อันดับหนึ่งของเมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลกคือ ‘ปารีส’ ประเทศฝรั่งเศส เพราะบ้านเมืองที่นั่นมีศิลปะ มีความงามทางประวัติศาสตร์ รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม ให้ผู้คนได้อยู่กับความโรแมนติกไปกับทุกช่วงเวลาสุนทรีย์ของชีวิต
‘ซานฟรานซิสโก’ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาเป็นอันดับสอง ที่นั่นมีภูเขาให้มอง มีทัศนียภาพของอ่าวให้ดู มีจุดชมวิว ชมความยิ่งใหญ่ของสะพานชื่อดัง ที่สำคัญมีสวนสาธารณะให้ผู้คนพักผ่อนทำกิจกรรมโรแมนติกได้อีกเพียบ
ส่วนเมืองที่สามได้แก่ ‘อัมสเตอร์ดัม’ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรียกได้ว่าเป็นเมืองธรรมชาติ ผู้คนใช้จักรยานเดินทางกันเป็นส่วนมาก มีสภาพแวดล้อมที่มีดอกไม้เบ่งบานเป็นสีสันสดใสกันตลอดทั้งปี และยังสามารถนั่งเรือล่องไปในลำคลองมองดูเมืองได้
ทั้งสามเมืองสุดโรแมนติกนี้อ้างอิงมาจากผลสำรวจในปีที่ผ่านมาของ Bounce เว็บไซต์ฝากกระเป๋าชื่อดัง แน่นอนว่าเราไม่สามารถเอาประเทศทั้งหลายเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับเมืองที่เราอาศัยอยู่ได้ แต่พอลองย้อนกลับมามองที่ ‘กรุงเทพมหานคร’ ต้องบอกว่าเมืองหลวงของไทยหาความโรแมนติกได้ยาก เพราะว่าเมืองนี้ได้กลายเป็นเพียงฉากหลังและมีภาพของการทำงานเป็นสิ่งเคลื่อนไหวทุกเมื่อเชื่อวัน
โดยสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แจงจำนวนประชากรของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้คนที่อยู่ใน กทม.นั้นมีจำนวนถึง 5,494,932 คน ผู้คนมากมายขนาดนี้อยู่กับเมืองที่มีความเร่งรีบขึ้นเรื่อยๆ ติดกับงานที่ต้องทำเพื่อดำรงตนในยุคสมัยที่เศรษฐกิจย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ในวันที่ผู้คนยังคงต้องทำงาน และการเปลี่ยนแปลงสังคมก็ยังมีเรื่องมหาศาลที่ต้องตามแก้ไขกันต่อไป คอลัมน์ Urban Sketch จึงอยากลองออกแบบสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ให้เมืองเกิดความโรแมนติกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ชีวิตที่ผูกติดกับความเร่งรีบได้ผ่อนคลายลง เมื่อผู้คนได้มองเมืองที่มีสิ่งโรแมนติกมากกว่าเดิม หวังว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเป็นความสุนทรีย์ของชีวิต และคอยหล่อเลี้ยงให้ใจดวงน้อยๆ ในกายหยาบได้มีแรงสู้ต่อ เพื่อรอวันที่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริง
เพิ่มสวนดอกไม้ สร้างความแปลกใหม่ให้เมือง
อย่างแรกที่นึกถึงคือเส้นทางที่เราใช้สัญจรไปทำงาน ไม่ว่าจะเดินเท้าหรือท้องถนน หากฉากของเมืองที่เคยเห็นถูกเพิ่มเติมด้วยสวนดอกไม้ก็น่าจะช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ได้บ้าง ระหว่างกำลังเดินไปที่ทำงาน ถ้าเราสามารถพบเห็นสวนดอกไม้ที่อยู่บนกระถางขนาดยาวหน้าสำนักงานใหญ่กำลังบานสะพรั่งก็น่าจะช่วยให้ใจฟูได้ หรือสวนบางแห่งก็อาจเต็มไปด้วยดอกไม้ที่อวดสีสันเป็นแนวไปตลอดข้างทาง หรือระหว่างทางเข้าตึกที่มีแต่พื้นปูนก็อาจปลูกสวนดอกไม้เข้าไปเพิ่มความสดใส เพื่อให้สีสันและอารมณ์อ่อนหวานของดอกไม้ ช่วยให้เรามองเห็นความโรแมนติกก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่การทำงาน
ทาสีอาคารเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้ย่าน
ในเมืองที่สวยงาม แค่เราเดินกินไอศกรีม แหงนหน้ามองตึก มองสถาปัตยกรรม ก็ช่วยทำให้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาตรงหน้าได้เป็นอย่างมาก อย่างในหนังโรแมนติกเรื่อง Notting Hill แค่ได้ดูพระเอกกับนางเอกเดินคุยกันไปตามถนนในเมือง ได้เห็นภาพสีสันของร้านอาหาร ตึกรามบ้านช่อง ก็เพลินสุดๆ แล้ว
จะดีกว่านี้หากเราสามารถสร้างความโรแมนติกให้กรุงเทพฯ ด้วยการทาสีอาคารด้วยโทนสีแปลกตาไปจากเดิมหรือใช้โทนสีที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละย่าน เพื่อให้ตึก หน้าร้านหรือกำแพงของตัวสถาปัตยกรรมที่ต้องเห็นอยู่ทุกวัน ได้กลายเป็นฉากของเมืองที่กลมกลืนและดึงดูดสายตา มองไปแล้วรู้สึกสบายใจ แถมยังมีมุมได้ถ่ายรูปสวยๆ เพิ่มขึ้นด้วย
