
WHAT’S UP
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทน คือคนฟัง ‘ไอฟาย (I’m Fine)’ เพลงที่เติมรสชาติความเจ็บปวดของวัยรุ่น
“จะยอมเป็นควายให้เธอ ยอมเป็นคนที่มีเขา ยอมเป็นแค่เงาเขา เวลาเธอนั้นเหงา” ใครเคยตกอยู่ในสถานการณ์ตามเนื้อเพลงบ้าง ยกมือขึ้น! สถานการณ์ที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่รู้อยู่เต็มอกว่าโดนหลอกซ้ำๆ เจ็บมากี่ครั้ง ก็ไม่รู้จักจำ ยอมลดคุณค่าของตัวเอง เพื่อคนที่รัก ขอเพียงยังอยู่ข้างกัน หวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหันกลับมารักกันบ้างก็พอแล้ว ก็ชีวิตวัยรุ่นมีครั้งเดียว มีความรักทั้งที ก็ต้องมีให้สุดไปเลย เจ็บปวดแบบจำยอม ยอมเจ็บแบบซ้ำๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาหลอก รสชาติของความรักที่ทำให้เรายอมเป็น ‘ไอฟาย’ จึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ เชื่อว่าเหล่าวัยรุ่นที่เคยผ่านเหตุการณ์ประมาณนี้มา จะต้องอินไปกับเพลงใหม่ของ 5 หนุ่มวง Fool Step Band ภายใต้สังกัด genie records ที่เข้าวงการจากการประกวดในเวที Hotwave Music Awards 2018 อย่างเพลง ‘ไอฟาย (I’m Fine)’ แน่นอน ไอฟาย (I’m Fine) เป็นเพลงที่ถ่ายทอดรสชาติของความโง่ ที่ถึงแม้จะรู้ว่าเขามีใครอีกคน แต่ก็ยังยอมจะโดนหลอกกับความสัมพันธ์นี้อยู่ เพียงหวังว่าสักวันเขาจะหันมารักเราบ้างก็เท่านั้น ผ่านดนตรีแนว Modern Pop Rock แบบสนุกๆ […]
Extraordinary Attorney Woo ซีรีส์ทนายออทิสติกคนแรกของเกาหลีใต้ ที่ใช้ความสามารถไขคดี จนคว้าใจคนทั่วโลก
‘Extraordinary Attorney Woo (อูยองอู ทนายอัจฉริยะ)’ คือซีรีส์เกาหลีใต้มาแรงที่ทะยานสู่อันดับ 1 ของ Netflix หมวดรายการทีวีภาษาต่างประเทศทั่วโลก ควบคู่กับความนิยมซีรีส์เรื่องนี้ในเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน จากอีพีแรกที่มีเรตติง 0.948% ก็ก้าวกระโดดเป็น 9.569% ในอีพี 6 ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา และแน่นอนว่าตอนนี้ความสามารถในการไขคดีและท่าทีที่น่ารักของทนายอูยองอูก็กำลังสร้างความฟีเวอร์ในประเทศไทยด้วย ซีรีส์เกาหลีที่เป็นกระแสปากต่อปากเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของ ‘อูยองอู’ ทนายวัย 27 ปีผู้เกิดมาพร้อมกับภาวะออทิสติกสเปกตรัม แต่ด้วยไอคิวที่สูงถึง 164 ทำให้มีความสามารถในการอ่านและจดจำประมวลกฎหมายได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ทั้งยังสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนสูงสุดจากมหาวิทยาลัยกฎหมายแห่งชาติโซล ทำให้เธอได้เข้าทำงานในบริษัททนายความชั้นนำของประเทศ ถึงจะเป็นทนายที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เมื่อมีภาวะเป็นออทิสติกที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่ยอมรับ อูยองอูจึงถูกปรามาสจากเพื่อนร่วมงาน เพราะพฤติกรรมเวลาเข้าสังคมในแบบที่เธอแสดงออกนั้นต่างจากคนทั่วไป ยกตัวอย่าง ประโยค “ชื่อของฉันไม่ว่าจะอ่านตามตรง หรืออ่านกลับด้านก็เป็นอูยองอู” ที่เป็นสโลแกนประจำตัวของเธอเวลาแนะนำตัวเอง การที่ไม่มองหน้าหรือสบตาใครเวลาพูด มีความไวต่อผิวสัมผัสและเสียงมากๆ แถมยังงุ่มง่ามซุ่มซ่าม พูดจาตะกุกตะกัก มีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เข้าใจการแสดงอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น นี่ยังไม่นับรวมที่เธอมีแพสชันอันแรงกล้าในความชื่นชอบ ‘วาฬ’ แบบที่จดจำได้ทุกสายพันธุ์ จนบางครั้งการเมาท์มอยเรื่องวาฬๆ ของเธอทำให้คนรอบตัวเหม็นเบื่ออยู่เสมอ […]
