Wintercircus แปลงโฉมโรงละครสัตว์เก่าในเบลเยียม ให้กลายเป็นฮับใหม่ของเทคโนโลยีและวัฒนธรรม

เมืองเกนต์ ประเทศเบลเยียม คือที่ตั้งของ ‘Wintercircus’ โครงการออกแบบภายในขนาด 4,830 ตารางเมตร ที่ชุบชีวิตอาคารอายุกว่า 125 ปี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของคณะละครสัตว์และต่อมาเป็นโรงรถ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา โปรเจกต์นี้เป็นฝีมือของสตูดิโอออกแบบ OYO Architects ที่ปรับปรุงภายในของ Wintercircus ให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีมากกว่า 30 แห่ง โดยยังคงรักษาโครงสร้างดั้งเดิมที่แข็งแรงเอาไว้  หลักใหญ่ใจความของการออกแบบคือ เปลี่ยนเวทีละครสัตว์เดิมบริเวณใจกลางอาคารให้กลายเป็นห้องโถงอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบการใช้งาน เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การจัดนิทรรศการศิลปะไปจนถึงคลาสออกกำลังกาย ถือเป็นการผสมผสานองค์ประกอบร่วมสมัยและประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันภายในอาคาร ด้วยการหยิบเอาไม้และแสงไฟโทนอุ่นมาใช้ในการออกแบบ เพื่อเสริมเข้ากับเหล็กและคอนกรีตเดิมของโครงสร้าง ทำให้เกิดสมดุลระหว่างความทันสมัยและความอบอุ่นของพื้นที่ประวัติศาสตร์ ทำให้ Wintercircus กลายมาเป็นพื้นที่ที่รวมเอาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของผู้คนไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ประกอบการ นักวิจัย นักศึกษา ผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านดิจิทัล และประชาชนทั่วไป Sources : ArchDaily | t.ly/0_ZnD Wintercircus | www.wintercircus.be/en 

‘บ้านบรรทัดทอง’ จุดพักใจกลางเมือง พื้นที่พบปะสำหรับคนรักงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากการชุบชีวิตบ้านเก่าอายุ 60 ปี

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บรรทัดทอง’ กลายเป็นย่านตัวแทนความสดใหม่และทันกระแสของยุคสมัยปัจจุบัน แต่ท่ามกลางร้านรวงสมัยใหม่ที่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีบ้านเก่าอายุ 60 ปี ที่นำเสนอกลิ่นอายบรรยากาศอบอุ่นของอดีตในชุมชนบรรทัดทอง ผ่านคอมมูนิตี้ที่สร้างพื้นที่ให้เหล่าคนรักงานคราฟต์และงานศิลปะได้มารวมตัวกัน ‘บ้านบรรทัดทอง’ คือคอมมูนิตี้เปิดใหม่บริเวณซอยจุฬาฯ 18 ภายใต้คอนเซปต์ชุบชีวิตบ้านเก่าสามชั้น เป็นสถานที่รวบรวมงาน Art & Craft ของศิลปินคนไทย และความต้องการที่อยากทำให้บรรทัดทองมีพื้นที่นั่งชิล เป็นเหมือนจุดพักใจกลางเมืองครบจบในที่เดียว Community Space แห่งนี้ประกอบด้วยตลาดอาหารบริเวณชั้น 1 ที่รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้มากมาย อีกทั้งยังมี ‘ไอศกรีมสโมสร’ ไอศกรีมโฮมเมดเจ้าดังประจำบรรทัดทองไป Pop up อยู่บริเวณบ้านบรรทัดทองอีกด้วย พอขึ้นไปชั้น 2 จะเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นไปยังการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินไทยหน้าใหม่ได้มาโชว์ฝีมือ นำเสนองานคราฟต์ของตัวเองผ่านสินค้าและเวิร์กช็อป รวมถึงประติมากรรมและภาพวาดต่างๆ ส่วนชั้น 3 มี Live DJ มาเปิดแผ่นให้ผู้มาเยือนได้เสพสุนทรีย์ไปกับลมช่วงเย็นบริเวณดาดฟ้าท่ามกลางบรรยากาศความคึกคักของย่านบรรทัดทอง ตอนนี้บ้านบรรทัดทองมีกิจกรรม BTT House Market ซึ่งเป็นการกลับมาจัดครั้งที่ 2 ภายใต้คอนเซปต์ Art & Craft Night Market […]

