5 สถานที่จากพื้นที่เก่าไม่ได้ใช้งาน สู่พื้นที่สาธารณะ สร้างประโยชน์ ให้ผู้คนในเมืองใช้ทำกิจกรรมนอกบ้าน

ห้องสมุดจากโรงอาบน้ำ มิวเซียมและแกลเลอรีจากโรงงาน เหล่านี้คือตัวอย่างการแปรเปลี่ยนสถานที่และฟังก์ชันการใช้งานให้กลับมาสร้างสีสันให้เมืองมากขึ้น เพราะนอกจากเรื่องความปลอดภัย การปล่อยสถานที่ทิ้งร้างเอาไว้ยังเป็นการเสียพื้นที่ใช้งานไปโดยเปล่าประโยชน์ หลายๆ ประเทศจึงรีโนเวตพื้นที่เดิมให้กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ให้ย่าน คอลัมน์ Urban’s Pick ขอพาไปดูการฟื้นฟู 5 สถานที่เก่าจาก 5 ประเทศให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อเติมแรงบันดาลใจ สร้างการพบปะ และเป็นแนวทางการขับเคลื่อนเมืองด้วยศิลปวัฒนธรรม GMBBCreative Mall จากห้างฯ แฟชั่นค้าส่งKuala Lumpur, Malaysia ความสร้างสรรค์และงานศิลปะ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศมาเลเซียจึงสร้างพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อให้ศิลปินทำกิจกรรมและแบ่งปันไอเดียงานศิลปะกันในย่าน Bukit Bintang ด้วยการเปลี่ยนอาคารเก่าที่เดิมทีคือแหล่งขายส่งสินค้าแฟชั่นให้เป็น Creative Mall ‘GMBB’ ถือได้ว่าเป็นชุมชนสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ที่อยากเป็นพื้นที่ทางกายภาพให้เหล่าศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ โดยได้แรงบันดาลใจจากพื้นที่ศิลปะที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศอย่าง 798 Art Zone ในปักกิ่ง หรือ PMQ ในฮ่องกง เพื่อให้ GMBB แห่งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังความสามารถของศิลปินท้องถิ่น พัฒนาวัฒนธรรมของมาเลเซีย และพร้อมผลักดันทุกความคิดสร้างสรรค์ให้ไปไกลถึงระดับโลก ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดง แกลเลอรี ร้านหนังสือ สตูดิโอศิลปะ […]

จินตนาการถึงผลงานศิลปะกลางแจ้งบนพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ แรงบันดาลใจจากเหล่าสัตว์ในเมือง

ถ้ากรุงเทพฯ มีประติมากรรมขนาดยักษ์แบบไทยๆ ตั้งบนพื้นที่แลนด์มาร์กบ้าง จะเป็นยังไงกันนะ คิดว่าหลายคนน่าจะได้ไปชม KAWS:HOLIDAY THAILAND งานศิลปะในรูปแบบรูปปั้นขนาด 18 เมตรตรงบริเวณท้องสนามหลวงแล้ว  นอกจาก KAWS:HOLIDAY THAILAND จะเป็นการร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะร่วมสมัยและพื้นที่ที่มีความเป็นมาอันยาวนานทางประวัติศาสตร์ ในเลนส์ของการพัฒนาเมือง โปรเจกต์นี้ยังทำหน้าที่เป็น Public Art หรือศิลปะสาธารณะชั่วคราว ที่สร้างมุมมองใหม่ เติมสีสันให้เมือง กระตุ้นให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ศิลปะในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่วันที่ 25 พฤษภาคม อีเวนต์นี้ก็จะสิ้นสุดแล้ว คอลัมน์ Urban Sketch เลยอยากชวนคิดสนุกๆ ต่อยอดว่า ถ้าในอนาคตกรุงเทพฯ จะมี Public Art เป็นรูปปั้นยักษ์จัดแสดงอีก หน้าตาของชิ้นงานจะออกมาเป็นยังไง และควรตั้งตรงพื้นที่ไหนบ้าง เพื่อสะท้อนความเป็นไทยร่วมสมัยที่ใครๆ ก็รู้สึกร่วมได้ Mr.Pigeon Postmanหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก รูปปั้นแรก เราดีไซน์เป็นคุณลุงนกพิราบผู้ส่งจดหมาย ที่อยากให้เป็นนกที่ดูมีอายุหน่อย ล้อไปกับไปรษณีย์ไทยที่อยู่คู่ประเทศไทยมานาน มีเครื่องประดับเป็นกระเป๋าจากขอบขนมปังที่คนบิโยนให้กิน ขณะเดียวกัน นกพิราบยังเป็นสัตว์คู่เมืองใหญ่ แถมเอาตัวรอดเก่งสุดๆ เดินไปไหนก็เจอแทบทุกที่ ให้มาตั้งประจำการที่ลานหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ก็ดูสอดคล้องกับคอนเซปต์ดี […]