Thai Theatre Showcase งานซัปพอร์ตศิลปินไทยในอเมริกา 23 – 24 ก.ค. 65 ที่นครนิวยอร์ก
‘คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก’ น่าจะเป็นประโยคที่เราได้ยินบ่อยๆ เวลาที่มีคนไทยคว้ารางวัลอะไรสักอย่างในระดับโลก หรือคิดค้นทำบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เคยมีคนชาติไหนทำได้มาก่อน แต่จะดีแค่ไหนถ้าคนไทยร่วมด้วยช่วยกันผลักดันให้คนไทยเก่งๆ ที่เรามองว่าไม่แพ้ชาติใดในโลกนั้น มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถของตัวเอง ในบรรดาประเทศที่คนไทยย้ายไปอาศัยอยู่และทำงานมากที่สุด หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นดินแดนที่เปิดกว้างอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเล็งเห็นว่ามีคนทำงานสายสร้างสรรค์ในประเทศนี้จำนวนไม่น้อย ไทยเธียเตอร์ฟาวน์เดชั่น (Thai Theatre Foundation) จึงร่วมมือกับพันธมิตรจัดงาน ‘Thai Theatre Showcase : โชว์เคส โชว์ของ’ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ศิลปินละครเวทีไทยในสหรัฐอเมริกาได้โชว์ของแบบจัดใหญ่จัดเต็ม จุดประสงค์ของงานนี้คือ ต้องการเปิดโอกาสให้ศิลปินมีพื้นที่แสดงศักยภาพและถ่ายทอดเรื่องราวผ่านงานศิลปะ ว่าความรู้สึกและประสบการณ์ของพวกเขาในฐานะศิลปินเชื้อสายไทยที่ทำงานอยู่ในวงการละครเวทีนิวยอร์กเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็น เชื่อมต่อเครือข่าย และสร้างการรับรู้ว่ายังมีศิลปินไทยเก่งๆ อีกมากมายที่กำลังสร้างสรรค์ผลงานอยู่ต่างแดน ผู้ร่วมงาน ‘Thai Theatre Showcase : โชว์เคส โชว์ของ’ จะได้ร่วมพูดคุยในช่วง Panel Talk และฟังประสบการณ์จริงจากศิลปินหลากหลายแขนง ทั้งนักออกแบบ ผู้กำกับละครเวที นักเขียนบทละคร และนักแสดง ยกตัวอย่าง ปัน-ปัญชรีย์ สังข์แก้ว หนึ่งในผู้ร่วมออกแบบ Construction Design ในงาน Met Gala 2022, นานา […]
อร่อยได้มือไม่ต้องเปื้อน! จีนผลิตไอศกรีมทนความร้อน ไม่ละลาย แม้อยู่ในอุณหภูมิ 31 องศาฯ
การกินไอศกรีมแบบไม่ต้องเลอะมือ ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับชาวเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเหลือเกิน เพราะแค่จะหยิบเอาไอศกรีมที่ซื้อออกจากถุง ไอความร้อนจากทุกสารทิศก็ถาโถมเข้ามาจนละลายเลอะมือไปหมด โชคร้ายหน่อยก็หยดเลอะขากันไปตามๆ กัน แต่ปัญหาไอศกรีมละลายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศเราเท่านั้น แต่ไม่ว่าประเทศไหนๆ หรือแม้แต่ประเทศจีนที่ฤดูหนาวก็หนาวจนติดลบ ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน เพราะปัญหาที่มาคู่กับขนมหวานแช่แข็งนี้ Zhong Xue Gao บริษัทผลิตไอศกรีมยักษ์ใหญ่สุดหรูระดับพรีเมียมของประเทศจีน ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘Hermès of Ice Cream’ ต้องกระโดดลงมาดึงส่วนแบ่งทางตลาดและความสนใจของสาธารณะ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 360 บาท ที่มีจุดเด่นคือ ‘ละลายช้า’ ละลายช้าชนิดที่ว่ามีชาวเน็ตในเวย์ปั๋ว (Weibo) นำไอศกรีมดังกล่าวไปวางไว้ในอุณหภูมิที่สูงถึง 31 องศาเซลเซียสนานถึง 1 ชั่วโมงแต่เจ้าไอศกรีมตัวนี้ก็ยัง ‘ไม่ละลาย’ สร้างความฮือฮาจนกลายเป็นไวรัลมีผู้เข้าชมคลิปวิดีโอกว่า 500 ล้านครั้ง จนชาวเน็ตจีนออกมาตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในการบริโภคไอศกรีมดังกล่าว ร้อนถึงบริษัท Zhong Xue Gao ที่ต้องออกมาแถลงด้วยบัญชีโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการว่า ผลิตภัณฑ์ของตนปฏิบัติตามแนวทางคุณภาพอาหารของจีนในมาตรฐานระดับสูง ด้านส่วนผสมหลักที่ทำให้ไอศกรีมละลายช้าก็คือ ‘คาร์ราจีแนน’ (Carrageenan) สารสกัดจากสาหร่ายทะเลที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในไอศกรีมและเครื่องดื่มประเภทเย็นทั่วไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสามารถมั่นใจในความปลอดภัยระหว่างการกินได้เลย Sources :DesignTAXI | […]
Notre Dame’s New Landscape โปรเจกต์ออกแบบพื้นที่นอกมหาวิหารนอเทรอดาม ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และฟังก์ชันเพื่อคนเมือง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 เกิดเหตุไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame) ศาสนสถานอายุ 850 ปีในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่สร้างความตกใจและความเสียดายให้คนทั่วโลก เพราะเพลิงที่ลุกไหม้สร้างความเสียหายให้ศาสนสถานอายุหลายศตวรรษแห่งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ทำจากไม้ หลังจากเกิดเหตุ ฝรั่งเศสก็เริ่มแผนซ่อมแซมบูรณะตัวอาคาร ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานถึง 5 ปี ควบคู่ไปกับการเปิดประกวดแข่งขันด้านการออกแบบเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมหรือบริเวณโดยรอบมหาวิหารขึ้นมาใหม่ โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 คณะกรรมการได้ประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ โปรเจกต์การออกแบบที่พัฒนาโดยภูมิสถาปนิก Bas Smets, บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมและผังเมือง GRAU และบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านมรดกทางสถาปัตยกรรม Neufville-Gayet การออกแบบพื้นที่โดยรอบมหาวิหารนอเทรอดามของทีมนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อเชื่อมโยงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ กับแม่น้ำแซนที่โอบล้อมมหาวิหารให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จัตุรัสที่อยู่หน้ามหาวิหารถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ช่วยให้ด้านหน้าของอาคารสูงเด่นเป็นสง่ากว่าเดิม และเพิ่มต้นไม้สีเขียวขจีที่รายล้อมอาคารและให้ร่มเงาแก่พื้นที่นั่งเล่น ส่วนบริเวณด้านหลังของมหาวิหารจะถูกรวมเข้ากับสวนที่อยู่ติดกัน เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ทอดยาว 400 เมตร และจะมีการปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่มถึง 131 ต้น กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่เหมาะแก่การเดินเล่นหรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด นอกจากนี้ ผู้ออกแบบยังติดตั้งระบบระบายความร้อนให้แก่พื้นด้วยการใช้ม่านน้ำความหนาเพียง 5 มิลลิเมตร ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิได้หลายองศาฯ อีกทั้งยังทำให้กำแพงโดยรอบมหาวิหารสะท้อนแสงแวววับ และกลายเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย อีกหนึ่งการออกแบบที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนลานจอดรถที่อยู่ใต้จัตุรัสด้านหน้ามหาวิหารให้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกขนาดใหญ่กว่า […]
อีกครั้งแล้วสินะที่ฉันต้องโยกย้าย เตรียมบอกลา ‘ร้านหนังสือเดินทาง’ ย้ายร้านจากถนนพระสุเมรุ สิ้นปี 65
หากได้มีโอกาสต้องไปทำธุระหรือมีแพลนเดินเที่ยวเล่นแถวถนนพระสุเมรุ เรามักจะแวะเวียนไปร้านหนังสือที่หน้าร้านตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้น่ารัก จักรยานเก่าๆ หนึ่งคัน และชั้นวางที่อัดแน่นไปด้วยโปสต์การ์ด เพื่อเข้าไปเลือกหาหนังสือถูกใจสักเล่มก่อนนำกลับบ้าน หรือใช้เวลานั่งทอดหุ่ยอ่านหนังสือบนชั้น 2 ที่เป็นส่วนคาเฟ่ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงร้านหนังสือเดินทาง (Passport Bookshop) ของ ‘หนุ่ม-อำนาจ รัตนมณี’ ที่ตั้งอยู่บนถนนสายพระสุเมรุมานานกว่า 16 ปี ฟังดูเป็นเวลาที่ยาวนาน และนักอ่านหลายคนคงมีโอกาสมาเยี่ยมเยียนที่นี่อยู่หลายครั้ง แต่ขณะเดียวกัน อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าร้านหนังสือเดินทาง เคย ‘ย้าย’ ร้านมาแล้วครั้งหนึ่งจากถนนพระอาทิตย์ หลังจากเปิดจำหน่ายหนังสือเป็นเวลา 4 ปี นั่นแปลว่าหากรวมเวลาที่ร้านหนังสือแห่งนี้เปิดให้บริการก็นับได้ 20 ปีพอดิบพอดี แต่ใครจะไปรู้ว่าเวลาที่พอให้เด็กคนหนึ่งเติบโตเป็นหนุ่มสาวจำต้องสิ้นสุดลง เพราะร้านหนังสือเดินทางได้ประกาศว่าจำเป็นต้องย้ายร้านเป็นคราที่สองในสิ้นปีนี้ เนื่องจากอาคารที่ใช้เป็นตัวร้านถูกเวนคืนเพื่อทำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นั่นทำให้ทีมงานในร้านต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของ เพื่อความพร้อมและสะดวกในการขนย้าย อย่างที่ทราบกันว่าจุดเด่นของร้านหนังสือแห่งนี้คือ การตกแต่งและบรรยากาศที่น่ารัก อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น แต่มากไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้ร้านคงอยู่ได้เรื่อยมาคือมิตรภาพของเจ้าของร้านหนังสือและนักอ่านทั้งขาประจำและขาจร จนหลายครั้งก่อให้เกิดความผูกพันขนาดที่มีคนยกให้เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำ บ้างก็ส่งของขวัญและหนังสือมาให้เจ้าของร้าน บ้างก็ขอใช้พื้นที่ร้านเป็นสถานที่ในการขอแต่งงานด้วยซ้ำ นี่ยังไม่นับรวมหนังสือหลากหลายประเภทที่อัดแน่นตามชั้นวาง และสิ่งละอันพันละน้อย เช่น โปสต์การ์ด สมุด กระเป๋า งานศิลปะ ฯลฯ ที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของร้าน ทำให้ใครที่หลงเข้าไปล้วนไม่ได้กลับออกมาแบบตัวเปล่า […]
องค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ประกาศใช้ ‘มอญดูดาว’ เป็นเพลงประจำมหา’ลัย แทนเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง
เป็นอีกครั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลายเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียลมีเดีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในกรณีของการยกเลิกประกวดดาว-เดือน ยกเลิกระบบโซตัส หรือการอนุญาตให้บัณฑิตที่เข้ารับปริญญาแต่งตัวตามเพศวิถีได้ และในครั้งนี้ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ อมธ. ได้ประกาศให้ใช้ ‘เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว’ แทนเพลงประจำมหาวิทยาลัยเดิมอย่าง ‘เพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง’ ในทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย อมธ. ความเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลัง อมธ. ทำแบบสำรวจประชามติของประชาคมธรรมศาสตร์ที่ให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของการจัดกิจกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในการเลือกเพลงประจำมหาวิทยาลัยอันเป็นการแสดงออกที่สำคัญถึงอัตลักษณ์ การก่อกำเนิด และการเชิดชูประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมหาวิทยาลัย โดยแบบสำรวจครั้งนี้มีเพลงที่เข้ารับการคัดเลือกทั้งหมด 3 เพลง ได้แก่ เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว, เพลงมาร์ช มธก. และเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ซึ่งจากจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 5,168 คน มีคนที่เลือกเพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาวกว่า 51.9 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา อมธ. เห็นควรประกาศให้ใช้เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาวแทนเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ในทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย อมธ. ตามเจตนารมณ์ของประชาคมธรรมศาสตร์ นับแต่นี้ต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเพลงประจำมหาวิทยาลัย ไม่ได้หมายความถึงการยกเลิกเพลงเดิมหรือทำให้หายไปถาวร เพราะมีการชี้แจงทางจดหมายจากมหาวิทยาลัยเรื่องการใช้เพลงมหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า “เพลงพระราชนิพนธ์ ยูงทอง เป็นเพลงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้คุณค่าและความสำคัญสำหรับงานพิธี พิธีการ และงานที่เป็นทางการของมหาวิทยาลัย และยังคงถือปฏิบัติเช่นนั้นโดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลง” […]
ญี่ปุ่นเพิ่มโทษกฎหมายดูหมิ่นติดคุก 1 ปี ปรับสูงสุด 8 หมื่นบาทเพื่อลดปัญหา Cyberbullying
ญี่ปุ่นเพิ่มโทษกฎหมายดูหมิ่น ติดคุก 1 ปี ปรับสูงสุด 8 หมื่นบาท เพื่อลดปัญหา Cyberbullying Cyberbullying หรือการกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหง หรือการรังแกผู้อื่นทางโซเชียลมีเดียต่างๆ น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังประสบ เห็นได้จากข่าวการพุ่งสูงของยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นเหยื่อจากการบุลลี่ทางออนไลน์ ในฐานะที่ญี่ปุ่นติดอันดับประเทศที่มีการบุลลี่รุนแรงเป็นอันดับต้นๆ บวกกับการจากไปของ ‘ฮานะ คิมูระ’ (Hana Kimura) นักมวยปล้ำและนักแสดงเรียลลิตี้โชว์ทางเน็ตฟลิกซ์ ที่ถูกโจมตีด้วยการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อปี 2563 เหตุการณ์นั้นทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มกฎหมายการ ‘ดูหมิ่น’ ในโลกออนไลน์ให้มีโทษมากขึ้น โดยตัวกฎหมายฉบับใหม่นี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ที่มีความผิดต้องจำคุกสูงสุดถึง 