับสนุนผ้าถักทอ ผ้าพื้นเมืองของไทย ให้เป็นที่รู้จัก ‘ร้านแพรอาภา ห้องผ้าไหม’ ที่จัดจำหน่ายและจัดแสดงผ้าไหมมาเป็นเวลายาวนาน จึงจัดทำแผนที่ผ้าประเทศไทย ในรูปแบบอัลบั้มภาพในเพจเฟซบุ๊กของร้าน เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้ผู้ที่สนใจผ้าไทย ทางร้านได้ศึกษาหาความรู้จากหนังสือและข้อมูลตามอ้างอิง อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงผู้มีประสบการณ์ด้านผ้า แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาผ้าที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดตามประวัติความเป็นมาและการเป็นที่รู้จักยอมรับในวงกว้าง ส่วนจังหวัดใดที่ไม่มีการทอผ้าหรือหาข้อมูลอ้างอิงไม่ได้ ทางร้านได้ใช้ลายผ้าประจำจังหวัดที่ออกแบบใหม่ในปีนี้ทดแทน ทั้งนี้ ในแผนที่เวอร์ชันล่าสุด ร้านแพรอาภาได้ปรับปรุงข้อมูลและถ่ายภาพลายผ้าใหม่ เพื่ออัปเดตฐานข้อมูลให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากตัวแผนที่ที่ใช้ลายผ้าซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเพื่อสื่อสารถึงจังหวัดนั้นๆ แล้ว ยังมีการจัดแสดงข้อมูลที่ประกอบด้วยภาพลายผ้า ชื่อลายผ้า และชื่อจังหวัด ให้ได้ศึกษากันชัดๆ อีกด้วย หลายลายงดงามมากจนอยากเห็นของจริงเลย ใครที่สนใจ ชมภาพและศึกษาแผนที่ลายผ้าพื้นเมืองประเทศไทยได้ที่ https://tinyurl.com/2f9x3w6d หรืออุดหนุนร้านแพรอาภาได้ในช่องทางออนไลน์หรือหน้าร้าน ย่านคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ (โทร. 08-1702-4552)
ร้านอาหารมังสวิรัติในอังกฤษ เพิ่มข้อมูล Carbon Footprint บนเมนู ให้ผู้คนนึกถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เราอาจจะเคยชินกับการเลือกสั่งอาหารจากปริมาณแคลอรีที่พ่วงท้ายชื่ออาหารบนเมนู แต่ตอนนี้นอกจากการระบุหน่วยวัดพลังงานของอาหารแต่ละจานแล้ว ร้านอาหารมังสวิรัติในเมืองบริสโตล ประเทศอังกฤษ อย่าง ‘The Canteen’ ก็ได้เพิ่มปริมาณ ‘Carbon Footprint’ หรือปริมาณการปล่อยและการดูดกลับของก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ต่อท้ายแต่ละเมนูเพื่อให้ลูกค้าใช้ประกอบการพิจารณากันด้วย โดย The Canteen เป็นร้านอาหารแห่งแรกในอังกฤษที่เข้าร่วมการทดลองนับปริมาณคาร์บอนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างองค์กรการกุศลเรื่องมังสวิรัติในสหราชอาณาจักร Viva และองค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนทางอาหาร My Emissions ในการระบุปริมาณ Carbon Footprint ของแต่ละจานบนเมนูอาหาร ซึ่งปริมาณคาร์บอนที่ว่านั้นยังรวมไปถึงระยะทางการขนส่งวัตถุดิบ, วัตถุดิบตามฤดูกาล และการปล่อยมลพิษระหว่างการผลิตและประกอบอาหาร ดังนั้นทางร้านจึงพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากที่สุดด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น หันมาใช้พลังงานหมุนเวียน และเตรียมอาหารด้วยกระบวนการที่สร้างขยะอาหาร (Food Waste) ให้น้อยที่สุดด้วย จากการศึกษาล่าสุดของ Nature Food พบว่า อุตสาหกรรมอาหารนั้นมีส่วนทำให้สภาพอากาศเสียหายประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หากอ้างอิงจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แล้ว การหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอาหารได้ ตัวอย่างเช่น เบอร์เกอร์เนื้อในสหราชอาณาจักรสามารถสร้างคาร์บอนได้ถึง 3,050 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเบอร์เกอร์มังสวิรัติที่ปล่อยก๊าซดังกล่าวเพียง 300 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภคเท่านั้น The Canteen เปิดเผยว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคค่อนข้างมาก โดยทางร้านเชื่อว่าการระบุข้อมูล […]
ปรับ Mindset เปลี่ยนสังคม ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ไปกับ Together To Net Zero
