ซอยมัสยิดสุวรรณภูมิ หรือ ซอยเจริญนคร 7 คือซอยที่น้อยครั้งเราจะแวะเวียนเข้าไปหา แต่ครั้งนี้เราเดินทางไปที่นั่นอย่างตั้งใจ เพราะอยากมาสัมผัสคาเฟ่แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม้หลังเก่าซึ่งตั้งอยู่เกือบสุดซอย
เรากำลังจะพาทุกคนไป ‘Cafe’ SOU’ (Cafe’ Story Of Us) คาเฟ่แสนอบอุ่นของ ‘คุณแบม–อริสา ทรงสัตย์’ ที่ตั้งใจรีโนเวตบ้านหลังเก่าอายุร่วมร้อยปีของตระกูล ให้กลายเป็นพื้นที่เก็บความทรงจำของครอบครัวที่ส่งต่อกันมายาวนานกว่าสามรุ่น
.
บ้านคุณยาย
เมื่อเราเดินลัดเลาะเข้าซอยเจริญนคร 7 ตามป้ายบอกทางจนถึงร้าน ‘Cafe’ SOU’ คุณแบมก็ออกมาต้อนรับพร้อมคุณแม่ และคุณน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนชวนเข้าไปนั่งในร้านที่เพียงก้าวเท้าเข้าไป ก็สัมผัสถึงความอบอุ่นของบ้านหลังนี้ได้ทันที
“อย่าไปขายให้ใคร เพราะสักวันหนึ่งครอบครัวเราจะได้กลับมาใช้ประโยชน์”
นี่คือคำพูดของ ‘คุณยายสมสิริ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา’ คุณยายของคุณแบมผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งใช้บ้านนี้เป็นเรือนหอ ก่อนให้กำเนิดคุณแม่และคุณน้าจนเติบโตที่บ้านหลังนี้ คุณแม่ยังเล่าให้เราฟังว่า สมัยก่อนซอยมัสยิดสุวรรณภูมิเป็นชุมชนที่สนุกมาก มีของขาย มีอาหารอร่อยๆ มากมาย ซึ่งจะวางขายอยู่บริเวณหน้าบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็จะเอาอาหารใส่กระจาดแล้วให้ลูกหลานถือเข้าสะเอวเดินร้องขายตามทาง เมื่อบ้านไหนเห็นก็จะกวักมือเรียกซื้อ ทั้งสมัยก่อนด้านหลังบ้านยังเป็นคลอง ก็จะโดยสารกันทางเรือ มีเรือแจวขายกาแฟมาชงโอเลี้ยงให้กินกันถึงท่า แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน คลองจึงแห้งขอดไป
.
รวมตัวครอบครัว
เมื่อคุณแม่และคุณน้าเติบโตต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว บ้านหลังนี้จึงถูกปิดไว้ราวสิบกว่าปี ก่อนที่คุณน้าจะกลับมาซ่อมแซมเพื่ออยู่อาศัย พอผ่านไปประมาณปีถึงสองปีซึ่งเป็นช่วงที่คุณแบมเรียนจบ แล้วเริ่มคิดจะทำคาเฟ่ ทุกคนจึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมแรงร่วมใจกัน เปลี่ยนบ้านหลังนี้ให้เป็นคาเฟ่ในฝันของคุณแบม