1 ปี และมีโอกาสจ่ายค่าปรับถึงสามแสนเยนหรือคิดเป็นเงินไทย 80,000 บาท ซึ่งขยับเปลี่ยนแปลงจากโทษเดิมที่ผู้กระทำความผิดจะถูกจำคุกไม่เกิน 30 วัน และปรับเพียง 2,600 บาท ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ให้นิยามของการดูหมิ่นว่าเป็นการดูถูกผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเขาคนนั้น ตรงกันข้ามกับการหมิ่นประมาท ที่เป็นการดูถูกผู้อื่นบนข้อเท็จจริงที่เจาะจงไปยังบุคคลที่สาม เซย์โฮ โช (Seiho Cho) ทนายคดีอาญาในญี่ปุ่นให้ความเห็นต่อผู้สื่อข่าวจาก CNN […]
ชมเครื่องดูดฝุ่นสีทองดูดประชาธิปไตย ในนิทรรศการ ‘ฝ่าละออง’ วันนี้ – 28 ส.ค. 65 ที่ VS Gallery
เมื่อปี 2020 ‘จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์’ นักเขียนเจ้าของผลงานวรรณกรรมวิพากษ์วิจารณ์สังคมและการเมืองได้จัดนิทรรศการศิลปะ ‘คิดถึงคนบนฝ้า (Our Daddy Always Looks Down on Us)’ ที่ชวนคนปีนบันไดขึ้นไปชะโงกมองว่าข้างบนฝ้าเพดานที่คนมองแล้วซาบซึ้งจนน้ำตาไหลมีอะไรอยู่กันแน่ ครั้งนี้เขากลับมาอีกครั้งกับนิทรรศการ ‘ฝ่าละออง (From Dawn Till Dust)’ ที่กล่าวได้ว่าเป็นภาคต่อของความแสบสันนี้ โดยทั้งสองนิทรรศการต่างเป็นชื่อเรื่องสั้นของจิรัฏฐ์ที่จะตีพิมพ์ในชื่อหนังสือ ‘รักในลวง’ ช่วงปลายปี 2565 นี้ ‘ฝ่าละออง’ คือนิทรรศการที่สร้างจากเสี้ยวหนึ่งของเรื่องสั้นในชื่อเดียวกัน กล่าวถึงเจ้าหน้าที่รัฐผู้ขยันและซื่อตรงในหน้าที่ แต่สุดท้ายผลตอบแทนของความจงรักภักดีนั้นกลับกลายเป็นเรื่องราวน่าอดสูและสยองขวัญ นัยของนิทรรศการ คือการเน้นย้ำให้คนดูย้อนกลับมาสำรวจภูมิทัศน์หลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ถูกรัฐพยายามจะเปลี่ยนความหมาย รวมถึงทำลายมัน ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอนุสรณ์สถานที่เชื่อมโยงไปยังคณะราษฎร เช่น ลานพระบรมรูปทรงม้าที่เคยมีหมุดคณะราษฎรวางอยู่ แต่ตอนนี้ถูกล้อมรั้วไปแล้ว หรือวงเวียนหลักสี่ที่เคยเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ถูกรื้อทิ้งจนไม่เหลือเค้าเดิม กลายเป็นสถานีรถไฟฟ้า จิรัฏฐ์บันทึกฟุตเทจเหล่านี้ด้วยการนำเครื่องดูดฝุ่นไปดูดตามสถานที่นั้นๆ และนำมาเล่าซ้อนกับเรื่องสั้น O-Robot ที่ล้อไปกับนิยายเรื่อง 1984 โดย จอร์จ ออร์เวลล์ อีกทีหนึ่ง โดยนำเสนอผ่านโทรทัศน์ 6 จอ ที่ล้อไปกับหลัก 6 […]
ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้สึก! บ.ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดียทำป้ายบอกพลังกาย พลังใจ ที่เหลืออยู่ ให้พนักงานสื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ต้องเผชิญแรงกดดันและความเครียดจากปัญหารอบตัวอย่างเศรษฐกิจ การเมือง สังคม โรคระบาด รวมไปถึงปัญหารายวันจากที่ทำงานและเรื่องส่วนตัว แต่เพราะบทบาททางสังคมและหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ หลายคนจึงไม่สามารถระบายปัญหาหนักอกหนักใจให้ใครรู้ได้ ทำได้แค่เก็บความรู้สึกที่หนักอึ้งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง เพราะเหตุนี้ Onken บริษัทผลิตสิ่งพิมพ์และผลิตภัณฑ์อะคริลิกสัญชาติญี่ปุ่นจึงปิ๊งไอเดียทำ ‘ป้ายบอกระดับพลังงาน’ แจกให้พนักงานในบริษัทใช้ติดเสื้อเพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่าพลังงาน