‘Thainal Destination’ ใช้ชีวิตประจำวันแบบระวังตัวแทบตาย จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้ประสบภัย ชะตาขาดไม่รู้ตัว

เพราะอันตรายมีอยู่ทุกที่  คำคำนี้ดูไม่เกินจริง เมื่อเราได้ดูภาพยนตร์แฟรนไชส์ Final Destination ที่แต่ละภาคล้วนดำเนินเรื่องผ่านการใช้ชีวิตทั่วๆ ไปของเหล่าตัวละคร ทว่าในความทั่วไปนั้นกลับมีเหตุการณ์บางอย่างที่พาให้ชะตาชีวิตของพวกเขาถึงจุดจบอย่างน่าสยดสยอง หลังจากทิ้งห่างไปกว่า 14 ปี ตอนนี้ Final Destination กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์ที่ยังคงทำเอาคนดูอย่างเราๆ หวาดเสียวไปกับสิ่งรอบตัว จนต้องมองซ้ายมองขวาคอยใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง คอลัมน์ Urban Isekai อยากชวนมาลองคิดเล่นๆ ว่า หากเซตติ้งใน Final Destination เป็นกรุงเทพฯ จะมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ก็ชะตาขาดไม่รู้ตัว ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีชิ้นส่วนก่อสร้างร่วงหล่นจากท้องฟ้า สถานการณ์ที่ทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ใน Final Destination ตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นการขับรถผ่านเส้นทางที่กำลังมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมสะพาน โดยเฉพาะเส้นพระรามที่สองที่ไม่จบไม่สิ้นสักที ยิ่งนานวันไปแทนที่โครงสร้างสะพานจะแข็งแรงพร้อมใช้งาน กลับมีข่าวอุบัติเหตุเศษนั่นเศษนี่ร่วงลงบนถนนตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนั้นต้องเสี่ยงดวงทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะหวยออกที่รถของเราไหม ทำได้เพียงแค่รีบเหยียบคันเร่งพร้อมสวดมนต์ให้สบายใจว่าจะปลอดภัยไปตลอดทาง ตามหลังรถกระบะอยู่ดีๆ ก็มีเหล็กเส้นพุ่งเข้ามาในรถ ไม่ใช่แค่ต้องคอยระวังแผ่นปูนจากฟากฟ้า แต่ยังมีรถกระบะร่วมทางที่ทำเอาต้องเว้นระยะห่างเกินกว่า 5 เมตร เพราะหลายคันมักท้าทายความสามารถในการขนของ ด้วยการวางเรียงสินค้าสูงเกินหลังคารถจนโอนไปเอียงมา เสี่ยงว่าจะร่วงลงมาขวางถนนหรือไม่ก็ทับรถที่ขับตามหลัง และบ่อยครั้งที่เราเจอก็มักเป็นเหล็กเส้นยาวที่มีผ้าสีแดงผูกเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ให้คันหลังคอยระวังอันตราย แต่แหม…ทั้งหัวและท้ายของเหล็กกลับยื่นเกินออกมาจากตัวรถ แถมอุปกรณ์ยึดเหล็กก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ทำให้รถยนต์ทั้งข้างหน้าและตามหลังต้องหวาดระแวงว่าเหล็กเส้นเหล่านั้นจะหลุดออกมาพุ่งทะลุกระจกรถตัวเองหรือไม่ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว […]

Khaokheow Zoo Application โปรเจกต์ของคนอยากลองออกแบบ UX/UI ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวทัวร์สวนสัตว์ได้สะดวกขึ้น