The Sounds of CDMX เว็บไซต์ที่ชวนไปฟังเสียงบนท้องถนนในเม็กซิโกซิตี ความจอแจในวันธรรมดาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ว่ากันว่า ถ้าอยากรู้ว่าประเทศนั้นๆ เป็นอย่างไร ให้ลองเดินดูเมือง ฟังเสียงวิถีชีวิตของชาวเมืองดู ‘The Sounds of CDMX’ คือคอนเทนต์ในเว็บไซต์ ‘The Pudding’ ที่จะพาเราไปสำรวจเมืองเม็กซิโกซิตีผ่านภูมิทัศน์เสียงของเมือง (Urban Soundscape) ที่มาพร้อมกราฟิกน่ารักๆ ส่วนใหญ่แล้วเสียงของเมืองเม็กซิโกซิตีจะเป็นเสียงของพ่อค้าแม่ขายหาบเร่แผงลอย ซึ่งถือเป็นแรงงานนอกระบบที่เดินไปเดินมาตามท้องถนนและตรอกซอกซอยของเมือง เพื่อขายสินค้า ซื้อของ และเสนอบริการด้วยการส่งเสียงหรือร้องเรียกลูกค้า ด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น – คนลับมีด : อาชีพที่ปรากฏตัวพร้อมเสียงขลุ่ยอินคา และจักรยานดัดแปลงพิเศษที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้การหมุนของล้อจักรยานช่วยหมุนหินลับมีดไปด้วย– คนเก็บขยะ : ผู้เดินไปมาบนท้องถนน และสั่นกระดิ่งเล็กๆ เพื่อประกาศเตือนคนให้นำถุงขยะมาวางไว้หน้าบ้าน– คนขายทามาเล : บุคคลบนรถเข็นบรรจุทามาเล ขนมพื้นเมืองหน้าตาคล้ายข้าวต้มมัด พร้อมเสียงจากลำโพงที่เชิญชวนให้คนแวะเวียนเข้ามาซื้อสินค้า ให้ความรู้สึกเหมือนรถกับข้าวของไทย นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ยังมีสุ้มเสียงอีกมากมายที่เมื่อผสมรวมกันภายใต้บริบทเมืองก็กลายเป็นเครื่องมือบอกเล่าวิถีชีวิตคนท้องถิ่นในพื้นที่สาธารณะ ที่สร้างให้เมืองเม็กซิโกซิตีมีเอกลักษณ์แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ใครที่อยากรู้ว่าแต่ละเสียงในเมืองเม็กซิโกซิตีเป็นอย่างไร ตามไปฟังได้ที่ pudding.cool/2022/09/cdmx/

โยกย้ายโยะๆ กับช่อง YouTube ‘Tuktuk Radio’ ดีเจมิกซ์เพลงบนรถตุ๊กตุ๊ก ตะลุยรอบกรุงเทพฯ สัมผัสเสน่ห์ความเป็นไทยป็อปๆ ผ่านหน้าจอ

เสน่ห์ความเป็นไทยในสายตาต่างชาติ นอกจากมวยไทยก็คงมี ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ นี่แหละที่หลายคนอยากลองนั่งสักครั้ง รถสามล้อคู่ใจที่พาซิ่งไปบนท้องถนน พร้อมกับเพลงมันๆ จากลำโพงที่ถูกโมดิฟายให้เป็นเพื่อนร่วมทาง สร้างบรรยากาศชมวิวเมืองให้ม่วนจอย แต่สำหรับคนไทยอย่างเราๆ อาจไม่ค่อยได้นั่งตุ๊กตุ๊กแบบปล่อยตัวปล่อยใจกันสักเท่าไหร่ วันนี้ Urban Creature เลยขอมาป้ายยา ‘Tuktuk Radio’ ช่อง YouTube ที่จะพาทุกคนไปตะลุยรอบกรุงเทพฯ ด้วยรถตุ๊กตุ๊ก พร้อมดีเจที่จะมาเปิดเพลงให้ฟังกันแบบ Longplay แถมล่าสุดพวกเขายังขออัปเกรดด้วยการเปลี่ยนจากเปิดเพลงบนท้องถนนไปเปิดน่านน้ำใหม่ที่แปลตรงตัวว่าในแม่น้ำจริงๆ เพราะเหล่าดีเจเล่นไปเปิดเพลงฮิตกันบนเรือแม่น้ำเจ้าพระยากันเลย นอกจากเราจะได้ฟังเพลงที่เหล่าดีเจมิกซ์มาให้ในบรรยากาศบนยานพาหนะแล้ว ช่องนี้ก็เหมือนเป็นสนามทดลองให้คนที่สนใจเป็นดีเจไปลองสัมผัสประสบการณ์มิกซ์เพลงใหม่ๆ ด้วย ตามไปฟังกันได้ที่ www.youtube.com/@TuktukRadio

‘ลีลาดอกไม้ ตอน ดอกไม้ม(า)หานคร’ นิทรรศการที่จะพาไปรู้จัก 4 ดอกไม้ประจำจังหวัด ผ่านความสวยงามของงานศิลปะรูปแบบต่างๆ

หากพูดชื่อดอกทองกวาว ราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ และชบาขึ้นมา หลายคนคงคุ้นเคยกับดอกไม้เหล่านี้ในฐานะสัญลักษณ์ประจำจังหวัด แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ดอกไม้เหล่านี้มีเรื่องราวใดที่น่าสนใจอีกบ้าง มาทำความรู้จักกับดอกไม้ประจำ 4 จังหวัด ได้แก่ ดอกทองกวาว (เชียงใหม่), ดอกราชพฤกษ์ (ขอนแก่น), ดอกกัลปพฤกษ์ (ราชบุรี) และดอกชบา (ปัตตานี) ให้มากขึ้น ผ่านงานศิลปะที่เข้าถึงง่าย สนุก และมีพลังในการเล่าเรื่อง ที่นิทรรศการ ‘ลีลาดอกไม้ ตอน ดอกไม้ม(า)หานคร (Petals of Identity : Cities in Bloom)’ ภายในนิทรรศการประกอบไปด้วย 4 โซนหลัก ที่จะพาไปสัมผัสความสวยงามของดอกไม้ที่เชื่อมโยงกับชุมชน วัฒนธรรม และผู้คนในเมืองอย่างมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังเพลิดเพลินกับจินตนาการที่ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมได้ โซนที่ 1 Interactive and Immersive Art Installation โดย 27June Studio  งานศิลปะที่นำเสนอลีลาของดอกไม้ผ่าน Projection Mapping และ […]

FRIEND FRIEND ร้านที่เปลี่ยนพื้นที่ลานจอดรถห้างฯ เป็น Hybrid Space ให้ทุกคนได้ใช้เวลาช้าๆ ในพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ

ด้วยพื้นที่กรุงเทพฯ อันแสนจำกัด มองไปทางซ้ายก็เป็นตึก ทางขวาก็เป็นที่จอดรถ การเอาพื้นที่เดิมที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้ใหม่จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเหมาะกับเมือง Urban Creature อยากชวนมารู้จัก FRIEND FRIEND, life-friendly store ร้านที่ตั้งใจเปลี่ยนพื้นที่ชั้น 3 ของ Emporium ซึ่งเคยเป็นลานจอดรถให้กลายเป็นร้านค้าที่ไม่ได้เน้นแค่การซื้อของให้ครบ แต่เน้นให้ทุกคนได้นั่งพัก ใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ การเปลี่ยนพื้นที่นี้เริ่มต้นจากแนวคิดที่ไม่รื้อของเดิมทิ้ง แต่ใช้วิธีตีความใหม่ ให้พื้นที่ของรถกลายเป็นของคน โดยรักษาโครงสร้างเดิมไว้เกือบทั้งหมด ทั้งผนังคอนกรีต ทางลาด และเสาแบ่งช่องจอด จากนั้นจึงเพิ่มพื้นที่ให้แสงธรรมชาติสาดส่องและพื้นที่สีเขียว มีจุดนั่งพักที่มองออกไปเห็นวิวสวนเบญจสิริ และจัดทางลาดบางส่วนของลานจอดรถเดิมให้เป็นพื้นที่กึ่งอัฒจันทร์ ใช้นั่งพักหรือเปลี่ยนเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมขนาดเล็กได้ รวมถึงใช้เฟอร์นิเจอร์วินเทจแบบลอยตัว เพื่อให้ขยับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามการใช้งานจริง ไม่ยึดติดกับการตกแต่งถาวร ร่วมกับการออกแบบร้านให้เป็นเหมือน ‘ช่องว่างที่หายใจได้’ ระหว่างความเร่งรีบของเมือง ใช้ความเรียบง่ายให้คนที่เดินผ่านเข้ามารู้สึกถึงบรรยากาศที่เบาลง ช้าลง และรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย ที่นี่ใช้พื้นที่ร้านแบบ Hybrid Space ที่รวมร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์น้ำผลไม้ และบริการอื่นๆ โดยตัวร้านค้าดึงดูดกลุ่มคนที่ใส่ใจเรื่องบ้าน หรือที่เรียกว่า Modern Housekeepers ผู้ชอบดูแลบ้านและคนรอบข้างด้วยความสุข เอนจอยกับการทำอาหารทานเองที่บ้าน สนุกกับการทำความสะอาด จัดบ้านให้เป็นระเบียบ […]

‘สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติ ครั้งที่ 8’ งานสำหรับชุมชนนักอ่านและคนรักร้านหนังสืออิสระ ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนวงการสิ่งพิมพ์

‘ร้านหนังสืออิสระ’ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการหนังสือและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขาย ผู้อ่าน และผู้สร้างสรรค์เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ เพิ่มโอกาสในการกระจายหนังสือสู่มือนักอ่าน และบางครั้งบางคราร้านหนังสืออิสระเหล่านี้ยังเป็นศูนย์รวมคนในย่าน ดึงดูดให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เป็นพื้นที่แบ่งปันความชอบเรื่องหนังสือ และเป็นเส้นเลือดฝอยสำคัญที่หยั่งรากวัฒนธรรมการอ่านไปทั่วประเทศ  น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้จำนวนหนังสืออิสระมีแนวโน้มน้อยลง หลายร้านปิดตัวไปเนื่องด้วยหลายสาเหตุ ทั้งขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ ราคาหนังสือที่สูงขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และพฤติกรรมของคนซื้อหนังสือเปลี่ยนไป แม้แต่สัปดาห์งานหนังสืออิสระแห่งชาติก็ห่างหายไปหลายปี แต่วันที่ 21 – 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568 นี้ จะเป็นการกลับมาอีกครั้งของงานนี้ในรอบ 6 ปี  แม้ว่าจะมีประเด็นคำถามชวนแสดงความเห็นว่า วงการหนังสือตายไปแล้วหรือยัง คำตอบนั้นย่อมแตกต่างไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน แต่สำหรับนักอ่าน ผู้ชื่นชอบกลิ่นกระดาษ หรือชุมชนคนรักหนังสือแล้ว หนังสือยังคงเป็นสื่อที่มีชีวิต ชุบชูหัวใจ และเปิดโลกใบใหม่ให้พวกเขาเสมอ นำมาสู่การรื้อฟื้นงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติในปีนี้ จัดโดยเครือข่ายร้านหนังสืออิสระ เป็นการเชิญชวนร้านหนังสืออิสระทั่วประเทศมาร่วมจัดงานในพื้นที่ร้านของตัวเองตามสไตล์ที่แต่ละร้านต้องการ โดยผู้ที่สนใจดูรายชื่อร้านหนังสืออิสระที่เข้าร่วมได้ที่ www.facebook.com/IndieBookstoreClub “เพราะเรารู้ว่าหนังสือดีจะงอกงามได้ต้องมีพื้นที่ดีให้วางขาย และร้านหนังสืออิสระคือพื้นที่ที่หนังสือกับผู้อ่านได้พบกันอย่างตั้งใจ” ข้อความบางส่วนจากเพจสโมสรคนรักร้านหนังสืออิสระ