พลังใจ ของพวกเขาในช่วงเวลานั้นๆ เหลืออยู่เท่าไหร่ ทางบริษัทเปิดเผยว่า ขั้นตอนผลิตเจ้าป้ายติดหน้าอกชิ้นนี้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่พิมพ์ข้อความลงบนแผ่นอะคริลิกขนาดใหญ่ จากนั้นก็ใช้เครื่องเลเซอร์ตัดแบ่งให้เป็นป้ายขนาดเล็ก โดยข้อความบนป้ายจะระบุระดับ ‘Hit Point’ หรือหน่วยวัดพลังชีวิตของตัวละครในเกม ที่ถูกนำมาใช้แทนพลังงานที่เหลืออยู่ของคนคนนั้น ป้ายชนิดนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 ระดับ ระดับพลังงานสูงสุดคือสีเขียว (10,000/10,000 พลังชีวิต) รองลงมาคือสีเหลือง (3,899/10,000 พลังชีวิต) ต่ำสุดคือสีแดง (15/10,000 พลังชีวิต) พนักงานสามารถเลือกป้ายมาติดเสื้อตามระดับพลังงานและความรู้สึกในตอนนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้พนักงานสื่อสารสภาพร่างกายและจิตใจให้คนอื่นรับรู้โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆ ในทางกลับกัน ป้ายนี้ยังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ด้วย เพราะมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาระหว่างเหล่าพนักงานที่ไม่ค่อยมีโอกาสคุยกันเท่าไหร่ พวกเขาอาจถามสารทุกข์สุกดิบกันจากการดูป้ายของอีกฝ่าย ทำให้บรรยากาศในบริษัทสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น Onken เปิดเผยว่าพนักงานในหลายแผนกชื่นชอบไอเดียและเริ่มติดป้ายระหว่างทำงานกันแล้ว นอกจากนี้ ทางบริษัทยังแชร์รูปป้ายบอกระดับพลังงานลงบนทวิตเตอร์ ซึ่งกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์ก็ดีเกินคาด ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชมและสนใจแนวคิดนี้ บางคนแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเอาป้ายบอกสเตตัสแบบนี้ไปใช้ในโรงเรียนหรือในโรงพยาบาลได้ก็คงจะดีไม่น้อย ใครอยากเป็นเจ้าของป้ายบอกระดับพลังงานสุดครีเอทีฟนี้คงต้องรอกันอีกหน่อย เพราะตอนนี้บริษัทอยู่ในขั้นแรกของการผลิตสินค้า คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม […]
Plastic SAKE Brewery โปรเจกต์สุดล้ำ หมักเหล้าสาเกจากขยะพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งโลกของเราจะมาอยู่ในจุดที่สามารถหมัก ‘สาเก’ จากเศษขยะพลาสติกพอลิเมอร์กันได้แล้ว ความคิดสุดครีเอทีฟนี้เกิดขึ้นจากโปรเจกต์ ‘Plastic SAKE Brewery’ ของ Fumiaki Goto นักออกแบบชาวญี่ปุ่น ที่นำเสนอประเพณีการบูชาธรรมชาติและวัฒนธรรมการบริโภคของญี่ปุ่นผ่าน ‘ไวน์ข้าวสาเก’ ที่มีส่วนผสมหลักคือ ‘ขยะพลาสติกพอลิเมอร์’ ซึ่งเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยปกติแล้ว สาเกต้นตำรับแท้จากประเทศญี่ปุ่น จะผลิตโดยใช้พันธุ์ข้าวอย่างดีหมักกับเชื้อราชนิดพิเศษจนทำให้เกิดเป็นแอลกอฮอล์รสชาติดี ทำให้สาเกกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสาเกซบเซาลงทุกปี เนื่องจากความนิยมที่ลดลง รวมไปถึงทางเลือกในตลาดเครื่องดื่มที่มีมากขึ้น ดังนั้น Goto จึงตั้งใจทำโปรเจกต์ ‘Plastic SAKE Brewery’ นี้ เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตสาเก โดยหวังว่าสุราประจำชาติของญี่ปุ่นจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แถมยังได้ช่วยโลกของเราขจัดขยะพลาสติกไปพร้อมกันด้วย