มะมะมะหมูเด้ง ยังจำฮิปโปแคระขี้โมโหตัวนี้กันได้อยู่หรือเปล่า ถ้าวันนี้เหนื่อย อยากเติมยีราฟ แมวน้ำ หรือหมูเด้ง แล้วปุบปับออกเดินทางไปสวนสัตว์ในไทยเลยโดยไม่ได้หาข้อมูลล่วงหน้า ก็อาจจะเจอปัญหาทั่วๆ ไปอย่างการไม่รู้ขนาดของสวนสัตว์ เดินไม่ถูก อยากไปดูคาปิบารา ต่อด้วยโคอาลา แต่ดันเลี้ยวซ้ายไปเจอลิงเสียอย่างนั้น หรือบางทีก็ไม่รู้ว่าตั๋วที่นี่ราคาแพงแค่ไหน ใช้บัตรนักเรียนนักศึกษาลดได้ไหม และอีกมากมายหลากหลายคำถามที่หาคำตอบไม่ได้สำหรับการเที่ยวสวนสัตว์ในไทย เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลากหลายสวนสัตว์ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน หรืออเมริกา สวนสัตว์เหล่านั้นมีระบบการจัดการที่แม่นยำและเข้าใจง่ายกว่ามาก เช่น กดตั๋วเข้าสวนสัตว์ล่วงหน้าได้ มีแอปพลิเคชันดูโซนของสวนสัตว์ว่าห่างกันแค่ไหน หรืออยากหาจุดเติมน้ำ เข้าห้องน้ำก็ดูผ่านสมาร์ตโฟนได้เช่นกัน เนื่องจากสวนสัตว์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักเดินทางทั่วโลกมักไปเยี่ยมเยือน ไม่ใช่เพียงคนในประเทศเท่านั้น การพัฒนาระบบให้เข้าใจง่ายจึงเป็นหนึ่งในประเด็นที่จำเป็น คอลัมน์ Debut ขอชวนมารู้จักกับ ‘แมวน้ำ-ศิลปี กอบกิจวัฒนา’ และ ‘พัท-นนทพัทธ์ ชลวิทย์’ ที่ร่วมกันทำโปรเจกต์ UX/UI ออกแบบแอปพลิเคชันให้สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเที่ยวง่ายและสนุกกว่าเดิม เปิดประตูสู่โลกของเหล่าสัตว์ โปรเจกต์นี้เริ่มต้นขึ้นจากการเดินทางไปเที่ยวที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวของเขาทั้งสอง ด้วยแรงใจที่อยากจะไปเจอหมูเด้ง ฮิปโปแคระหน้าตาน่ารัก แก้มอมชมพู ผู้เป็นที่รักของคนทั่วโลก แต่การตัดสินใจไปเที่ยวที่นี่โดยไม่ได้หาข้อมูลให้ละเอียดก่อน ทำให้ทั้งคู่เจอปัญหาหลักๆ อย่างการไม่รู้เลยว่าบ้านของหมูเด้งอย่างสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่จังหวัดชลบุรีนี้มีขนาดใหญ่ถึง 5,000 ไร่ ซึ่งถ้าหากอยากดูสัตว์ให้ครบภายในหนึ่งวัน ย่อมเดินเท้าไปเรื่อยๆ […]

‘กลิ่นฉี่ในเมือง’ มลภาวะทางกลิ่นในกรุงเทพฯ ที่ทำให้หลายพื้นที่ไม่น่าใช้งาน

เคยไหม เวลาเดินไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ บ้านบางหลังจะแขวนป้ายหรือไวนิลไว้หน้าบ้านทำนองว่า ‘ห้ามฉี่’ ถึงจะดูเป็นเรื่องตลก แต่ปัญหาเหล่านี้กลับสร้างความกวนใจให้เจ้าของบ้านมากๆ รวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องคอยรับผลกระทบจากมลภาวะทางกลิ่นไปด้วย การติดป้ายอาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นการแก้ปัญหาของประชาชนและเอกชน ส่วนพื้นที่สาธารณะกลับไม่ค่อยเห็นการห้ามในลักษณะนี้เท่าไหร่ ทั้งที่ก็เป็นพื้นที่คอยรองรับปริมาณฉี่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสาไฟ พื้นทางเท้า หรือต้นไม้ ยิ่งเฉพาะบริเวณใต้ทางด่วนที่อับสายตาผู้คน ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย กลิ่นฉี่ทำลายทั้งบรรยากาศและโครงสร้างต่างๆ ทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้อยู่อาศัย แต่ในหลายๆ พื้นที่ที่เดินเท้าได้กลับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นฉี่หมักหมม ส่งกลิ่นโชยออกมาให้ต้องรีบจ้ำอ้าวหนี และหากบริเวณไหนที่มีกลิ่นอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งดึงดูดให้คนมาฉี่เพิ่ม กลายเป็นพื้นที่สำหรับรองรับของเสียไปโดยปริยาย ส่งผลให้หลายๆ เส้นทางไม่น่าใช้งาน มากไปกว่าเรื่องของกลิ่นฉุน หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า ฉี่ยังสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่โดยรอบ และเป็นการทำลายทรัพย์สินทั้งของสาธารณะและส่วนตัว เพราะในฉี่ของมนุษย์มียูเรียซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดที่ทำลายทั้งคอนกรีต เหล็ก และโลหะ หากปล่อยให้เกิดการสะสมของฉี่เป็นเวลานานก็อาจส่งผลต่อโครงสร้าง ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นๆ เสียหาย เหตุผลของคนเลือกฉี่ข้างทาง นอกเหนือจากความมักง่ายของคนแล้ว เป็นไปได้ว่าด้วยจำนวนห้องน้ำสาธารณะที่มีค่อนข้างน้อยและหายากในหลายๆ พื้นที่ จึงทำให้คนเลือกปลดปล่อยของเหลวส่งกลิ่นตามพื้นที่ข้างทางมากกว่า หรือต่อให้เป็นห้องน้ำกึ่งสาธารณะที่เรามองว่ามีจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วไปในเมือง เช่น ในห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน หรือสวนสาธารณะ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาเปิด-ปิด ที่ไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะคนที่ทำงานเป็นกะ หรือทำงานทั้งวันทั้งคืนอย่างแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ […]

Hakata อาณาจักรขนส่งสาธารณะที่รวมทุกการเดินทางไว้ในที่เดียว

‘ฮากาตะ’ ถ้าได้ยินชื่อนี้แล้วคิดถึงอะไรกันบ้าง กลิ่นหอมกรุ่นของราเม็งน้ำซุปกระดูกหมู ตลาด Christmas Market ย่านช้อปปิงขนาดใหญ่ที่เดินซื้อของเชื่อมต่อกันได้ไม่สะดุด หรือสถานีชื่อดังที่ถ้าอยากท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชูให้ครบๆ สักครั้งต้องใช้สถานีนี้เป็นจุดเชื่อมต่อ และหากใครเคยได้ยินเรื่องที่รัฐบาลไทยสนใจรวมขนส่งสาธารณะไว้ในที่เดียวเพื่อให้การเดินทางในไทยไร้รอยต่อ โมเดลที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นต้นแบบก็คือ ฮากาตะ เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง คอลัมน์ City in Focus จึงขอชวนทุกคนมาดูย่านที่ทำให้การเดินทางด้วยรถ ราง บัสเป็นเรื่องง่าย แสนสบาย เชื่อมต่อรถ-ราง-บัส ในพื้นที่เล็กๆ ของฮากาตะแห่งนี้ รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบไปด้วยศูนย์รวมการเดินทางทั้งบัส แท็กซี่ รถไฟฟ้าใต้ดิน ชินคันเซ็น และรถไฟ JR โดยเหมาะทั้งสำหรับการเดินทางในเมืองฟุกุโอกะเอง และเดินทางออกไปต่างเมือง ไม่ว่าจะโตเกียว นาโกยา หรือไปดู World Expo ที่โอซากาก็ยังได้ นอกจากสถานีกลางนี้จะรวบรวมทุกการเดินทางเอาไว้แล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของสถานีฮากาตะยังมีความพิเศษตรงที่สถานีนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ในระยะที่ไปถึงพื้นที่สำคัญๆ ได้ในเวลาเพียงน้อยนิด เช่น หากจะไปช้อปปิงที่แหล่งวัยรุ่นอย่างเทนจินก็ห่างเพียง 3 สถานี ใช้เวลาเดินทาง 5 นาทีเท่านั้น หรือจะไปสนามบินก็ใช้เวลาเพียง 2 สถานีเช่นเดียวกัน โดยปกติด้วยความยิ่งใหญ่ของรถยนต์ ราง […]

Emergency Go Bag ออกแบบกระเป๋าฉุกเฉินขนาดกะทัดรัดแบบไทยๆ ไว้ใช้งานในช่วงฉุกเฉิน

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ทำให้คนเมืองจำนวนไม่น้อยเริ่มวางแผนหาทางหนีทีไล่เตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งหนึ่งสิ่งสำคัญในฮาวทูเอาตัวรอดคือ ‘กระเป๋าฉุกเฉิน’ ที่อัดแน่นไปด้วยไอเทมจำเป็นให้เราคว้าหมับแล้วรีบลี้ภัยทันที ด้วยเหตุนี้ คอลัมน์ Urban Sketch จึงขอออกแบบ Emergency Go Bag ในแบบฉบับของชาว Urban Creature ให้ไว้เป็นไอเดียของทุกคน นอกจากสิ่งของที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีไอเทมอื่นๆ ช่วยชุบชูใจผู้พกพาด้วย อาหารและขนม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ยิ่งถ้าอ่อนเพลียยิ่งต้องมีของกินไว้รองท้องและเติมพลังในยามฉุกเฉิน ยกตัวอย่าง ลูกอม ที่มีน้ำตาลช่วยคลายเครียด ขนมปังกรอบ เนื่องจากเก็บไว้ได้นานและให้พลังงานสูง รวมถึงอาหารแห้งเล็กๆ น้อยๆ ไว้ประทังชีวิตหากสถานการณ์ย่ำแย่ลง น้ำดื่มขนาด 600 มิลลิลิตร นอกจากอาหาร น้ำก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เหตุผลที่ใช้ปริมาณ 600 มิลลิลิตร เพราะเป็นน้ำหนักที่รวมกับกระเป๋าแล้วยังไม่หนักจนเกินไป เอกสารสำคัญ (สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน) พกไว้ยืนยันตัวตนหรือที่อยู่หากบัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านสูญหาย ยาสามัญประจำบ้าน หยูกยาพื้นฐานเป็นของจำเป็น เช่น ยาแก้ปวด สเปรย์แอลกอฮอล์ ปลาสเตอร์ปิดแผล หากเจ็บป่วยจะได้ใช้ปฐมพยาบาลทันท่วงที ยาดม ขาดไม่ได้กับปัจจัยที่ 5 ของคนไทย ใช้ทั้งแก้วิงเวียน […]

ชวนปั่นจักรยาน 3 เส้นทางกลางเมือง ที่กลุ่มคนปั่นจักรยาน BUCA แนะนำ

อยากชมเมืองแบบชิลๆ ซึมซับบรรยากาศข้างทาง แต่จะเดินก็เหนื่อยเกินไป จะนั่งรถก็ไม่ได้ฟีลอีก งั้นลองปั่นจักรยานดูสิ แม้ว่าการปั่นจักรยานอาจยังไม่ใช่ตัวเลือกเดินทางที่นิยมในกรุงเทพฯ แต่นี่คือวิธีที่จะทำให้เราชมเมืองได้โดยไม่ต้องเดินจนเมื่อย ไม่ต้องพบเจอรถติด และยังปั่นเข้าตรอกซอกซอยไปชมวิถีชีวิตที่เราอาจไม่มีโอกาสเห็นบนท้องถนน คอลัมน์ Urban’s Pick อยากชวนทุกคนออกไปปั่นจักรยานผ่าน 3 เส้นทางกลางกรุงที่จะใช้ผ่อนคลายก็ดี จะปั่นเพื่อเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าก็ทำได้ แนะนำโดยภาคีจักรยานเมือง กรุงเทพฯ หรือ BUCA แต่ถ้าใครไม่มีจักรยานเป็นของตัวเอง จะถือโอกาสนี้ลองใช้งาน Bike Sharing ก็ได้นะ 01 | ปั่นทะลุซอย ชมชุมชนเจริญกรุง เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ BUCA เคยใช้ปั่นในงาน Bike Bus และพบว่าสะดวกที่สุด โดยเริ่มเส้นทางได้ตั้งแต่ลงมาจาก BTS สถานีสะพานตากสิน ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและย่านน่าสนใจ ตั้งแต่สี่พระยา ตลาดน้อย ทรงวาด สำเพ็ง จนออกมาที่พาหุรัด ปากคลองตลาด และสิ้นสุดที่ MRT สถานีสนามไชย เส้นทางนี้เป็นเส้นทางจักรยานที่นับว่าปลอดภัยมากพอสมควร เพราะเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นการปั่นผ่านซอยเล็กๆ ซึ่งไม่ค่อยมีรถยนต์ผ่านได้ มีเพียงแค่บางจุดเท่านั้นที่ต้องออกมาปั่นบนถนนเจริญกรุง ข้อควรระวัง : เนื่องจากถนนทรงวาดเป็นถนนเดินรถทางเดียว […]

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.