ในภาวะที่โลกเรากำลังเสี่ยงพบกับหายนะทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งภาวะหิมะตกหนัก ฮีตเวฟ น้ำท่วม และภัยแล้ง ล้วนมาจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่งที่ต้องตระหนักรู้ แต่เป็นทั้งโลกที่ต้องลุกขึ้นมาช่วยเหลือกัน เกิดเป็นการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ขึ้น โดยภายในการประชุมมี 132 ประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ก่อนปี 2050 ส่วนประเทศไทยก็ได้มีการวางเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ก่อนปี 2065 เช่นเดียวกัน ทำให้ทางบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดเวที ‘GC Circular Living Symposium 2022: Together To Net Zero’ เวทีการประชุมระดับนานาชาติที่รวมพลังขับเคลื่อนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อ Update Trend แนวทางการลดโลกร้อนผ่าน Speakers ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ไม่ใช่แค่บรรลุเป้าหมายขององค์กรในการลดก๊าซเรือนกระจก หากแต่ยังช่วยสนับสนุนภาพใหญ่ของไทยและโลกใบนี้ผ่านการสร้างการตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนได้ตื่นตัว โดยภายในงาน ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืน GC […]
จิบ Humanhattan ฟังเพลงเพราะๆ คุยกับคนแปลกหน้า ฟีลบาร์ทิพย์ กับเว็บไซต์ Drinks On Me
ถึงวันทำงานทีไรก็หมดแรงทุกที ทำเอานึกถึงวันหยุดที่ได้ไปแฮงเอาต์ จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ รื่นรมย์กับเพลงเพราะๆ กับเสียงอันมีชีวิตชีวาในผับบาร์ ไปจนถึงได้พบปะแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนแปลกหน้าที่คุยกันสนุกกว่าที่คิด Drinksonme.live คือเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่คล้ายๆ บาร์ทิพย์ นั่นก็คือเป็นพื้นที่ฟังเพลงเพราะๆ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บาร์ ด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนและเสียงการเตรียมเครื่องดื่ม แถมถ้าเจอคนที่เข้ามาฟังเพลงพร้อมกันก็แชตคุยกับเขาได้ด้วย เพราะชอบบาร์ค็อกเทลที่ชิลและเสียงไม่ดังจนเกินไป รวมถึงเสียงอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ทำนองนี้ WasinWatt และ NamoTotae จึงทำโปรเจกต์สนุกๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเว็บไซต์ imissmycafe.com ขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ WasinWatt ผู้รับบทเขียนโค้ดเว็บไซต์มีเหตุจำเป็นต้องอยู่แต่ที่บ้าน โดยได้ลายเส้นกับลายมือน่ารักๆ ฝีมือของ NamoTotae มาแต่งแต้มให้บาร์ออนไลน์นี้ดูมีชีวิตจิตใจขึ้นมา นอกจากไอเดียบาร์ทิพย์ที่ทำให้เราเข้าไปแชตคุยกับคนแปลกหน้าเคล้าเสียงเพลงแก้เหงาระหว่างทำงานแล้ว ความน่ารักอีกอย่างของเว็บไซต์นี้คือ เราสามารถเลือกเครื่องดื่มที่บ่งบอกอารมณ์ตอนนี้ เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนาได้ด้วย (หรือถ้าคุยไม่เก่งจริงๆ จะเลือกให้บาร์เทนเดอร์โยนคำถามให้ก็ได้นะ) โดยเครื่องดื่มมีให้เลือกถึง 6 เมนู เช่น Blue Period ที่บ่งบอกว่าเราชิลและผ่อนคลายสุดๆ, Solopolitan ค็อกเทลแทนใจคนเหงาแสนว่างเปล่า หรือ Humanhattan เครื่องดื่มสีแดงแทนความเศร้าความขมระทมชีวิต เป็นต้น แม้ Drinks On Me เวอร์ชันนี้จะยังเป็น Prototype […]
นักวิจัยเมืองชี้วิกฤตเมืองในอนาคตจากปัญหามลพิษและภาวะโลกร้อน จะทำให้คนอยู่ยาก-ลำบาก-เครียด
เมื่อไม่นานนี้ มีการจัดเสวนา ‘MQDC Sustainnovation Forum 2022 เมืองเปลี่ยน คนต้องปรับ รับมือวิกฤตอย่างไร’ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง 4 องค์กรสำคัญด้านการพัฒนาเมือง ได้แก่ FutureTales LAB, RISC, Creative Lab และ Unisus-EEC โดยได้เปิดเผยข้อมูลวิจัยสภาพเมืองแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง พร้อมระดมวิธีการแก้ปัญหาจากหลายภาคส่วนเพื่อเตรียมรับมือวิกฤตต่างๆ และร่วมกันขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร ในฐานะ Resilient City ไปสู่ทิศทางที่เหมาะสมและยั่งยืนมากที่สุด ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา FutureTales LAB ได้นำเสนอการคาดการณ์อนาคตเมืองปี 2050 โดยพิจารณาจากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก อัตราการใช้พลังงาน และพฤติกรรมของผู้คน พบว่า โลกในอนาคตจะเต็มไปด้วยมลภาวะที่ทำให้การอยู่อาศัยของมนุษย์ยากกว่าในปัจจุบันอย่างเทียบไม่ติด เนื่องจากอุณหภูมิทุกแห่งจะสูงขึ้นเฉลี่ย 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นมากกว่า 1 เมตร ผู้คนมากกว่า 200 ล้านคนต้องย้ายถิ่นฐาน และกว่า 400 ล้านคนต้องประสบภัยพิบัติจากการขาดแคลนน้ำและอาหาร รวมถึงภัยแล้งสุดขั้ว ซึ่งประเทศไทยเองก็หนีวิกฤตเหล่านี้ไม่พ้นแน่นอน เพราะการอพยพเคลื่อนย้ายประชากรและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันล้วนเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก […]