ทริปเที่ยวแบบกรีนๆ ที่เกาะลันตา พื้นที่ท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การันตีด้วยรางวัล Green Destinations Top 100 Stories

การท่องเที่ยวในประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของแหล่งธรรมชาติ จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือนได้อย่างยาวนาน ทว่าความงดงามจะอยู่กับเราไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ด้วยเหตุนี้ ในหลายพื้นที่ที่เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนจึงเริ่มมีการจัดการระบบนิเวศที่ดีควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือ ‘หมู่เกาะลันตา’ จังหวัดกระบี่ ที่มองเห็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวของพื้นที่ โดยที่ยังสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างความตระหนักรู้ให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเกาะแห่งนี้ด้วย ความตั้งใจนี้เองส่งผลให้เกาะลันตาได้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล ‘Green Destinations Top 100 Stories 2025’ โดยองค์กร Green Destinations Foundation ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมอบให้กับแหล่งท่องเที่ยวที่มีการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว นับเป็นโอกาสดีที่ ‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)’ ชวนเราเดินทางไปยังจังหวัดกระบี่ เพื่อพาไปสัมผัสการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในหมู่เกาะลันตาว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงคว้ารางวัลระดับโลกนี้มาได้ ซึ่งเราก็ไม่พลาดนำบันทึกการเดินทางนี้มาฝากทุกคนด้วย ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ทะเล ด้วยโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน จุดประสงค์หลักของการไปเกาะลันตาของเราในครั้งนี้คือ การไปรู้จัก ‘คืนบ้านให้ปูเสฉวน’ โครงการเล็กๆ ที่ทำให้เกาะลันตาได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories 2025 โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2563 จากการที่นักท่องเที่ยวได้โพสต์ภาพปูเสฉวนในขวดแก้วหรือขยะทะเลลงบนโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงปัญหาขยะทะเลที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้เกิดความสับสนในการหาเกราะป้องกันตัวเอง […]

ทริปลงเรือล่องคลอง  มองดูธรรมชาติ เก็บกวาดขยะ ศึกษาวิถีชีวิตในคลองฝั่งธนฯ

ในอดีต ‘ธนบุรี’ เป็นเมืองหลวงที่มีแม่น้ำล้อมรอบ และมีเส้นทางน้ำเชื่อมเข้ากับคลองหลักคลองย่อยต่างๆ ที่กระจายตัวไปทั่วพื้นที่ ทำให้ชีวิตคนเมืองในสมัยก่อนผูกพันกับน้ำมาก ทั้งจากการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หรือการค้าขายที่ใช้เส้นทางน้ำเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนสินค้าก็ตาม ปัจจุบันหลายพื้นที่มีถนนเข้ามาแทนที่ เส้นทางน้ำสายเล็กๆ บางแห่งเปลี่ยนไปเป็นถนนลาดยาง แต่สองฝั่งคลองหลักที่เชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยายังคงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมคือกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาสัมผัสวิถีชีวิตริมคลองที่แตกต่างจากฝั่งถนน ราวกับไม่ได้กำลังอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่บ้านเรือนและชีวิตผู้คนเท่านั้น แต่ธรรมชาติริมคลองเองก็ยังคงดำเนินไปไม่หยุดนิ่งคล้ายสายน้ำไหล แต่ด้วยวันเวลาที่เปลี่ยนไป คลองที่เคยสะอาด เป็นสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ กระโจนเล่นน้ำอย่างเต็มที่ ปัจจุบันกลับเต็มไปด้วยขยะที่ลอยตามน้ำมาทักทายคนที่สัญจรบนเรือแทน ส่งผลต่อภาพลักษณ์ในสายตาของชาวต่างชาติที่มาล่องเรือท่องเที่ยว มากไปกว่านั้น ความสกปรกที่สะสมไปเรื่อยๆ ยังส่งผลต่อระบบนิเวศริมคลองและสิ่งแวดล้อมโดยรอบอีกด้วย เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับแหล่งน้ำในเมืองตระหนักถึงความสำคัญและหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำลำคลอง ทาง Khaya coin Reward ร่วมมือกับ เรือไฟฟ้าสุขสำราญ Sun-powered Boat จัดกิจกรรมสำรวจขยะและสิ่งแวดล้อมในคลองฝั่งธนฯ Urban Creature จึงขอติดตามไปเป็นส่วนหนึ่งของทริปนี้ด้วย จะสนุกและได้ความรู้แค่ไหน ตามมาดูกัน สัมผัสชีวิตริมน้ำในคลองย่านฝั่งธนฯ ท่องเที่ยวแบบไม่รบกวนธรรมชาติ เราเริ่มต้นทริปกันที่ ‘ท่าตลาดพลู’ โชคดีว่าเป็นวันที่อากาศไม่ได้ร้อนมาก และไม่มีสัญญาณของฝน ทำให้กัปตันเรือ ‘ซัน-ศิระ ลีปิพัฒนวิทย์’ เจ้าของเรือไฟฟ้าสุขสำราญ พาเราแล่นผ่านคลองในเส้นทางคลองบางกอกใหญ่ คลองบางขุนเทียน และคลองอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันได้อย่างไม่ต้องรีบร้อน จากท่าเรือสู่ลำคลอง […]

8 ผลงานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยจากเวที Creative Excellence Awards 2025 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม

หลายงานสร้างสรรค์ในเมืองไม่ใช่แค่ช่วยพัฒนาย่านหรือชุมชนให้ดีกว่าเดิมเท่านั้น แต่หลายๆ ครั้งผลงานเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและต่อยอดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตขึ้น ด้วยการดึงดูดให้ผู้คนเกิดความสนใจ อยากทำความรู้จัก และเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ภายในพื้นที่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ได้จัดงานประกาศรางวัลความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ 2568 หรือ Creative Excellence Awards 2025 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย โดยมีรางวัลทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่  Creative City Awards : รางวัลเมืองหรือชุมชนสร้างสรรค์ที่มีการใช้วัฒนธรรม อัตลักษณ์ และสินทรัพย์ท้องถิ่น มาผสานกับแนวคิดสร้างสรรค์ Creative Business Awards : รางวัลสำหรับธุรกิจที่นำความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าและผลักดันความยั่งยืนทั้งทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม Creative Social Impact Awards : รางวัลที่ยกย่องผลงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เช่น การส่งเสริมความเท่าเทียม สุขภาวะ การศึกษา และสิ่งแวดล้อม คอลัมน์ Urban’s Pick ครั้งนี้ ได้คัดเลือก 8 […]

เดินเท้าสำรวจ ‘เมืองเก่า’ และ ‘บ้านท่าแร่’ สองชุมชนโบราณในเมืองสกลนคร ชมสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สวยงามและมีคุณค่า

ไหนๆ เวลาไปต่างประเทศเรามักจะไม่ยั่น เดินเที่ยวกันได้ทั้งวัน งั้นลองมาเดินสำรวจเมืองเวลาไปเที่ยวตามย่านหรือจังหวัดต่างๆ ในบ้านเราบ้างดีไหม หากใครยังจำได้ Urban Creature เคยคุยถึงเรื่องการเดินท่องเที่ยวกับ ‘WABU’ แพลตฟอร์มที่อยากชวนคนเดินเท้าสำรวจเส้นทาง เพื่อสัมผัสความสวยงามของพื้นที่และวิถีชีวิตในจังหวัดต่างๆ โดย ‘พี่อ๋อย-พิมพิมล คงเกรียงไกร’ ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า กำลังจะมีเส้นทางใหม่ให้เรารอติดตาม หลังจากนั้นไม่นาน เส้นทางที่ว่าก็ปรากฏบนเว็บไซต์ gowabu.com ‘สกลนคร’ คือเส้นทางล่าสุดที่ WABU นำร่องสำรวจพื้นที่ พร้อมมาร์กจุดต่างๆ ที่น่าสนใจในเส้นทางการเดินเอาไว้ให้เหล่านักเดินทาง (เท้า) โดยที่นี่เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องผ้าย้อมคราม สถาปัตยกรรมเก่าแก่ และมีชุมชนคาทอลิกขนาดใหญ่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ในเส้นทางเดินด้วย หลังจากที่สำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว WABU ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัด Walking Trip เล็กๆ และชวนเราออกไปร่วมเดินเส้นทางใหม่ล่าสุดนี้ด้วยกัน การไปสกลนครครั้งแรกของเราจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ เดินเท้าชมสองเส้นทางในสกลนคร สำหรับเส้นทางการเดินในเมืองสกลนครนั้น WABU แยกเป็นสองเส้นทางที่อุดมไปด้วยศิลปวัฒนธรรม หนึ่งคือ ย่านเมืองเก่าในตัวเมืองสกลนคร และสองคือ บ้านท่าแร่ ทั้งสองย่านนี้มีจุดเชื่อมโยงที่ใกล้เคียงกันอย่างการมีศาสนสถานและสถาปัตยกรรมโดดเด่นสวยงาม ส่งผลให้เราเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตชุมชนที่พบเจอในระหว่างการก้าวเดิน ‘เมืองเก่าสกลนคร’ ย่านโบราณที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตของคนหลายเชื้อชาติ เราเริ่มต้นเดินด้วยเส้นทางแรก ‘ย่านเมืองเก่า’ […]

ออกสำรวจโลกใต้น้ำที่ชั้นล่างของห้างฯ กลางเมือง ‘SEA LIFE Bangkok Ocean World’ ยกท้องทะเลมาให้ใกล้ชิดคนเมืองกับสัตว์น้ำกว่า 400 สายพันธุ์ และสิ่งมีชีวิตกว่า 30,000 ตัว

เธอๆ ไปดูปลาที่ห้างฯ ไหม ‘สยามพารากอน’ คือศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่เป็นทั้งแหล่งชอปปิง จุดนัดพบ และเป้าหมายในการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ แต่นอกเหนือจากกิจกรรมเหล่านี้แล้ว ถ้าลงไปยังชั้นล่างสุดของศูนย์การค้าจะได้พบกับโลกอีกใบ ที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลก็ดำดิ่งลงลึกสู่ท้องทะเลได้ที่ ‘SEA LIFE Bangkok Ocean World’ เพราะใต้ทะเลเป็นพื้นที่ลึกลับที่มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ หนึ่งในนั้นคือสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่เราเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเห็นหน้าตา หรือเคยเห็นแต่ไม่รู้จัก หรือทั้งไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งการจะทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิดนั้นคงจะมีแต่การไปเยี่ยมชมอะควาเรียมที่จัดแสดงสภาพแวดล้อมใต้น้ำ และสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ สำหรับสถานที่สุดท้ายของคอลัมน์ One Day With… ในซีรีส์ ‘MUSEUM-IN-SIGHT เพ่งพิศพิพิธภัณฑ์’ เราขอพาทุกคนลงไปยังโลกใต้ทะเล เพื่อใช้เวลาหนึ่งวันเรียนรู้การทำงานของเหล่ามนุษย์ผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ รวมไปถึงการออกสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่มีตั้งแต่ม้าน้ำตัวจิ๋วไปจนถึงฉลามตัวใหญ่ยักษ์ โลกใต้ทะเล ณ ชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าใจกลางเมือง SEA LIFE Bangkok Ocean World เป็นอะควาเรียมหรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีมาพร้อมกับศูนย์การค้าแห่งนี้ โดย ‘คุณอั้ม-สกลภัส ปลูกจิตรสม’ General Manager ของ SEA LIFE Bangkok Ocean World เล่าให้เราฟังว่า ที่อะควาเรียมแห่งนี้มาตั้งอยู่ใจกลางเมืองได้ เนื่องจากในระหว่างการก่อสร้างนั้น ทางสยามพารากอนอยากได้สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามายังศูนย์การค้า […]

เติมหมาเติมแมววันละนิดจิตแจ่มใส ไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองก็สุขภาพจิตดีได้ ถ้าเมืองมีพื้นที่ Pet Friendly ให้เจอกับน้องๆ บ้าง

รู้สึกเหมือนกันไหมว่า การเล่นกับน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์อื่นๆ ช่วยชุบชูใจให้วันเทาๆ ของเราสดใสขึ้นมาได้ทันที เพราะว่าบางครั้งวิธีการคลายเครียดอย่างการนอน เล่นเกม หรือฟังเพลงก็อาจไม่ได้ช่วยให้เลิกโฟกัสกับความเครียดได้ขนาดนั้น แต่ในขณะเดียวกัน การเติมหมาเติมแมวกลับทำให้เราลืมความขมุกขมัวในใจไปได้ เหมือนกับว่าในความน่ารักของสัตว์เหล่านี้ซ่อนพลังพิเศษที่ช่วยไล่ความเครียดที่ติดอยู่กับเราให้หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ สุขภาพจิตดีเพราะมีสัตว์เลี้ยง การที่รู้สึกสบายใจสดใสแฮปปี้จากการเล่นกับสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่การรู้สึกไปเอง เพราะข้อมูลจาก National Library of Medicine พบว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย ได้ยินเสียง หรือแม้แต่การมองเห็นความน่ารักของน้องๆ ก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ยิ่งถ้าได้สัมผัสตัวสัตว์ ลูบคลำ หรือเล่นด้วย จะช่วยส่งผลต่อการลดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดความผ่อนคลาย และระดับความวิตกกังวลก็จะลดลงตามไปด้วย สอดคล้องกับการศึกษาของ University of Washington ที่พบว่าเพียงแค่ระยะเวลา 10 นาทีที่ปล่อยให้นักศึกษาได้ใช้เวลากับน้องหมาน้องแมว สามารถช่วยลดระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดลง และเพิ่มเซโรโทนินกับโดพามีน สารที่ทำให้มีความสุขและสร้างความผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ เพราะฉะนั้น หากใครกำลังรู้สึกเครียดกับเรื่องราวต่างๆ แค่วางทุกอย่างลงและเดินไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยใหญ่ คอยเกาพุงหรือลูบหัวให้น้องๆ สักพัก เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้นได้แล้ว Pet Friendly พื้นที่บูสต์เอเนอร์จีทั้งคนและสัตว์ แล้วถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองล่ะ จะเยียวยาจิตใจอย่างไรได้บ้าง คาเฟ่สัตว์อาจเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดในการไปเล่นกับน้องหมาน้องแมว แต่การเข้าคาเฟ่แต่ละครั้งย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าถ้าครั้งสองครั้งก็คงพอจ่ายไหว […]

5 สถานที่จากพื้นที่เก่าไม่ได้ใช้งาน สู่พื้นที่สาธารณะ สร้างประโยชน์ ให้ผู้คนในเมืองใช้ทำกิจกรรมนอกบ้าน

ห้องสมุดจากโรงอาบน้ำ มิวเซียมและแกลเลอรีจากโรงงาน เหล่านี้คือตัวอย่างการแปรเปลี่ยนสถานที่และฟังก์ชันการใช้งานให้กลับมาสร้างสีสันให้เมืองมากขึ้น เพราะนอกจากเรื่องความปลอดภัย การปล่อยสถานที่ทิ้งร้างเอาไว้ยังเป็นการเสียพื้นที่ใช้งานไปโดยเปล่าประโยชน์ หลายๆ ประเทศจึงรีโนเวตพื้นที่เดิมให้กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ให้ย่าน คอลัมน์ Urban’s Pick ขอพาไปดูการฟื้นฟู 5 สถานที่เก่าจาก 5 ประเทศให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อเติมแรงบันดาลใจ สร้างการพบปะ และเป็นแนวทางการขับเคลื่อนเมืองด้วยศิลปวัฒนธรรม GMBBCreative Mall จากห้างฯ แฟชั่นค้าส่งKuala Lumpur, Malaysia ความสร้างสรรค์และงานศิลปะ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศมาเลเซียจึงสร้างพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อให้ศิลปินทำกิจกรรมและแบ่งปันไอเดียงานศิลปะกันในย่าน Bukit Bintang ด้วยการเปลี่ยนอาคารเก่าที่เดิมทีคือแหล่งขายส่งสินค้าแฟชั่นให้เป็น Creative Mall ‘GMBB’ ถือได้ว่าเป็นชุมชนสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ที่อยากเป็นพื้นที่ทางกายภาพให้เหล่าศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ โดยได้แรงบันดาลใจจากพื้นที่ศิลปะที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศอย่าง 798 Art Zone ในปักกิ่ง หรือ PMQ ในฮ่องกง เพื่อให้ GMBB แห่งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังความสามารถของศิลปินท้องถิ่น พัฒนาวัฒนธรรมของมาเลเซีย และพร้อมผลักดันทุกความคิดสร้างสรรค์ให้ไปไกลถึงระดับโลก ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดง แกลเลอรี ร้านหนังสือ สตูดิโอศิลปะ […]

‘Thainal Destination’ ใช้ชีวิตประจำวันแบบระวังตัวแทบตาย จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้ประสบภัย ชะตาขาดไม่รู้ตัว

เพราะอันตรายมีอยู่ทุกที่  คำคำนี้ดูไม่เกินจริง เมื่อเราได้ดูภาพยนตร์แฟรนไชส์ Final Destination ที่แต่ละภาคล้วนดำเนินเรื่องผ่านการใช้ชีวิตทั่วๆ ไปของเหล่าตัวละคร ทว่าในความทั่วไปนั้นกลับมีเหตุการณ์บางอย่างที่พาให้ชะตาชีวิตของพวกเขาถึงจุดจบอย่างน่าสยดสยอง หลังจากทิ้งห่างไปกว่า 14 ปี ตอนนี้ Final Destination กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์ที่ยังคงทำเอาคนดูอย่างเราๆ หวาดเสียวไปกับสิ่งรอบตัว จนต้องมองซ้ายมองขวาคอยใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง คอลัมน์ Urban Isekai อยากชวนมาลองคิดเล่นๆ ว่า หากเซตติ้งใน Final Destination เป็นกรุงเทพฯ จะมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ก็ชะตาขาดไม่รู้ตัว ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีชิ้นส่วนก่อสร้างร่วงหล่นจากท้องฟ้า สถานการณ์ที่ทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ใน Final Destination ตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นการขับรถผ่านเส้นทางที่กำลังมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมสะพาน โดยเฉพาะเส้นพระรามที่สองที่ไม่จบไม่สิ้นสักที ยิ่งนานวันไปแทนที่โครงสร้างสะพานจะแข็งแรงพร้อมใช้งาน กลับมีข่าวอุบัติเหตุเศษนั่นเศษนี่ร่วงลงบนถนนตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนั้นต้องเสี่ยงดวงทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะหวยออกที่รถของเราไหม ทำได้เพียงแค่รีบเหยียบคันเร่งพร้อมสวดมนต์ให้สบายใจว่าจะปลอดภัยไปตลอดทาง ตามหลังรถกระบะอยู่ดีๆ ก็มีเหล็กเส้นพุ่งเข้ามาในรถ ไม่ใช่แค่ต้องคอยระวังแผ่นปูนจากฟากฟ้า แต่ยังมีรถกระบะร่วมทางที่ทำเอาต้องเว้นระยะห่างเกินกว่า 5 เมตร เพราะหลายคันมักท้าทายความสามารถในการขนของ ด้วยการวางเรียงสินค้าสูงเกินหลังคารถจนโอนไปเอียงมา เสี่ยงว่าจะร่วงลงมาขวางถนนหรือไม่ก็ทับรถที่ขับตามหลัง และบ่อยครั้งที่เราเจอก็มักเป็นเหล็กเส้นยาวที่มีผ้าสีแดงผูกเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ให้คันหลังคอยระวังอันตราย แต่แหม…ทั้งหัวและท้ายของเหล็กกลับยื่นเกินออกมาจากตัวรถ แถมอุปกรณ์ยึดเหล็กก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ทำให้รถยนต์ทั้งข้างหน้าและตามหลังต้องหวาดระแวงว่าเหล็กเส้นเหล่านั้นจะหลุดออกมาพุ่งทะลุกระจกรถตัวเองหรือไม่ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว […]

ออกไปมองฟ้ากว้างยามค่ำคืน มีเรื่องเครียดอะไรก็ปล่อยให้ลอยไปกับดวงดาวและท้องฟ้าตอนมืดมิด

เวลาเครียดๆ ทุกคนทำอะไรกัน เล่นเกม? ฟังเพลง? หรือจะลองออกจากห้องไปหยุดยืนมองผืนฟ้ายามค่ำคืนบ้างดี เรารู้กันอยู่แล้วว่า พื้นที่สีเขียว พื้นที่โล่งกว้าง หรือแม้แต่ท้องฟ้าแจ่มใสนั้นช่วยให้สภาพจิตใจของเราดีขึ้น แต่ไม่ใช่แค่ท้องฟ้าสดใสในช่วงกลางวันเท่านั้นที่ส่งผลดีต่อจิตใจของเรา เพราะที่จริงแล้วท้องฟ้าในช่วงกลางคืนเองก็มีส่วนช่วยฟื้นฟูให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน โฟกัสที่ดวงดาวแทนความเครียดที่มี มีการศึกษาหนึ่งในปี 2564 ที่เผยแพร่ใน Journal of Destination Marketing & Management พบว่า การดูดาวเป็นกิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเครียดได้ แถมยังมีส่วนช่วยฝึกสมาธิ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพจิตในการจดจ่อกับช่วงเวลาปัจจุบัน เพราะความคิดและความสนใจในเวลานั้นจะมุ่งไปยังดวงดาว ทำให้เราดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าอย่างเต็มที่ สนใจความสวยงามและความกว้างใหญ่ไพศาลของท้องฟ้า มากกว่าใช้เวลาไปกับการวิตกกังวลหรือสนใจกับสิ่งที่คิดวนเวียนอยู่ในจิตใจ ไม่ใช่แค่เพิ่มความสงบทางจิตใจเท่านั้น แต่การดูดาวยังเป็นวิธีการที่ช่วยให้ออกห่างแสงจากจอ และไปสัมผัสกับแสงจากธรรมชาติแทน ช่วยให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดีด้วย ท้องฟ้าไม่มีดาวก็ใช้วิธี Skychology แทน จะให้ไปมองดวงดาว แต่ปัญหาใหญ่ของคนเมืองนอกเหนือจากการไม่มีเวลามองฟ้าแล้ว พอเข้าสู่ช่วงกลางคืน มลภาวะทางแสงในเมืองยังรบกวนจนทำให้การดูดาวกลายเป็นเรื่องยาก ถึงอย่างนั้น การจะลดความเครียดไม่จำเป็นต้องดูดาวอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมีแนวคิด Skychology ที่จะช่วยให้จิตใจสงบได้เหมือนกัน Skychology เป็นแนวคิดและสาขาวิชาที่สร้างขึ้นโดย Paul Conway นักจิตวิทยาที่ทำการศึกษาว่า การมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสามารถเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจิตของเรา และยังเป็นการทำสมาธิในทางหนึ่ง เพราะช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบ ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ […]

‘กลิ่นฉี่ในเมือง’ มลภาวะทางกลิ่นในกรุงเทพฯ ที่ทำให้หลายพื้นที่ไม่น่าใช้งาน

เคยไหม เวลาเดินไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ บ้านบางหลังจะแขวนป้ายหรือไวนิลไว้หน้าบ้านทำนองว่า ‘ห้ามฉี่’ ถึงจะดูเป็นเรื่องตลก แต่ปัญหาเหล่านี้กลับสร้างความกวนใจให้เจ้าของบ้านมากๆ รวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องคอยรับผลกระทบจากมลภาวะทางกลิ่นไปด้วย การติดป้ายอาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นการแก้ปัญหาของประชาชนและเอกชน ส่วนพื้นที่สาธารณะกลับไม่ค่อยเห็นการห้ามในลักษณะนี้เท่าไหร่ ทั้งที่ก็เป็นพื้นที่คอยรองรับปริมาณฉี่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสาไฟ พื้นทางเท้า หรือต้นไม้ ยิ่งเฉพาะบริเวณใต้ทางด่วนที่อับสายตาผู้คน ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย กลิ่นฉี่ทำลายทั้งบรรยากาศและโครงสร้างต่างๆ ทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้อยู่อาศัย แต่ในหลายๆ พื้นที่ที่เดินเท้าได้กลับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นฉี่หมักหมม ส่งกลิ่นโชยออกมาให้ต้องรีบจ้ำอ้าวหนี และหากบริเวณไหนที่มีกลิ่นอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งดึงดูดให้คนมาฉี่เพิ่ม กลายเป็นพื้นที่สำหรับรองรับของเสียไปโดยปริยาย ส่งผลให้หลายๆ เส้นทางไม่น่าใช้งาน มากไปกว่าเรื่องของกลิ่นฉุน หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า ฉี่ยังสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่โดยรอบ และเป็นการทำลายทรัพย์สินทั้งของสาธารณะและส่วนตัว เพราะในฉี่ของมนุษย์มียูเรียซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดที่ทำลายทั้งคอนกรีต เหล็ก และโลหะ หากปล่อยให้เกิดการสะสมของฉี่เป็นเวลานานก็อาจส่งผลต่อโครงสร้าง ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นๆ เสียหาย เหตุผลของคนเลือกฉี่ข้างทาง นอกเหนือจากความมักง่ายของคนแล้ว เป็นไปได้ว่าด้วยจำนวนห้องน้ำสาธารณะที่มีค่อนข้างน้อยและหายากในหลายๆ พื้นที่ จึงทำให้คนเลือกปลดปล่อยของเหลวส่งกลิ่นตามพื้นที่ข้างทางมากกว่า หรือต่อให้เป็นห้องน้ำกึ่งสาธารณะที่เรามองว่ามีจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วไปในเมือง เช่น ในห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน หรือสวนสาธารณะ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาเปิด-ปิด ที่ไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะคนที่ทำงานเป็นกะ หรือทำงานทั้งวันทั้งคืนอย่างแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ […]

เรียนรู้เหตุการณ์แผ่นดินไหวกรุงเทพฯ รับมือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างไรบ้าง

อาคารสั่นคลอน อาการวิงเวียน ที่พักอาศัยเสียหาย ทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แม้จุดเกิดเหตุจะไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรงในประเทศไทย แต่ด้วยแรงสั่นสะเทือนที่สูงถึง 7.7 แมกนิจูด ส่งผลให้คนเมืองผู้แทบไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนรับรู้ถึงความสั่นไหว และกลายเป็นผู้ประสบภัยในเวลาเพียงไม่กี่นาที นอกเหนือจากความตื่นตระหนกตกใจแล้ว แรงสั่นสะเทือนยังสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทั้งที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานที่อาจไม่ได้คำนึงถึงการเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหวรุนแรงแบบนี้มาก่อน และด้วยความที่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่คนกรุงเทพฯ ต้องเจอกับแผ่นดินไหว ก่อให้เกิดความสับสนในการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า วิธีการป้องกันตัวเอง ความปลอดภัยของการใช้ชีวิตในอาคาร หรือกระทั่งการใช้เส้นทางจราจรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่เคยมีใครให้ข้อมูลมาก่อนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ คอลัมน์ Report จะพาไปสำรวจว่า ในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กรุงเทพฯ ต้องเจอกับปัญหาในการรับมือสถานการณ์แบบไหนบ้าง มีการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และประเทศไทยสามารถนำวิธีการเตรียมพร้อมป้องกันภัยจากประเทศที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเหล่านี้อยู่บ่อยครั้งมาปรับใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ปัญหาเมืองที่เกิดขึ้นในวันภัยพิบัติ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ศูนย์กลางที่เมียนมาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากปัญหาเรื่องตึกสูง ที่อยู่อาศัย และความปลอดภัยในเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งเห็นได้จากโครงสร้างอาคารที่เกิดรอยแตก รอยร้าว หรือแย่ไปกว่านั้นคือ เศษโครงสร้างอาคารหลุดล่อนออกมา จนทำให้หลายคนหวาดผวาไปกับการใช้ชีวิตบนตึกสูงแล้ว สถานการณ์ในวันนั้นยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาระบบขนส่งในเมือง รวมถึงพื้นที่อพยพที่ไม่สามารถรองรับชาวกรุงได้ เสียงบ่นอื้ออึงของคนกรุงหลังสถานการณ์แผ่นดินไหวคือ เรื่องถนนกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยรถยนต์ รถเมล์ รถจักรยานยนต์ที่แน่นิ่ง ไม่ขยับ รถเคลื่อนตัวได้เพียง 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแออัดยาวนานขนาดที่แผ่นดินไหวผ่านไปแล้ว 8 ชั่วโมง การจราจรก็ยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ รวมถึงเหล่าขนส่งสาธารณะระบบรางอย่าง […]

ออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นประจำ แค่เดินระยะสั้นๆ แถวบ้านไม่กี่นาที ก็ช่วยให้สุขภาพจิตดีได้

หลายคนอาจหลงลืมไปว่า การเดินคือการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ใช้ทรัพยากรน้อย และทำได้เลย สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาหรือกังวลว่าจะต้องหาเครื่องมืออุปกรณ์ในการออกกำลังกาย ลองให้การเดินเป็นตัวเลือกแรกดูก่อน เพราะแค่เปลี่ยนจากการนั่งมอเตอร์ไซค์เป็นการเดินเข้าซอยในระยะทางสั้นๆ เดินไปใช้บริการขนส่งสาธารณะใกล้ๆ หรือการเดินเล่นรอบๆ บ้านในเส้นทางที่คุ้นเคย เท่านี้ก็ช่วยให้เราแข็งแรงได้แล้ว ทว่ามากไปกว่าความแข็งแรงทางกายภาพ การเดินยังช่วยเสริมสร้างให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้อีกด้วย เดินวันละนิดจิตแจ่มใส แน่นอนว่าเราพอนึกออกว่าทำไมการเดินถึงช่วยให้สุขภาพกายแข็งแรงได้ แต่อาจไม่แน่ใจว่าการเดินช่วยเรื่องของสุขภาพจิตได้อย่างไร อย่างที่บอกไปว่าการเดินคือหนึ่งในการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ซึ่งในระหว่างที่ออกกำลังกายนั้น ร่างกายของเราจะหลั่งสาร Endorphins (เอ็นดอร์ฟิน) ที่ช่วยส่งเสริมความสุข ทำให้อารมณ์ดีออกมา รวมถึงยังช่วยคลายเครียดและบรรเทาอาการซึมเศร้า อีกทั้งการได้ขยับร่างกายยังช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดอีกด้วย Mental Health Foundation รายงานว่า การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติจะช่วยลดระดับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลของเราได้ ซึ่งธรรมชาติเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงป่า เขา หรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เท่านั้น แต่การออกจากบ้านเพื่อเดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางในชุมชน เดินไปยังร้านค้าแถวบ้าน หรือเดินไปทำกิจกรรมในที่ต่างๆ ผ่านวิวทิวทัศน์ที่ประกอบด้วยต้นไม้ดอกไม้ริมทาง หรือสวนเล็กๆ ของเพื่อนบ้าน กระทั่งพบเจอสัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมวก็ช่วยเสริมสุขภาวะที่ดีได้ มีการศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยในหนานจิง ประเทศจีน ระบุว่า การเดินในระยะเวลานานหรือระยะทางไกลไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการช่วยส่งเสริมสุขภาพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ถ้าเราเดินอย่างสม่ำเสมอและกลายเป็นกิจวัตรประจำวันต่างหากที่จะช่วยสร้างประโยชน์ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางอารมณ์ที่ดีได้มากกว่าคนที่ไม่เดิน เมืองที่สนับสนุนการเดิน = สนับสนุนสุขภาพจิตที่ดี แม้ไม่ได้เป็นการช่วยรักษาสุขภาพจิตโดยตรง แต่ถ้าจะบอกว่าเมืองที่เอื้ออำนวยต่อการเดินเป็นอีกหนึ่งทางในการสนับสนุนให้คนเมืองมีสุขภาพจิตที่ดีก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก เพราะดูเหมือนว่าละแวกบ้านจะเป็นสถานที่ที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับการเดิน นอกจากจะพาให้เราได้ลดความเครียดด้วยการออกมาเปิดหูเปิดตา สูดลมหายใจ สังเกตสิ่งรอบข้างกว้างๆ แล้ว […]

1 2 3 8

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.