‘Book & Host’ โครงการการออกแบบเพื่อสังคม สนับสนุนการเรียนรู้และการปรับตัวสำหรับแรงงานต่างชาติ พร้อมอยู่เคียงข้างตลอดการใช้ชีวิตต่างแดน

แน่นอนว่าเหล่าผู้ใช้ชีวิตไกลบ้านในต่างแดนนั้นมีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ รับมือ และปรับตัว ทั้งกำแพงของภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ปัญหาในที่ทำงาน หรือประเด็นการเลือกปฏิบัติในสังคม ปัจจุบันหลากหลายประเทศต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติจำนวนมาก เนื่องจากปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลง และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไต้หวันเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน จึงเกิดเป็นโครงการ ‘Book & Host’ ที่ ‘One-Forty’ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรตั้งใจออกแบบสื่อเพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ และลดปัญหาที่แรงงานข้ามชาติต้องเผชิญ Book & Host เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบเนื้อหาด้วยแนวคิด ‘ผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง’ จากประสบการณ์ตรงของแรงงานต่างชาติ โดยเลือกใช้ภาษาอินโดนีเซียเป็นภาษาหลัก เนื่องจากมีอัตราการใช้มากที่สุดในกลุ่มแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไต้หวัน วัตถุประสงค์ของ Book & Host คือ ต้องการให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ สามารถปรับตัวและสร้างความคุ้นชินกับการใช้ชีวิตไกลถิ่นได้ โดยเริ่มจากการเรียนรู้ภาษาจีน เพราะภาษาไม่ได้เป็นเครื่องมือการสื่อสารเพียงเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิตทางสังคม และธรรมชาติของเจ้าของภาษานั้นๆ ด้วย เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย 35 หน่วยการเรียนรู้ เช่น การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ การซื้ออาหารที่ร้านของชำ การพบแพทย์ และสถานการณ์อื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานเรียนรู้คำศัพท์และบทสนทนาที่นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงส่งเสริมให้รู้จักกับวัฒนธรรมไต้หวัน พร้อมด้วยความพิเศษอย่างแพ็กเกจที่มีโปสต์การ์ดข้าวห่อขมิ้น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่แสดงถึงการอวยพรในวัฒนธรรมอินโดนีเซีย และใช้กระดาษสีขมิ้นทำเป็นที่คั่นหนังสือ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของบ้านเกิด […]

Pai Pai เว็บไซต์ของไต้หวันที่รวมทุกฮาวทูการไหว้เจ้าไว้แบบง่ายที่สุด ด้วยการใช้ดีไซน์และอินเทอร์แอ็กทีฟสนุกๆ