“จุดเริ่มมาจากตอนที่ลูกสาวเรียนจบใหม่ๆ แล้วเดินเข้ามาบอกแม่ว่า ‘แม่หนูจะทำคาเฟ่นะ’ เราก็ตกใจ เพราะรู้แล้วว่ามีงานเหนื่อยรออยู่ข้างหน้า แม่ก็คุยกับเขาตรงๆ ว่าแน่ใจนะ ตัดสินใจแล้วนะ ซึ่งแบมก็ตอบแม่มาประโยคเดียวว่า ‘มันจะเป็นอาชีพของหนู’ แม่ก็เลยยอม จากนั้นก็ลุยกันเลย (หัวเราะ)
“แต่เมื่อคิดจะทำคาเฟ่ ก่อนอื่นแม่ก็ต้องคุยกับคุณน้าก่อนว่า ถ้าหลานทำคาเฟ่จะโอเคไหม เราอาจจะต้องรบกวนให้ช่วยมาเป็นบาริสต้านะ เพราะแม่อยากให้เป็นร้านที่ครอบครัวมีส่วนร่วม ทำให้เหมือนบ้านจริงๆ ซึ่งเขาก็ตกลง”
หลังจากที่คุณแม่ คุณน้า และคุณแบมตกลงที่จะทำคาเฟ่ก็เริ่มคิดถึงการรีโนเวตร้าน ที่ตัวคุณแบมเองมองว่า การกลับมาทำคาเฟ่ในบ้าน เป็นวิธีหนึ่งในการรักษาบ้านหลังนี้ไว้ ทั้งยังเป็นการเก็บทุกห้วงความทรงจำตั้งแต่สมัยคุณยายไม่ให้จางหายไป
“แบมคิดถึงการตั้งชื่อเป็นอย่างแรก ตอนแรกคิดไว้หลายชื่อเลย แต่ก็มาสรุปที่ ‘Story of Us’ และใช้คำย่อว่า SOU เพราะอยากให้คาเฟ่แห่งนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัว”
แม่ตกแต่งร้าน
มาถึงจุดที่ท้าทายที่สุดของการทำ Cafe’ SOU อย่างการรีโนเวตร้านที่เป็นฝีมือการออกแบบของคุณแม่ ซึ่งตั้งใจว่าจะคงโครงสร้างเดิมของบ้านหลังนี้ไว้ให้มากที่สุด แล้วปรับเปลี่ยนภายในบางจุดให้เป็นไปตามคอนเซปต์ที่ลูกสาวอยากได้ ที่ตั้งชื่อสไตล์ให้เข้าใจกันภายในครอบครัวว่า ‘สไตล์วินเทจปุ๊กปิ๊ก’
“ไอเดียการรีโนเวตของแม่คือตามใจลูก (หัวเราะ) ดูว่ามันวินเทจอย่างพอดีหรือเปล่า ไม่มีอะไรเก่าเกินไป หรือไม่อยากให้มีมุมไหนน่ารักจนเกินไป แม่เลยคงโครงสร้างเดิมไว้ อย่างพื้นไม้ก็ยังเป็นพื้นเดิม เพราะเป็นของเก่าแก่เลยขัดก็พอ เก็บบันได เก็บเสาไว้ โดยเฉพาะกำแพงหน้าบ้านที่หลายคนมาก็จะบอกว่า อย่าเปลี่ยนนะ เพราะลายนี้หายาก แล้วเราก็ปรับเปลี่ยนภายในบางจุด เช่น ทาสีผนังใหม่ด้านล่าง และด้านบนทั้งหมดให้เป็นโทนสีพาสเทล”
สำหรับพร็อพการตกแต่ง คุณแม่และคุณแบมนำของสะสมของครอบครัวมาใช้ ซึ่งผสมผสานระหว่างของที่มีกลิ่นอายวินเทจ และของชิ้นน่ารักตามความปุ๊กปิ๊กของคุณแบม ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่าที่บางชิ้นอยู่มาตั้งแต่สมัยคุณยาย รูปถ่ายของครอบครัว ของสะสมสมัยคุณแม่ยังสาว ของเล่น และโมเดล รวมถึงแก้ว จาน ช้อนซึ่งเป็นของสะสมของคุณแบม นอกจากนี้ยังมีมุมขายของสะสมสุดแสนวินเทจของคุณแม่อีกด้วย ซึ่งถ้าไม่ทำร้านนี้ คุณแม่บอกว่ารูป และสิ่งของเหล่านี้ก็คงถูกเก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ
.