จัดงานดนตรีตามสถานที่ต่างๆ
ทุกวันนี้เสียงของเมืองถูกบดบังด้วยเสียงการจราจร นอกจากช่วงเช้าที่ทุกคนต้องเร่งรีบไปกับการเดินทางมุ่งสู่ที่ทำงาน ช่วงเวลาเย็นเลิกงานยังต้องพบเจอกับความเร่งรีบเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหลายคนจึงเลือกกลับบ้านให้ช้าลงหน่อย เพราะจะช่วยเลี่ยงการเสียเวลาท้องถนนไปได้เยอะกว่า
ดังนั้นช่วงเวลาหลังเลิกงานอาจมีการจัดดนตรีตามพื้นที่ต่างๆ ในหลากหลายจุด ทั้งในสวนสาธารณะ ศูนย์การค้า บริเวณใต้สะพานทางด่วน ใต้สะพานริมแม่น้ำ ร้านหนังสือ วัด โรงเรียน หรือตลาดสด ฯลฯ รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารไปให้ถึงผู้คนที่สนใจ ใครอยู่ใกล้จุดไหนก็สามารถเลือกไปได้ตามสะดวก การจัดงานดนตรียังช่วยเพิ่มพื้นที่ให้คนได้เต้น พบปะ และรับฟังรับชมพบสิ่งแปลกใหม่ เกิดความผ่อนคลายหลังเลิกงาน และอาจได้แรงบันดาลใจอื่นๆ เพิ่มด้วย
สร้างจุดนั่งชมวิวริมน้ำที่ทุกคนเข้าถึงได้
หากใครเคยนั่งเล่นแถวริมแม่น้ำช่วงเวลาเย็นที่พระอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน คงรู้ดีว่าลมเย็นๆ ที่ปะทะใบหน้านั้นช่วยให้เราคลายเหนื่อยและเกิดเป็นความสดชื่นขึ้นมาได้ แต่ทว่าพื้นที่ริมน้ำที่เราสามารถใช้ร่วมกันได้อย่างทั่วถึงนั้นยังมีอยู่จำกัด บางพื้นที่ริมน้ำก็มีปัจจัยมากมายที่ทำให้หลายๆ คนเข้าถึงยาก
ดังนั้นคงจะดีกว่าหากมีการจัดบริเวณริมแม่น้ำให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนเลือกแวะเข้าไปใช้พื้นที่ได้ รวมถึงนำวัสดุเหลือใช้ในแต่ละพื้นที่มาออกแบบเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ประติมากรรม หรืองานฝีมือต่างๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่นั่งเล่นพูดคุยกินดื่มรับลมเย็นๆ หลังเลิกงาน หรืออาจปรับปรุงทางเดินเลียบคลองและทางเดินเลียบแม่น้ำให้สามารถเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมออกกำลังกายได้ เราก็จะมีพื้นที่หลากหลายสำหรับมองวิว ชมสายน้ำ กันได้อย่างสบายใจ
ออกแบบสวนเล็กๆ ที่ใช้งานได้หลากหลาย
กรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่สวน ตึกสูง หรือสถานที่ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่จำนวนมาก และสถานที่เหล่านั้นมักเป็นพื้นที่มืดมิดและมักเกิดอาชญากรรมบ่อยครั้ง หากเปลี่ยนความรกร้างเหล่านั้นให้เป็นพื้นที่ใช้สอยได้ก็จะทำให้เรามีพื้นที่สีเขียวใช้งานเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง เหมือนเมืองในภาพยนตร์ Before Sunset ที่คู่หูพระนางสามารถเดินพูดคุยกันผ่านสวนเล็กๆ เพื่อเชื่อมไปยังพื้นที่อื่นๆ ในเมืองได้
การจัดสรรพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ในจุดต่างๆ แบบ Pocket Park นั้นจะทำให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า เพราะเราสามารถออกแบบสวนเล็กๆ ให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น สวนที่เป็นสนามเด็กเล่น สวนที่สร้างเพื่อผู้สูงวัย สวนที่หลบพักจากความวุ่นวายของเมือง สวนที่จัดนิทรรศการ จัดงานดนตรี หรือสวนบนดาดฟ้าที่เดินเล่นดูต้นไม้และมองวิวท้องฟ้าได้ เป็นต้น สวนเล็กๆ ที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้ผู้คนได้มีตัวเลือกความโรแมนติกที่ตามหามากขึ้นเช่นกัน
ปรับแสงเมืองที่สว่างจ้าให้อุ่นนวลตา
มลพิษทางแสงเป็นอีกปัญหาสำคัญของเมืองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราเริ่มคุ้นชินกันเป็นปกติ ทุกที่ต่างมีความสว่างไสวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งไฟบนท้องถนน ไฟจากที่อยู่อาศัย ไฟจากป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ฯลฯ
เมื่อเมืองมีแสงสว่างมากเกินไป การเลือกปรับแสงไฟให้อ่อนลงจึงอาจช่วยลดมลพิษและสิ่งรบกวนสายตาได้ เราเลยขอหยิบเสาไฟโบราณที่เปล่งแสงให้เมืองยามค่ำคืนในหนังเรื่อง Midnight in Paris มาใช้ประดับย่านบางย่านของกรุงเทพฯ เปลี่ยนแสงขาวที่สว่างจ้าให้กลายเป็นถนนที่มีแสงอุ่นนวลตา รวมถึงเพิ่มการออกแบบพื้นที่ทางเดินเล่นตอนกลางคืนของเมืองให้เกิดความโรแมนติกและปลอดภัย