หลายคนคงเคยโดนอาม่าดุ หม่าม้าบ่น หรืออากู๋เครียดที่ไม่เข้าใจว่าการไหว้นับสิบวันของคนจีนคืออะไร ไหว้วันไหน ใช้ผลไม้กี่ลูก เป็ดกี่ตัว แล้วไก่ด้วยไหม จนเกือบจะเป็นปัญหาร่วมของคนยุคสมัยนี้ ต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้นที่ประสบ แต่คนรุ่นใหม่ในไต้หวันก็ปวดหัวไม่ต่างกัน โดยในช่วงเทศกาลสารทจีนของปี 2017 ผู้ก่อตั้ง Block Studio ได้เล่าถึงปัญหาของเหล่านักไหว้ไว้ “ผมรู้ว่าจะต้องมีการไหว้บูชาผีไร้ญาติ แต่ไม่รู้เลยว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง รู้เพียงว่าต้องซื้อกระดาษเงินกระดาษทอง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มไหว้อะไรก่อน” นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของ ‘Pai Pai’ หรือโปรเจกต์ของ Block Studio ที่ออกแบบเว็บไซต์รวมวิธีการไหว้บูชาในบ้าน และเปลี่ยนเรื่องยากๆ เหล่านั้นให้กลายเป็นเรื่องสนุก เข้าใจง่าย อีกทั้งยังเป็นโปรเจกต์ที่ได้รับรางวัล Golden Pin Design Award อีกด้วย ตัวเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลในรูปแบบอินโฟกราฟิกแบบเข้าใจง่ายว่า แต่ละเทศกาลหรือพิธีกรรมควรไหว้บูชาเทพองค์ไหน ควรไหว้ตอนเวลากี่โมง สิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง รวมไปถึงขั้นตอนการไหว้และคำอธิษฐาน หลังจาก Pai Pai ได้เป็นตัวช่วยสำคัญของคนรุ่นใหม่ให้ไหว้เจ้าและเข้าใจพิธีกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้นแล้ว ในปี 2023 Block Studio ก็ต่อยอดปล่อย ‘Pai Pai 2.0’ ออกมา […]

The Recycling Center ศูนย์รีไซเคิลในโรงเรียนประถมกวางอู่ ปรับภูมิทัศน์ใหม่ เชิญชวนให้เด็กๆ เรียนรู้การแยกขยะ 

หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้การแยกขยะในสถานที่ต่างๆ เป็นไปอย่างยากลำบากคือ ข้อจำกัดด้านสถานที่แยกขยะที่มักอยู่ในมุมอับ ไม่ค่อยระบายอากาศ รวมถึงไม่มีพื้นที่จัดเก็บขยะที่เหมาะสม เพื่อทำให้การแยกขยะเป็นเรื่องน่าสนุก โรงเรียนประถมศึกษากวางอู่ (Guang Wu Primary School) ที่เมืองเกาสง ไต้หวัน ได้ปรับปรุงศูนย์รีไซเคิลขยะของโรงเรียนให้น่าใช้งานมากขึ้น เริ่มด้วยการใช้ตาข่ายเหล็กโปร่งใสเป็นตัวแบ่งสัดส่วนพื้นที่เก็บขยะรีไซเคิลแต่ละประเภทอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ทำความสะอาด และคัดแยกขยะ รวมถึงก๊อกน้ำคอยให้บริการ เพื่อสร้างความสะดวกในการทำความสะอาดอุปกรณ์และทำให้การรีไซเคิลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งพื้นที่โดยรอบของศูนย์รีไซเคิลยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับทิวทัศน์ในโรงเรียน เพิ่มความโปร่งโล่ง สบายตา ทำให้ศูนย์รีไซเคิลดูมีชีวิตชีวามากขึ้น The Recycling Center เป็นหนึ่งในโครงการ ‘การพัฒนาการออกแบบในสถานศึกษา (Design Movement on Campus)’ ที่กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันร่วมมือกับสถาบันวิจัยการออกแบบไต้หวัน (Taiwan Design Research Institute) และโรงเรียนต่างๆ โดยเชิญบริษัทออกแบบ ‘Meta House (暁房子創意設計)’ มาช่วยนำร่องออกแบบโรงเก็บขยะแบบปิดของโรงเรียนกวางอู่ให้กลายเป็นสถานที่แบบเปิดโล่ง เพื่อเชิญชวนเด็กๆ ให้เข้ามาแยกขยะ ปลูกฝังพฤติกรรมการรีไซเคิลให้ประชาชนตั้งแต่เนิ่นๆ Source : Golden Pin Design Award | goldenpin.org.tw/goldenpin/en/winners/1281 