กระบวนการผลิตสาเกจากพลาสติกพอลิเมอร์แทบจะไม่ต่างจากการผลิตสาเกแบบดั้งเดิม ที่มีส่วนผสมหลักเป็นข้าวญี่ปุ่นและเชื้อราที่ใช้ในการหมัก แต่สิ่งที่ Goto เพิ่มเข้าไป ก็คือบรรดาพลาสติกพอลิเมอร์ชนิดใหม่ที่สามารถสลายตัวได้ด้วยจุลินทรีย์ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำเหล้าสาเกทั่วไป ดังนั้น การทำสาเกหนึ่งครั้ง นอกจากที่เราจะได้แอลกอฮอล์รสชาติดีมาดื่มกันแล้ว เรายังสามารถย่อยสลายเศษขยะพลาสติกพอลิเมอร์ไปพร้อมๆ กันได้ด้วย ถือเป็นมิติใหม่สำหรับการแก้ปัญหาขยะพลาสติกที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง ด้าน Goto หวังว่าโปรเจกต์นี้จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการลดขยะพลาสติกและกลายเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในอนาคตได้ เพราะการกลั่นสาเกจากขยะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และสามารถทำในโรงสาเกขนาดเล็กรอบๆ ตัวเราได้ทันที Source :Designboom | […]
Google Maps ปล่อยฟีเจอร์รักษ์โลก คำนวณเส้นทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน
ยุคนี้ที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ทั้งลดการใช้ถุงพลาสติก พกถุงผ้า ไม่เว้นแม้แต่การมองหาวิธีการเดินทางที่ประหยัดพลังงานในแต่ละวัน การเดินทางหนึ่งครั้งจึงไม่ได้ดูแค่ว่าเส้นทางใดที่จะพาไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุดอีกต่อไปแล้ว แต่การมองหาเส้นทางที่จะช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุดต่างหาก ที่จะกลายเป็นตัวเลือกแห่งอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่ จากประเด็นนี้ Google Maps เลยปิ๊งไอเดียออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับคำนวณเส้นทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่รีบเร่งในการเดินทางและต้องการรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน โดยทาง Google Maps จะใช้ AI วิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนในเส้นทางที่คุณเลือกไว้ โดยพิจารณาจากสภาพการจราจร ความชันของถนน และตัวแปรอื่นๆ จากนั้น แอปพลิเคชันจะแนะนำแผนการเดินทางที่ถูกปรับให้เหมาะสม เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลง อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันให้คุณด้วย แต่สำหรับใครที่ต้องการไปถึงที่หมายในเวลาเร่งด่วน ก็ยังสามารถเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุดได้เหมือนเดิม เพราะฟีเจอร์นี้ไม่ได้ถูกนำมาแทนฟีเจอร์หลัก แต่เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้คุณเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสองเส้นทาง และเลือกเส้นทางที่เหมาะกับสถานการณ์ด้วยตัวคุณเอง “เราประเมินว่าการกำหนดเส้นทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี้ จะมีศักยภาพในการลดการปล่อยคาร์บอนมากกว่าหนึ่งล้านตันต่อปีทั่วโลก ซึ่งเทียบเท่ากับการกำจัดรถยนต์กว่าสองแสนคันออกจากท้องถนน” Google กล่าว แต่สำหรับคนไทยคนไหนที่สนใจฟีเจอร์นี้อาจจะต้องอดใจรอกันอีกหน่อย เพราะตอนนี้ Google Maps ได้มีการปล่อยให้ใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา แต่ในอนาคตจะขยายเส้นทางออกไปทั่วโลก Sources :Google | t.ly/2iJEMobileSyrup | t.ly/F9Ys