ลูกทำขนม
ด้านขนมหวานหน้าตาน่าทาน พร้อมรสชาติอร่อยละมุนลิ้นเป็นสูตรที่คุณแบมคิดเองทั้งหมด แถมยังมีกิมมิกเป็นเมนูที่วาดขึ้นด้วยฝีมือคุณแม่ที่แสดงถึงความรักและความใส่ใจในทุกขั้นตอน ฟังแล้วเรายิ้มทันที คุณแม่มีความอาร์ตในตัวสูง จนเรียกได้ว่าอาร์ตตัวแม่เลยทีเดียว
“ทั้งเครื่องดื่มและขนม แบมเป็นคนคิดทั้งหมด แล้วก็หัดทำเอง ลองทำให้คุณแม่กินบ้าง พอลองเรื่อยๆ แล้วมีจุดหนึ่งที่รู้สึกว่า อื้ม… อร่อยแล้วนะ (หัวเราะ) เราก็อยากแชร์ให้คนได้ทาน ซึ่งอาจจะไม่ได้มีเมนูเยอะ เพราะเราทำคนเดียว แต่ก็ตั้งใจทำให้แต่ละเมนูมีความโดดเด่นเฉพาะ อย่างสโคน เรารู้สึกว่าสโคนข้าวโพดไม่เหมาะที่จะกินกับอะไรเลย แต่ยังไงสโคนก็ควรต้องกินคู่กับอะไรสักอย่าง เลยทำครีมขึ้นมา แล้วพอลองชิมก็เข้ากัน พอให้คนอื่นชิมเขาก็บอกว่าอร่อยดี หรืออย่างเค้กสตรอว์เบอร์รีก็นำรูปร่างหน้าตาเค้กแบบเกาหลีที่เราชอบดู มาผสมผสานกับสูตรของเรา โดยเมนูจะฟิกซ์เอาไว้ไม่กี่เมนู อย่างเค้กมะนาว เค้กชอกโกแลต สโคนข้าวโพด และแอปเปิลครัมเบิล
“อีกอย่างช่วงเวลาหัดทำขนมสำหรับเรามันดีมาก ได้ใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ค่อนข้างเยอะ กลายเป็นความทรงจำที่ดีที่ได้ทำอาหาร ทำขนม ช่วยกันจัดจานอย่างจัดเต็ม แม้จะกินกันแค่สองคน (หัวเราะ)”
เล่ามาถึงตรงนี้ เมนูที่คุณแบมทุ่มเทลองคิดก็มาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มลอง เริ่มต้นจาก ‘Earl Grey Cheese Cake’ – เค้กรสชาเอิร์ลเกรย์ผสมชีสรสละมุน
‘ขนมปังสังขยา’ – เมนูพิเศษที่นานๆ มาครั้ง เพราะเป็นสูตรเฉพาะของคนในชุมชน บอกเลยว่าขนมปังนุ่ม และสังขยาหอมมัน ไม่หวานจนเกินไป
ก่อนปิดท้ายด้วย ‘Russian Tea’ – ชาร้อนกลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของพี่สาวคุณแบมที่เคยได้ชิมชาที่รัสเซีย ก่อนนำมาปรับรสให้เข้ากับลิ้นคนไทย
.
SOU เรื่องราวแห่งความทรงจำ
“Story of Us เหมือนเป็นที่รวมความทรงจำเอาไว้ให้อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น เคยมีเพื่อนคุณแม่สมัยเด็กๆ ที่เคยอยู่ชุมชนนี้มาร้าน แล้วเขาก็ประทับใจมาก เห็นภาพถ่าย เห็นของต่างๆ แล้วน้ำตาคลอเลย เขาบอกว่าดีใจมากที่เรารีโนเวตบ้านหลังนี้ แล้วเก็บแต่ละส่วนเอาไว้ เพราะนี่คือเครื่องย้ำเตือนความทรงจำที่เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจลืม”
ในมุมมองคนได้มาเยือนอย่างเรา การเปลี่ยนบ้านอายุร่วมร้อยปีสู่ ‘Cafe’ SOU’ (Cafe Story Of Us) คาเฟ่ที่ตกแต่งด้วยฝีมือคุณแม่ให้มีกลิ่นอายวินเทจ ปนมุมน่ารักตามใจลูกสาว พร้อมเสิร์ฟขนมที่ลูกตั้งใจคิดสูตร และชวนคุณน้ามาเป็นบาริสต้าคนเท่ ไม่ได้ทำเพื่อเก็บความทรงจำของคนสามรุ่นเท่านั้น แต่ที่แห่งนี้จะกลายเป็นกล่องความทรงจำที่ส่งต่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ได้ซึมซับเรื่องราวของครอบครัวที่ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังอุ่นอยู่ในใจเสมอ
Cafe SOU (Cafe Story Of Us)
ซอยเจริญนคร 7 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร (แนะนำให้จอดรถที่ ICONSIAM)
วันและเวลาเปิด-ปิด: เปิดวันจันทร์-อังคาร และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 11.00 – 18.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 09-4885-8999
Facebook: cafesou.bkk
Instagram: cafe__sou
Writer