เงินภาษีของฉันถูกใช้ไปอย่างไรบ้าง ชวนสำรวจทุกสตางค์ของภาษีที่เสียไปกับเว็บไซต์ สำรวจงบประมาณปี 69 

ต้อนรับเทศกาลการจัดทำงบประมาณประจำปี ที่จะเกิดการแบ่งสันกันว่า แต่ละจังหวัด แต่ละกระทรวงนั้นจะได้งบเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่และความเป็นอยู่ของประชาชน Urban Creature อยากชวนทุกคนมาลองเช็กงบประมาณ ที่สามารถแยกดูตามหน่วยงานว่า แต่ละกระทรวงจะได้รับงบเท่าไหร่ และภายในกระทรวงนั้นๆ มีการจัดการงบให้แต่ละภาคส่วนงานอย่างไร รวมถึงดูแยกเป็นรายจังหวัด เพื่อเช็กต่อไปว่าจังหวัดนั้นๆ นำงบไปบริหารหรือแก้ปัญหาส่วนใด เพราะทุกบาทของภาษีที่จ่ายไปนั้นมีค่า อย่าลืมติดตามและสำรวจการใช้งบประมาณของภาครัฐ (แบบเข้าใจง่าย) ได้ที่ wevis.info/thbudget69

เกม ‘Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง’ ช่วยเป็นเสียงสู่ความหวังของการรอคอย ผ่านการติดป้ายตามหาคนหายของมูลนิธิกระจกเงาในเกม

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขสถิติคนสูญหายยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี มีหลายครอบครัวที่กำลังรอใครสักคนกลับบ้าน และอีกหลายหน่วยงานที่ร่วมกันประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยพาคนกลุ่มนั้นกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย นอกจากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินการติดตามคนหายแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของภาคประชาชนในการช่วยกันสอดส่องเพื่อนร่วมสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายแสงแห่งความหวังนี้ได้ ‘Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง’ เกมขับรถยามค่ำคืนที่มาพร้อมภารกิจอันท้าทาย ได้ขอเป็นหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ติดตามคนหายเช่นกัน โดยทาง ‘Zebraman555’ ผู้สร้างเกมนี้ชี้แจงว่า หนึ่งในป้ายริมทางที่ผู้เล่นเห็นระหว่างขับรถนั้นคือป้ายตามหาคนหายจริงจากมูลนิธิกระจกเงา ไม่ใช่ป้ายที่ออกแบบจำลองสำหรับเกมเพียงเท่านั้น Zebraman555 เห็นว่าเกมนี้เป็นเกมที่เข้าถึงกลุ่มคนได้มาก และมูลนิธิกระจกเงาเองก็มีเคสคนหายจำนวนมากเช่นกัน เขาจึงใช้ช่องทางนี้เป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ และหวังว่าจะมีคนพบเห็นผู้สูญหายในป้ายแล้วแจ้งเบาะแสสำคัญแก่ครอบครัวผู้สูญหายได้  ระหว่างที่กำลังหาทางออกให้ตัวเอง คุณอาจเป็นคนช่วยพาใครกลับบ้านและกลับถูกทางได้ในเวลาเดียวกัน สัมผัสประสบการณ์ขับรถตอนกลางคืนสุดลุ้นระทึกใน Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง ได้ที่เว็บไซต์ Steam tinyurl.com/an4pz7 Source : Facebook : Zebraman555 | tinyurl.com/2zc3yfp2

1 2 3 147

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.